แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1072 จัดงานแถลงข่าว
ตอนที่ 1072 จัดงานแถลงข่าว
ตอนที่ 1072 จัดงานแถลงข่าว
หลังมีผู้เสียชีวิตติดต่อกันสองคน หลินม่ายก็หดหู่ใจมาก
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นอาหารตะวันตกอีกครั้งและมันก็เป็นสเต๊กสุกปานกลางที่เนื้อยังแดงอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงการเสียชีวิตอันน่าสลดใจของแม่บ้านของลุงหลี่และทำให้เธอกินอะไรไม่ลง
น้าถูเห็นแบบนั้นจึงตั้งใจทำบะหมี่ผัดให้หลินม่ายกิน
แม้ว่าทักษะการทำอาหารของน้าถูจะไม่ได้แย่ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นอาหารสำหรับรับประทานเองที่บ้านเท่านั้น
เส้นหมี่ผัดจานเดียวเกือบทำให้พ่อครัวชาวผิวขาวที่บ้านน้ำลายไหล ราวกับว่าเขาไม่เคยกินอะไรดี ๆ เลย
หลินม่ายตั้งเป้าหมายอีกอย่างหนึ่งในการมาอเมริกาในครั้งนี้คือ การส่งเสริมอาหารจีน
น่าเสียดายที่มีคดีฆาตกรรมทันทีที่พวกเขามาถึง จึงต้องเลื่อนแผนการออกไป
หลังรับประทานอาหารเย็นและเล่นกับเสี่ยวมู่ตง หลินม่ายก็ขึ้นไปยังชั้นบน
เธอต้องการอยู่เงียบ ๆ สักพักเพื่อจัดการสิ่งที่เกิดขึ้นในสองวันที่ผ่านมา
ก่อนเข้าห้องก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
หลินม่ายเดินเข้ามารับอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสายมาจากเคอจื่อฉิง
เคอจื่อฉิงถามหลินม่ายทันทีว่า “ม่ายจื่อ เธอมาถึงอเมริกาแล้ว!”
แม้เคอจื่อฉิงและสามีจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แต่เพื่อนสนิททั้งสองก็มักติดต่อผ่านทางโทรศัพท์เสมอ
หลินม่ายเคยบอกกับเคอจื่อฉิงว่า ในไม่ช้าเธอจะพาครอบครัวของเธอไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเวลาสองปี
เคอจื่อฉิงยังถามเกี่ยวกับวันที่แน่ชัดว่าครอบครัวของเธอจะมาสหรัฐอเมริกาเมื่อใด เพื่อที่หล่อนและเฉินเฟิงจะได้ไปรับที่สนามบิน
แต่หลินม่ายบอกว่ามันไม่จำเป็นต้องไปรับเธอที่สนามบิน แล้วเธอจะโทรหาพวกเขาเมื่อมาถึงสหรัฐอเมริกา
แต่ทันทีที่มาถึงสหรัฐอเมริกา เธอพบเจอกับเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อมากมาย จากนั้นแม่บ้านของลุงหลี่ก็เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา
หลินม่ายครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ และจำได้ว่าเคยบอกเคอจื่อฉิงว่าทั้งครอบครัวของพวกเขาจะมา ยกเว้นฟางจั๋วหรานที่จะตามมาทีหลัง
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจ “แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันมาถึงสหรัฐอเมริกาแล้ว จั๋วหรานบอกเธอเหรอ?”
“ฉันไม่ได้โทรหาศาสตราจารย์เลย แล้วเขาจะบอกฉันได้ยังไง?”
เคอจื่อฉิงกล่าว “เพราะเธอบอกว่าจะมาสหรัฐอเมริกาแล้ว ฉันจึงโทรหาแม่บ้านของเธอวันเว้นวัน เมื่อเช้าตอนที่ฉันโทรไป ลุงฝูบอกว่าครอบครัวของเธอเดินทางมาถึงสหรัฐอเมริกาเมื่อวานนี้ ฉันคิดว่าเธออาจจะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง จึงไม่ได้โทรหาในทันที แต่วันนี้รอจนดึกมากแล้ว เธอก็ยังไม่โทรมาหาฉัน บอกหน่อยว่านี่หมายความว่ายังไง? เธอไม่นับฉันเป็นเพื่อนแล้วเหรอ?”
หลินม่ายขอโทษและปลอบโยนหล่อนสองถึงสามคำ แล้วบอกเหตุผลที่เธอไม่โทรหาอีกฝ่าย
จากนั้นเคอจื่อฉิงก็อุทานด้วยความโมโห “ทำไมมันฟังดูเหมือนแม่บ้านของคุณหลี่ไม่ได้ฆ่าตัวตายเลยล่ะ?”
หลินม่ายตอบ “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มสอบสวนจากที่ไหน”
เคอจื่อฉิงเกาหัวอยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ “ฉันไม่เข้าใจเหมือนกัน ฉันจะเรียกอาเฟิงให้เขามาคุยกับเธอ”
หลินม่ายลังเลเล็กน้อย “บริษัทของอาเฟิงไม่เล็กเลย เขาคงจะยุ่งมาก ปล่อยให้เขากังวลเรื่องของฉันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่”
“ฉันบอกได้เลยว่ามันเป็นเรื่องดี!” เคอจื่อฉิงพูดสั่งการอย่างเด็ดขาดและยกมือเรียกเฉินเฟิงที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่อีกด้านหนึ่งของโซฟา “มานี่และรับสายม่ายจื่อหน่อย”
เฉินเฟิงหวังว่าเขาจะรีบไปช่วยหลินม่ายแก้ไขปัญหาหนักใจ แต่เขาจงใจทำท่าไม่ใส่ใจและเดินช้า ๆ ซึ่งช้ายิ่งกว่าเต่าคลาน
ภรรยาของเขาเริ่มมีนิสัยขี้หึงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงต้องระมัดระวังการกระทำ
สัปดาห์ที่แล้วขณะที่ซื้อของกับภรรยา เขาเพียงเหลือบมองสาวเอเชียเพียงสองครั้ง
ตอนนั้นภรรยาของเขาไม่ได้พูดอะไร แต่หลังจากกลับมา หล่อนก็ขอให้เขาคุกเข่าด้านหน้าอ่างน้ำเพื่อมองตัวเอง
ตอนนี้เขาไม่พูดถึงผู้หญิง และไม่กล้าแม้แต่จะมองยุงตัวเมีย นับประสาอะไรกับการรีบรับสายของหลินม่าย
จะเป็นอย่างไรถ้าภรรยาของเขาเข้าใจผิดว่าเขายังมีความรู้สึกดีๆ ต่อหลินม่าย? เขาไม่ต้องคุกเข่าหน้าอ่างน้ำอีกเหรอ?
การคุกเข่าหน้าอ่างน้ำเป็นเรื่องเล็ก แต่คงจะแย่มากถ้าภรรยาเข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อมิตรภาพของหล่อนกับม่ายจื่อ
เฉินเฟิงเดินช้า ๆ ไปยังโทรศัพท์ทีละก้าว
เคอจื่อฉิงมองเขาด้วยความรังเกียจและเตะเขาโดยไม่คาดคิด “เดินชักช้าเป็นคนแก่ไปได้ นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายนะ!”
เฉินเฟิงถูกเตะแรงมากจนแทบจะคุกเข่าลงกับพื้น
การเป็นผู้ชายอาจเป็นเรื่องยาก คุณต้องสามารถกินอาหารมื้อใหญ่ ทนต่อลูกเตะดี ๆ รอรับเงินของตัวเองจากภรรยา และคุกเข่าเมื่อจำเป็น
เฉินเฟิงนั่งลงข้างโทรศัพท์แล้วตอบรับหลินม่าย
นับตั้งแต่เขาพาเคอจื่อฉิงมาสหรัฐอเมริกาเพื่อรับมรดกธุรกิจของครอบครัว เขาและหลินม่ายก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ยกเว้นช่วงปีใหม่
ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด เพียงเพื่อความอุ่นใจของเคอจื่อฉิง
แม้ว่าเคอจื่อฉิงจะเป็นหญิงสาวใจกว้าง แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่หลินม่ายและเฉินเฟิงจะต้องติดต่อกันตลอดเวลา
มันผ่านมาเนิ่นนานแล้วตั้งแต่ได้ยินเสียงของเฉินเฟิงครั้งสุดท้าย หลินม่ายยังคงตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเขาอีกครั้ง
เวลาเหมือนเดินช้าลง เพื่อนเก่าจะไม่มีวันแยกจากกัน และเป็นเรื่องยากที่จะมีเพื่อนสนิทในชีวิต
ทั้งสองคุยโทรศัพท์นานกว่าครึ่งชั่วโมง
เฉินเฟิงชี้ให้หลินม่ายเห็นว่าตำรวจในรัฐนี้ดูเหมือนจะรับสินบนจากฆาตกร พวกเขาจึงสรุปว่าแม่บ้านของหลี่อี้หนานฆ่าตัวตายโดยไม่ทำการชันสูตรพลิกศพเลย
ในกรณีนี้ ให้ยื่นคำร้องข้ามสายของรัฐไปยังสถานีตำรวจเพื่อชันสูตรพลิกศพของหลี่อี้หนานและแม่บ้านของเขา
เนื่องจากข้อความเล็ก ๆ ที่หลินม่ายได้รับระบุว่าการเสียชีวิตตามปกติของหลี่อี้หนานอาจเนื่องมาจากพิษ การชันสูตรพลิกศพจึงมีแนวโน้มที่จะเปิดเผยสิ่งที่ถูกซ่อนไว้
และหากแม่บ้านตระกูลหลี่ไม่ได้ฆ่าตัวตาย หล่อนก็อาจถูกวางยาจนหมดสติและถูกโยนลงไปชั้นล่างจนศีรษะกระแทกพื้น เรื่องนี้ก็สามารถชันสูตรพลิกศพได้เช่นกัน
เคอจื่อฉิงกำลังมองเขาอย่างเย็นชา
เฉินเฟิงตกใจกับท่าทางของหล่อนจึงถามออกไปอย่างระมัดระวังว่า “ภรรยาจ๋า ผมไม่ได้ทำอะไรผิดใช่ไหม”
“ไม่ใช่”
เฉินเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเช็ดเหงื่อเย็นที่ไหลย้อยบนหน้าผาก
ทันทีที่หลินม่ายมาถึงสหรัฐอเมริกา เธอได้รับข้อความลึกลับ จากนั้นแม่บ้านของลุงหลี่ก็เสียชีวิต
เหตุการณ์แล้วเหตุการณ์เล่า แต่ละครั้งทำให้เธอหวาดระแวง
หลังจากพูดคุยกับเฉินเฟิงได้สักพัก ในที่สุดจิตใจที่ยุ่งเหยิงก็สงบลง และขบคิดหาทางแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระเบียบ
โอนคดีไปยังรัฐอื่นแล้วเปิดการสอบสวนอีกครั้งดีไหม?
หลินม่ายกังวลว่าการทำเช่นนั้นจะไร้ประโยชน์
คนที่อยู่เบื้องหลังดูเหมือนจะมีอำนาจค่อนข้างมาก
เขาสามารถติดสินบนตำรวจท้องที่ และบางทีอาจรวมถึงตำรวจในรัฐอื่นด้วย
หากเธอโอนคดีไปยังรัฐอื่น มันจะไม่เสียแรงเปล่าหรือ?
แต่หากไม่มีความช่วยเหลือจากตำรวจ คงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะตามหาฆาตกรตามลำพัง
ถึงจะพบฆาตกรแล้ว เธอก็ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายถูกตัดสินลงโทษได้
หลินม่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เธอโทรหาหัวหน้าแผนกวางแผนและขอให้อีกฝ่ายจัดการแถลงข่าวให้เธอทันที
หัวหน้าแผนกเป็นผู้หญิงเชื้อสายจีน-อเมริกัน แต่ชื่อของเธอค่อนข้างเป็นชาวตะวันตก นั่นก็คืออลิซ
เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว หล่อนจึงถามอย่างลังเล “เราค่อยจัดงานแถลงข่าวพรุ่งนี้ไม่ได้หรือคะ?”
หลินม่ายพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ไม่ได้ค่ะ!”
ระหว่างที่อลิซจัดเตรียมงานแถลงข่าวให้อยู่นั้น หลินม่ายขอให้ลุงฝูโทรหาป้าหลี่ ลูกสาวของหล่อน หลี่ตงซินหลานชายของหล่อน และสมาชิกในครอบครัวแม่บ้านของลุงหลี่ แจ้งให้พวกเขาทราบว่าไม่สามารถเผาศพได้จนกว่าฟางจั๋วหรานจะมาถึง และบริษัทจะจ่ายค่ารักษาศพให้
เธอกลัวว่าฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังจะรู้แผนการของเธอที่ต้องการชันสูตรพลิกศพ และอาจเผาทำลายศพของลุงหลี่อี้หนานและแม่บ้านของเขาก่อนรวมถึงร่องรอยหลักฐานอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ยากต่อการค้นหาความจริง
ผู้บริหารสูงสุดของกลุ่มบริษัทข้ามชาติชื่อดังอย่างบริษัทกุยตันกำลังจะจัดงานแถลงข่าว ทำให้นักข่าวในนิวยอร์กต่างตื่นเต้นกันมาก
ข้อมูลส่วนบุคคลที่พวกเขารวบรวมจนถึงตอนนี้เกี่ยวกับผู้บริหารสูงสุดของบริษัทกุยตันคือ
ชื่อ: หลินม่าย สัญชาติ: จีน อายุ: 24 ปี การศึกษา: มหาวิทยาลัย
ไม่มีข้อมูลอื่นที่หาได้แล้ว
ผู้บริหารสูงสุดหลินแถลงข่าวกลางดึก หรือว่าเธอจะมีเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่จะเปิดเผยกันแน่
บรรดาผู้สื่อข่าวต่างรีบไปร่วมงานแถลงข่าวด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก
เสมียนหลายคนจากแผนกวางแผนสวมชุดกี่เพ้าสีเขียวอ่อนเข้ามานำเสนอชามะลิน้ำผึ้งชงสดใหม่ให้พวกเขาหนึ่งถ้วยอย่างมีน้ำใจ
ชามะลิทำให้รู้สึกสดชื่นได้หลังจากดื่ม ส่วนน้ำผึ้งมีรสหวานอร่อย ซึ่งช่วยเพิ่มรสชาติของชามะลิได้ นักข่าวทุกคนต่างพยักหน้าอย่างพึงพอใจหลังจากดื่มมัน
ชาตะวันออกอร่อยมากจริง ๆ
หลังจากดื่มชามะลิหนึ่งแก้วแล้ว หลินม่ายก็เดินขึ้นไปบนแท่นโดยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวลายลูกไม้ กระโปรงชั้นเดียวสีดำ และจัดทรงผมอย่างเรียบร้อย
ทันทีที่เธอปรากฏตัวบนเวที นักข่าวทุกคนก็ต้องตกตะลึง
ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้บริหารสูงสุดหลินแห่งบริษัทกุยตันจะสวยและอายุน้อยขนาดนี้
เพียงคำพูดแรกของหลินม่ายก็เรียกเสียงฮือฮาอย่างมาก “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ที่ฉันเชิญทุกคนมาที่นี่เพราะต้องการบอกว่า คุณลุงหลี่อี้หนานและแม่บ้านของเขามีแนวโน้มที่จะตายอย่างผิดธรรมชาติ”
นักข่าวในกลุ่มผู้ชมต่างส่งเสียงด้วยความตกใจ
นักข่าวคนหนึ่งยืนขึ้นและพูดว่า “คุณหลินหมายความว่าการตายของคุณหลี่และแม่บ้านของเขาเป็นการฆาตกรรมงั้นหรือ?”
“ใช่ค่ะ”
“มีหลักฐานไหมคะ”
“เราจะต้องรอจนกว่าการชันสูตรศพจะเสร็จสิ้น”
หลินม่ายไม่แน่ใจนักว่าจะค้นพบยาอันตรายถึงชีวิตในร่างกายระหว่างการชันสูตรพลิกศพได้หรือไม่ แต่เธอก็ยังอยากเสี่ยงดวงอยู่
นักข่าวอีกคนหนึ่งถามว่า “เราได้ยินมาว่าคุณหลินเคยอาศัยอยู่ที่ประเทศจีนด้วยการบริหารบริษัทจากระยะไกล ทำให้ไม่สามารถรู้จักผู้บริหารทุกคนได้ แม้แต่ญาติของนายหลี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นการฆาตกรรม ทำไมคุณหลินถึงรู้ว่ามันเป็นคดีฆาตกรรมทันทีที่มาถึงที่นี่ครับ”
“เพราะแม่บ้านของลุงหลี่เสียชีวิตกะทันหันเกินไป”
“คุณช่วยอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ไหม?” นักข่าวถาม
หลินม่ายยิ้ม “ไม่ว่าฉันจะอธิบายมากแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ทำไมไม่ยื่นชันสูตรพลิกศพกับตำรวจ คุณจะได้ติดตามและรายงานเรื่องนี้ แล้วทุกอย่างจะได้ไขกระจ่างไงคะ?”
นักข่าวได้ยินก็รู้สึกตื่นเต้นมากและอยากส่งเรื่องให้ชันสูตรพลิกศพทันที
หลินม่ายแสดงท่าทางสงบและพูดว่า “ก่อนอื่น พวกคุณจะยินดีโน้มน้าวครอบครัวผู้เสียชีวิตให้ยินยอมชันสูตรพลิกศพเพื่อฉันได้ไหมคะ?”
ในสหรัฐอเมริกา การโน้มน้าวญาติของผู้เสียชีวิตผิวขาวหรือผิวดำให้ยินยอมในการชันสูตรพลิกศพไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะโน้มน้าวญาติของผู้เสียชีวิตชาวจีนให้ยินยอมการชันสูตรพลิกศพ
หลินม่ายจึงต้องการใช้พลังของสื่อเพื่อโน้มน้าวครอบครัวของผู้ตายทั้งสอง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เป็นข่าวดังแล้ว พลังของสื่อมันทรงพลังกว่าที่คิดนะ
ไหหม่า(海馬)