แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1096 แวะมาเยี่ยม
ตอนที่ 1096 แวะมาเยี่ยม
ตอนที่ 1096 แวะมาเยี่ยม
เมื่อคืนหลินม่ายและสามีหักโหมหนักจนทั้งคู่ตื่นสาย
โชคดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ หลินม่ายไม่ต้องไปโรงเรียน ดังนั้นจะตื่นสายก็ไม่เป็นไร
แต่ฟางจั๋วหรานต้องไปทำงานวันนี้
เขาโทรหาโรงพยาบาลและขอลาหยุดหนึ่งวัน โดยบอกว่าสุนัขหมาป่าตัวใหญ่สองตัวที่บ้านป่วย และเขาจะอยู่บ้านเพื่อดูแลพวกมัน
การขอลาในสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องง่าย คุณสามารถขอลาได้ หากสมาชิกในครอบครัวหรือสัตว์เลี้ยงของคุณป่วย
ทั้งคู่ลุกขึ้นมาเติมความสดชื่นแล้วลงไปชั้นล่างเพื่อรับประทานอาหารเช้า
ลุงฝูขอให้พ่อครัวเตรียมอาหารเช้าแล้ว ทันทีที่ทั้งคู่ลงไปชั้นล่าง เขาก็ขอให้สาวใช้เสิร์ฟอาหารเช้าซึ่งเป็นอาหารอิตาเลียน
มีทั้งสปาเกตตีกุ้งรสเผ็ด และซุปทะเลมะเขือเทศอิตาเลี่ยน ซึ่งหลินม่ายชอบกินทั้งสองอย่าง
ในห้องรับประทานและโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ มีเพียงเธอและสามีเท่านั้นที่กำลังทานอาหารเช้า
เสี่ยวตงตงติดตามคุณปู่ฟางและภรรยาไปที่สวนหลังบ้านเพื่อปลูกผัก
หนูน้อยปลูกผักไม่เป็น มันจึงเป็นเพียงการเพิ่มความเสียหาย แต่คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางก็ชอบที่เขามาช่วย
ฟางจั๋วหรานถามหลินม่ายว่า “คุณวางแผนที่จะจัดการกับโก่วเวินและสยงจินหรงยังไง?”
คนสารเลวทั้งสองกล้าวางแผนต่อต้านภรรยาของเขา และเขาจะไม่มีวันปล่อยคนเหล่านี้ไป แต่เขาต้องการฟังความคิดของภรรยาก่อน
หลินม่ายจิบซุปเล็กน้อยและพูดว่า “รุ่นพี่หยางจะจัดการกับโก่วเวินอย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจะไม่จัดการหล่อนในตอนนี้ หากฉันไม่พอใจกับการจัดการของรุ่นพี่หยาง ฉันค่อยไปหาหล่อนอีกครั้ง ส่วนสยงจินหรง… เขาไม่ใช่น้องใหม่ แต่สำเร็จการศึกษาเมื่อหลายปีก่อน และยังคงอาศัยอยู่ในอเมริกา ซึ่งไม่อยู่ในขอบเขตการจัดการของรุ่นพี่หยาง ฉันเกรงว่ารุ่นพี่หยางจะไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ ดังนั้นฉันต้องเป็นคนจัดการ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะจัดการยังไง คิดได้เมื่อไหร่ค่อยเริ่มทำก็ได้”
ฟางจั๋วหรานเสนอคำแนะนำ “ผู้ชายแซ่สยงทำงานอย่างผิดกฎหมายในอเมริกา ลองฟ้องเขาที่ทำงานอย่างผิดกฎหมายและขอให้ทางการอเมริกาส่งเขากลับประเทศ ดูสิว่าเขาจะยังกล้ามาวนเวียนใกล้เราอีกไหม”
หลินม่ายพยักหน้า “ค่ะ ฉันจะจัดการในภายหลัง”
ฟางจั๋วหรานกลืนสปาเกตตีกุ้งรสเผ็ดเข้าไปสองสามคำแล้วพูดว่า “แต่แค่ส่งเขากลับประเทศนั้นง่ายดายเกินไป หลังจากชายแซ่สยงกลับไปแล้ว เราควรจ้างคนหนุ่มมาทุบตีเขาให้พิการ”
หลินม่ายเงยหน้าขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่จริงฉันกำลังคิดแบบนั้นเหมือนกัน”
ทั้งคู่เพิ่งรับประทานอาหารเช้าเสร็จก็มีคนรับใช้เข้ามาบอกว่า มีหญิงสาวชื่อโคอิซึมิ คานาโกะมาเยี่ยม
หลินม่ายมองฟางจั๋วหรานทันที “ทำไมหล่อนถึงมาที่นี่ล่ะ?”
ฟางจั๋วหรานส่ายหัว “ไม่รู้เหมือนกัน”
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางปลูกผักเสร็จแล้ว พวกเขาเดินกลับเข้ามาพร้อมกับเสี่ยวมู่ตงที่เลอะไปด้วยดินโคลน
หลังจากได้ยินการสนทนาคู่รักหนุ่มสาว คุณย่าฟางถามขึ้น “ใครมาเหรอ?”
ฟางจั๋วหรานตอบ “เพื่อนร่วมงานจากโรงพยาบาลครับ”
คุณย่าฟางพูดกับคนรับใช้อย่างกระตือรือร้น “พาแขกเข้ามาเร็วเข้า ปล่อยแขกรอด้านนอกนานไม่ดีนะ!”
จากนั้นนางและคุณปู่ฟางก็พาเสี่ยวมู่ตงไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา
คนรับใช้พาโคอิซึมิ คานาโกะเข้ามายังห้องนั่งเล่น
โคอิซึมิ คานาโกะยื่นผลไม้และดอกไม้ให้คนรับใช้และถามด้วยความเป็นห่วง “มิสเตอร์ฟาง เกิดเป็นอะไรมากไหมคะ?”
ฟางจั๋วหรานตอบกลับอย่างใจเย็น “ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมแค่ไม่อยากไปทำงานหรือเจอคุณก็เท่านั้น”
หลินม่ายเหลือบมองฟางจั๋วหราน กลิ่นดินปืนในคำพูดของเขาช่างรุนแรงเหลือเกิน
โคอิซึมิ คานาโกะมีท่าทีเขินอาย หล่อนขอให้เขาดูแลสุขภาพให้ดีและขอตัวกลับไป
หลินม่ายถามฟางจั๋วหราน “หล่อนยังไม่ยอมแพ้เหรอคะ? คุณขอลางาน แต่หล่อนถึงกับถ่อมาหาคุณที่บ้าน”
ฟางจั๋วหรานส่งเสียงตอบรับ “ผมวางแผนจะลาออกจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้น และหางานในโรงพยาบาลใหม่”
หลินม่ายเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ทำไมเราไม่เปิดโรงพยาบาลเองล่ะ คุณคิดว่ามันดีไหม? จะได้ไม่ต้องลำบากหางานทำด้วย”
ฟางจั๋วหรานกล่าว “ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยคิดเรื่องเปิดโรงพยาบาลของตัวเอง แต่พอคิดว่าต้องจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเองแล้ว มันทำให้ผมปวดหัว ผมแค่อยากจะเป็นหมอธรรมดาที่รักษาคน”
หลินม่ายกล่าว “ฉันจะช่วยคุณจัดการเองค่ะ”
ฟางจั๋วหรานโบกมือปฏิเสธ “ตอนนี้คุณต้องจัดการบริษัทของผม และจัดการบริษัทของคุณเองด้วย เพื่อสร้างรากฐานในสหรัฐอเมริกา คุณเหนื่อยมากพอแล้ว ผมไม่ต้องการเพิ่มภาระให้คุณอีก นอกจากนี้เราจะอยู่ในอเมริการาว 3 ปีและจะกลับจีนภายหลัง จึงไม่จำเป็นต้องเปิดโรงพยาบาลของตัวเอง”
หลังอาหารกลางวัน หลินม่ายและสามีไปยังบ้านของเฉินเฟิงพร้อมกับน้ำพริก
เคอจื่อฉิงมีความสุขมากที่ได้รับน้ำพริกจากประเทศจีน
วันรุ่งขึ้นคือวันจันทร์ เสี่ยวเหวินเก็บกระเป๋านักเรียน บอกลาทั้งครอบครัว และออกไปรอรถโรงเรียน
หลินม่ายหยุดเขาไว้ก่อน และยัดน้ำพริกสองขวดลงในกระเป๋านักเรียน ก่อนส่งเขาออกไป
หลังเลิกเรียนตอนเที่ยง หลินม่ายกินอาหารกลางวันอย่างรวดเร็วและขับรถไปตามถนน เธอมาพบนักสืบเอกชนและขอให้เขาช่วยสอบสวนว่าสยงจินหรงทำงานผิดกฎหมายที่ไหน เพื่อที่จะรายงานเขา
นักสืบเอกชนทำท่ามือกรรไกรให้เธอ
ในช่วงบ่าย นักสืบเอกชนโทรหาหลินม่ายและบอกเธอว่า สยงจินหรงหนีไปแล้ว เธอต้องตามหาเขาก่อนจึงจะแจ้งความได้
ในช่วงบ่ายสองถึงสามวันต่อมา โก่วเวินนั่งรถไฟใต้ดินไปที่บ้านของจ้าวซั่วหยางหลังเลิกเรียน
เนื่องจากทั้งสองได้พัฒนาความสัมพันธ์กันแล้ว จ้าวซั่วหยางจึงเสนอให้โก่วเวินย้ายมาอยู่กับเขา
หล่อนไม่เพียงถวายตัวให้เขาฟรี แต่ยังเป็นพี่เลี้ยงส่วนตัวของเขาได้อีกด้วย
โก่วเวินไม่ต้องการอยู่ในห้องใต้ดินอีกต่อไป ถ้าแค่ไม่เจอแสดงแดดตลอดปีคงไม่เป็นไร แต่หากฝนตกหนัก ห้องใต้ดินเสี่ยงกับน้ำท่วม นั่นคงเป็นเรื่องน่ารำคาญใจ
นอกจากนี้ การย้ายเข้ามาอยู่กับจ้าวซั่วหยางยังช่วยประหยัดเงินค่าเช่าได้
หลังออกจากมหาวิทยาลัย โก่วเวินมองไปรอบ ๆ อย่างประหม่า โดยกลัวว่าเยว่จื้อเกาจะตามหล่อนไปและพบว่าหล่อนกับจ้าวซั่วหยางอาศัยอยู่ด้วยกัน จากนั้นเขาจะบอกจ้าวซั่วหยางว่าหล่อนแต่งงานแล้ว
หากจ้าวซั่วหยางรู้ว่าหล่อนแต่งงานแล้ว เขาจะทิ้งหล่อนอย่างแน่นอน
แม้ว่าสถานการณ์นี้จะไม่สามารถปกปิดได้เป็นเวลานาน แต่โก่วเวินก็ยังต้องการเก็บมันไว้เป็นความลับจนกว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้
หล่อนคิดถึงมาตรการตอบโต้แล้ว และกำลังรอให้เยว่จื้อเกาจับเหยื่อ
โก่วเวินไม่เห็นเยว่จื้อเกาแอบติดตามมา จึงถอนหายใจยาวแล้วเดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน
จากนั้นเยว่จื้อเกาก็เดินออกมาจากมุมหนึ่ง และดึงหมวกเสื้อกันลมของเขาขึ้นมา
หมวกของเสื้อกันลมมีขนาดใหญ่และลึกมาก ทำให้ผู้คนยากจะมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจนเมื่อสวมมันไว้
เขาติดตามโก่วเวินอย่างเงียบ ๆ
วันนี้เขาต้องจับโก่วเวินกดลงบนเตียง ทำลายชื่อเสียงของหล่อน และใส่ร้ายหล่อนว่าทรยศน้องชาย!
แม้ว่าตอนนี้โก่วเวินจะไม่มีชื่อเสียงในหมู่นักศึกษาในต่างประเทศ เพราะพยายามวางยาประธานสหภาพนักศึกษา หลินม่าย และสามีของเธอ
แต่มันไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงของหล่อนเสื่อมเสียจนไม่อาจหวนกลับได้ เพียงถูกตราหน้าว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์เท่านั้น เยว่จื้อเกาจึงต้องการทำให้โก่วเวินอับอายอย่างยิ่ง
แต่ทันทีที่เขาขึ้นรถไฟใต้ดิน เยว่จื้อเกาก็คลาดสายตาจากโก่วเวิน
เขามองไปทางซ้ายและขวา แต่กลับไม่เห็นโก่วเวินเลย
เยว่จื้อเกากำลังจะไปที่รถม้าอีกคันเพื่อดู เมื่อเขาได้ยินเสียงของโก่วเวินดังมาจากด้านหลัง “คุณกำลังมองหาฉันอยู่หรือเปล่า?”
เยว่จื้อเกาหันกลับมาทันที และเห็นว่าโก่วเวินยืนอยู่ด้านหลังพร้อมรอยยิ้มที่น่ากลัวเป็นพิเศษ
ลางสังหรณ์ที่เป็นลางร้ายเกิดขึ้นในใจของเยว่จื้อเกา ขณะที่เขากำลังจะถอยหนีไปตั้งหลัก ต้นขาของเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบ
เขามองลงไปและเห็นเข็มแท่งใหญ่ปักอยู่บนขาของเขาผ่านกางเกงยีนตัวหนา
เขาต้องการขอความช่วยเหลือ แต่สติสัมปชัญญะของเขากลับเริ่มพร่ามัว ก่อนจะหมดสติลงอย่างรวดเร็ว
โก่วเวินรีบใช้ไหล่ของตัวเองดันร่างกายของเยว่จื้อเกาที่กำลังจะล้มลง จากนั้นแอบเทแอลกอฮอล์ลงบนเสื้อผ้าของเขา ส่งผลให้ร่างกายเยว่จื้อเกาเหม็นกลิ่นแอลกอฮอล์
ผู้โดยสารหลายคนหันศีรษะและมองไปที่เยว่จื้อเกาด้วยความรังเกียจ
มันเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนหลังเลิกงานและในสถานีรถไฟใต้ดินก็คนเยอะมาก อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนทำให้กลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้งตลบอบอวล
โก่วเวินขอโทษอย่างสุภาพต่อผู้โดยสารที่อยู่รอบตัวเขา
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อเยว่จื้อเกาลืมตาขึ้นพร้อมอาการปวดหัวอย่างรุนแรง เขาเห็นตัวเองนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงสกปรกในโมเทล ขณะที่โก่วเวินกำลังนั่งอยู่บนขอบเตียงและมองเขาด้วยสายตามุ่งร้าย
เยว่จื้อเกาพลันลุกขึ้นและเอาผ้าห่มคลุมร่างกาย เขาถามด้วยความหวาดกลัว “คุณทำอะไรผม?”
โก่วเวินเขย่ากล้องมือสองในมือ “ไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันแค่ถ่ายรูปคุณกับฉันนอนเปลือยอยู่บนเตียง”
โดยไม่คาดคิด เยว่จื้อเกาคว้ากล้องจากมือของโก่วเวินและต้องการหยิบฟิล์มออกมาทำลายมัน
โก่วเวินหัวเราะเสียงดัง “ฉันได้ส่งฟิล์มไปล้างที่ร้านถ่ายรูปแล้ว คิดว่าฉันจะเก็บไว้ให้นายทำลายเหรอ?”
เยว่จื้อเกาลองดูและพบว่าช่องใส่ฟิล์มนั้นว่างเปล่าจริง ๆ
เขาถามด้วยความโกรธ “ทำแบบนี้ไปทำไม?”
“มันก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าเพื่อยุติการแต่งงานของฉันกับพี่ชายปัญญาอ่อนของนาย?”
เธอเหลือบมองเยว่จื้อเกาด้วยสายตาเหยียดหยาม “นายคงไม่คิดว่าฉันจะใช้ชีวิตที่เหลือกับพี่ชายปัญญาอ่อนนั่นหรอกใช่ไหม? ฉันคิดอุบายนี้ตั้งแต่ที่ยอมตกลงแต่งงานกับพี่ชายปัญญาอ่อนของนายแล้ว”
“น่ารังเกียจ!” เยว่จื้อเกาสาปแช่ง
โก่วเวินหัวเราะเยาะ “พ่อของนายที่บังคับให้ฉันแต่งงานกับพี่ชายปัญญาอ่อนไม่น่ารังเกียจกว่าเหรอ เราทุกคนก็ทำเรื่องเลวร้ายเหมือนกันนั่นแหละ!”
เยว่จื้อเกาหยุดพูดและใส่เสื้อผ้า ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
โก่วเวินตะโกนไล่หลัง “อย่าลืมบอกพ่อของนายตกลงยอมให้ฉันหย่ากับพี่ชายปัญญาอ่อนโดยไม่มีเงื่อนไขด้วยล่ะ และประวัติการสมรสของฉันจะต้องไม่ปรากฏบนทะเบียนบ้าน หากนายทำอะไรไม่ได้ ฉันจะส่งรูปถ่ายบนเตียงของนายกับฉันไปให้เครือญาติ รวมถึงเพื่อนฝูงทุกคน เพื่อให้ทุกคนรู้ว่านายมันไร้ยางอาย!”
มือของเยว่จื้อเกาหยุดชะงักบนลูกบิดประตู ก่อนที่เขาจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
โก่วเวินหัวเราะเยาะลับหลัง ดูสิว่านายจะดื้อรั้นได้นานสักแค่ไหน?
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หัวเราะตอนนี้ให้พอนะยัยลูกหมา เพราะอีกหน่อยเธอก็จะโดนคนอื่นจัดการเหมือนกัน
ไหหม่า(海馬)