แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1088 ใช้เฮลิคอปเตอร์
ตอนที่ 1088 ใช้เฮลิคอปเตอร์
ตอนที่ 1088 ใช้เฮลิคอปเตอร์
หลินม่ายนัดเคอจื่อฉิงมารับประทานอาหารเย็นตอนหนึ่งทุ่ม แต่ครอบครัวเคอจื่อฉิงมาถึงบ้านตอนหกโมงครึ่ง
เมื่อคุณย่าฟางเห็นเคอจื่อฉิง นางก็ตะโกนอย่างตื่นเต้น “โอ้! ท้องของเธอใหญ่มาก เธอท้องอีกแล้วเหรอ?”
เคอจื่อฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ อาเฟิงบอกว่าครอบครัวมีเด็กชายสองคนแล้ว เขาจึงอยากมีลูกสาวด้วย”
หลินม่ายและฟางจั๋วหรานในห้องครัวได้ยินเสียงของเคอจื่อฉิงจึงวิ่งออกมาดู
เคอจื่อฉิงกำลังอุ้มท้องขนาดใหญ่ ขณะที่เฉินเฟิงและลูกชายสองคนคอยปกป้องหล่อนราวกับสมบัติล้ำค่า
หลินม่ายถามอย่างสงสัย “ลูกในท้องรอบนี้เป็นเด็กผู้หญิงหรือเปล่า?”
เคอจื่อฉิงยื่นกระเป๋าที่แขนของเธอให้สาวใช้ “ฉันไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
ฟางจั๋วหรานกล่าว “ในอเมริการะบุเพศของทารกในครรภ์ได้ หากไปตรวจดูก็จะทราบเพศล่วงหน้า”
เฉินเฟิงแอบสนใจอยู่บ้าง ขณะที่เคอจื่อสิ่งที่นั่งลงบนโซฟาส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ดีกว่าค่ะ การรอคอยและคาดหวังเท่านั้นที่น่าสนใจ นอกจากนี้หากคุณรู้เพศของลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ ถ้าเป็นลูกสาวก็คงไม่เป็นไร แต่คุณจะไม่ผิดหวังไปอีกสองถึงสามเดือนเหรอถ้าเกิดเป็นลูกชาย?”
หลินม่ายพยักหน้า “จริงด้วย”
เสี่ยวเหวินและเสี่ยวตงตงให้ความบันเทิงกับต้าเป่าและเสี่ยวเป่า
หลังจากที่เคอจื่อฉิงดื่มน้ำผลไม้ หล่อนเดินเข้าไปในครัวโดยที่ไม่มีใครสังเกต และอยากช่วยทำอาหาร
ฟางจั๋วหรานอนุญาตให้เฉินเฟิงเข้ามาช่วยเท่านั้น และยืนยันอย่างแน่วแน่ที่จะไม่ปล่อยเคอจื่อฉิงเข้ามา
หล่อนเป็นหญิงตั้งครรภ์ และทุกคนต่างก็ห่วงใย จะอนุญาตให้หล่อนเข้ามาทำงานได้อย่างไร?
แม้จะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ แต่ก็เคอจื่อสิ่งไม่ต้องการออกไป พวกเขาทั้งสี่คุยกันอย่างสนุกสนานและกินอาหารปรุงสดใหม่ไปด้วย
ก่อนที่ครอบครัวหลินม่ายจะออกไปในตอนเช้า เธอได้เตรียมน้ำเกลือสำหรับตุ๋นตีนหมู ตีนไก่ และอาหารเคี่ยวอื่น ๆ แล้วให้น้าถูดูแลการทำอาหารที่บ้าน
เคี่ยวนานหนึ่งวัน กระทั่งเนื้อเปื่อยยุ่ยและรสชาติล้ำลึก ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนจนทำให้ทุกคนน้ำลายสอ
สตรีมีครรภ์มักมีความหิวมากกว่าปกติ เคอจื่อฉิงเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
หล่อนสูดกลิ่นหอมของอาหารสองถึงสามครั้ง ก่อนชี้ไปทางกองเนื้อตุ๋นพลางดึงแขนของเฉินเฟิงและกล่าวว่า “ที่นัก ฉันอยากกินขาหมูตุ๋น”
เฉินเฟิงกำลังปอกขิง
เขารีบวางสิ่งที่กำลังทำ หยิบตะเกียบและชามใบเล็ก จากนั้นเดินไปคีบขาหมูตุ๋นปรุงรส
เขาเลือกชิ้นที่ใหญ่ที่สุดตักลงในชามและเป่าคลายความร้อน
ขาหมูที่เพิ่งถูกคีบขึ้นจากน้ำเกลือเดือดนั้นร้อนเกินไป เขาต้องเป่าให้เย็นลง เพื่อที่ภรรยาจะกินมันง่ายขึ้น
อารมณ์ของเคอจื่อฉิงพุ่งขึ้นสูง เธอเตะเฉินเฟิงและเอื้อมมือออกไปคว้าขาหมูตุ๋น “ชักช้าอยู่ได้ ฉันหิวแล้วนะ!”
ฟางจั๋วหรานที่กำลังทำตีนไก่มะนาวอยู่ด้านข้างพลันตกใจ
เขารู้ว่าเคอจื่อฉิงเป็นคนร่าเริงและเข้ากับคนง่าย แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะรุนแรงกับสามีขนาดนี้
แต่เขาประหลาดใจเพียงไม่กี่วินาที ก่อนกลับไปทำตีนไก่มะนาวต่อ
เคอจื่อฉิงจับขาหมู แต่มันร้อนมากจนต้องถือสลับไปมาซ้ายทีขวาที ขณะเตะเฉินเฟิงอีกครั้ง “ร้อนจนแทบลวกมือแล้ว!”
เฉินเฟิงถูกเตะไปสองครั้งแล้ว แต่เขากลับไม่โกรธเลย ยังพูดกับเคอจื่อฉิงอย่างไม่ใส่ใจนัก “ค่อย ๆ กินสิ ระวังอย่าให้ลวกปาก”
ฟางจั๋วหรานเหลือบมองเฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง
เฉินเฟิงรับรู้ถึงสายตาที่จ้องมอง เขาโน้มตัวไปหาอีกฝ่ายพลางกระซิบ “มันคือสิ่งที่เรียกว่า ทุบตีเพราะเป็นพ่อแม่ ดุด่าก็ด้วยความรัก(1) คุณไม่เคยลิ้มรสมันเลยหรือ? เป็นเรื่องปกติที่ภรรยาจะอารมณ์ไม่ดีเมื่อตั้งครรภ์ คุณไม่ต้องมองผมด้วยความเห็นอกเห็นใจหรอก”
หลินม่ายเป็นคนมีไหวพริบและรู้วิธีควบคุมอารมณ์ตัวเอง โดยพื้นฐานแล้วเธอไม่เคยทุบตีหรือดุเขาเพราะอารมณ์หงุดหงิดของเธอเลย
ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ ฟางจั๋วหรานก็อยากจะเล่นเกมทุบตี จูบ ดุ และแสดงความรักด้วยรูปแบบอื่น เขาไม่เคยประสบกับมันมาก่อน และอยากลิ้มรสความรู้สึกของมัน
กีบหมูตุ๋นถูกปรุงเสร็จอย่างรวดเร็ว
เคอจื่อฉิงขอให้ฟางจั๋วหรานตักไก่มะนาวใส่ชามเล็กให้เธอ ก่อนลงมือกิน จากนั้นก็พูดแนะนำ “ม่ายจื่อ เธอควรเปิดร้านหลูไช่นะ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ฉันจะได้กินหลูไช่ของเธอได้ตลอดเวลา”
หลินม่ายถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีร้านอาหารจีนที่ขายหลูไช่เลยหรือยังไง?”
เคอจื่อฉิงพยักหน้า “มีนะ แต่รสชาติไม่อร่อยเท่าของเธอ”
เธอเห็นหลินม่ายกำลังทำอาหารทะเล จึงขอให้อีกฝ่ายเติมพริกเพิ่ม
หลินม่ายคิดว่าเธอมาจากกวางตุ้งและไม่สามารถกินเผ็ด จึงไม่กล้าใส่พริกเพิ่มในจานอาหาร
เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เธอก็พูดด้วยรอยยิ้ม “แม่สาวน้อย เธอชอบกินรสเผ็ดแบบนี้ เธอจะต้องอุ้มท้องเจ้าหญิงตัวน้อยอย่างแน่นอน”
เคอจื่อฉิงยิ้มอย่างมีความสุข เธอก้มลงลูบหน้าท้องแบนราบของหลินม่าย “เธอไม่ได้บอกเหรอว่า อยากมีลูกอีกสักสองถึงสามคน? เธอเรียนจบแล้ว ตอนนี้ท้องได้อีกครั้งอย่ากลัวเรื่องที่ลูกต้องเกิดในสหรัฐอเมริกาเลย เขาหรือเธอจะกลายเป็นพลเมืองอเมริกัน การเปลี่ยนทะเบียนบ้านในอเมริกาเป็นทะเบียนบ้านของจีนเป็นเรื่องง่ายมาก”
ทันใดนั้นหลินม่ายก็ครุ่นคิด ฟางจั๋วหรานขยันทำการบ้านบนเตียงตั้งแต่สมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย ทำไมเธอถึงยังไม่ท้องอีก?
เธอมองฟางจั๋วหรานอย่างสงสัย
เคอจื่อฉิงและสามีหันมองเขาเช่นกัน
ฟางจั๋วหรานรู้สึกอึดอัดเมื่อถูกคนทั้งสามมองเป็นตาเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาของเฉินเฟิงที่ดูเหมือนจะดูถูกว่าเขาไม่มีน้ำยา
ฟางจั๋วหรานแอบกำหมัด เขาต้องทำให้ได้ และจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น
คืนนั้นเอง ฟางจั๋วหรานก็เป็นเหมือนเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหน็ดเหนื่อย เขาทำงานหนักขณะที่โยนหลินม่ายไปมาทั้งคืน~
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากกินเกี๊ยวแล้ว ครอบครัวก็ขับรถไปที่สวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ค
สวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์คค่อนข้างกว้างขวาง มีทุ่งหญ้า ป่าเล็กๆ ลานสเก็ตน้ำแข็ง ม้าหมุน อัฒจันทร์ และสวนสัตว์ขนาดเล็ก 2 แห่ง นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบขนาดใหญ่ที่คุณสามารถพายเรือ สนามเทนนิส สนามกีฬา หอศิลป์ และทุกสิ่งที่คุณต้องการเพลิดเพลิน กิน และเครื่องดื่ม
ครอบครัวกำลังเดินเล่นเล่นอยู่ และทันใดนั้นก็เห็นผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ตรงหน้า พวกเขาจึงพยายามมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ใครคนหนึ่งถามเสียงดังด้วยความกังวล “คุณ คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า คุณต้องการความช่วยเหลือไหม?”
ทั้งครอบครัวเดินไปตามเข้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งลื่นไถลกลิ้งไปตามไหล่เขาจนเข้าไปในหุบเขา
แม้ว่าชีวิตของนักท่องเที่ยวจะไม่ตกอยู่ในอันตราย แต่ขาของเขาก็ได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถลุกขึ้นได้
นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ต่างก็กังวลเกี่ยวกับเขา
คุณปู่ฟางเห็นว่านักท่องเที่ยวที่ล้มอยู่นั้นเป็นชาวเอเชีย จึงขอให้ฟางจั๋วหรานไปช่วยเหลืออีกฝ่ายทันที “นักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บอาจเป็นชาวจีนก็ได้”
คุณปู่ฟางอายุมากและมีสายตาไม่ดี เขาจึงเห็นใบหน้าของชายชาวเอเชียที่ได้รับบาดเจ็บไม่ชัดนัก
หลินม่ายและสามีมีสายตาดีทั้งคู่ พวกเขาจำได้ทันทีว่านักท่องเที่ยวชาวเอเชียที่ได้รับบาดเจ็บคือปีศาจหมูจ้าวซั่วหยาง
มันเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกินที่ต้องพบชายคนนี้ทุกที่ แม้แต่ในต่างประเทศ!
หลินม่ายไม่ต้องการให้ฟางจั๋วหรานช่วยเหลือปัญญาชนจอมปลอมที่หลงใหลในสิ่งแปลกปลอม
เธอพูดกับคุณปู่ฟาง “ผู้ชายคนนั้นคือจ้าวซั่วหยางค่ะ”
คุณปู่ฟางขมวดคิ้ว “ดูเหมือนจะเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนสักแห่ง”
หลินม่ายเตือนเขา “คุณปู่ไม่เพียงเคยได้ยินค่ะ แต่ยังเคยเผชิญหน้ากับเขาด้วย”
จากนั้นเธอบอกเขาและคุณย่าฟางด้วยคำพูดไม่กี่คำว่า จ้าวซั่วหยางจงใจแทรกแซงการแต่งงานของเธอกับฟางจั๋วหราน
คุณปู่ฟางก็จำเหตุการณ์นี้ได้ และรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “ที่แท้ก็กลายเป็นตัวเรือดนั่นเอง งั้นก็ปล่อยเขาไปตามยถากรรมเถอะ”
ขาของจ้าวซั่วหยางหักตอนที่ไถลลงจากไหล่เขา เขาพยายามลุกขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้
เขาเงยหน้าอันอ้วนท้วมขึ้นและพูดเป็นภาษาอังกฤษกับนักท่องเที่ยวที่แสดงความห่วงใย “ผมลุกไม่ได้ ผมต้องการความช่วยเหลือครับ”
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ พวกเขาจึงถามหลินม่ายว่า “ตัวเรือดเรียกร้องอะไรจากคนอื่น?”
หลินม่ายแปลให้เขาฟัง
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางมองไปรอบ ๆ ก่อนพูดว่า “ชาวต่างชาติพวกนี้เป็นคนไม่ดีเหรอ ทำไมไม่เห็นใครลงไปช่วยเจ้าตัวเรือดนั่นเลยสักคน”
เสี่ยวเหวินยิ้มและเตือนว่า “คุณปู่ คุณย่าครับ สำหรับคนที่นี่ พวกเราเป็นคนต่างชาติ”
คุณปู่ฟางหัวเราะและพูดว่า “เสี่ยวเหวินพูดถูก”
แม้ว่าความลึกจากไหล่เขาถึงหุบเขาจะไม่มากราวยี่สิบถึงสามสิบเมตร ทั้งยังมันเป็นทางลาดและไม่ใช่เรื่องเสี่ยงอันตรายที่จะลงไปยังก้นหุบเขา
หากชายหนุ่มแข็งแกร่งสักสองถึงสามคนลงไป พวกเขาสามารถพามนุษย์ปีศาจหมูขึ้นมาอย่างง่ายดาย
แต่คนอเมริกันจัดการกับปัญหาที่แตกต่างจากคนจีน
พวกเขาช่วยเหลือผู้คน แต่จะไม่ลงมือด้วยตัวเอง และแจ้งตำรวจแทน
พลเมืองดีคนหนึ่งโทรแจ้งตำรวจทันที
โดยแจ้งว่ามีคนกลิ้งตกหุบเขาและอยู่ในสภาพย่ำแย่
ก่อนที่ครอบครัวของหลินม่ายจะเดินออกไปได้ไกล เฮลิคอปเตอร์ลำเล็กก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือหุบเขา
หลินม่ายและครอบครัวต่างก็หยุดมองสิ่งนี้ด้วยความประหลาดใจ
…………………………………………………………………………………………………………….
这叫打是亲,骂是爱 ทุบตีเพราะเป็นพ่อแม่ ดุด่าก็ด้วยความรัก กล่าวคือ บางครั้งคนเราก็แสดงความรักผ่านคำพูดไม่เก่ง จึงแสดงออกด้วยการกระทำที่แข็งกระด้าง
สารจากผู้แปล
เจอปีศาจหมูที่นี่อีกแล้วเหรอ โลกกลมจัง คนที่ไม่คิดจะเจอก็ดันเจอ
ไหหม่า(海馬)