แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1082 นี่มันบ้าไปแล้ว!
ตอนที่ 1082 นี่มันบ้าไปแล้ว!
ตอนที่ 1082 นี่มันบ้าไปแล้ว!
ทุกคนตกใจ หลินม่ายขอให้ทุกคนลาออกจริง ๆ นี่เธอเสียสติไปแล้วหรือเปล่า?
แม้เธอจะตีพิมพ์ประกาศรับสมัครงานในหนังสือพิมพ์รายใหญ่ เพื่อรับสมัครผู้มีความสามารถระดับสูง
แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มมีการสมัครใด ๆ และแทบไม่ต้องพูดถึงการสรรหาผู้มีความสามารถระดับสูง
ก่อนจะมีใครมาแทนที่ หลินม่ายกลับสนับสนุนให้ทุกคนลาออก เธอไม่กลัวว่าบริษัทจะดำเนินต่อไม่ได้ ราคาหุ้นจะตก และบริษัทจะถูกปิดตัวลงหรืออย่างไร?
ผู้บริหารคนหนึ่งถามว่าทุกคนคิดอย่างไร
ช่างภาพได้ถ่ายภาพหลินม่ายอย่างใกล้ชิดทันที
ในเวลานี้ การถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ แสดงให้เห็นใบหน้าของหลินม่ายในระยะใกล้
ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและมีเสน่ห์ของเธอโดดเด่นเป็นสง่าเต็มจอทีวี และการแสดงออกเพียงเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอก็จะตกอยู่ในสายตาของผู้ชม
เคอจื่อฉิงและเฉินเฟิงต่างก็นั่งอยู่หน้าทีวีเพื่อชมการถ่ายทอดสดการโจมตีโดยผู้บริหารระดับสูงของบริษัทกุยตัน
นี่เป็นข่าวใหญ่ และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่มันเกิดขึ้นในบริษัทกุยตัน และต้องการให้หลินม่ายมาแก้ไขปัญหา เคอจื่อฉิงเห็นแบบนั้นก็รู้สึกโกรธมาก
นักข่าวไร้ยางอายเหล่านั้นถ่ายทอดภาพของหลินม่ายอย่างใกล้ชิด ซึ่งทำให้หล่อนโกรธมากยิ่งขึ้น
หลินม่ายเผยยิ้มบาง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ “ถ้าคุณไล่คนขายเนื้อออก คุณจะต้องกินเนื้อหมูที่มีขนติดหรือคะ? คุณแน่ใจหรือว่าไม่มีใครสามารถแทนที่คุณได้?”
ผู้บริหารทุกคนต่างสับสน
ผู้บริหารคนหนึ่งถามด้วยความฉงนใจ “ประกาศรับสมัครงานของคุณจะเริ่มพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ? แน่นอนว่าเราจะไม่ถูกแทนที่ได้จนกว่าบริษัทจะสรรหาบุคลากรผู้มีความสามารถได้แล้ว”
หลินม่ายเตือนด้วยรอยยิ้ม “คุณลืมทีมของพวกคุณแล้วหรือคะ? พวกเขาต่างก็สามารถแทนที่คุณได้”
ผู้บริหารเหล่านั้นยังคงหัวเราะ “ในเมื่อคุณคิดได้ แล้วพวกเราคนกลุ่มใหญ่จะไม่สามารถคิดสิ่งเดียวกันนี้ได้เชียวหรือ? เมื่อเราออกจากบริษัท แน่นอนว่าเราพาทีมไปด้วย!”
หลินม่ายพยักหน้า “ที่แท้คุณก็ต้องการนำทีมออกไป เพื่อทำลายบริษัทกุยตัน และทำลายฉันนี่เอง”
ผู้บริหารระดับสูงรู้สึกสูญเสียเมื่อเห็นทัศนคติของเธอ
มีเพียงฉู่ฟู่สือเท่านั้นที่มองหลินม่ายด้วยความไม่สบายใจ ผู้หญิงคนนี้มีแผนสำรองงั้นเหรอ? จะเป็นไปได้อย่างไร!
ผู้เฒ่าสองคนยืนขึ้นเพื่อเกลี้ยกล่อมพวกเขาให้สงบศึก “ม่ายจื่อ บางทีก็ถอยออกมาและเปิดใจบ้างก็ดี ทำไมต้องเผชิญหน้ากันล่ะ ยอมรับเงื่อนไขแล้วกอบกู้บริษัทจะดีกว่า”
หลินม่ายพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าคุณมีน้ำใจจริง ๆ ทำไมคุณไม่หยุดคนเหล่านี้ไม่ให้นัดหยุดงาน กระทั่งคุณเองก็ยังมาปรากฏตัวในทีมนัดหยุดงานไม่ใช่หรือไงคะ?”
ผู้เฒ่าทั้งสองไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหุบปาก
ผู้บริหารชี้หน้าหลินม่ายและพูดด้วยความโกรธ “ถ้าคุณยืนกรานจะพูดแบบนั้น ก็อย่ามากล่าวโทษที่เราไร้ปรานี!”
เขาหันหลังกลับและขอให้ทีมออกไปพร้อม ๆ กัน เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้บริหารคนอื่นจึงเริ่มทำตาม
พวกเขาอยากรู้ว่าหลินม่ายจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน
เมื่อพวกเขาจากไปพร้อมกับทีม หลินม่ายจะต้องตื่นตระหนกอย่างแน่นอน จากนั้นเธอจะมาขอร้องพวกเขาให้กลับไป พวกเขาจะต้องให้บทเรียนกับเธอและทำให้เธอเข้าใจว่า พวกเขาซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถลงโทษอย่างง่ายดายเช่นนี้!
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้บริหารเหล่านั้นต้องการเอาทีมของตนออกไป กลับไม่มีลูกทีมคนใดติดตามพวกเขาเลย
นักข่าวที่สัมภาษณ์หลินม่ายก่อนหน้าถ่ายรูปผู้บริหารระดับสูงหลายคนที่แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวและน่าเกลียด
หลินม่ายเม้มปากเล็กน้อยขณะฟังเสียงคำรามของผู้บริหารเหล่านั้น เนื่องจากทีมของพวกเขาปฏิเสธที่จะติดตามออกไป
บ่ายเมื่อวานหลังจากได้รับโทรศัพท์จากหงเจี้ยนฉี เธอก็ได้ดำเนินการทันที นอกเหนือจากการโฆษณาเพื่อรับสมัครงานแล้ว เธอยังโทรหาสมาชิกในทีมทุกคนโดยให้เหตุผลและเสนอรางวัลจูงใจ
ให้พวกเขาเข้าใจว่าเธอเป็นนายทุนและเป็นผู้ที่สามารถให้อนาคตที่ดี รวมถึงเงินค่าจ้างที่พวกเขาต้องการ
คนอื่นอยากจะเข้ายึดบริษัท แต่เธอกลับปล่อยให้บริษัทและผู้ที่มีเจตนาไม่ดีพินาศไปด้วยกัน
จากนั้นพวกเขาจะสูญเสียงานที่ได้ค่าตอบแทนสูงและอนาคตอันสดใส
หรือพวกเขาอยากหางานทำใหม่?
แล้วดูชะตากรรมของผู้บริหารที่ถูกไล่ออก บริษัทไหนจะอยากได้พนักงานที่กบฏเหล่านี้?
สมาชิกในทีมเหล่านั้นเชื่อใจหลินม่าย ดังนั้นจึงไม่มีใครออกจากบริษัท
ท้ายที่สุด หลินม่ายก็เสนอผลประโยชน์ที่แท้จริงให้พวกเขา ในขณะที่ผู้บริหารแค่พยายามขายฝัน
เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองฝั่งแล้ว สมาชิกในทีมจึงตัดสินใจเลือกสิ่งที่ถูกต้องได้ไม่ยาก
เคอจื่อฉิงและสามีที่นั่งอยู่หน้าทีวีพลันเช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผาก
หุ้นของบริษัทกุยตันอาจทรุดตัวลงจนยากจะแก้ไขหากมันยังคงร่วงต่อไป
โชคดีเหลือเกินที่ในช่วงเวลาวิกฤตก็มีเวลาให้พักหายใจ
ภายในบริษัทกุยตัน หลินม่ายได้กลับมายังสำนักงานของเธอ
ผู้บริหารที่เคยเผชิญหน้าและต้องการให้หลินม่ายยอมจำนน เวลานี้พวกเขารวมตัวกันด้านหน้าพลางก้มศีรษะลง ราวกับว่าพวกเขากำลังไว้ทุกข์ให้กับลูกหลาน
หลินม่ายเงยหน้าขึ้นมองผู้บริหารเหล่านั้นด้วยสีหน้าเฉยเมย “ถ้าพวกคุณมาที่นี่เพื่อลาออก เชิญไปที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้เลยค่ะ”
ผู้บริหารระดับสูงพูดอย่างกล้าหาญว่า “พวกเราจะ… จะไม่ลาออก…”
หลินม่ายหัวเราะเยาะ “ไม่ลาออก เพราะอับอายเกินกว่าจะทำหรือคะ? ในเมื่อฉันเป็นคนมีจิตใจดี ฉันจะรับบทเป็นตัวร้ายเพื่อพวกคุณเอง ฉันจะไล่คุณออกทั้งหมด เชิญพวกคุณออกจากบริษัทได้เลยค่ะ”
ผู้บริหารเหล่านั้นตื่นตระหนก “คุณหลิน ระ… เรา… อยากอยู่ต่อ~”
“พวกคุณนัดหยุดงานและข่มขู่ฉัน ทำไมฉันต้องเก็บพวกคุณไว้ด้วยคะ?”
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้บริหารระดับสูงก็กล่าวคำเบา “คุณหลินลดตำแหน่งพวกเราก็ได้ครับ”
“การลดขั้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ และคุณต้องบรรลุผลภายในหนึ่งสัปดาห์จึงจะมีโอกาสอยู่ต่อ ฉันพูดทุกอย่างแล้ว เชิญออกไปด้วยค่ะ”
หลินม่ายจัดการเรื่องนี้โดยมีจุดประสงค์
หากต้องการให้หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น จะต้องปล่อยให้นักลงทุนได้รับความมั่นใจว่าหุ้นของบริษัทกุยตันจะกลับคืนมา
นักลงทุนจะฟื้นความมั่นใจในหุ้นของบริษัทกุยตันได้อย่างไร? แน่นอนว่าบริษัทกุยตันจะต้องทำผลงานให้ดี
นั่นเป็นเหตุผลที่หลินม่ายเสนอต่อผู้บริหารเหล่านั้นว่า หากต้องการทำงานที่บริษัทกุยตันต่อ พวกเขาต้องทำผลงานให้บรรลุผลภายในหนึ่งสัปดาห์
แม้ว่าทีมจะสามารถสร้างความสำเร็จและทำให้หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นได้ แต่ความเร็วจะไม่เร็วเท่ากับผู้บริหารที่มีความสามารถอย่างแน่นอน
และหลินม่ายต้องการให้หุ้นขึ้นอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นจะทำให้บริษัทขาดทุนมากเกินไป
แม้ว่าเงื่อนไขที่หลินม่ายเสนอจะค่อนข้างยาก แต่ก็มีโอกาสทำให้สำเร็จได้
หากไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จ มันจะเป็นข้ออ้างในการไล่ผู้บริหารไร้ความสามารถกลุ่มหนึ่งออก เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับผู้มีความสามารถระดับสูงเข้ามาแทนที่
ส่วนผู้บริหารที่มีความสามารถและอยู่ต่อหลังเสร็จงาน หลินม่ายจะคอยจับตาดูพวกเขา
หากสามารถทำงานได้อย่างซื่อตรงต่อจากนี้ไป มันก็ไม่เลวเลยที่จะให้พวกเขาอยู่ต่อ
แต่ถ้ายังมีเจตนาชั่วร้าย ก็จะตัดท่อน้ำเลี้ยงแล้วปล่อยให้แห้งเฉาไป
เธอจะปฏิบัติต่อพนักงานทุกคนอย่างมีเมตตา หรือจะปฏิบัติต่อพนักงานอย่างร้ายกาจก็ได้ มันขึ้นอยู่กับความภักดีของพนักงานที่มีต่อเธอ
หลังจากส่งผู้บริหารระดับสูงเหล่านั้นออกไปแล้ว พนักงานเก่าแก่กลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา
พนักงานกลุ่มนี้เข้าร่วมการนัดหยุดงานในตอนเช้าและเพิ่งถูกหลินม่ายไล่ออกไป
ส่วนใหญ่อยู่ในวัย 50 ปี และจะเกษียณอายุในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า พวกเขาจะได้รับโบนัสเกษียณอายุจำนวนมากจากบริษัท ซึ่งอาจเป็นเงินนับล้านเหรียญสหรัฐ
แต่เมื่อถูกไล่ออกก่อนเกษียณ เงินเหล่านั้นจะต้องหลุดมือไป
ตอนนี้พวกเขามารวมตัวกันเพื่อขอร้องให้หลินม่ายปล่อยให้พวกเขาทำงานในบริษัทต่อไปอีกสองถึงสามปี แม้ว่าพวกเขาจะทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพเหมือนเด็กรุ่นใหม่ แต่ตราบใดที่พวกเขาทำงานจนเกษียณอายุ ก็จะได้รับโบนัสหลังเกษียณได้
โบนัสหลังเกษียณนี้ถูกกำหนดโดยเจ้านายคนก่อน เพื่อขอบคุณพนักงานเก่าแก่เหล่านี้ที่แบ่งปันความสุขและความเศร้ามาด้วยกัน
มีผู้อาวุโสเพียงประมาณสามสิบคน และรางวัลเกษียณอายุหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐต่อคนนั้นไม่มีความหมายสำหรับหลินม่ายเลย
แต่ผู้อาวุโสเหล่านี้เข้าร่วมนัดหยุดงานเพื่อทรยศต่อป้าของเธอ และต้องการเพิกเฉยต่อเธอ ดังนั้นหลินม่ายจึงไม่เต็มใจมอบโบนัสหลังเกษียณให้พวกเขา
หลินม่ายพูดอย่างเย็นชา “ตอนที่ป้าของฉันเสนอเงินโบนัสนี้ หล่อนมีเงื่อนไขว่าคนเหล่านั้นจะต้องภักดีต่อบริษัทและไม่ทำลายผลประโยชน์ของบริษัท แต่พวกคุณทำไปแล้วไม่ใช่หรือไง?”
เหล่าผู้อาวุโสพูดไม่ออก
ชายอาวุโสคนหนึ่งพูดอย่างระมัดระวัง “เราภักดีต่อบริษัทมาตลอดชีวิต และเราทำผิดพลาดเพียงครั้งเดียว คุณหลินจะไม่ให้อภัยพวกเราเลยหรือ?”
น้ำเสียงของหลินม่ายเย็นเยือก “พวกคุณลองไปดูหุ้นของบริษัทสิคะ หากคุณชดเชยหุ้นที่หายไปทั้งหมดภายในสามวันได้ ฉันจะยอมปล่อยพวกคุณไป”
แต่ใครจะสามารถทำแบบนั้นได้?
เหล่าผู้อาวุโสไม่สามารถทำอะไรได้ และต้องจากไปด้วยความสิ้นหวัง
แท้จริงพวกเขารู้ดีแก่ใจ ด้วยบุคลิกที่แข็งแกร่งของหลินม่าย เธอจะยอมให้อภัยพวกเขาได้อย่างไร?
พวกเขามาที่นี่เพื่อลองเสี่ยงโชค เผื่อว่าหลินม่ายจะยอมใจอ่อนและยกโทษให้พวกเขา
พวกเขาได้ยินมาว่าหลินม่ายมักทำการกุศลในประเทศจีน จึงคิดว่าคนที่ชอบทำการกุศลไม่ควรจะโหดร้ายขนาดนี้
โดยไม่คาดคิด หัวใจของหลินม่ายแข็งกระด้างราวกับเหล็ก และถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องยอมแพ้อย่างสมบูรณ์
ไม่นานหลังจากกลุ่มผู้อาวุโสจากไป เคอจื่อฉิงก็โทรมาหา
หล่อนพูดผ่านทางโทรศัพทด้วยความตื่นเต้น และต้องการชวนหลินม่ายออกไปเฉลิมฉลอง
แต่หลินม่ายปฏิเสธอย่างสุภาพ และบอกว่าเมื่อเธอมีเวลา เธอจะทำอาหารแสนอร่อยและเลี้ยงพวกเขาเอง
ตอนนี้การนัดหยุดงานได้รับการแก้ไขในที่สุด เธอยังคงต้องรับสมัครผู้มีความสามารถระดับสูงและฟื้นฟูหุ้น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการ เธอจึงไม่มีเวลารับประทานอาหารเย็นกับเคอจื่อฉิงและสามี
หลังจากเลิกงานช่วงบ่าย หลินม่ายกลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้า คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางไม่ค่อยได้ดูทีวีที่บ้าน เพราะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ จึงไม่รู้ว่าเธอต้องผ่านวันที่ยากลำบากมา
เมื่อเห็นว่าเธอเหนื่อยมาก คุณย่าฟางรู้สึกเป็นห่วง จึงขอให้น้าถูทำซุปรังนกให้หลินม่ายกิน
ทีวีถูกแขวนไว้บนผนังแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่ฟางจั๋วหรานทำงาน เพื่อบรรเทาความตึงเครียดของผู้ป่วย
เขาจึงรู้ว่าหลินม่ายต้องผ่านอะไรมาบ้างในบริษัทวันนี้
เขารู้สึกเห็นใจหลินม่ายอย่างมาก ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ และตัวเขากลับช่วยอะไรไม่ได้
วิธีระบายความทุกข์คือการใช้ภาษากายบอกรักหลินม่ายบนเตียงให้นานขึ้น
หลินม่ายรู้สึกว่าฟางจั๋วหรานกลายเป็นสัตว์ร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ~
บรรดาผู้บริหารที่ได้รับโอกาสแก้ตัวได้ทำงานอย่างหนัก เพื่อปรับปรุงผลการดำเนินงานของบริษัท และเพื่อที่จะอยู่ทำงานที่นี่ต่อไป
หนึ่งในสามของพวกเขามีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่หลินม่ายเสนอ และส่งผลให้หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลินม่ายรักษาสัญญา และเก็บผู้บริหารระดับสูงไว้ทั้งหมดหนึ่งในสาม นอกจากนี้พวกเขาแต่ละคนยังได้รับโบนัสก้อนโตอีกด้วย
หลินม่ายดำเนินธุรกิจมาสองช่วงชีวิตแล้ว เธอจึงมีเคล็ดลับมากมายในการเอาชนะใจผู้คน
ผู้คนที่เดิมทีจะถูกไล่ออกแต่ได้รับโอกาสให้อยู่ต่อ แล้วยังได้รับรางวัลใหญ่โดยไม่คาดคิด ใครบางจะไม่รู้สึกขอบคุณ?
ตราบใดที่คุณรู้สึกขอบคุณ คุณก็จะภักดีต่อบริษัทมากที่สุด
สำหรับสองในสามที่ล้มเหลวในการสร้างผลงาน หลินม่ายได้ให้เวลาพวกเขาอีกหนึ่งสัปดาห์ หากยังไม่บรรลุผลที่ตั้งไว้ เธอจะไล่พวกเขาออกทั้งหมด
หลินม่ายจะไม่ยอมให้เกิดความไร้ประสิทธิภาพต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากผ่านไปสองสัปดาห์ ทีมที่เหลือจะค่อย ๆ พัฒนาเข้ามาแทนที่ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องรักษาบุคลากรที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าเหล่านี้ไว้
หลินม่ายค้นพบว่าผู้บริหารระดับสูงเกือบทั้งหมดในบริษัทเป็นรุ่นน้องของกลุ่มผู้อาวุโส เธอจึงถามหงเจี้ยนฉีว่าเกิดอะไรขึ้น
ลุงหงบอกว่าเธอว่า นี่เป็นความผิดทั้งหมดของฉู่ฟู่สือ
เขาจงใจรับพนักงานรุ่นน้องขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงเพื่อที่จะชนะใจผู้คน
หงเจี้ยนฉีกล่าว “คุณคงไม่คิดหรอกใช่ไหมว่าผู้อาวุโสและผู้บริหารที่นัดหยุดงานเหล่านั้นถูกหลอกโดยคำพูดของฉู่ฟู่สือ? เราทุกคนเป็นคนฉลาด เช่นนั้นจะยอมให้ถูกหลอกและเอาเปรียบง่าย ๆ ได้อย่างไร? ไม่ใช่เพราะฉู่ฟู่สือสัญญาว่าจะมอบประโยชน์จากการประท้วงหรอก แต่เพราะไม่มีใครบริสุทธิ์ใจ”
หลินม่ายคิดทบทวนคำพูดนั้นอีกครั้ง ผู้คนถูกดึงดูดเข้าหากันด้วยผลกำไร และพวกเขาก็แยกย้ายกันไปเพื่อแสวงหามัน
ในช่วงสัปดาห์นี้ หลินม่ายเสร็จสิ้นภารกิจการสรรหาบุคลากรมีความสามารถสูง และบริษัทก็ค่อย ๆ กลับสู่เส้นทางเดิม
หลินม่ายไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับบริษัทเหมือนก่อนหน้า ตราบใดที่จัดการผู้บริหารระดับสูงได้ดี มันย่อมสามารถเดินต่อไปได้
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ได้เวลาแสดงฝีมือแก้ไขวิกฤตที่ทำมาแล้ว ทำได้ก็ได้อยู่ต่อ ทำไม่ได้ก็โดนเด้งล่ะ
ไหหม่า(海馬)