แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1085 เขาเป็นนักแม่นปืนจริง ๆ
ตอนที่ 1085 เขาเป็นนักแม่นปืนจริง ๆ
ตอนที่ 1085 เขาเป็นนักแม่นปืนจริง ๆ
หลังอาหารเย็น ฟางจั๋วหรานส่งหลินม่ายกลับไปยังบริษัท
ทันทีที่รถขับลงไปชั้นล่างของบริษัท เสี่ยวจินก็โทรเข้ามาบอกหลินม่ายว่า จู่ ๆ ก็มีมือปืนบุกเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลที่เสี่ยวมู่ตงกำลังเรียนอยู่
หัวใจของหลินม่ายเต้นไม่เป็นจังหวะและถามด้วยความกังวลใจ “ตงตงเป็นยังไงบ้าง? ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
เสี่ยวจินกล่าว “ทันทีที่มือปืนปรากฏตัว เสี่ยวถังและผมพาตงตงอพยพออกไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโรงเรียนอนุบาลก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระสุนปืนขณะพยายามหยุดยั้งคนร้าย ทำให้ทั้งครูและเด็ก ๆ ต่างก็ขวัญเสีย”
ตราบใดที่ตงตงปลอดภัยก็พอแล้ว
หลินม่ายผ่อนคลายลงมาก “มีตำรวจไปถึงหรือยังคะ?”
“อยู่ที่นี่แล้วครับ พวกเขามาถึงที่เกิดเหตุ”
หลินม่ายถามอีกครั้ง “มือปืนล่ะคะ? จับเขาได้หรือเปล่า?”
“ไม่ได้ครับ คนร้ายหนีไปก่อนที่ตำรวจจะมาถึง”
ทันใดนั้นการแสดงออกของหลินม่ายก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง “ตอนนี้ตงตงอยู่ที่ไหนคะ?”
“เสี่ยวถังกับผมกำลังพาเขากลับครับ”
หลินม่ายถามเส้นทาง และขอให้ทอมขับไปเส้นทางนั้นเพื่อที่เธอจะไปหาตงตง
เธอรู้สึกกังวลมากว่ามือปืนอาจจะมาหาตงตง
มือปืนล้มเหลวในโรงเรียนอนุบาล เธอจึงมั่นใจว่าเขาจะหาโอกาสใหม่อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ จึงรีบไปพบกับตงตง
ฟางจั๋วหรานถามอย่างสงสัย “ทำไมเสี่ยวถังและเสี่ยวจินถึงไปปรากฏตัวในโรงเรียนอนุบาลล่ะ? พวกเขาไม่ได้อยู่บ้านเพื่อปกป้องคุณปู่กับคุณย่าเหรอ? คุณสงสัยว่าใครที่จะมีความตั้งใจในการทำร้ายตงตงใช่ไหม จะมีใครกันที่ต้องการทำร้ายเขา?”
หลินม่ายเริ่มพูดถึงเหตุการณ์ที่มีรถขับตามรถมายบัคของเธอในช่วงสองวันที่ผ่านมา
“แม้ว่าแจ็คจะบอกว่าฉันกังวลมากเกินไปจนทำให้เกิดอาการหวาดระแวง แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นเวลาสองวัน รวมทั้งวันนี้ก็สามวันแล้วที่มีรถคันอื่นคอยขับตามฉัน ถ้าเป็นรถคันเดียวกัน ฉันคงเชื่อที่แจ็คบอกว่าอาจเป็นรถของคนอื่นที่ขับบนถนนสายเดียวกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ฉันสงสัยว่าคนที่กำลังแอบตามกลัวว่าฉันจะรู้ จึงจงใจเปลี่ยนรถทุกวัน เป็นเพราะรถถูกเปลี่ยนทุกวัน ฉันจึงเริ่มเกิดข้อสงสัย ว่ามีคนติดตามมาจะทำร้ายฉัน ฉันขอให้ทอมเปลี่ยนเส้นทางเมื่อเช้านี้ ซึ่งอาจเป็นการแจ้งเตือนเขาอย่างหนึ่ง แต่ฉันกลัวว่าคนที่ติดตามฉันจะไม่สามารถโจมตีได้สักพักและหันเหไปทางโจมตีตงตงแทน เพราะในบรรดาคนที่ฉันห่วงใย ตงตงเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดและถูกโจมตีง่ายที่สุด ดังนั้นฉันจึงโทรหาเสี่ยวจินและเสี่ยวถังทันที ให้พวกเขารีบไปโรงเรียนอนุบาลเพื่อปกป้องตงตงอย่างลับ ๆ แล้วฉันก็เดาทุกอย่างถูกต้อง แต่สิ่งเดียวที่ฉันไม่ได้คาดหวังก็คือพวกอันธพาลจะลงมืออย่างรวดเร็วขนาดนี้ ฉันคิดว่าอย่างน้อยพวกเขาก็ต้องรอโรงเรียนอนุบาลส่งเด็ก ๆ กลับบ้านก่อนจึงจะลงมือ ส่วนใครอยากจะทำร้ายตงตงนั้น ฉันคิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเป็นใคร? อาจเป็นเพียงคนเหล่านั้นที่ฉันทำให้ขุ่นเคือง”
ฟางจั๋วหรานกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “งั้นที่คุณเร่งจะไปหาตงตงตอนนี้ เพราะพวกอันธพาลอาจหวนกลับมาโจมตีตงตงอีกครั้งใช่ไหม?”
หลินม่ายพยักหน้ารับอย่างจริงจัง “ใช่ค่ะ”
แจ็คซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งผู้โดยสารเผยสีหน้าละอายใจ เขาไม่ได้มีความตื่นตัวมากพอ แต่นายหญิงของเขากลับตื่นตัวมากกว่า
รถแล่นออกไปตามทางอย่างต่อเนื่อง กระทั่งมีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งพุ่งเข้าหารถมายบัคของหลินม่ายโดยเจตนา
คนขี่รถจักรยานยนต์หยิบปืนกลมือยิงใส่ตัวรถอย่างดุเดือด ก่อให้เกิดความวุ่นวายบนท้องถนน
ฟางจั๋วหรานพูดด้วยความโล่งใจ “พวกคนร้ายตามมาหาเราแทน!”
แต่หลินม่ายพูดด้วยความกังวล “ฉันเกรงว่าอาจจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดโจมตีจากทั้งสองฝ่าย”
แม้ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นกะทันหัน แต่รถมายบัคถูกปกคลุมไปด้วยกระจกกันกระสุน ทำให้กระสุนเหล่านั้นไม่สามารถทะลุเข้ามาได้ ไม่เช่นนั้นทอมที่เป็นคนขับและแจ็คผู้คุ้มกันที่นั่งอยู่ข้างหน้าคงจะตายไปแล้ว
แจ็คสั่งคู่สามีภรรยา “ก้มลงไปครับ!”
ก่อนที่เขาจะตะโกนสองคำนี้ หลินม่ายก็ถูกฟางจั๋วหรานกดตัวไว้ใต้เบาะแล้ว
ส่วนตัวเขาหยิบปืนออกมาโหลดกระสุน เปิดหน้าต่างลงครึ่งหนึ่ง และเตรียมพร้อมที่จะยิงกลับ
ทว่าก่อนที่เขาจะลงมือ มอเตอร์ไซค์คันนั้นก็ฝ่าพายุกระสุนของแจ็ค และขี่ตีขนาบข้างเบาะหลังที่หลินม่ายและฟางจั๋วหรานนั่งอยู่
จากนั้นเล็งปืนไปยังหน้าต่างประตูครึ่งหนึ่งที่เปิดไว้และลั่นไกยิง
โชคดีที่ฟางจั๋วหรานก้มลงและปกป้องหลินม่ายไว้อย่างแน่นหนา ทำให้กระสุนของคนร้ายพลาดเป้าทั้งหมด
คนร้ายขี่รถกลับอย่างรวดเร็วหลังจากทำไม่สำเร็จ และรีบหนีไปอีกทาง!
ทอมหมุนพวงมาลัยอย่างแรง โดยพยายามไล่ตามคนร้าย
ฟางจั๋วหรานและแจ็คต่างก็เข้าใจดีว่ารถมายบัคนั้นใหญ่และช้ากว่ารถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก
เพียงช่วงเวลาที่กลับรถ รถจักรยานยนต์ก็อาจจะหลบหนีจากระยะยิงปืนไปได้ ถ้าไม่รีบเร่ง รถจักรยานยนต์ของคนร้ายก็อาจจะหายลับไปจากสายตาทันที
แต่ปัญหาอยู่ตรงที่การเล็งปืนยิงทำได้ยากขณะกลับรถ
แจ็คเล็งปืนไปที่อันธพาลที่อยู่ตรงหน้า แต่เขาเล็งยิงไม่ได้เลย
ในเวลานี้ ฟางจั๋วหรานที่นั่งอยู่เบาะหลังยกมือขึ้นยิงโดยไม่ลังเล
เสียงปืนดังรัวขึ้นชุดหนึ่ง ทันใดนั้นมือปืนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ก็ล้มลงพื้นพร้อมกับรถของเขา
แจ็คหันกลับมาและมองไปที่ฟางจั๋วหรานด้วยความชื่นชม
นายน้อยเป็นหมอไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงยิงปืนได้แม่นขนาดนี้?
โชคดีที่ไม่ต้องแข่งขันแย่งงานกัน ไม่เช่นนั้นแจ็คคงต้องตกงานเป็นแน่
รถมายบัคมาจอดตรงหน้ารถมอเตอร์ไซค์ที่ล้มกับพื้น
ทอมกำลังโทรหาตำรวจ แต่หลินม่ายลุกจากพื้นขึ้นมานั่งบนเบาะ เธอโทรหาเสี่ยวจินและถามพวกเขาว่าสถานการณ์อีกฝั่งเป็นอย่างไรบ้าง?
ฟางจั๋วหรานนั่งเคียงข้างเธอ โดยให้ความสนใจกับสถานการณ์ภายนอกรถอย่างระมัดระวัง
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนร้ายมีผู้สมรู้ร่วมคิดและเริ่มโจมตีอีกครั้ง?
แจ็คถือปืนทั้งสองมือ ลงจากรถ แล้วเดินไปหามือปืนด้วยความระมัดระวัง
ขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้ เขาเห็นว่ามือปืนส่งเสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดและไม่มีทีท่าจะหนีไปไหน เขาจึงเต็มไปด้วยความสงสัย
ต่อให้คนร้ายได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน ไม่ว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหน เขาก็ต้องคลานไปข้างหน้าโดยสัญชาตญาณ แต่คนร้ายคนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น
ขณะที่เขากำลังจะหมอบลงเพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บของอีกฝ่าย เขาก็ได้ยินเสียงของนายน้อยดังขึ้นจากด้านหลัง “อย่าแตะต้องเขา!”
แจ็คถามอย่างสับสน “ทำไมล่ะครับ?”
ฟางจั๋วหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “มันเป็นไปได้มากที่ผมจะยิงโดนกระดูกสันหลังส่วนคอของอาชญากร และมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นอัมพาต ถ้าคุณขยับเขาตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันทำให้เขาเสียชีวิต?”
หลินม่ายคุยโทรศัพท์กับเสี่ยวจินเสร็จแล้ว และได้รู้ว่าทั้งสองถึงบ้านอย่างปลอดภัยพร้อมกับเสี่ยวตงตง จากนั้นเธอจึงโล่งใจและหันไปมองฟางจั๋วหรานด้วยความชื่นชม “คุณนี่มันนักแม่นปืนชัด ๆ!”
มันไม่ง่ายเลยที่จะเล็งยิงโดนกระดูกสันหลังส่วนคอ และยิ่งยากไปอีกเมื่อยิงในขณะที่กลับรถ
ฟางจั๋วหรานปฏิเสธที่จะยอมรับอย่างเด็ดขาดว่าเขาเป็นนักแม่นปืน ทักษะนี้ได้รับการฝึกฝนโดยการเข้าร่วมในกองทัพเยาวชน
ในเวลานั้น เพื่อฝึกฝนความเป็นนักแม่นปืน เขาและเพื่อน ๆ ถือปืนออกไปล่าสัตว์บนภูเขาทุกวัน
เขาจงใจยิงคนร้ายที่กระดูกสันหลังส่วนคอ ซึ่งไม่เพียงทำให้เป็นอัมพาต แต่ยังทำให้คนร้ายไม่สามารถหันปืนมาหาม่ายจื่อได้อีกต่อไป
เขาสามารถช่วยชีวิตชายคนนี้ได้ และต้องการเค้นความจริงว่าทำไมอีกฝ่ายถึงประสงค์เอาชีวิตหลินม่าย
สักพักตำรวจก็ได้ทราบเรื่องราวจากหลินม่ายและคนอื่น ๆ พวกเขาขอให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ช่วยหามคนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล
ขณะนั้นมีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งรีบฝ่าด่านที่ตำรวจตั้งไว้ คนขี่หยิบปืนออกมารัวยิงใส่คนร้ายบนเปลหาม 3 นัด ก่อนจะบิดรถหนีออกไปทันที
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และฆาตกรก็หลบหนีเร็วเกินไป
เมื่อตำรวจกลับมาได้สติ ฆาตกรก็วิ่งหนีไปโดยไม่ทิ้งฝุ่นเลย
ฟางจั๋วหรานรีบไปดูยังเปลหามและตรวจสอบอาการบาดเจ็บของคนร้ายอย่างระมัดระวัง
แม้ว่าจะถูกยิงติดต่อกันสามนัด แต่จากประสบการณ์แล้ว ทั้งสามนัดนั้นอาจไม่ได้โดนตำแหน่งที่อันตรายจนถึงแก่ชีวิต
เขาสั่งเจ้าหน้าที่การแพทย์ในรถพยาบาลว่า “เร็วเข้า! พาคนร้ายขึ้นรถพยาบาล!”
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี จึงนำผู้บาดเจ็บขึ้นรถพยาบาลได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น
ต้องยอมรับว่ารถพยาบาลในสหรัฐอเมริกาก้าวหน้ามากและถึงพร้อมด้วยอุปกรณ์ช่วยเหลือขั้นพื้นฐานบนรถ
ฟางจั๋วหรานระบุตัวเองกับตำรวจว่าเป็นแพทย์ และขอตามไปในรถพยาบาลเพื่อปฐมพยาบาลคนร้าย
หลินม่ายและคนอื่น ๆ ติดตามตำรวจทั้งสองเพื่อลงบันทึก ก่อนจะกลับบ้าน
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางกำลังรอพวกเขากลับบ้านอย่างใจจดใจจ่อ
นับตั้งแต่ที่พวกเขารู้ว่ามือปืนบุกเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลเสี่ยวตงตงในเวลากลางวันแสก ๆ คู่สามีภรรยาสูงอายุก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพวกหลินม่าย
แม้ว่าเสี่ยวจินจะบอกพวกเขาว่าหลินม่ายสบายดี แต่คู่สามีภรรยาสูงอายุก็ยังรู้สึกไม่สบายใจนัก
หลังจากเห็นหลินม่ายกลับถึงบ้านโดยปลอดภัย ในที่สุดคู่สามีภรรยาก็รู้สึกโล่งใจและถามหลินม่ายว่าทำไมฟางจั๋วหรานถึงไม่ได้กลับบ้านมาด้วยกัน
หลินม่ายอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้อาวุโสทั้งสองฟัง
ฟางจั๋วหรานไม่ได้กลับบ้านกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น
หลินม่ายถาม “อาการของคนร้ายเป็นยังไงบ้างคะ?”
ฟางจั๋วหรานลูบคิ้ว “คนร้ายถูกยิงสามครั้ง และเป็นตำแหน่งที่ใกล้หัวใจเกินไป เป็นการยากเกินที่จะช่วยเหลือได้ หากไม่ระวัง ผู้บาดเจ็บอาจเสียชีวิตบนเตียงผ่าตัด การผ่าตัดกินเวลาหลายชั่วโมงและในที่สุดก็ช่วยชีวิตเขาไว้ได้”
หลินม่ายพยักหน้า เมื่อมองคราบเลือดบนเสื้อเชิ้ตสีขาว เธอจึงพูดว่า “ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะค่ะ”
เมื่อฟางจั๋วหรานอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าและลงมาชั้นล่าง คนรับใช้ก็จัดอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว
คืนนี้ครอบครัวรับประทานอาหารค่ำแบบฝรั่งเศส
ทันทีที่ฟางจั๋วหรานนั่งลง เขาก็ถามหลินม่าย “คุณรู้ไหมว่า ใครคือมือปืนที่ต้องการฆ่าพวกเรา?”
หลินม่ายหยุดครู่หนึ่งโดยถือมีดและส้อมในมือ “คงไม่ใช่หลี่ตงซินหรอกใช่ไหม?”
เนื่องจากคนร้ายสวมหมวกกันน็อคและมีบาดแผลถูกกระสุนปืนที่กระดูกสันหลังส่วนคอ จึงไม่มีใครกล้าถอดหมวกกันน็อคออกในเวลานั้น กระทั่งหลินม่ายกลับมาบ้านก็ยังไม่ได้เห็นหน้าของคนร้าย
ฟางจั๋วหรานพยักหน้า “เขานั่นแหละ”
จากนั้นเขาก็ถามด้วยความสับสน “ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นเขาล่ะ?”
หลินม่ายจิ้มฟัวกราส์ชิ้นหนึ่งเข้าปากแล้วพูดว่า “น้ำเสียงที่คุณถามแสดงให้เห็นว่าคนร้ายคือคนที่ฉันรู้จักและมีความแค้นเคืองใจกับฉัน ซึ่งมีไม่กี่คนที่ตรงตามเงื่อนไขทั้งสองนี้ นอกจากผู้บริหารและพนักงานอาวุโสที่ฉันไล่ออกไป อีกคนที่เหลือก็คือหลี่ตงซิน หลังจากที่กลับมา ฉันก็ตรวจสอบข้อมูลของคนเหล่านี้ทั้งหมด มีเพียงหลี่ตงซินเท่านั้นที่เคยเรียนการยิงและเป็นนักกีฬามืออาชีพมาหลายปี ดังนั้นฉันจึงคิดว่าเป็นเขา”
“ฉันไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากผ่านไปสิบวัน เขาจะไม่หลบหนีไป แต่ยังคงเฝ้ารอที่จะกำจัดฉัน ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้า “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน หากหลี่ตงซินตื่นขึ้น ตำรวจจะสอบปากคำเขา แล้วเราจะได้รู้ว่ามีอะไรผิดปกติกันแน่”
เช้าวันรุ่งขึ้น สถานีตำรวจโทรมาบอกหลินม่ายว่า หลี่ตงซินสารภาพออกมาแล้ว
ไม่ใช่ว่าเขาต้องการฆ่าเธอ แต่ฉู่ฟู่สือต่างหากที่เป็นตัวการ
เป้าหมายที่หลินม่ายสงสัยในตอนแรกคือฉู่ฟู่สือ แต่เธอไม่คาดคิดว่าจะเป็นเขาจริง ๆ!
หลินม่ายถาม “ฉู่ฟู่สือถูกจับหรือยังคะ?”
“เราได้ปิดกั้นข่าวที่ว่าหลี่ตงซินได้รับการช่วยเหลืออย่างสมบูรณ์ และประกาศให้ภายนอกรู้ว่าขาเสียชีวิตหลังจากการช่วยเหลือล้มเหลว ดังนั้นฉู่ฟู่สือจึงไม่ได้หลบหนี และเพิ่งถูกจับกุมเมื่อสักครู่นี้”
ฉู่ฟู่สือถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจโดยที่ไม่ได้มีท่าทางขัดขืน ในไม่ช้าเขาก็ยอมรับว่าเขาติดสินบนหลี่ตงซิน เพื่อให้อีกฝ่ายไปฆ่าหลินม่าย จากนั้นคดีจึงปิดลงได้
สิ่งที่เขาไม่ได้อธิบายก็คือ หลี่ตงซินถูกลุงหลี่อี้หนานจับได้ว่าเขาแอบยักยอกเงินสาธารณะ
หลี่อี้หนานโกรธมากและขอให้เขาเลือกว่าจะชดใช้เงินสาธารณะที่ถูกยักยอกหรือสารภาพกับหลินม่าย ไม่เช่นนั้นเขาจะฟ้องร้องหลี่ตงซิน
หลี่ตงซินกระโดดข้ามกำแพงและฆ่าลุงของตัวเอง เป็นฉู่ฟู่สือเองที่ส่งเด็กซนมายัดแผ่นกระดาษให้หลินม่าย
เขาแค่อยากให้หลินม่ายรู้ว่าหลี่ตงซินยักยอกเงินสาธารณะจำนวนมหาศาลและทำให้อีกฝ่ายต้องรับผิดชอบ ซึ่งทำให้เกิดความตื่นตระหนกและความไม่พอใจในหมู่ผู้บริหารระดับสูงหลายคน
จากนั้นเขาก็จุดไฟและโจมตีผู้บริหารเพื่อพยายามยึดอำนาจ แต่ก็ต้องล้มเหลว
ฉู่ฟู่สือไม่ได้อธิบายสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดให้ครอบครัวของเขาฟัง
เขาอยู่ในคุก แต่ครอบครัวของเขายังคงอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ถ้าเขาสารภาพทั้งหมดนี้ เขาจะสร้างความเกลียดชังให้กับครอบครัวของตัวเองขนาดไหน?
ความจริงที่ไม่สามารถอธิบายได้เหล่านี้จะเป็นความลับตลอดไปและจะไม่มีใครรู้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่หมอเท่อีกแล้ว สกิลพระเอกสุดๆ
ในที่สุดก็ปิดคดีได้เสียที
ไหหม่า(海馬)