แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1094 ถูกบังคับให้สารภาพ
ตอนที่ 1094 ถูกบังคับให้สารภาพ
ตอนที่ 1094 ถูกบังคับให้สารภาพ
ขณะที่โก่วเวินกำลังทำอะไรไม่ถูก หยางจื้อกังก็เห็นว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความวุ่นวายที่บาร์เครื่องดื่ม เขาจึงเดินไปดู
หลินม่ายและสามีเดินตามไปดูเช่นกัน
ทันทีที่หลินม่ายเห็นโก่วเวิน เธอมองอีกฝ่ายโดยรอบด้วยดวงตาลึกล้ำ และรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นที่นี่
โก่วเวินหลบสายตาของเธอด้วยความรู้สึกผิด
เมื่อเห็นโก่วเวินกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น หยางจื้อกังก็ถามอย่างจริงจังว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
โก่วเวินชิงพูดก่อน “ประธานหยาง มีคนใส่ร้ายฉัน คุณต้องช่วยฉันทวงคืนความยุติธรรมนะคะ!”
หยางจื้อกังขมวดคิ้วและถามว่า “ใครใส่ร้ายคุณ?”
โก่วเวินชี้ไปทางเฉินเย่าหัว “เขา!”
เฉินเย่าหัวพูดด้วยความโกรธ “ผมไม่ได้ใส่ร้ายคุณ ผมเห็นกับตาว่าคุณใส่ผงยาลงไปในน้ำส้มทั้งสองแก้วและไวน์แดงที่กำลังนำไปเสิร์ฟให้โต๊ะของคุณหลินม่าย”
โก่วเวินยังคงยืนกรานว่าหล่อนไม่ได้ทำ ขณะบีบน้ำตาร้องไห้อย่างหนัก
เด็กผู้หญิงหลายคนพูดอย่างเย็นชา “เธอบอกว่าไม่ได้ทำ แต่ทำไมถึงไม่กล้าดื่มน้ำส้มทั้งสองแก้วและไวน์แดงแก้วนั้นล่ะ?”
เด็กผู้หญิงเหล่านี้ล้วนเป็นเพื่อนหญิงสถานะไม่ชัดเจนของจ้าวซั่วหยาง โก่วเวินแข่งขันกับพวกหล่อนเพื่อให้ได้ครอบครองจ้าวซั่วหยาง พวกหล่อนไม่ชอบผู้หญิงคนนี้มานานแล้ว และในที่สุดก็มีโอกาสเหยียบย่ำให้จมดิน
โก่วเวินยังคงพยายามปฏิเสธ
หยางจื้อกังไม่ใช่คนโง่ที่ได้เป็นประธานสหภาพนักศึกษา การที่โก่วเวินปฏิเสธที่จะดื่มน้ำส้มและไวน์แดงแก้วนั้น เพียงมองแวบแรกก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาไม่ฟังกลอุบายของโก่วเวิน และพูดเพียงว่า “ถ้าคุณไม่ดื่มน้ำผลไม้ทั้งสองและไวน์แดงแก้วนี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณ ผมจะแจ้งตำรวจแล้วปล่อยพวกเขาจัดการ”
โก่วเวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยท่าทางสมเพช “ดื่มไม่ได้หรอกค่ะ ฉันแพ้แอลกอฮอล์”
ความจริงหล่อนไม่ได้แพ้อะไรเลย
แต่เพราะหล่อนใส่ยาปลุกเซ็กส์ลงในแก้วเครื่องดื่มเหล่านั้น จึงไม่กล้าดื่มมัน
การเติมยาปลุกเซ็กส์ลงในแอลกอฮอล์ก็เหมือนกับการเติมเชื้อเพลิงลงกองไฟ ใครจะรับประกันได้ว่าหล่อนจะไม่ทำให้ตัวเองโง่เขลาเมื่อดื่มลงไป?
ในตอนแรกหยางจื้อกังไม่เห็นด้วย แต่เขากลัวว่าโก่วเวินจะแพ้แอลกอฮอล์จริง ๆ
เขาได้ยินมาว่าผู้ที่แพ้แอลกอฮอล์จำเป็นต้องได้รับการรักษาฉุกเฉินในกรณีที่แพ้รุนแรง
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณดื่มน้ำส้มก็ได้”
แต่โก่วเวินกลับยังมีท่าทางอ้อยอิ่งและปฏิเสธที่จะดื่ม จนหยางจื้อกังพูดประชดประชันว่า “คุณคงจะไม่แพ้น้ำส้มด้วยหรอกนะ”
โก่วเวินกัดฟันแน่นและหยิบแก้มน้ำส้มขึ้นดื่มรวดเดียว
หล่อนยังแสดงแก้วเปล่าให้ทุกคนดู โดยเฉพาะหยางจื้อกัง
จากนั้นวางแก้วเปล่าลง แล้วหยิบน้ำส้มอีกแก้วมาดื่ม
แต่ทันทีที่หยิบมันขึ้นมา หล่อนก็วางมันลงแล้วพูดอย่างเจ็บปวด “ฉันดื่มสองแก้วในคราวเดียวไม่ได้”
หลินม่ายพูด “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าดื่ม”
โก่วเวินแอบมีความสุข และพูดกับหยางจื้อกังว่า “เนื่องจากเพื่อนร่วมชั้นเฉินเย่าหัวบอกว่าน้ำส้มทั้งสองแก้วถูกวางยา จึงไม่มีความแตกต่างระหว่างการดื่มแก้วเดียวกับการดื่มสองแก้ว ฉันดื่มแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองแล้ว งั้นฉันขอตัวนะคะ”
หลังจากนั้นก็วิ่งหนีไป
ฟางจั๋วหรานก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและขวางทางเธอ “ใครบอกว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างการดื่มแก้วเดียวกับการดื่มสองแก้ว? ความแตกต่างนั้นใหญ่มากต่างหาก การดื่มสองแก้วจะทำให้ฤทธิ์ของยาแรงขึ้น และจะทำให้ยาออกฤทธิ์ในทันที แต่ถ้าคุณดื่มแก้วเดียว อาจต้องใช้เวลาสักพักกว่ายาจะออกฤทธิ์ รอสักครึ่งชั่วโมงถ้าคุณยังสบายดี เราจะเชื่อว่าคุณบริสุทธิ์ มันไม่สายเกินไปที่คุณจะจากไปทีหลัง”
โก่วเวินตกตะลึง
หล่อนใช้อุบายและจงใจดื่มน้ำผลไม้เพียงแก้วเดียว เพราะไม่อยากให้ยาออกฤทธิ์ทันที ก่อนขอตัวจากไป แล้วยาจะออกฤทธิ์ภายหลังโดยที่ไม่มีใครรู้ จากนั้นหล่อนก็สามารถหลบหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย
แต่ฟางจั๋วหรานยืนกรานที่จะปล่อยหล่อนออกไปหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เมื่อถึงเวลานั้น ยาจะออกฤทธิ์และความจริงจะเปิดเผย แล้วหล่อนจะไม่ถึงวาระสุดท้ายอย่างสิ้นเชิงหรือ?
หลินม่ายต้องจับตาดูหล่อนอย่างแน่นอน
เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลอาบหน้าผากของโก่วเวิน ขณะที่หล่อนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “คุณกำลังจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคล ฉันจะฟ้องพวกคุณ!”
หยางจื้อกังถามนักเรียนคนอื่น ๆ ว่า “เรากำลังจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคลของหล่อนหรือเปล่า?”
เพื่อนร่วมชั้นทุกคนแสร้งทำเป็นไม่รู้ และพูดว่า “ไม่ เห็นได้ชัดว่าหล่อนควรต้องอยู่ต่อ และตอนนี้หล่อนกำลังพยายามตำหนิคนอื่น”
โก่วเวินโกรธมากจนพูดอะไรไม่ออก เพราะเพื่อนร่วมชั้นกำลังพูดเรื่องไร้สาระ
เมื่อเวลาผ่านไป โก่วเวินก็เริ่มกระสับกระส่าย
หลายครั้งที่โก่วเวินพยายามแอบหนีขณะที่ไม่มีใครสนใจ
แต่ทุกครั้งที่ก้าวออกจากวิลล่าเพียงก้าวเดียว ก็จะมีคนมาขวางทางและบังคับให้หล่อนกลับเข้าไปในวิลล่าอีกครั้ง
เวลาผ่านไปกว่า 15 นาที โก่วเวินรู้สึกว่าร่างกายของตนรุ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ มันร้อนจนแทบทนไม่ไหว อยากหาชายหนุ่มสักคนมาทำให้หล่อนสมความปรารถนา
หล่อนรู้ว่าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานกว่านี้ เพราะตนคงควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป และกลัวที่จะทำสิ่งที่ไร้ยางอายในที่สาธารณะ
หล่อนคว้ากระเป๋าแล้วรีบออกไป
คราวนี้หล่อนยังคงถูกขวางทางที่หน้าประตู
โก่วเวินแทบหลั่งน้ำตาออกมา หล่อนคุกเข่าลงพื้นพร้อมก้มศีรษะราวกับกำลังทุบกระเทียม “ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะ”
หยางจื้อกังเดินไปหาหล่อนแล้วพูดว่า “ตราบใดที่คุณอธิบายว่า ทำไมคุณถึงใส่ยาลงในไวน์และน้ำผลไม้ของพวกเรา แล้วมอบยาที่เหลือมาซะ จากนั้นผมจะยอมปล่อยคุณไป
โก่วเวินดิ้นรนอยู่นานและถามว่า “คุณจะรักษาคำพูดหรือเปล่า?”
หยางจื้อกังพยักหน้ารับอย่างจริงจัง
โก่วเวินหลบเลี่ยงประเด็นสำคัญและบอกว่า หล่อนอิจฉาหลินม่าย ด้วยเหตุนี้จึงวางยาหลินม่ายและสามีในน้ำผลไม้
ส่วนที่ใส่ยาในไวน์แดง เป็นเพราะหยางจื้อกังละเลยหล่อน
หยางจื้อกังหุบปากเมื่อรับฟังคำอธิบายของหล่อน ก่อนจะถามเสียงเคร่งขรึม “คุณให้ยาอะไรกับเรา?”
โก่วเวินพูดคำเบา “”มันเป็นแค่ยาระบายนิดหน่อย”
“ยาระบายอะไร?” ทันใดนั้นหลินม่ายก็คว้ากระเป๋าออกจากมือของโก่วเวิน
เมื่อเห็นแบบนี้ โก่วเวินก็พยายามแย่งคืนมาพร้อมตะโกน “เธอจะแย่งกระเป๋าฉันไปทำไม?”
หลินม่ายคลำหาทั่วกระเป๋าขณะที่ยังคงยื้อยุดฉุดกระชาก ในไม่ช้าเธอก็พบผงยาห่อเล็กอยู่ในช่องลับ
เธอโยนกระเป๋าคืนให้โก่วเวิน
ทันทีที่โก่วเวินได้กระเป๋าคืน หลินม่ายก็บีบคางของอีกฝ่ายด้วยมือข้างเดียว โดยพยายามให้โก่วเวินอ้าปาก
“เธอบอกว่าที่ให้มาเป็นแค่ยาระบายใช่ไหม ถ้างั้นเธอก็กินยาระบายที่เหลือให้หมดซะ!”
โก่วเวินหวาดกลัวมากจนพยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง แต่หล่อนจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินม่ายได้อย่างไร?
เมื่อเห็นว่าผงยาในซองกำลังจะไหลลงในปาก โก่วเวินก็ตะโกนเสียงดัง “ฉันบอกแล้ว ฉันจะสารภาพแล้ว! สิ่งที่ฉันใส่ในน้ำผลไม้และไวน์แดงคือยาปลุกเซ็กส์ที่ทรงพลัง”
หยางจื้อกังถามด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ทำไมคุณถึงใส่ยาปลุกเซ็กส์ลงในไวน์และน้ำผลไม้ของผม หลินม่าย และสามีของเธอ?”
โก่วเวินไม่กล้าพูด และพยายามปิดปากแน่น
หลินม่ายบังคับยัดผงยาเข้าปากหล่อนอีกครั้ง ซึ่งทำให้หล่อนตกใจมากจนยอมพูดออกมา
หล่อนบอกว่าตนเองและสยงจินหรงได้พูดคุยเรื่องนี้ พวกเขาจะรอกระทั่งหลินม่ายและหยางจื้อกังดื่มน้ำผลไม้และไวน์แดงที่ผสมยา
จากนั้นสยงจินหรงจะหลอกพวกเขาทั้งสองเข้าไปในห้องว่างบนชั้นสอง
เมื่อถึงเวลานั้นที่ยาออกฤทธิ์ ทั้งสองจะพลั้งเผลอทำเรื่องอื้อฉาว จากนั้นพวกเขาก็วางแผนที่จะจับหลินม่ายและหยางจื้อกังมีเซ็กส์กัน เมื่อถึงตอนนั้นทั้งสองคนจะถูกทำลาย ซึ่งเป็นการยิงปืนนัดเดียวฆ่านกสองตัว
หยางจื้อกังแอบเหงื่อตกในใจ ถ้าโก่วเวินทำสำเร็จ อนาคตของเขาคงจบสิ้นลงแล้ว
เขาแตกต่างจากนักเรียนต่างชาติทั่วไปตรงที่มีภูมิหลังที่ดี แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักเรียนชั้นนำของมหาวิทยาลัยชิงหวาและมหาวิทยาลัยปักกิ่ง แต่เขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ เก่งด้านวิชาการ มีทักษะในการจัดองค์กรที่แข็งแกร่ง และได้รับการพิจารณาให้ได้รับทุนสำรอง และถือเป็นเสนาธิการสำรองที่ได้รับการฝึกฝนจากรัฐ
หากแผนการของโก่วเวินประสบความสำเร็จในวันนี้ ชื่อเสียงของเขาถูกทำลายและไม่ได้รับการพิจารณาให้ฝึกอบรมอีกต่อไป อนาคตที่ครั้งหนึ่งเคยสดใสของเขาจะสิ้นสุดลงโดยสิ้นเชิง
ผู้หญิงคนนี้มีเจตนาร้ายเพียงเพราะเขาละเลย ในเมื่อหล่อนต้องการจัดการเขา เขาก็ต้องจัดการหล่อน
หยางจื้อกังกำลังคิดว่าจะจัดการกับโก่วเวินอย่างไรดี ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินหล่อนพูดขึ้นว่า “ฉันอธิบายทุกอย่างเสร็จแล้ว คุณต้องรักษาคำพูดแล้วปล่อยฉันไป~”
หยางจื้อกังคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ออกไปซะ”
โก่วเวินรีบกระเสือกกระสนลุกจากพื้น
เมื่อฟางจั๋วหรานเห็นสิ่งนี้ เขาพลันยิ้มอย่างเหยียดหยามและหยิบแก้วน้ำผลไม้จากบนโต๊ะดื่มรวดเดียว
เขาพูดกับหลินม่าย “การแสดงจบลงแล้ว ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับบ้าน”
หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน และยื่นมือให้หลินม่ายเพื่อจะพาเธอออกไป
แต่ก็เห็นเธอมองมาด้วยดวงตาราวกับเห็นผี
เขาถามอย่างอธิบายไม่ถูก “ทำไมคุณถึงมองผมแบบนี้? หน้าของผมมีอะไรติดหรือ?”
จากนั้นเขาจับไปทั่วใบหน้า แต่ไม่พบอะไรเลย
“คุณดื่มน้ำส้มที่อยู่บนโต๊ะไปหรือเปล่า?”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้า จากนั้นก็คิดถึงบางสิ่งบางอย่าง เขาเบิกตากว้างแล้วพูดว่า “อย่าบอกนะว่าน้ำผลไม้แก้วนั้นคือน้ำผลไม้ที่ถูกวางยา แต่โก่วเวินไม่ได้ดื่ม!”
หลินม่ายพยักหน้าอย่างจริงจัง
ฟางจั๋วหรานตกตะลึง “ผมนึกว่าแก้วผลไม้ใบนั้นถูกหยิบออกไปแล้วเสียอีก”
หลินม่ายลุกขึ้นยืน “ไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ”
ใครจะรู้ว่ายาปลุกเซ็กส์ของโก่วเวินจะเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ เธอจะวางใจลงหากได้ลองไปตรวจที่โรงพยาบาล
ทั้งสองมาถึงโรงพยาบาลและไปที่ห้องฉุกเฉิน
แพทย์บอกว่า ฟางจั๋วหรานใช้ยากระตุ้นทางเพศโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการฉีดยาหรือวิธีอื่น
ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม เมื่อฤทธิ์ทางยาหมดไปก็จะไม่เป็นอันตราย
ฟางจั๋วหรานจับมือของหลินม่ายและจากไป
ถ้าแก้เองได้จะเสียเงินทำไม? เขาเป็นคนค่อนข้างมัธยัสถ์
ทั้งคู่ขึ้นไปนั่งบนรถ หลินม่ายแอบมองกางเกงของฟางจั๋วหรานเป็นครั้งคราวด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
หอกทองคำกำลังตั้งตระหง่านราวกับเสาค้ำสวรรค์
หลินม่ายแอบกังวลใจ กลัวว่าศาสตราจารย์จะต้านทานฤทธิ์ยาไม่ได้ และทำเรื่องนั้นกับเธอบนรถ…
นอกจากนี้ยังมีคนขับทอมและแจ็คผู้คุ้มกันนั่งอยู่ข้างหน้าด้วย
อีกอย่าง ถ้าทำแบบนั้นในรถ มันจะเกิดอุบัติเหตุไหมหากรถสั่นสะเทือนเกินไป
หลินม่ายตื่นตระหนกมาก
โชคดีที่ศาสตราจารย์มีความตั้งใจอันแรงกล้า เขากัดฟันอดทนกระทั่งกลับถึงบ้าน
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางยังคงตื่นอยู่ จึงถามว่าพวกเขาเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงหรือไม่
ฟางจั๋วหรานยืนนิ่งทั้งที่หอกทองคำยังตั้งตระหง่าน และตอบผู้สูงอายุสองคนด้วยท่าทางชอบธรรม
ทันทีที่ทั้งคู่เข้าไปในห้อง ฟางจั๋วหรานก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปและปลดปล่อยสัญชาตญาณสัตว์ป่าออกมา
เขาจับหลินม่ายโยนลงจากเตียงไปยังอ่างอาบน้ำ ก่อนพาเธอออกจากอ่างอาบน้ำและกลับมาที่เตียง
หลินม่ายขัดขืนในตอนแรก มันไม่เพียงไร้ประโยชน์เท่านั้น แต่ยังกระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าของศาสตราจารย์มากขึ้น ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอ้า พี่หมอ พลาดจนได้ เฮ้อ น่าสงสารจังค่ะ ๕๕๕
ไหหม่า(海馬)