แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1074 มีคนตายอีกคน
ตอนที่ 1074 มีคนตายอีกคน
ตอนที่ 1074 มีคนตายอีกคน
หลินม่ายลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง “คุณกำลังพูดถึงหัวหน้าแผนกฝ่ายการเงินกัวคนนั้นเหรอคะ?”
ลุงฝูเม้มริมฝีปากและพยักหน้า
หลินม่ายถาม “หัวหน้าแผนกกัวตายได้ยังไงคะ?”
“ลิฟต์ตก ทำให้เขาหลุดออกจากลิฟต์ลงมาเสียชีวิตครับ”
หลินม่ายเต็มไปด้วยความสงสัย
ช่างบังเอิญจริง ๆ ที่เมื่อวานนี้เธอและหัวหน้าแผนกกัวตรวจสอบบัญชีด้วยกัน แล้ววันนี้เธอก็ได้รับข่าวการเสียชีวิตของเขา
หัวหน้าแผนกกัวอาจค้นพบความผิดปกติและถูกฆาตกรสังหาร
ทั้งคู่รับประทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็วแล้วออกไปข้างนอก
ทอมยังคงขับรถให้ และแจ็คขึ้นรถตามไปด้วย
เพื่อเพิ่มความระมัดระวัง หลินม่ายพูดกับฟางจั๋วหรานด้วยสำเนียงท้องถิ่นเมืองเจียงเฉิง “การตายของหัวหน้าแผนกกัวไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน!”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้าเห็นด้วย
หลินม่ายเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “ฉันรู้ว่าใครเป็นฆาตกร!”
ฟางจั๋วหรานถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ใครเหรอ?”
หลินม่ายจับมือของเขาขึ้นมาและเขียนคำว่า “หลี่ตงซิน” ลงบนฝ่ามือของเขา
แม้ว่าฟางจั๋วหรานจะตกใจมาก แต่ภายนอกเขายังคงสงบนิ่ง
เขาขมวดคิ้วถาม “อะไรทำให้คุณสงสัยในตัวเขา?”
หลินม่ายตอบ “เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมปีนี้ ฉันพาคุณปู่ฟางและทุกคนไปเที่ยวมาเก๊า และบังเอิญพบหลี่ตงซินในกาสิโน ฉันสงสัยว่าหลี่ตงซินอาจสูญเสียเงินจำนวนมากที่กาสิโนในมาเก๊า ดังนั้นเขาจึงต้องการยักยอกเงินในบริษัท แต่คุณลุงจับเขาได้ก่อน ลุงของเขาอาจจะบอกให้เขาคืนเงิน ไม่เช่นนั้นจะเปิดเผยความจริงนี้ หลี่ตงซินไม่อยากติดคุก แต่เขาไม่มีเงินมาปิดหลุมนั้นได้ เขาทำอะไรไม่ถูกเลยตัดสินใจฆ่าลุงหลี่เพื่อปิดปาก จากนั้นแกล้งทำเป็นว่าคุณลุงเสียชีวิตด้วยอาการป่วยกะทันหัน บางทีแม่บ้านของลุงหลี่อาจล่วงรู้ความลับนี้ เขาจึงฆ่าหล่อนและสร้างสถานการณ์ว่าหล่อนฆ่าตัวตาย เมื่อวานฉันนึกสงสัยอยู่ว่าหลี่ตงซินเป็นฆาตกร แต่ก็ไม่แน่ใจนัก จนฉันกับหัวหน้าแผนกกัวตรวจสอบบัญชีด้วยกันเมื่อวานแล้ววันนี้เขาก็เสียชีวิต ตอนนี้ฉันเลยแน่ใจ 100% ว่าหลี่ตงซินเป็นฆาตกร สิ่งต่าง ๆ ไม่ควรเป็นเรื่องบังเอิญได้”
ฟางจั๋วหรานเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “อาจไม่ใช่หลี่ตงซิน และอาจเป็นคนอื่นก็ได้”
“ไม่ค่ะ! เป็นเขานั่นแหละ!” หลินม่ายพูดอย่างมั่นใจ “เมื่อคืนฉันไปหาป้าหลี่เพื่อโน้มน้าวให้หล่อนชันสูตรพลิกศพลุงหลี่ หลี่ตงซินกำลังโน้มน้าวป้าหลี่ให้เผาศพลุงหลี่กลางดึก เมื่อทราบข่าวว่าฉันอยากชันสูตรพลิกศพ เขาจึงต้องการทำลายหลักฐานที่อยู่ตรงหน้าก่อนหนึ่งก้าว หากไม่ใช่เขาที่เป็นคนร้าย แล้วจะเป็นใครได้อีก?”
ฟางจั๋วหรานเงียบไปครู่หนึ่ง “สมมติว่าฆาตกรคือหลี่ตงซิน เช่นนั้นหลี่ตงซินกำลังฆ่าคนเพื่อปกปิดอาชญากรรมของเขา ปัจจุบันดูเหมือนว่าเหลือเพียงเจ้าหน้าที่การเงินที่ช่วยเขาทำบัญชีปลอมเท่านั้น และไม่มีข่าวการเสียชีวิตของคนผู้นั้น คุณรู้ไหมว่าใครคือเจ้าหน้าที่การเงินที่ช่วยเขาสร้างบัญชีปลอม? ผมสงสัยว่าเป้าหมายต่อไปของหลี่ตงซินคือการไปบ้านของเจ้าหน้าที่การเงิน จากนั้นฆ่าปิดปากบุคคลนั้น ผมอยากให้รีบไปที่บ้านของเจ้าหน้าที่การเงินตอนนี้ เผื่อว่าจะช่วยเหลือไว้ได้ทันการ หากรอดออกมาได้ บุคคลนี้จะได้เป็นพยานชี้ตัวฆาตกร”
หลินม่ายส่ายหัว “ฉันไม่รู้ค่ะ ฉันจะลองโทรไปสอบถามตอนนี้”
ทันทีที่เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา จู่ ๆ รถก็หักเลี้ยว
ทำให้หลินม่ายตกอยู่ในอ้อมแขนของฟางจั๋วหราน
ช่างบังเอิญที่โทรศัพท์ในมือของเธอบินออกจากหน้าต่างรถที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง และถูกรถที่ตามหลังมาบดขยี้เป็นชิ้น ๆ ขณะเดียวกันศีรษะของฟางจั๋วหรานก็กระแทกกับกระจกรถอย่างแรง
ทอมจ้องมองรถกระบะที่ทรุดโทรมในกระจกมองหลังพลางสาปแช่งไม่หยุด
จากนั้นเขาก็หันหน้ากลับมาเล็กน้อย “นายน้อย บาดเจ็บหรือเปล่าครับ”
ฟางจั๋วหรานแตะศีรษะที่เจ็บปวดของเขาและตอบกลับ “ผมสบายดี”
ทอมอธิบาย “รถกระบะไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรเลยเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน เพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย ผมจึงหมุนพวงมาลัยหักหลบ เป็นเหตุให้พวกคุณได้รับบาดเจ็บ”
ฟางจั๋วหรานกล่าว “คุณทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับ”
หลินม่ายหันไปมองรถกระบะคันดังกล่าว ทว่ามันได้หายไปแล้ว
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอรู้สึกว่ารถกระบะจงใจชนรถของพวกเขา
หลินม่ายยืมโทรศัพท์มือถือจากทอมและแจ็คเพื่อโทรหาผู้อาวุโส เธอสอบถามข้อมูลติดต่อของเจ้าหน้าที่การเงินที่ทำบัญชีให้กับหลี่ตงซิน
พนักงานอาวุโสกล่าวว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริหารระดับสูงและบุคลากรทางการเงินสมรู้ร่วมคิดกันยักยอกเงินสาธารณะ บุคลากรทางการเงินจึงมีการหมุนเวียนอยู่เสมอ
มีเจ้าหน้าที่การเงินมากกว่าหนึ่งคนที่ทำบัญชีให้กับหลี่ตงซิน ดังนั้นหลินม่ายจึงขอข้อมูลว่าโครงการทางการเงินใดที่เกี่ยวข้องกับหลี่ตงซินบ้าง เธอต้องการตรวจสอบก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว
หลินม่ายรู้สึกรำคาญใจ จนถึงตอนนี้เธอยังไม่รู้เลยว่า โครงการใดของหลี่ตงซินที่มีปัญหาทางการเงิน
พนักงานอาวุโสถามด้วยความกระตือรือร้น “คุณกำลังสงสัยหลี่ตงซินหรือครับ?”
งานแถลงข่าวที่หลินม่ายจัดเมื่อคืนนี้เพิ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์
หนังสือพิมพ์กล่าวว่า หลินม่ายสงสัยว่าการตายของหลี่อี้หนานและแม่บ้านของเขาไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรม พนักงานอาวุโสจึงถามคำถามนี้
หลินม่ายปฏิเสธและขอเขาว่าอย่าบอกใครเกี่ยวกับการสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสอง
แม้เธอจะรู้ว่าพนักงานอาวุโสคนนี้คงไม่เชื่อที่เธอปฏิเสธ แต่เธอยังคงต้องปฏิเสธในสิ่งที่ควรทำ
เธอไม่ต้องการทำให้ผู้คนรู้สึกแย่กับการสงสัยผู้บริหารระดับสูงของบริษัทก่อนที่จะมีหลักฐานที่แน่ชัดในการพิสูจน์ว่าหลี่ตงซินเป็นฆาตกร
เนื่องจากต้องดูสมุดบัญชีเพื่อค้นหาบุคลากรทางการเงินที่ทำบัญชีเท็จให้กับหลี่ตงซิน พวกเขาควรไปที่เกิดเหตุการณ์เสียชีวิตของหัวหน้าแผนกกัวก่อน เพื่อดูว่าพวกเขาสามารถค้นหาเบาะแสใดได้บ้าง
เมื่อทั้งคู่มาถึงที่เกิดเหตุ ตำรวจได้มีการกั้นสถานที่ไว้เรียบร้อย พนักงานบริษัทบางคนที่อยู่รอบนอกชี้ไปยังร่างศพบนพื้นพลางกระซิบกระซาบ
ภายในวงล้อม แพทย์นิติเวชกำลังทำการชันสูตรศพเบื้องต้นให้กับหัวหน้าแผนกกัว และเจ้าหน้าที่ของบริษัทหลายคนที่ปฏิบัติหน้าที่ถูกตำรวจ 2 นายสอบปากคำ คนหนึ่งอ้วนและอีกคนหนึ่งผอม
ร่างของหัวหน้าแผนกกัวนอนนิ่งอยู่บนพื้นซีเมนต์เย็นเยือก เลือดสีแดงที่สาดกระเซ็นแห้งเหือดจนกลายเป็นสีแดงเข้ม
ดวงตาสองของเขาเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หลินม่ายและสามียืนเคียงข้างกัน ขณะฟังตำรวจซักถามคนหลายคนที่ปฏิบัติหน้าที่ในบริษัท
เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ต่างก็บอกว่าลิฟต์ทำงานผิดปกติตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
พนักงานทำความสะอาดถูกควบคุมตัวนานกว่าสองชั่วโมง ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมา
ตามปากคำ ครั้งหนึ่งที่กลุ่มคนขึ้นลิฟต์หลังเลิกงาน
จู่ ๆ ลิฟต์ก็ตกลงไปสามชั้น พนักงานหญิงวัยกลางคนสองคนก็หมดสติไปทันที
หลังจากนั้นตำรวจร่างอ้วนและร่างผอมหันมาพูดกับหลินม่าย “เป็นการเสียชีวิตเนื่องด้วยอุบัติเหตุ”
วันนี้งานแถลงข่าวได้พาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ และรูปถ่ายสวย ๆ ของหลินม่ายก็เด่นหราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ ทำให้ตำรวจทั้งสองรู้ว่าเธอเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทกุยตัน
หลินม่ายพยักหน้าและถามว่า “ฉันขอตรวจสอบข้าวของของผู้ตายได้ไหมคะ?”
ตำรวจพยักหน้ารับ “ได้ครับ”
หลินม่ายตรวจสอบกระเป๋าเอกสารของหัวหน้าแผนกกัว เธอพบบัญชีแยกประเภทหลายบัญชีอยู่ข้างใน
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
ต่อให้ใช้นิ้วเท้าคาดเดา ก็ยังสามารถรู้ได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสมุดบัญชีที่น่าสงสัย ฆาตกรรู้ว่าหัวหน้าแผนกกัวพบบัญชีเท็จ จึงได้ฆ่าเขาปิดปาก
แต่เธอสงสัยว่า ทำไมฆาตกรถึงไม่จัดการกับบัญชีแยกประเภทเหล่านี้
หากบัญชีแยกประเภทถูกขโมยไป มันจะทำลายเบาะแส และนั่นจะไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้กระทำผิดมากกว่าหรือ?
หลินม่ายถามถึงสิ่งที่เธอสงสัย พนักงานที่ทำงานกะกลางคืนจึงบอกเธอว่า
ลิฟต์นำไปสู่โรงรถใต้ดินโดยตรง หัวหน้าแผนกกัวตกจากลิฟต์และร่วงหล่นลงไปยังโรงรถใต้ดิน
โรงจอดรถใต้ดินปิดหนึ่งทุ่ม หากต้องการเข้าออกหลังจากเวลานั้นต้องใช้ผ่านประตูทางออกเท่านั้น
หากหัวหน้าแผนกหัวถูกสังหารจริง ฆาตกรคงไม่กล้าเปิดเผยตัวเอง ดังนั้นจึงไม่มีทางมาทำลายบัญชีแยกประเภทเหล่านี้ได้ทันที
หลินม่ายรู้สึกขอบคุณที่บริษัทมีกฎนี้และยังทิ้งเบาะแสสำคัญไว้ให้เธอ
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังพิสูจน์ได้ว่าบุคลากรทางการเงินที่ทำบัญชีเท็จให้กับหลี่ตงซินอยู่ในอันตราย และมีโอกาสถูกฆ่าปิดปาก
เธอพลิกดูบัญชีแยกประเภท แต่ไม่มีวี่แววว่าใครเป็นคนสร้างบัญชี ซึ่งทำให้เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ทั้งคู่นำบัญชีเท็จไปยังแผนกการเงินแล้วถามว่าใครเป็นคนทำบัญชีนี้
เจ้าหน้าที่การเงินคนหนึ่งจำบัญชีดังกล่าวได้จึงตอบว่า “ดูเหมือนว่าจะเป็นโรสค่ะ”
หลินม่ายถามทันที “แล้วโรสที่ว่าอยู่ไหนคะ?”
เจ้าหน้าที่การเงินตอบว่า “ยังไม่เห็นเลยค่ะ”
หลินม่ายยกมือขึ้นดูนาฬิกา “จะเก้าโมงแล้ว ทำไมยังไม่มาทำงานอีก?”
เวลาทำงานของบริษัทคือ 8.30 น. และเห็นได้ชัดว่าโรสมาสาย หลินม่ายเริ่มมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับหญิงสาว
พนักงานเองก็กล่าวคำด้วยความสงสัย “โรสมักจะมาทำงานตรงเวลา วันนี้เกิดอะไรขึ้นกันนะ?”
พนักงานคนหนึ่งโทรไปที่หมายเลขโทรศัพท์บ้านของโรส แม้จะเชื่อมต่อได้ แต่ไม่มีใครรับสาย
หลินม่ายขอที่อยู่ของโรสจากพนักงานทันที จากนั้นจึงพาพนักงานหญิงและสามีรีบตรงไปยังบ้านพักของโรส
ระหว่างทาง หลินม่ายถามพนักงานถึงความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับโรสว่าเป็นอย่างไร
เสมียนตอบกลับ “เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เธอคอยแนะนำฉันเกี่ยวกับการทำงานเสมอ เมื่อก่อนเราเคยเช่าบ้านอยู่ด้วยกันค่ะ หากไม่ใช่เพราะฉันมีแฟนและย้ายออกไป เราอาจยังคงเช่าบ้านอยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้”
หลินม่ายถาม “ช่วงนี้มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับโรสบ้างไหม?”
“ผิดปกติเหรอคะ~” พนักงานหญิงลูกครึ่งพยายามทบทวนอย่างรอบคอบ “เมื่อเดือนที่แล้วโรสบอกฉันว่าหล่อนอยากแต่งงาน แล้วถามฉันว่าจะซื้ออพาร์ทเมนต์หรือวิลล่าเล็ก ๆ ดีกว่ากัน หล่อนไม่ชอบเจ้าของบ้านคนปัจจุบันที่ชอบเหยียดเชื้อชาติ หลังจากแต่งงาน หล่อนอยากมีบ้านเป็นของตัวเองและไม่อยากถูกเลือกปฏิบัติเมื่อเช่าบ้าน”
พนักงานถาม “นี่ถือเป็นความผิดปกติไหมคะ?”
“ช่างเถอะ” หลินม่ายครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วถามว่า “หล่อนต้องการซื้อบ้านเมื่อแต่งงาน แล้วหล่อนมีเงินจ่ายไหม?”
ราคาที่อยู่อาศัยในนิวยอร์กค่อนข้างแพงสำหรับคนชนชั้นแรงงาน
พนักงานหญิงตอบ “ฉันได้ยินมาว่าแฟนของโรสรวยมากเลยค่ะ”
โรสอาศัยอยู่ในอาคารอพาร์ตเมนต์
พนักงานหญิงเดินนำไปเคาะประตูอยู่นาน แต่กลับไร้ซึ่งเสียงตอบรับใด ๆ
หลินม่ายหันไปพูดกับแจ็คที่ติดตามพวกเขา “พังประตูเข้าไปเลยค่ะ!”
เมื่อเห็นว่าในที่สุดเขาก็มีประโยชน์ แจ็คเผยยิ้มและใช้ร่างกายกระแทกประตูจนเปิดภายในครั้งเดียว
เมื่อทุกคนกำลังจะเข้าไป หญิงชราผิวขาวคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างบ้าน หล่อนอ้วนมากจนดูเหมือนคนที่ตั้งท้องแฝดห้าคน
ทุกย่างก้าว ท้องของหล่อนจะกระเพื่อมเป็นจังหวะ ซึ่งเป็นภาพที่ชวนอึดอัด
ป้าชาวผิวขาวอ้าปากพ่นคำสาปแช่ง “เจ้าพวกลิงผิวเหลือง พวกแกมาพังประตูบ้านฉันทำไม?”
หล่อนพ่นคำหยาบคายมากมายไม่รู้จบ ซึ่งฝีปากไม่ด้อยไปกว่าเหล่าป้าใหญ่ในตลาดของประเทศจีนเลย
พนักงานหญิงโน้มตัวกระซิบข้างหูหลินม่าย “นี่คือเจ้าของบ้านของโรสค่ะ”
หลินม่ายไม่อยากโต้เถียงกับคนปากร้าย ดังนั้นเธอจึงหยิบเงินหนึ่งพันดอลลาร์ออกมาจากกระเป๋าและพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างเย็นชาว่า “หนึ่งพันดอลลาร์คงเพียงพอให้คุณซื้อประตูดี ๆ มาติดตั้งใหม่”
ทัศนคติของหญิงชราผิวขาวเย่อหยิ่งมาก “พวกแกกำลังบุกเข้าไปในบ้านส่วนตัว ถ้าไม่ชดใช้อย่างน้อยสามพันดอลลาร์ ฉันเอาเรื่องถึงตายแน่!”
หลินม่ายเก็บเงินหนึ่งพันดอลลาร์เข้ากระเป๋า “เอาล่ะ งั้นเราไปสู้กันในชั้นศาลก็ได้ค่ะ แม้ว่าเราจะบุกเข้าไปในบ้านส่วนตัวจริง ๆ แต่บ้านของคุณก็ปล่อยให้เช่าไม่ใช่เหรอคะ? หากมีคนต้องการร้องเรียนเรา มันก็ควรเป็นผู้เช่าไม่ใช่เหรอ แล้วคุณมีสิทธิ์อะไร?”
หญิงชราผิวขาวตกตะลึงทันที
หล่อนไม่คาดคิดว่าสาวจีนคนนี้จะรู้กฎหมายของอเมริกาดีขนาดนี้
หล่อนต้องแสร้งทำเป็นมีน้ำใจและโบกมือ “ลืมมันเสีย ฉันจะไม่เถียงกับพวกลิงผิวเหลืองหรอก พันเดียวก็พันเดียว”
หลินม่ายกำลังเดินเข้าไปในบ้าน เมื่อได้ยินดังนั้น เธอหยุดเดินและหยิบเงินหนึ่งพันดอลลาร์ออกมา “มารับไปสิคะ”
ทันทีที่หญิงชราผิวขาวยื่นมือออกไปรับ หลินม่ายก็โปรยเงินหนึ่งพันดอลลาร์ลงบนพื้น “เก็บมันเองแล้วกันนังหมูขาว!”
หญิงชราผิวขาวโกรธมากจนหน้าขนาดใหญ่ของเธอกระเพื่อม เธอชี้ไปที่หลินม่ายและพูดว่า “ฉันจะฟ้องแก!”
หลินม่ายทุ่มเงินอีกหนึ่งพันดอลลาร์ลงพื้น “ยังจะฟ้องอยู่ไหมคะ?”
หญิงชราผิวขาวอาศัยอยู่อย่างยากจนและไม่มีเงินจะจ้างทนาย หล่อนแค่พูดไปแบบนั้น เพื่อหวังข่มขู่ให้หลินม่ายตกใจ
เมื่อเห็นหลินม่ายโยนเงินอีกหนึ่งพันดอลลาร์ลงพื้น หล่อนก็หุบปากทันทีและรีบก้มไปเก็บเงิน
ดวงตาของหลินม่ายเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาที่เงินเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่มีเงินก็แทบทำอะไรไม่ได้เลย
ถ้าไม่ได้ผล ก็ต้องเป็นเพราะเงินไม่พอ
จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในบ้าน
ไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่น ในห้องครัว หรือห้องน้ำ
มีเพียงห้องนอนที่ปิดประตูและมองไม่เห็นด้านใน
หลินม่ายหันมองไปทางแจ็คอีกครั้ง
แจ็คเข้าใจความหมายทันที เขาบริหารไหล่เล็กน้อยและพุ่งชนประตูห้องนอน
ทันใดนั้นกลิ่นคาวเลือดอันรุนแรงก็ลอยกระทบหน้าของทุกคน กระทั่งหลินม่ายแทบอาเจียนออกมา
ทุกคนมองเข้าไปในห้องนอน และเห็นร่างของหญิงสาวในชุดนอนกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงที่ถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือด จนหญิงชราเจ้าของบ้านเช่าที่ติดตามพวกเขามาเกือบจะเป็นลมด้วยความตกใจ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โหดมาก ไล่ฆ่าปิดปากเป็นฆาตกรต่อเนื่องเลย
ไหหม่า(海馬)