แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1069 เยี่ยมแม่ไป๋
ตอนที่ 1069 เยี่ยมแม่ไป๋
ตอนที่ 1069 เยี่ยมแม่ไป๋
เมื่อเห็นท่าทางของภรรยา คุณตาหลัวก็ประสานมือของแม่ไป๋และหลินม่ายเข้าด้วยกัน เขากล่าวคำเสียงแหบห้าวพร้อมหลั่งน้ำตา “ยายเฒ่าเอ๋ย ซินอี๋และม่ายจื่อคืนดีกันแล้ว ม่ายจื่อให้อภัยซินอี๋แล้วนะ คุณนอนหลับให้สบายเถอะ”
คุณยายหลัวหันไปหาหลินม่ายและเปล่งเสียงอย่างยากลำบาก “ยายทำผิดต่อหลานแล้ว ยกโทษให้ยายด้วยที่เห็นแก่ตัว” สิ้นเสียง ศีรษะของนางก็พับไปข้างหนึ่งและไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
ทันใดนั้นเสียงร้องไห้ระงมก็ดังขึ้นในห้องผู้ป่วย
สักพักนางพยาบาลก็มาขนศพคุณยายหลัวไปที่ห้องดับจิต
คนกลุ่มนี้เดินตามพยาบาลไปถึงประตูห้องดับจิต
คุณตาหลัวมองหลินม่ายและอธิบายว่า “อย่าเก็บสิ่งที่ตาพูดเมื่อกี้ไปใส่ใจเลยนะ คุณยายของหลานมีความปรารถนาเพียงข้อเดียวก่อนที่หล่อนจะเสียชีวิต นั่นคือการเห็นหลานยกโทษให้แม่ของตัวเอง”
แม่ไป๋ที่ร้องไห้อยู่แล้ว เมื่อได้ยินดังนี้ หล่อนก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
คุณตาเหลือบมองเธอและพูดต่อ “เพื่อจะรอให้หลานกลับมา คุณยายปฏิเสธที่จะจากไปอย่างสงบ หล่อนพยายามดิ้นรนที่จะตื่นขึ้นมาหลายครั้ง เป็นภาพที่น่าเจ็บปวดเหลือเกิน สิ่งที่ตาทำเมื่อครู่ก็เพื่อปล่อยคุณยายให้จากไปโดยไม่มีเรื่องติดค้างในใจ ดังนั้นหลานไม่จำเป็นต้องจริงจังกับคำพูดเหล่านั้น ถ้าอยากให้อภัยแม่ก็ทำ ถ้าไม่อยากให้อภัยก็ไม่ต้องทำ”
คุณตาเข้าใจหลินม่ายเป็นอย่างดี “ท้ายที่สุดแม่ของหลานก็ทำร้ายหลานมากเกินไป! มันเป็นเรื่องปกติหากหลานจะไม่ให้อภัยหล่อน”
หลินม่ายสังเกตเห็นสายตาอันเศร้าสร้อยของแม่ไป๋มองมาทางเธอ
เธอเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หนูยกโทษให้ก็ได้ค่ะ แต่หนูให้ได้เพียงสถานะคนรู้จักเท่านั้น”
ทันใดนั้นแสงในดวงตาของแม่ไป๋ก็หรี่ลง พร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือด
ไม่กี่วันต่อมาก็ได้มีการจัดงานศพของคุณยายหลัว พ่อไป๋มากับไป๋ลู่และแฟนหนุ่มของหล่อน
แม้หลินม่ายจะไม่ค่อยได้คุยกับแฟนหนุ่มของไป๋ลู่มากนัก แต่ก็บอกได้ว่าชายคนนี้ปฏิบัติต่อไป๋ลู่เป็นอย่างดี
ตอนนี้แม้แต่ไป๋ลู่ก็มีแฟนแล้ว ในบรรดาพี่น้องทั้งสี่คน มีเพียงไป๋เซี่ยเท่านั้นที่ยังไม่ได้คบหากับใคร
ไป๋เซี่ยรีบกลับมาร่วมงานศพคุณยาย พ่อไป๋และญาติต่างแนะนำให้ไป๋เซี่ยรีบลงหลักปักฐานโดยเร็ว
แต่ไป๋เซี่ยบอกว่าเขาไม่รีบ
ทำไมถึงยังชักช้าอยู่อีก? เขาอายุยี่สิบหกย่างเข้ายี่สิบเจ็ดปีแล้ว
สำหรับชายหนุ่มในวัยเดียวกับเขา ลูกของพวกเขาโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว แต่ไป๋เซี่ยกลับยังเป็นโสด
ทว่าทุกคนกำลังโศกเศร้าเพราะการจากไปของคุณยายหลัว จึงไม่ได้สนใจจะโน้มน้าวไป๋เซี่ย
หลังจากไปร่วมงานศพของคุณยายหลัว อารมณ์หดหู่ของหลินม่ายก็เริ่มดีขึ้น
แต่ไม่กี่วันต่อมา ไป๋เหยียนก็โทรหาเธอ เล่าให้ฟังว่าในคืนงานศพคุณยาย แม่ไป๋ดื่มยาและพยายามฆ่าตัวตาย
หลินม่ายถามด้วยความตื่นตระหนก “ตอนนี้หล่อนเป็นยังไงบ้าง?”
“ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ตอนนี้แม่ไม่เป็นไรแล้ว”
หลินม่ายถามคำเบา “แล้วทำไมพี่ถึงมาบอกฉันตอนนี้ล่ะ?”
ไป๋เหยียนตอบ “ทันทีที่แม่ได้สติ พี่กับลู่ลู่ก็อยากบอกเธอทันที แต่แม่ไม่ยอมให้บอก…”
ได้ฟังสิ่งนี้ อารมณ์ที่สงบลงก่อนหน้านี้ของหลินม่ายก็กลับมาหนักหน่วงอีกครั้ง
เธอนึกสงสัยอยู่บ้างว่าการตายของคุณยายอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อแม่ไป๋ แถมเธอยังปฏิเสธที่จะยอมรับว่าอีกฝ่ายเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด ด้วยการสูญเสียถึงสองครั้ง แม่ไป๋จึงตัดสินใจทำเรื่องโง่เขลา
หลินม่ายครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนซื้อของขวัญและไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมแม่ไป๋
เมื่อเธอผลักประตูห้องผู้ป่วย ก็เห็นแม่ไป๋กำลังนั่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลโดยหันหน้ามองหน้าต่างเงียบงัน ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู แม่ไป๋จึงหันกลับมาและดีใจมากที่เห็นว่าเป็นหลินม่าย “เธอมาที่นี่ทำไมหรือ?” ขณะกล่าว หล่อนก็ดึงเก้าอี้ออกมาเป็นการเชื้อเชิญให้หลินม่ายนั่ง
หลินม่ายวางผลไม้ที่ซื้อไว้บนโต๊ะข้างเตียงโดยไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
จะบอกแม่ไป๋ว่าเธอยอมรับอีกฝ่ายเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด เพื่อให้แม่ไป๋รู้สึกดีขึ้นหรือ? แต่เธอทำไม่ได้จริง ๆ
หรือจะแนะนำแม่ไป๋ว่าอย่าทำเรื่องโง่เขลาอีกในอนาคต? เธอก็ไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างเถรตรง
แม่ไป๋พลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เธอคิดว่าการฆ่าตัวตายของฉันเกี่ยวข้องกับเธองั้นหรือ?”
แม่ไป๋ส่ายหัว “มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอเลย การตายของคุณยายทำให้ฉันหดหู่ใจจนตัดสินฆ่าตัวตาย เพราะฉันคิดหาทางออกไม่ได้ เธอไม่ต้องโทษตัวเองนะ”
หลินม่ายกล่าวแนะนำ “อย่าทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้อีกนะคะ คุณยายบนสวรรค์จะต้องเสียใจมากแน่”
แม่ไป๋ตอบกลับ “ฉันเคยฆ่าตัวตายมาแล้ว และรู้ว่ามันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ฉันจะไม่พยายามทำแบบนั้นอีก เธออย่าห่วงเลย”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคิดได้ หลินม่ายจึงขอตัวกลับไป
แม่ไป๋พยายามฆ่าตัวตายไม่ใช่เพียงเพราะการตายของคุณย่าหลัว แต่ยังเป็นเพราะหลินม่ายปฏิเสธที่จะยอมรับว่าหล่อนเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด และเพราะพ่อไป๋กำลังแต่งงานใหม่กับเผิงอันน่าในวันชาติปีนี้ หลากหลายปัจจัยรวมกันจนนำไปสู่การฆ่าตัวตาย
แต่หลังจากได้รับการช่วยเหลือ หล่อนก็คิดได้ หากหล่อนฆ่าตัวตาย ทั้งหลินม่าย พ่อไป๋ และเผิงอันน่าคงจะโทษตัวเองตลอดไป
แม่ไป๋ไม่ได้สนใจว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับเผิงอันน่า แต่หล่อนยังคงคิดถึงหลินม่ายและพ่อไป๋
โดยเฉพาะหลินม่ายที่เคยปฏิบัติต่อหล่อนอย่างดี หากหล่อนฆ่าตัวตาย มันจะทำให้เด็กคนนี้แบกรับภาระทางจิตใจ เมื่อคิดดูแล้ว แม่ไป๋คิดว่ามันมากมายเกินไปที่คนคนหนึ่งจะรับไหว
ส่วนที่พ่อไป๋ไม่ต้องการกลับมาคบหากับหล่อน นั่นเป็นความผิดของหล่อนเอง ทำไมหล่อนถึงต้องฆ่าตัวตายเพื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตด้วย?
หล่อนคิดไว้แล้วว่าจะใช้ชีวิตให้ดี เพื่อชดเชยให้กับพ่อไป๋และหลินม่าย แม้จะชดเชยสิ่งใดไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่อาจปล่อยให้ตัวเองเป็นภาระในชีวิตของพวกเขา
หลินม่ายยังไม่ได้บอกพ่อไป๋และคนอื่น ๆ ว่าครอบครัวของพวกเขาจะไปอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาสามปี
วันนี้หลินม่ายโทรนัดพ่อไป๋และคนอื่น ๆ เพื่อไปรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมในเมืองหลวง โดยบอกว่าเธอมีบางสิ่งจะบอกทุกคน
เมื่อไป๋ลู่เห็นหลินม่าย เธอถามว่า “ทำไมถึงเลือกที่นี่เพื่อบอกเรื่องใหญ่ขนาดนี้ล่ะ? โรงแรมนี้แพงมากเลยนะ”
“ฉันไม่ได้มากินบ่อยหรอก แค่มากินเป็นครั้งคราว” หลินม่ายขอให้บริกรเสิร์ฟอาหาร แล้วบอกพวกเขาว่าครอบครัวของเธอกำลังจะไปต่างประเทศ
หลินม่ายบอกต่อว่า ทุกคนในครอบครัวจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาในวันที่ 1 กันยายน และเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว
พ่อไป๋และคนอื่น ๆ ไม่ต้องการให้เธอห่างสายตา ทุกคนจึงไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าใดนัก
ที่โต๊ะอาหารเย็น พ่อไป๋ไม่เคยพูดถึงการแต่งงานของเขาและเผิงอันน่า นอกจากนี้ยังไม่มีใครถามถึงมันด้วย
หลินม่ายคาดเดาว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อไป๋และเผิงอันน่าอาจจะจบลงแล้ว
หลังอาหารเย็น หลินม่ายก็แยกย้ายกับพ่อไป๋และคนอื่น ๆ ที่ทางเข้าโรงแรม ก่อนจะเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน
ก่อนที่จะไปถึงประตูลานบ้าน เธอเห็นโต้วโต้วยืนพิงประตู ขณะพยายามมองลอดเข้าไปด้านในผ่านรอยแยกของประตู
ตั้งแต่ครอบครัวกลับมาที่เมืองหลวง หลินม่ายเห็นโต้วโต้วมาแอบมองอยู่ด้านนอกประตูลานบ้านหลายครั้ง
หลินม่ายขอให้เสี่ยวจินและเสี่ยวถังคอยจับตาดูให้ดี โดยไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโต้วโต้ว เธอเพียงอยากรู้ว่าโต้วโต้วต้องการทำอะไร
โต้วโต้วไม่ได้ต้องการทำอะไร หล่อนแค่อยากกลับมา แต่ก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ข้างนอก เฝ้ามองดูคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางที่อาศัยอยู่ในบ้าน
เนื่องจากหลินม่ายและครอบครัวเดินทางไปพักอาศัยอยู่ในเมืองเจียงเฉิงระยะหนึ่ง โต้วโต้วแอบมาดูหลายครั้งและไม่เห็นพวกเขา มันทำให้หล่อนตื่นตระหนกมาก
หล่อนกลัวว่าหลินม่ายและครอบครัวจะย้ายไปอยู่ที่อื่น ซึ่งทำให้หล่อนไม่มีวันได้พบกับพวกเขาอีกแล้ว
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่มีเวลา หล่อนก็มักจะมาคอยเฝ้ามองครอบครัวของหลินม่ายเสมอ
หล่อนรู้อยู่แก่ใจว่าครอบครัวของหลินม่ายปฏิบัติต่อหล่อนเป็นอย่างดีเสมอมา และไม่ต้องการตัดสายสัมพันธ์กับพวกเขาโดยสิ้นเชิง
โต้วโต้วได้ยินเสียงรถจอดที่ด้านหลังจึงหันกลับไป เมื่อเห็นหลินม่ายก้าวลงจากรถแท็กซี่ หล่อนจึงรีบวิ่งหนีไป
หลินม่ายเพิกเฉยและเดินเข้าไปในลานบ้าน
น้าถูเล่าให้เธอฟังว่า เด็กหนุ่มชื่อเฉินเย่าหัวอ้างว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอได้มาหาที่บ้านเมื่อเวลาหกโมงเย็น
แม้น้าถูจะบอกเขาว่าหลินม่ายออกไปกินข้าวและไม่รู้จะกลับมาเมื่อใด ขอให้เขากลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ เขาก็ปฏิเสธและรออยู่ที่ห้องเรียนของหลินม่ายนานหลายชั่วโมงแล้ว
หลินม่ายลืมเฉินเย่าหัวไปนานแล้ว เมื่อเดินมายังห้องเรียน เธอจึงเห็นเฉินเย่าหัวกำลังนั่งรอด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
ทันทีที่เห็นหลินม่าย เขาก็โพล่งออกมาว่า “ในที่สุดคุณก็กลับมา!”
หลินม่ายรู้ถึงเจตนาที่เขาตามหาเธอ จึงถามเข้าประเด็น “การฝึกพูดภาษาอังกฤษของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เรื่องสนทนาและสื่อสารไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไปแล้วล่ะ”
หลินม่ายจึงเปลี่ยนมาใช้ภาษาอังกฤษเพื่อพูดคุยกับเขา และได้รับการยืนยันว่ามันเป็นไปตามที่เขาบอก
หลินม่ายพยักหน้า “เอาล่ะ ฉันจะโทรหารองคณบดีวันพรุ่งนี้เพื่อเพิ่มชื่อของคุณเข้าไป”
เฉินเย่าหัวกล่าวขอบคุณเธอและจากไปอย่างมีความสุข
เวลาบ่ายสามโมงของวันต่อมา เขากลับมาอีกครั้งพร้อมนำแตงโมลูกใหญ่มาด้วย โดยบอกว่าทางมหาวิทยาลัยได้ช่วยเหลือเขาด้านหนังสือเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศแล้ว เขาจึงต้องการขอบคุณหลินม่ายอีกครั้ง
หลินม่ายบอกว่าอย่าขอบคุณเธอเลย เธอแค่ส่งเขาไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อจุดประสงค์ในการส่งเสริมผู้มีความสามารถให้กลับมาทำงานกับเธอ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คิดได้แล้วก็ใช้ชีวิตให้ดีๆ อย่าหุนหันพลันแล่นนะคะคุณแม่
ชีวิตใหม่ที่อเมริกาของม่ายจื่อจะเป็นยังไงบ้างนะ
ไหหม่า(海馬)