แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1081 ไม่คำนึงถึงมิตรภาพในอดีต
ตอนที่ 1081 ไม่คำนึงถึงมิตรภาพในอดีต
ตอนที่ 1081 ไม่คำนึงถึงมิตรภาพในอดีต
ในที่สุดชายชราชื่อว่ากู่เยว่จี้ก็ลุกขึ้นยืน
เขาถามหลินม่ายด้วยความโกรธ “คุณรู้ไหมว่าตัวเองกำลังอะไรอยู่? ถ้าไล่เราออก บริษัทนี้จะต้องจบสิ้น! ความพยายามตลอดชีวิตของเจ้านายเก่าจะสูญเปล่าทั้งหมด!”
หลินม่ายแสดงสีหน้ารังเกียจ “เอาล่ะ อย่าแสร้งทำเป็นเศร้าเสียใจเพื่อบริษัทเลย ทำราวกับว่าคุณใส่ใจความรู้สึกของป้าฉันอย่างนั้นแหละ หากคุณใส่ใจบริษัทและป้าที่เสียชีวิตของฉันจริง คุณคงไม่นัดหยุดงานแบบนี้ เห็นชัดว่าคุณต้องการฆ่าบริษัทและทำให้ความพยายามทั้งชีวิตของคุณป้าต้องสูญเปล่า แต่คุณกลับโยนความผิดมาที่ฉัน! เลิกสวมหน้ากากคนดีเถอะค่ะ เพราะคุณกำลังเรื่องตลกให้คนอื่นหัวเราะเยาะเท่านั้น!”
“คุณ!” กู่เยว่จี้หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่สามารถหาคำพูดมาปฏิเสธได้
ความน่าเกรงขามของหลินม่ายแผ่ออกอย่างเต็มที่ เธอก้าวออกไปข้างหน้า “ฉันทำไมคะ? สิ่งที่ฉันพูดไปไม่ใช่ความจริงหรือยังไง? อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้ถึงความร้ายแรงของการนัดหยุดงาน ตอนนี้หุ้นของบริษัทเรากำลังตกต่ำ และคุณมีส่วนทำให้มันเป็นแบบนั้นอย่างมาก ฉันจะเล่นงานคุณจนถึงที่สุด แล้วดูสิว่าคุณจะเผชิญหน้ากับคุณป้าของฉันได้ยังไง!”
กู่เยว่จี้โกรธมากจนหัวใจบีบรัดและแทบไม่สามารถนั่งนิ่งได้ หลินม่ายหันไปสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาเขาไปโรงพยาบาล
หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เคยตอบรับโทรศัพท์ทันที ตอนนี้ราวกับหูหนวกและไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ
หลินม่ายไม่ได้สนใจเขา เธอได้จัดเตรียมการรักษาความปลอดภัยเพื่อนำบุคคลดังกล่าวไปโรงพยาบาลทันที เพียงแต่ว่าอำนาจของเธอถูกถอดถอน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเธออีกต่อไป ซึ่งทำให้เธอรู้สึกหมดหนทาง
เนื่องจากมีนักข่าวให้การเป็นพยานมากมาย เธอจึงไม่กลัวว่าหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะปฏิเสธ
หลินม่ายไม่รีบร้อน แต่มีบางคนที่รีบร้อนกว่า
เพื่อป้องกันไม่ให้หลินม่ายสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโจมตี ฉู่ฟู่สือจึงติดสินบนหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างลับ ๆ และกำชับคำสั่งไว้ว่า ในวันที่เกิดการนัดหยุดงาน หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องฟังคำสั่งของเขาเท่านั้น
ทว่าหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูเหมือนจะขาดความสามารถในการปรับตัว เขาควรจัดลำดับความสำคัญของสถานการณ์มากกว่าการปฏิบัติตามคำสั่ง หากว่าเขาเพิกเฉย มันจะไม่กลายเป็นการเปิดเผยตัวตนหรือ?
เขาขยิบตาให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายครั้ง แต่ชายคนนี้กลับยังคงนิ่งเฉย
ฉู่ฟู่สือลอบกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ
การเลื่อนตำแหน่งให้ชายผิวดำขึ้นเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถือเป็นความผิดพลาดอย่างยิ่ง ชายคนนี้อ่านสถานการณ์ไม่ออกด้วยซ้ำ
หากเป็นคนจีน เขาคงจะเข้าใจว่าความหมายได้ทันที
ฉู่ฟู่สือตัดสินใจอย่างลับ ๆ เมื่อการนัดหยุดงานสิ้นสุดลง เขาจะเลือกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนจีนขึ้นเป็นหัวหน้า และเตะชายผิวดำคนนี้ไปให้พ้น
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการส่งกู่เยว่จี้ไปโรงพยาบาล หากเขาเสียชีวิตในสถานที่นัดหยุดงาน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะไม่สามารถหลบหนีจากความผิดได้และเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย ครอบครัวของกู่เยว่จี้จะเอาผิดเขาด้วย มันไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีเลย
เขาแอบสาปแช่งกู่เยว่จี้ในใจว่าไร้ประโยชน์ ชายคนนี้ดันโกรธหลินม่ายจนตัวเองทนไม่ได้
เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยืนขึ้นและขอให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบพากู่เยว่จี้ที่กำลังหายใจไม่ออกและดูเหมือนกำลังจะตายไปโรงพยาบาลทันที
หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสั่งให้คนของเขารีบพาตัวกู่เยว่จี้ออกไป
หลินม่ายหัวเราะเบา ๆ และพูดกับฉู่ฟู่สืออย่างมีความนัย “ฉันเป็นผู้บริหารสูงสุดที่มีเกียรติและเป็นภรรยาของเจ้าของบริษัท แต่คุณกลับสั่งการคนในบริษัทได้ง่ายดาย!”
ฉู่ฟู่สือรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขากำลังถูกหลินม่ายสงสัย
เขาแสร้งทำเป็นจริงใจและพูดว่า “คุณหลิน อย่าโทษพวกเราที่นัดหยุดงาน นั่นเป็นเพราะคุณไม่สนใจมิตรภาพเก่า ๆ และพฤติกรรมของคุณก็โหดเหี้ยมเกินไป!”
หลินม่ายนั่งลงบนโซฟาและมองดูฉู่ฟู่สือซึ่งอยู่ในวัยหกสิบเศษและยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เธอไม่แสดงท่าทางเคารพเขาเยี่ยงผู้สูงวัยแม้แต่น้อย
“บอกมาสิ ฉันไม่สนใจมิตรภาพเก่า ๆ อย่างไรคะ? แล้วฉันทำตัวโหดเหี้ยมเกินไปตรงไหน?”
“ท้ายที่สุดเราได้ต่อสู้ร่วมกับเจ้านายเก่ามาตั้งนาน คุณกลับไล่พวกเราออกหรือไม่ก็ลดตำแหน่งผู้บริหารที่ทำผิดพลาดเพียงน้อยนิด คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?”
มันเป็นความคิดที่คร่ำครึมาก!
ฉู่ฟู่สือต้องการพูดต่อ แต่หลินม่ายขัดเขาก่อน
“แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้คะ? ฉันจะลงโทษลูกหลานเวลาที่เขาทำผิดพลาดไม่ได้เหรอคะ? ทำแบบนั้นแล้วฉันจึงกลายเป็นคนใจร้ายและไม่นึกถึงความสัมพันธ์ในอดีตหรือ? อย่าพูดเรื่องบุญคุณกับฉันอีก หลังจากที่คุณป้าของฉันเสียชีวิต คุณบริหารบริษัทของจั๋วหรานเป็นเวลาหลายปี เราได้เสนอค่าตอบแทนค่อนข้างสูงให้คุณแล้วไม่ใช่หรือไง? และฉันไม่ได้มอบรางวัลให้คุณเมื่อเข้ามาบริหารหรือคะ? เราได้ตอบแทนความพยายามของคุณแล้ว ถ้าอยากจะพูดถึงบุญคุณจริง ๆ ป้ากับลุงของฉันต่างหากที่ใจดีกับคุณอย่างมาก หากไม่มีผู้อาวุโสสองคนนี้ ใครจะรับประกันได้ว่าคุณจะยังมีชีวิตอยู่ และมีโอกาสโจมตีฉันด้วยการนัดหยุดงาน? ป้าและลุงของฉันใจดีกับคุณมาก คุณกลับตอบแทนพวกเขาแบบนี้เหรอ?”
ผู้เฒ่าหลายคนในห้องต่างก้มหน้าลงด้วยความอับอาย
หลินม่ายมองลึกเขาไปในดวงตาของฉู่ฟู่สือ “วันนี้คุณนัดหยุดงานเพียงเพื่อประณามฉันเหรอคะ?”
เธอมองไปยังผู้ฟังที่อยู่รอบ ๆ “ฉันคงต้องขออภัย ฉันไม่สามารถยอมรับการประณามนี้ได้! พวกคุณเองไม่ใช่เหรอที่กล่าวหาว่าฉันไม่รักษามิตรภาพเก่า ๆ และไร้ความปรานี? ถ้าอย่างนั้นฉันจะแสดงให้คุณเห็นว่า การไม่เห็นแก่มิตรภาพในวันวานและไร้ปรานีหมายความว่ายังไง! แน่นอนว่าฉันเห็นแก่มิตรภาพเก่า ๆ ฉันจึงไล่ออกหรือลดตำแหน่งผู้บริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการยักยอกเงินของหลี่ตงซินเท่านั้น และไม่คิดลงโทษคนอื่น แต่ในเมื่อพวกคุณบอกว่าฉันไม่คิดถึงมิตรภาพในอดีต ดังนั้นฉันจะเป็นแบบที่พวกคุณกล่าวหา ฉันจะใช้กฎหมายเรียกร้องค่าชดเชยกับผู้บริหารทุกคนที่ถูกฉันไล่ออกหรือลดตำแหน่ง”
มีสุภาษิตในสหรัฐอเมริกาที่ว่า ความเกลียดชังที่ถูกฆ่าพ่อให้อภัยได้ แต่ความเกลียดชังที่ถูกช่วงชิงทรัพย์สินไม่อาจลืมได้
นี่แสดงให้เห็นว่าชาวตะวันตกให้ความสำคัญกับทรัพย์สินเป็นอย่างมาก
ดังนั้นในประเทศสหรัฐอเมริกา บทลงโทษสำหรับการยักยอกทรัพย์สินของบริษัทจึงมีความรุนแรงมาก ทั้งโทษจำคุก ค่าชดเชย และค่าปรับจำนวนมาก…
ด้วยโทษทั้งหมด มันมากเกินกว่าจะรับได้
ในทำนองเดียวกัน บุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ดังกล่าวจะต้องรับผิดชอบทางกฎหมายอย่างหนักเช่นกัน
ผู้บริหารที่ถูกไล่ออกหรือลดตำแหน่งต่างก็นัดหยุดงาน
หลังจากฟังคำพูดของหลินม่าย ทุกคนพลันทุกข์ระทม
การถูกไล่ออกและถูกลดตำแหน่งเป็นเรื่องที่น่าสังเวชมากแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารที่ถูกไล่ออกเนื่องจากการยักยอกเงินทุนของบริษัท แทบไม่มีบริษัทไหนยินดีจ้างพวกเขา และพวกเขาก็สูญเสียแหล่งรายได้ไปทั้งชีวิต
ตอนนี้หลินม่ายต้องการยื่นฟ้องเพื่อให้พวกเขาชดใช้ค่าเสียหาย สำหรับพวกเขา มันยิ่งเป็นการซ้ำเติม
เงินมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐถูกจัดสรรแบ่งกันไป หากเพิ่มค่าปรับ แต่ละคนจะต้องจ่ายเงินหนึ่งหรือสองล้าน ซึ่งไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย!
ฉู่ฟู่สือยืนขึ้นและพูดแทนผู้บริหารทุกคนที่ถูกไล่ออกหรือถอดออกจากตำแหน่ง
เขารู้สึกพึงพอใจ การกล่าวแทนผู้บริหารระดับสูงที่ถูกไล่ออกหรือลดตำแหน่งในเวลานี้อาจทำให้เขาได้รับการสนับสนุนจากหลาย ๆ คน
ตราบใดที่ผู้คนสนับสนุนเขา แม้วันนี้เขาจะสู้หลินม่ายไม่ได้ แต่พรุ่งนี้เขาจะทำได้!
เมื่อรู้ว่าทุกคนต้องการโค่นล้มเธอ จึงเพิ่มความขัดแย้งโดยกำหนดให้ผู้บริหารระดับสูงเหล่านั้นต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย การเคลื่อนไหวของหลินม่ายช่วยเขาได้มาก!
ฉู่ฟู่สือกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ แต่เขาแสดงสีหน้าจริงจังและพูดว่า “หลี่ตงซินยักยอกเงินทุนสาธารณะ เหล่าผู้บริหารที่ถูกไล่ออกและถูกลดตำแหน่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ นอกจากนี้ บัญชีเท็จยังสมบูรณ์แบบมาก ความประมาทเลินเล่อของพวกเขาเป็นสิ่งที่ให้อภัยกันได้ แต่คุณกลับบังคับใช้กฎหมายเล่นงานพวกเขาแบบนี้ได้ยังไง?”
หลินม่ายมองเขาด้วยสายตาเชือดเฉือน “นี่เป็นวันแรกที่คุณเข้าสังคมเหรอคะ? สำหรับผู้ชายที่อายุเกือบหกสิบปี คำพูดที่ดูไม่ประสาเช่นนั้น ฉันนึกว่าเป็นเด็กหกขวบที่พูดออกมา การพูดในนามของผู้บริหารที่ถูกไล่ออกและถูกลดตำแหน่ง คุณกำลังพยายามเอาชนะใจผู้คนและเพิกเฉยต่อฉัน เพื่อที่คุณจะได้เข้ามาแทนที่ฉันใช่ไหมคะ?
“ไม่ใช่!” ฉู่ฟู่สือปฏิเสธอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด
เขาไม่ต้องการให้ความทะเยอทะยานของเขาถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
ถ้าทุกคนรู้เกี่ยวกับความทะเยอทะยานของเขา ใครจะอยากช่วยเขาอีก?
โดยเฉพาะพนักงานเก่าแก่เหล่านั้น เกรงว่าพวกเขาอาจจะคิดในใจ ถ้าคุณเป็นผู้นำได้ ฉันก็ทำได้ ทำไมฉันต้องให้นายอยู่ในตำแหน่งด้วย?
เมื่อถึงตอนนั้น พลังที่เขารวบรวมมาเพื่อโค่นล้มหลินม่ายจะพังทลายลงในที่สุด
“คุณบอกว่าไม่ใช่ แต่ฉันคิดว่าใช่ค่ะ” หลินม่ายกล่าว “คุณพูดแทนพวกเขา ไม่ใช่แค่ต้องการให้พวกเขาซาบซึ้งน้ำใจ แต่ยังทำให้ผู้บริหารคนอื่น ๆ รู้สึกดีกับคุณด้วย กระแสคลื่นแห่งการชนะใจผู้คนครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดีมาก”
ฉู่ฟู่สือพยายามพูดปฏิเสธ “หากคุณยืนกรานจะเชื่อแบบนั้น ผมคงทำอะไรไม่ได้ แต่ผมมีมโนธรรมที่ชัดเจนพอ”
“จริงหรือคะ?” หลินม่ายหัวเราะเบา ๆ “ถ้าอย่างนั้นช่วยอธิบายหน่อยว่า ทำไมหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึงเชื่อฟังคุณ แต่กลับไม่เชื่อฟังฉัน?”
ฉู่ฟู่สือกัดฟันแน่นและพูดว่า “ผมจะไปรู้ได้ยังไง”
หลินม่ายพูด “ในเมื่อคุณไม่รู้ เราจะเรียกหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาตรวจสอบ”
มีนักข่าวยืนดูในที่เกิดเหตุจำนวนมากเกินไป ฉู่ฟู่สือต้องการบอกว่าให้หลินม่ายตรวจสอบหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในภายหลัง แต่เขาก็ทำไม่ได้
หลังจากนั้นไม่นาน หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ถูกพาตัวมา
หลินม่ายพูดกับหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า “ฉันไล่รองประธานฉู่ออกแล้ว และฉันเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดในบริษัท บอกฉันมาว่าทำไมก่อนหน้านี้คุณไม่ฟังคำพูดของฉันตอนที่ขอให้พาคุณลุงกู่ไปโรงพยาบาล? หากไม่บอกความจริง คุณจะต้องลงเอยเหมือนกับฉู่ฟู่สือ”
หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองไปทางฉู่ฟู่สือด้วยความลังเล
หลินม่ายเดาะลิ้น “เรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังต้องรอคำสั่งของฉู่ฟู่สืออีกเหรอคะ ฉันขอพูดอีกครั้ง ฉู่ฟู่สือถูกฉันไล่ออกแล้ว หากยังอยากทำงานในบริษัท ก็รีบตอบคำถามของฉันมาตามความจริง”
ตอนนั้นเองที่ฉู่ฟู่สือและทุกคนตระหนักได้ว่า หลินม่ายไม่ได้พยายามขู่ให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กลัวว่าฉู่ฟู่สือจะถูกไล่ออก หากเขาไม่บอกความจริง
แต่ฉู่ฟู่สือถูกไล่ออกแล้วต่างหาก
ฉู่ฟู่สือถามหลินม่ายด้วยสีหน้าซีดเซียว “นี่คุณพูดจริงเหรอ?”
หลินม่ายพยักหน้าด้วยรอยยิ้มบาง
ใบหน้าฉู่ฟู่สือบิดเบี้ยวดูน่าเกลียดกว่าเดิม เขาโบกมือและพูดกับทุกคน “ไปกันเถอะ!” จากนั้นเขาเดินนำออกไป
หลินม่ายพูดขัดเขาจากด้านหลัง “นี่ คุณจะออกไปก็ได้ แต่โปรดเซ็นเอกสารรับรู้การถูกไล่ออกก่อนออกไปด้วยค่ะ”
ฉู่ฟู่สือแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินและเดินจากไป
ผู้บริหารคนอื่น ๆ เข้ามารวมตัวกันพลางกระซิบหารือ
หลังจากการหารือ ตัวแทนเข้ามากล่าวกับหลินม่ายด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณหลิน เราไม่ต้องจากไป ตราบใดที่คุณเพิกถอนคำตัดสิน ปล่อยให้ทุกคนที่ถูกไล่ออกหรือลดตำแหน่งกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม และไม่ดำเนินคดีทางกฎหมายกับ พวกเราจะทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อคุณและนายน้อยอย่างแน่นอน”
“ไม่ต้องมาขู่ฉันหรอกค่ะ ฉันไม่ได้โตมากับการกลัว” หลินม่ายยิ้ม “ฉันจะไม่เพิกถอนการตัดสินใจ และฉันไม่สนหรอกว่าคุณจะทำงานให้ฉันหรือไม่ พวกคุณควรลาออกไปซะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ในเมื่อบีบให้ม่ายจื่อต้องร้าย ก็ร้ายให้ดูแบบสมใจเลยทีนี้
ไหหม่า(海馬)
ปล. ขออภัยสำหรับความล่าช้านะคะ ตอนนี้ผู้แปลติดเชื้อไข้หวัดใหญ่มา ปวดหัวมาก เลยแปลช้าหน่อยค่ะ ผู้อ่านก็รักษาสุขภาพไว้ด้วยนะคะ