แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1089 พบกับมนุษย์ปีศาจหมูอีกครั้ง!
ตอนที่ 1089 พบกับมนุษย์ปีศาจหมูอีกครั้ง!
ตอนที่ 1089 พบกับมนุษย์ปีศาจหมูอีกครั้ง!
บันไดถูกโยนลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ลำเล็ก และปลายบันไดห้อยอยู่ตรงหน้าจ้าวซั่วหยาง
ตำรวจโผล่หัวออกมาจากประตูเฮลิคอปเตอร์แล้วตะโกนด้วยลำโพง โดยขอให้ปีศาจหมูคว้าบันได จากนั้นพวกเขาจะดึงบันไดกลับไป และดึงตัวเขาเข้าไปในห้องโดยสาร
จ้าวซั่วหยางพยายามโบกมืออยู่ด้านล่าง แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเขาแย่มากและไม่สามารถคว้าบันไดได้
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ตำรวจก็ปีนลงบันได แล้วมัดจ้าวซั่วหยางไว้กับบันได เขาส่งสัญญาณไปทางเฮลิคอปเตอร์ ก่อนที่นักบินจะขยับบันไดขึ้นไป
หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวซั่วหยางก็ถูกดึงขึ้นไปในเฮลิคอปเตอร์
กระบวนการทั้งหมดดูเหมือนเป็นภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ ซึ่งทำให้คุณปู่ฟางประหลาดใจ
เขาพูดด้วยความสับสน “ทำไมต้องส่งเฮลิคอปเตอร์ออกมาสำหรับเรื่องเล็กแบบนี้ ในเมื่อให้ชายหนุ่มสักสองคนช่วยกันหามเขาออกมาก็ได้? นี่ไม่ต่างจากการฆ่าไก่ด้วยมีดฆ่าวัวหรือไง? สิ้นเปลืองทรัพยากรของสาธารณะจริง ๆ!”
ฟางจั๋วหรานยิ้มขณะช่วยประคองคุณปู่ฟางเดินไปข้างหน้า “ถ้าคุณปู่คิดว่ารัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบเงินช่วยเหลือ แสดงว่าคุณปู่เข้าใจผิด หลังจากกลับไป ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการกู้ภัยจะถูกเรียกเก็บจากผู้ประสบภัย”
“โอ้!” คุณปู่ฟางตกใจ “ในประเทศของเรา ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือหน่วยดับเพลิง การช่วยเหลือผู้คนนั้นไม่มีค่าใช้จ่าย”
คุณย่าฟางถามอย่างสงสัย “ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการช่วยเหลือจะเป็นภาระของผู้ประสบภัย ราคามันจะมากมายแค่ไหนกัน”
คุณย่าฟางไม่เคยคิดยกย่องประเทศที่มีระบบทุนนิยมมาก่อน และตอนนี้นางก็ยิ่งดูถูกพวกเขามากยิ่งขึ้น
ในวันจันทร์ ฟางจั๋วหรานยังคงมีวันหยุดอีกหนึ่งวัน แต่หลินม่ายต้องไปเรียน
เมื่อเธอขับรถมาถึงโรงเรียน เธอเห็นจางชานและคนอื่น ๆ มาถึงก่อนแล้ว
มันยังไม่ถึงเวลาเริ่มคลาสเรียน เพื่อนร่วมชั้นหลายคนกำลังรับประทานอาหารเช้า
บางคนกินแซนด์วิช บางคนกินแฮมเบอร์เกอร์ และบางคนเช่นจางซานกินหมั่นโถวกับผักดอง
ความขยันหมั่นเพียรและความประหยัดของชาวจีนสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนที่สุดในกลุ่มนักเรียนเหล่านี้
หลินม่ายนั่งลงด้านข้างจางชานและถามอย่างสงสัย “นายซื้อหมั่นโถวมาจากไหน?”
หลินม่ายมีแผนจะโปรโมตอาหารจีนในสหรัฐอเมริกาและต้องการเริ่มต้นจากในมหาวิทยาลัย เธอจึงให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมใกล้กับมหาวิทยาลัยเป็นพิเศษ
แม้ว่าจะมีร้านอาหารจีนอยู่ที่ทางเข้ามหาวิทยาลัยที่พวกเขาเรียนอยู่ แต่จะขายเฉพาะซาลาเปาเท่านั้น ไม่ใช่หมั่นโถว แต่ที่จางชานกินอยู่เวลานี้คือหมั่นโถว
จางชานยิ้มด้วยความเขินอาย “ผมทำเอง เพื่อประหยัดเงินน่ะ~”
หลินม่ายแปลกใจเล็กน้อย “นายรู้วิธีทำหมั่นโถวด้วยเหรอ?”
จางชานเปลี่ยนมาใช้สำเนียงส่านซี “พวกเราชาวส่านซี แม้แต่เด็กแปดขวบก็สามารถนึ่งหมั่นโถวได้”
หลินม่ายหัวเราะหลังจากได้ยินสิ่งนี้ เธอไม่รู้ว่าจางชานมาจากมณฑลส่านซี
เด็กผู้หญิงชื่อเซี่ยงชุนหงยัดแซนด์วิชชิ้นสุดท้ายเข้าปาก ก่อนเธอหันมาพูดกับจางชานว่า “เฮ้อ! อาหารฟาสต์ฟู้ดแบบตะวันตกมีราคาแพงและไม่อิ่ม มันไม่เหมือนกับโร่วเจียโหมวแบบมณฑลส่านซีของนายเลย จางชาน ถ้านายเปิดร้านโร่วเจียโหมวเมื่อไหร่ เราจะสนับสนุนธุรกิจของนายเอง”
นักเรียนหลายคนมารวมตัวกันและพูดว่า “เราก็จะช่วยสนับสนุนนายเช่นกัน”
จางชานโบกมือ “ผมทำเป็นแค่ตัวขนมปังโร่วเจียโหมวเท่านั้น แต่ทำไส้เนื้อหมักข้างในไม่ได้”
เพื่อนร่วมชั้นต่างก็ผิดหวัง
หลินม่ายคิดว่าโร่วเจียโหมวมีหน้าตาคล้ายกับแฮมเบอร์เกอร์มาก แต่มีรสชาติดีกว่าแฮมเบอร์เกอร์ นักเรียนชาวยุโรปและอเมริกาน่าจะยอมรับมันได้
อันดับแรกคือเปิดร้านบะหมี่แห้งร้อน ๆ
ความปรารถนานี้ไม่สามารถเป็นจริงได้ที่บ้าน แต่เธอต้องการลองทำในต่างประเทศ
เธอยังต้องการแนะนำเครื่องดื่มอย่างชาจีนด้วย
ในงานแถลงข่าวครั้งที่แล้ว เธอขอให้นักข่าวทุกคนดื่มชามะลิน้ำผึ้งเพียงเพื่อทดสอบปฏิกิริยาของนักข่าว ซึ่งถือว่าไม่ได้แย่
เธอวางแผนที่จะพยายามเปิดร้านโร่วเจียโหมวเมื่อบรรลุเป้าหมายทั้งสองแล้ว
แม้จางชานไม่สามารถทำโร่วเจียโหมว แต่ซิ่วหลิงทำได้ หลินม่ายวางแผนที่จะเชิญหล่อนมาเป็นผู้แนะนำทางเทคนิค
มหาวิทยาลัยอยู่ห่างไกลจากบ้านของหลินม่ายสักหน่อย เธอจึงกินข้าวเที่ยงที่มหาวิทยาลัยแทนโดยไม่ต้องกลับไปกินที่บ้าน เมื่อกินเสร็จแล้วก็ไปอ่านหนังสือรอที่ห้องสมุด
เพื่อนร่วมชั้นขยันมากจนเธอไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองล้าหลังได้
หลังเลิกเรียนตอนเที่ยง หลินม่ายและเพื่อนร่วมชั้นไปกินอาหารกลางวันที่โรงอาหารของโรงเรียน
ร้านอาหารขายอาหารตะวันตกเป็นหลัก แต่ก็มีอาหารจีนจำหน่ายด้วย
หลินม่ายสั่งข้าวผัดไข่มาจานหนึ่ง เธอขมวดคิ้วหลังจากกินไปแค่สองคำ เพราะรสชาติมันไม่ค่อยดีนัก
ในเวลานี้มีคนนั่งลงด้านหลังเธอ
หลินม่ายหันไปมองและพบว่าเป็นแฟนเก่าของสวี่เมิ่ง เธอขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง ก่อนหยิบจานอาหารและลุกขึ้นเดินจากไป
รอยยิ้มบนใบหน้าของชายคนนั้นแข็งค้างทันที
แม้ว่าเขาจะไม่มีภูมิหลังทางครอบครัวที่โดดเด่น หน้าตาหล่อเหลา หรือเงินทอง แต่เขาเป็นคนอบอุ่นและพูดจาไพเราะมาก สาว ๆ หลายคนไม่สามารถต้านทานเขาได้เพราะสิ่งเหล่านี้
แต่ทำไมหลินม่ายถึงไม่คุยกับเขาเลยสักนิด แล้วยังจากไปทั้งแบบนั้นอีก
ตราบใดที่เธอคุยกับเขาสักเล็กน้อย เธอจะต้องหลงใหลได้ปลื้มในตัวเขาแน่นอน
ชายคนนั้นมองหลินม่ายอย่างระมัดระวังพลางรู้สึกสับสน ทำไมเธอถึงเกลียดเขามากขนาดนี้? เขาไม่เคยทำอะไรให้เธอขุ่นเคืองใจเลย
หลินม่ายเปลี่ยนไปนั่งตำแหน่งอื่น ภายในสองนาทีหลังจากนั่งลง ก็มีคนมานั่งด้านข้างเธอ
เธอถึงกับสาปแช่งในใจ นี่เธอนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรหรือยังไง? ถึงต้องมีคนตามมานั่งกับเธอทุกครั้งไป
เธอจึงตัดสินใจหันกลับไปมองและเห็นว่าเป็นนักเรียนทุนจากมหาวิทยาลัยอื่นที่ชื่อเซี่ยงชุนหง สีหน้าของหลินม่ายจึงอ่อนลงและยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร
เซี่ยงชุนหงกล่าว “เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วรุ่นพี่คนหนึ่งไปเที่ยวเล่นที่สวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์คและประสบอุบัติเหตุจนขาหัก เขาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล พวกเราจึงจะไปเยี่ยมเขาด้วยกัน คุณจะไปไหมคะ?”
หลินม่ายเดาได้ทันทีว่าเป็นจ้าวซั่วหยาง
แต่เธอก็แสร้งทำเป็นไม่รู้และถามว่า “รุ่นพี่คนนั้นชื่ออะไรหรือคะ?”
“จ้าวซั่วหยางค่ะ” เซี่ยงชุนหงตอบขณะที่รับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดแบบอเมริกัน
หลินม่ายส่ายหัว “ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้”
เซี่ยงชุนหงกล่าวด้วยความชื่นชม “”เมื่อพูดถึงรุ่นพี่จ้าวแล้ว เขายังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงด้วยค่ะ”
หลินม่านถามอย่างจงใจ “เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ”
“รุ่นพี่จ้าวเคยเป็นนักเรียนที่มีความสามารถที่มหาวิทยาลัยชิงหวา แต่เขาหยุดเรียนและลาออก จากนั้นเขาก็เรียนที่บ้าน ก่อนได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกา และตอนนี้เขากำลังศึกษาระดับปริญญาโทในมหาวิทยาลัยของเรา”
เซี่ยงชุนหงหันไปหาหลินม่ายและพูดว่า “คุณดูสิ ยังมีคนฉลาดแบบนี้ในโลกที่สามารถผ่านการทดสอบตามที่ต้องการได้เสมอ ฉันล่ะอิจฉาจริง ๆ!”
หลินม่ายเพียงแค่ยิ้มและไม่พูดอะไร
จ้าวซั่วหยางเป็นคนฉลาด เธอยอมรับความจริงข้อนี้ แต่น่าเสียดายที่เขาใส่ร้ายประเทศชาติในชีวิตชาติก่อนของเธอ เธอจึงรู้สึกดูแคลนอีกฝ่ายแม้จะเป็นคนมีความสามารถก็ตาม
เซี่ยงชุนหงถามอีกครั้ง “คุณจะไปเยี่ยมรุ่นพี่ด้วยกันไหมคะ?”
หลินม่ายส่ายหัว “ฉันไม่รู้จักเขา ทำไมต้องไปเยี่ยมเขาด้วยล่ะ?”
เมื่อนึกถึงปีศาจหมูตัวนั้น เธอรู้สึกอยากมองหมูที่เป็นสัตว์เสียมากกว่า
หลินม่ายปฏิเสธที่จะไปเยี่ยมจ้าวซั่วหยาง ทำให้เพื่อนร่วมชั้นหลายคนทำตามและไม่ไปเยี่ยมเช่นกัน
เพราะการไปเยี่ยมคนไข้ต้องเสียเงิน พวกเขาเป็นแค่นักเรียนที่ไม่สามารถใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย แล้วทำไมต้องใช้เงินไปกับเรื่องนี้ด้วย?
เมื่อก่อนเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธเพราะกลัวเสียหน้า แต่เมื่อหลินม่ายเป็นผู้นำ ทุกคนจึงไม่รู้สึกเขินอายอีกต่อไปที่จะปฏิเสธ
โก่วเวินเจ้าของความคิดโกรธมากจนอยากอาเจียนเป็นเลือด
เดิมทีหล่อนต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้จ้าวซั่วหยางประทับใจ และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเขา แต่น่าเสียดายที่แผนการต้องวุ่นวายเพราะหลินม่าย
แต่หล่อนทำอะไรหลินม่ายไม่ได้ และไม่สามารถยั่วยุอีกฝ่ายได้เลยด้วยซ้ำ
อย่างมากหล่อนทำได้เพียงแอบจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลินม่าย เพียงเพราะกลัวว่าหลินม่ายจะจับได้
โก่วเวินกัดฟันและปฏิบัติตามกฎของการเยี่ยมคนป่วย หล่อนซื้อผลไม้และอาหารเสริมบางอย่างที่หล่อนไม่อยากกิน จากนั้นไปโรงพยาบาลเพียงลำพังเพื่อเยี่ยมจ้าวซั่วหยาง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มีแต่เจ้ากรรมนายเวรตามติดน้อม่ายจื่อ เมื่อไหร่จะหลบพ้นเนี่ย
เป็นแผนของเธอหรอกเหรอโก่วเวิน โดนเล่นงานตอนนั้นไม่เข็ดใช่ไหม
ไหหม่า(海馬)