แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1075 หลี่ตงซินลอยนวล
ตอนที่ 1075 หลี่ตงซินลอยนวล
ตอนที่ 1075 หลี่ตงซินลอยนวล
หลินม่ายหันกลับไปถามพนักงาน “นั่นใช่โรสไหมคะที่อยู่บนเตียง?”
พนักงานคว้าแขนของเธอไว้แน่นด้วยความกลัวและพยักหน้าเล็กน้อย “ชะ… ใช่ค่ะ”
หลินม่ายหันไปบอกแจ็ค “โทรหาตำรวจ!”
ฟางจั๋วหรานผลักพนักงานที่หวาดกลัวออกจากที่เกิดเหตุอย่างใจเย็น จากนั้นจึงเข้ามาโอบกอดหลินม่ายไว้ในอ้อมแขน
เขากลัวว่าฉากน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้จะทำให้ภรรยาของเขาตกใจกลัว
หลินม่ายพบเจอกับฉากนองเลือดแบบนี้หลายครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาและเริ่มทำใจได้แล้ว ถึงจะกลัวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก
แต่เมื่อเห็นว่าฟางจั๋วหรานเป็นห่วง หัวใจของเธอก็รู้สึกอบอุ่นอย่างมาก
สักพักตำรวจก็มาถึงพร้อมแพทย์นิติเวช
แพทย์นิติเวชทำการตรวจเบื้องต้นสรุปว่าหล่อนเสียชีวิตจากการถูกแทงถึงหัวใจ
เจ้าของบ้านที่เป็นหญิงชราเห็นว่าบ้านของตัวเองกลายเป็นฉากฆาตกรรม เธอจึงดึงหลินม่ายออกไปเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย
หลินม่ายโบกมือปฏิเสธและเดินจากไป
หากหญิงชราผิวขาวคนนี้ไม่เลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและไม่ดูถูกคนอื่นเมื่อตอนที่เธอปรากฏตัวครั้งแรก หลินม่ายคงยินดีที่จะจ่ายเงินชดเชยบางส่วนแทนผู้เสียชีวิต
แต่ใครบอกให้หญิงชราทำตัวเลวร้ายถึงขนาดนี้ หลินม่ายไม่มีทางยอมเสียเงินให้หล่อนแม้แต่ดอลลาร์เดียวแน่นอน
หากบ้านของหญิงชราผิวขาวจะกลายเป็นบ้านผีสิง มันก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ
ผู้เสียชีวิตเป็นเพียงพนักงานของบริษัทของเธอ ไม่ใช่ญาติของเธอ แล้วเหตุใดเธอจึงต้องจ่ายค่าชดเชยด้วย?
ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับสหรัฐอเมริกา แม้แต่ในหมู่ญาติ ตราบใดที่ความสัมพันธ์ไม่ใช่ผู้ปกครอง ฝ่ายหนึ่งก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
อยากได้ค่าชดเชย ก็ไปหาฆาตกรเองสิ!
ตำรวจได้พาทุกคนทางฝั่งหลินม่ายไปที่สถานีตำรวจ และถามว่า ทำไมพวกเขาถึงคิดจะไปบ้านของโรสเพื่อดูว่าหล่อนตกอยู่ในอันตรายหรือไม่
หลินม่ายแสดงความสงสัยเกี่ยวกับหลี่ตงซิน
เนื่องจากพนักงานบริษัทกุยตันเสียชีวิตหลายคนในช่วงเวลาสั้น ๆ กระทั่งกลายเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง
สื่อและประชาชนต่างให้ความสนใจกับความคืบหน้าของคดี หลินม่ายสงสัยในตัวหลี่ตงซิน ตำรวจจึงได้ไปเยี่ยมบุคลากรที่เกี่ยวข้องทันที
ผลการสอบสวนเปิดเผยว่าในวันที่หลี่อี้หนานล้มป่วยกะทันหัน หลี่ตงซินซึ่งไม่ได้กลับบ้านบ่อยครั้ง แต่ดันบังเอิญอยู่ที่บ้านในวันนั้น
ในวันที่แม่บ้านของหลี่อี้หนานกระโดดลงจากชั้นสามของบ้าน หลี่ตงซินก็อยู่ที่บ้านของลุงเช่นกัน
สำหรับความบังเอิญอันน่าแปลกประหลาด ตำรวจจึงต้องจับกุมหลี่ตงซินและนำตัวเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
หลี่ตงซินมาถึงสถานีตำรวจโดยไม่มีท่าทางตื่นตระหนกเลย
ท้ายที่สุดแล้ว ตำรวจไม่สามารถแสดงหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเขาคือฆาตกรได้
เมื่อลุงของเขาเสียชีวิต มันแปลกอย่างไรที่เขาจะอยู่ที่บ้านของลุง?
ในฐานะญาติของลุง เขาอาศัยอยู่บ้านลุงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
แทบไม่มีหลักฐานใดสามารถเอาผิดเขาสำหรับการตายของลุงและแม่บ้าน
แม้ว่าหลี่ตงซินจะไม่ได้กลับบ้านบ่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่กลับบ้านเลย
เพียงแต่เป็นความบังเอิญที่การกลับบ้านสองครั้งนั้น ดันเป็นช่วงเวลาที่ลุงและแม่บ้านเสียชีวิต แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเขาเป็นฆาตกร
แม้ว่าสัญญาณทั้งหมดจะชี้ไปที่หลี่ตงซินในฐานะฆาตกร แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ตำรวจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรอสี่สิบแปดชั่วโมงและปล่อยตัวเขาไปตามกฎระเบียบ เว้นแต่ภายในสองวันนี้ตำรวจจะสามารถหาหลักฐานที่หักล้างไม่ได้ว่าหลี่ตงซินก่อเหตุฆาตกรรม
วันรุ่งขึ้น ขณะที่หลี่ตงซินยังอยู่ในสถานีตำรวจเพื่อถูกสอบสวน สื่อกระแสหลักได้เผยแพร่ข่าวด่วนว่าหลี่ตงซินกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆ่าลุงตัวเองและแม่บ้านของลุง
เพื่อหาหลักฐานตั้งแต่เนิ่น ๆ ระหว่างที่หลี่ตงซินถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หลินม่ายได้ยื่นคำร้องในการชันสูตรพลิกศพระหว่างรัฐของหลี่อี้หนานและแม่บ้านของเขา
การเสียชีวิตของหลี่อี้หนานและแม่บ้านของเขาทำให้เกิดความโกลาหลมากมาย และมีสื่อหลายสำนักที่ให้ความสนใจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เพียงอนุมัติคำร้อง แต่ยังอนุมัติมันอย่างรวดเร็ว ทำให้การชันสูตรพลิกศพดำเนินการไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เนื่องจากสหรัฐอเมริกามักจะอ้างว่าเป็นประเทศประชาธิปไตย จึงต้องแสร้งทำเป็นเสมอภาค
รายงานผลการตรวจเลือดของหลี่อี้หนานและแม่บ้านของเขาออกมาในวันรุ่งขึ้น ซึ่งยืนยันว่าการเสียชีวิตของพวกเขาเกิดจากยาตัวหนึ่ง
หลี่อี้หนานเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจซึ่งได้รับการรักษาอย่างดี ทว่าจู่ ๆ เขาก็เสียชีวิตด้วยโรคนี้ เพราะได้รับยาเกินขนาดกระทั่งโรคหลอดเลือดหัวใจกำเริบหนัก
ส่วนแม่บ้านนั้น หล่อนกินยานอนหลับจำนวนหนึ่ง ทำให้เกิดอาการมึนงง จนเป็นเหตุให้พลัดตกจากอาคารหรืออาจถูกใครบางคนผลักลงไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดีนี้ก่อนหน้านี้ พร้อมด้วยกรมตำรวจ กำลังถูกสอบสวนโดยสำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา
แต่ทั้งกรมตำรวจยืนยันว่าไม่มีใครติดสินบน และทั้งหมดเป็นความผิดพลาดในการตัดสินที่เกิดจากความชอบธรรมของตนเอง
เอฟบีไอต้องการทราบผลจากการสอบสวน และจะต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร
นอกจากนี้ เป้าหมายหลักของหลินม่ายไม่ใช่ตำรวจเหล่านี้
เป้าหมายของเธอคือการนำหลี่ตงซินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ลงโทษเขาเพื่อเป็นการตักเตือนผู้อื่น และพยายามป้องกันการทุจริตหรือการยักยอกเงินสาธารณะโดยบุคคลภายในบริษัท
กองทุนสาธารณะทั้งหมดนี้เป็นของฟางจั๋วหราน
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าหลี่อี้หนานและแม่บ้านกินยาอะไรไปจนถึงแก่ชีวิต หลินม่ายไม่รอให้ตำรวจสอบสวนอย่างเชื่องช้า เธอประกาศลงในหนังสือพิมพ์ หากผู้ใดหาเบาะแสเกี่ยวกับการซื้อยาทั้งสองของหลี่ตงซินได้ เธอจะตอบแทนเป็นเงินรางวัล
แม้ว่าหลี่ตงซินจะอยู่ที่สถานีตำรวจเป็นเวลาสองวัน แต่เขายังคงให้การปฏิเสธ และตำรวจไม่ได้ข้อมูลอะไรมาก
นอกจากนี้แม้จะสงสัยในตัวหลี่ตงซิน แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดที่จะพิสูจน์ว่าการตายของหลี่อี้หนานและคนอื่น ๆ เกี่ยวข้องกับเขา
สี่สิบแปดชั่วโมงต่อมา ตำรวจจำเป็นต้องปล่อยตัวเขาไปตามระเบียบ
ทันทีที่หลี่ตงซินได้รับการปล่อยตัวออกจากสถานีตำรวจ เขาก็ต้องตกใจและโกรธมากเมื่อเห็นประกาศรางวัลของหลินม่ายตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์รายใหญ่
เมื่อมีการออกประกาศรางวัลนำจับเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องประสบกับปัญหา
…
หลินม่ายเพิ่งรับประทานอาหารกลางวันกับครอบครัวเสร็จ ลุงฝูหยิบโทรศัพท์มือถือสองเครื่องออกมามอบให้หลินม่ายและฟางจั๋วหรานคนละเครื่อง
“ผมได้ยินมาจากแจ็คว่าโทรศัพท์มือถือของคุณหนูเสียหาย จึงซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่มาให้ แล้วก็ซื้อมาให้นายน้อยด้วยอีกเครื่อง ผมไม่แน่ใจว่าพวกคุณจะชอบไหม”
หลินม่ายรับโทรศัพท์และพลิกดูทางซ้ายและขวา ก่อนตอบกลับด้วยรอยยิ้มกว้าง “ชอบค่ะ ฉันชอบมันมาก”
ตอนนี้จีนเพิ่งใช้โทรศัพท์มือถือขนาดใหญ่เหมือนก้อนอิฐ แต่สหรัฐอเมริกามีโทรศัพท์มือถือที่สามารถถือได้ด้วยมือเดียวแล้ว
แม้รูปร่างจะยังคงหนาและหน้าจอเล็กนิดเดียว แต่ก็ยังนำหน้าเทคโนโลยีของประเทศจีนอยู่หลายช่วงตึก ซึ่งทำให้หลินม่ายกระตือรือร้นมากขึ้นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีชิปในประเทศของตัวเอง
ฟางจั๋วหรานรับโทรศัพท์มือถือที่ลุงฝูซื้อให้มาดู เขาชอบมันมากจนวางไม่ลง
ลุงฝูยังให้ที่อยู่ของโรงเรียนสอนขับรถที่เขาและภรรยาสมัครไว้ให้พวกเขาด้วย และขอให้พวกเขาเรียนขับรถเมื่อมีเวลาว่าง
แม้ว่าทั้งเขาและภรรยาสามารถขับรถได้ แต่กฎจราจรในสหรัฐอเมริกานั้นแตกต่างจากกฎจราจรในจีน ทั้งสองคนจะต้องขอใบอนุญาตขับรถของสหรัฐอเมริกาก่อนจึงจะขับรถที่นี่ได้
ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุข ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาดังมาจากประตูลานบ้าน
ด้วยระยะห่างจากประตูลานกับตัวบ้านที่ค่อนข้างไกล ทำให้พวกเขาได้ยินเสียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลินม่ายขอให้ลุงฝูออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ลุงฝูออกไปตรวจสอบดู และเดินกลับมาภายในเวลาไม่กี่นาที เขารายงานหลินม่ายว่า “เป็นหลี่ตงซินที่กำลังสร้างปัญหาอยู่ข้างนอก โดยบอกว่าเขาต้องการพบคุณหนู”
หลินม่ายครุ่นคิดเล็กน้อย “ให้เขาเข้ามาค่ะ”
ในไม่ช้า หลี่ตงซินก็ถูกพาเข้ามาในบ้าน
หลินม่ายวางโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งได้รับมาลง แล้วพูดอย่างเย็นชา “ได้ยินว่าคุณต้องการพบฉันเหรอคะ?”
หลี่ตงซินเดินเข้าไปหา แล้วกระแทกหนังสือพิมพ์ในมือของเขาลงต่อหน้าเธอ
ขณะที่เขากำลังจะพูด ฟางจั๋วหรานที่นั่งอยู่ด้านข้างหลินม่ายได้ยกเท้าถีบเขาออกไปก่อน “กล้าดียังไงถึงมาทำมารยาททรามต่อภรรยาของผมแบบนี้ คุณคงเบื่อชีวิตมากสินะ!”
จากนั้นหลี่ตงซินจึงรู้ว่าชายตรงหน้าคือเจ้านายของเขา
เขาลุกขึ้นจากพื้นและพูดอย่างเสียใจ “คุณชาย คุณไม่สามารถตำหนิผมที่ไม่เคารพผู้หญิงคนนั้น ใครบอกให้หล่อนสงสัยว่าผมเป็นฆาตกรล่ะ? พ่อของผมเสียชีวิตเพราะการทำงานหนักให้กับบริษัทของคุณมานานแล้ว ตัวผมเองยังอุทิศตนเพื่อบริษัทของคุณด้วย แล้วทำไมภรรยาของคุณถึงมาสงสัยว่าผมเป็นฆาตกร? ผมจะฆ่าลุงของตัวเองได้ยังไง คุณลุงท่านใจดีและเลี้ยงดูผมมาตลอด คุณผู้หญิงทำผิดต่อผมมากขนาดนี้ แล้วผมจะไม่อารมณ์เสียได้อย่างไร?”
ฟางจั๋วหรานแสร้งทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์และพูดด้วยใบหน้างุนงง “ภรรยาของผมก็ไม่ได้บอกว่าคุณเป็นฆาตกรนี่ เธอแค่ถามหาเบาะแสว่าคุณเคยซื้อยาสองตัวนั้นไหม ทำไมคุณถึงบอกว่าภรรยาของผมกล่าวหาคุณว่าเป็นฆาตกรอย่างผิด ๆ? ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนคุณกำลังพยายามปกปิดความผิดของตัวเอง?”
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดอย่างนอบน้อม “ผมกลัวว่าคุณผู้หญิงจะกล่าวหาผมผิด ๆ ดังนั้น… ผมจึงหุนหันพลันแล่นไปหน่อย”
หลินม่ายยกแก้วนมที่สาวใช้นำมาให้ ซึ่งว่ากันว่าขนส่งทางอากาศจากนิวซีแลนด์และมีราคาแพงกว่าทองคำ “อย่าตื่นตระหนกไปเลยค่ะ มือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้าง คุณไม่ต้องกังวลว่าจะถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ หากคุณไม่ได้ทำอะไรไม่ดี และอย่าคิดว่าจะหนีจากกฎหมายไปได้หากกระทำความผิดจริง”
หลี่ตงซินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจากไปด้วยความสิ้นหวัง
ภายในสองวัน ก็มีคนมาแจ้งเบาะแส
คนแรกที่ให้เบาะแสคือพนักงานขายจากร้านขายยา
หล่อนเป็นเด็กสาวผิวดำที่มีผิวคล้ำเป็นมัน ไว้ผมเดรดล็อค และชอบขยิบตาทุกครั้งที่พูด
หล่อนบอกกับหลินม่ายว่า หลี่ตงซินมาที่ร้านขายยาเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อซื้อยาที่กระตุ้นโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นยาตัวเดียวกับที่หลี่อี้หนานซื้อจากร้านขายยาของพวกเขา
หลินม่ายถามด้วยความสงสัย “คุณจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วได้อย่างชัดเจนขนาดนี้เลยหรือคะ?”
เด็กสาวผิวดำตอบ “ใบหน้าเอเชียที่หล่อเหลานั้นเด่นสะดุดตามาก ไม่ได้มีเพียงฉันที่จำเขาได้ ทุกคนในร้านขายยาของเราต่างก็จำเขาได้เช่นกัน”
หลังจากนั้น สาวใช้ในครอบครัวของหลี่อี้หนานได้ให้เบาะแสกับเธอเช่นกัน
หนึ่งวันก่อนที่เจ้านายของหล่อนจะล้มป่วย หล่อนเห็นหลี่ตงซินกำลังป้อนยาให้เขา
อย่างไรก็ตามหลี่ตงซินเคยให้ยาแก่เจ้านายมาก่อน หล่อนจึงไม่ได้จริงจังกับมันในเวลานั้น
หลังจากเห็นประกาศรางวัลของหลินม่าย หล่อนจึงนึกสงสัยหลี่ตงซินขึ้นมา
หลินม่ายถามอย่างสงสัย “ในเมื่อคุณเห็นหลี่ตงซินให้ยากับลุงของเขา แล้วทำไมหลี่ตงซินถึงไม่ฆ่าคุณเพื่อปิดปากล่ะคะ?”
สาวใช้ยักไหล่ “ฉันบังเอิญเห็นตอนที่เดินผ่านประตูห้องนายท่าน ฉันไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ นายน้อยจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเห็นเขากำลังป้อนยาแก่นายท่าน”
นอกจากเบาะแสทั้งสองนี้แล้ว แพทย์จากคลินิกเล็ก ๆ ก็มาให้เบาะแสเธอเช่นกัน
เพียงครึ่งเดือนที่ผ่านมา หลี่ตงซินอ้างว่ามีอาการนอนไม่หลับ และจึงขอให้แพทย์สั่งยานอนหลับให้เขา
หลินม่ายมอบหลักฐานทั้งหมดนี้ให้กับสถานีตำรวจที่ดูแลคดีโอนข้ามรัฐ
จากหลักฐานใหม่นี้ ตำรวจระหว่างรัฐได้ออกหมายจับหลี่ตงซินที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัว แต่กลับพบว่าเขาหลบหนีไปแล้ว
หลินม่ายกลัวว่าเขาจะหนีไปก่อน เธอจึงขอให้แจ็คจับตาดูเขาเป็นพิเศษ กระนั้นหลี่ตงซินก็ยังหลบหนีไปได้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนีไปไหนกันนะ จะตามจับตัวได้ไหม ก่อเหตุฆาตกรรมติดๆ กันแบบนี้แสดงว่าต้องวางแผนไว้ไม่ธรรมดาแน่นอน
ไหหม่า(海馬)