แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1066 นักข่าวมากมาย
ตอนที่ 1066 นักข่าวมากมาย
ตอนที่ 1066 นักข่าวมากมาย
ไม่กี่วันต่อมา หลินม่าย คุณปู่ฟาง และคนอื่น ๆ ก็เดินทางกลับไปที่เจียงเฉิง
เดิมทีฟางจั๋วหรานคิดจะรอจนกว่าการเตรียมตัวไปศึกษาต่อต่างประเทศของหลินม่ายจะถูกตัดสินก่อน แล้วเขาค่อยลาออกจากหน่วยงาน
แต่ตอนนี้เขาเองก็ต้องการกลับไปที่เจียงเฉิงเพื่ออยู่กับครอบครัว แบ่งปันความสุขซึ่งกันและกัน เขาจึงลาออกในทันที
เขาบอกข่าวดีกับหลินม่าย และขอให้พวกเขารออีกสองวัน ว่าเขาจะกลับไปที่เจียงเฉิงเพื่อไปหาทุกคนในไม่ช้า
………
คราวนี้พวกเขาคิดจะขับรถกลับไปที่เจียงเฉิง เพราะจะพาอาหวงไปที่เจียงเฉิงด้วย เพราะฉะนั้นทั้งหมดจึงขับรถกลับ
เพื่อนบ้านที่ทราบข่าวว่าครอบครัวของหลินม่ายกำลังจะกลับเจียงเฉิงแล้ว ทั้งหมดล้วนแต่ไม่เต็มใจที่อีกฝ่ายกำลังจะจากไป
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางยกยิ้มก่อนจะกล่าวสัญญากับเพื่อนบ้านเหล่านี้ว่าในอนาคตจะกลับมาเยี่ยมเยียนแน่นอน
โต้วโต้วซ่อนตัวอยู่ที่มุมถนนพลางแอบมองหลินม่ายที่ขับรถพาคุณปู่ฟางกับคนอื่น ๆ ออกไป ในใจยิ่งโศกเศร้ามากขึ้น น้าหลินกับครอบครัวเริ่มไกลห่างกับหล่อนมากขึ้นในทุกขณะ
เมื่อกลับมาถึงเจียงเฉิงและพักผ่อนกว่าสองวัน หลินม่ายพาคุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ไปพักผ่อนที่เมืองซื่อเหมย ก่อนที่เธอจะแวะเยี่ยมเยียนบ้านพักสวัสดิการ
เมื่อปีที่แล้ว หลินม่ายบอกกล่าวให้โม่เจี้ยนอันสร้างหอพักสำหรับผู้สูงอายุที่ยากจนและไม่สามารถเข้าบ้านพักคนชราได้ และยังสร้างโรงงานแปรรูปเส้นมันเทศด้วย
ทั้งหมดถูกเปิดใช้งานในเดือนมิถุนายนปีนี้ ตอนนั้นหลินม่ายยุ่งมากจนไม่มีเวลามาเปิดงาน
เธอจึงใช้โอกาสในคราวนี้ตรวจสอบหอพักและโรงงานแปรรูปตรงหน้าว่าดำเนินการเป็นอย่างไร แน่นอนว่าเธอจะตรวจสอบสถานสงเคราะห์ด้วย
ผู้อำนวยการเดินทางไปกับเธอเป็นการส่วนตัว
เมื่อถึงเวลาอาหารเช้า ผู้สูงอายุที่อยู่ตามลำพังภายในบ้านสวัสดิการก็กำลังรับประทานอาหารเช้า
หลินม่ายเห็นผู้เฒ่าแต่ละคนถือชามไข่ตุ๋น ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ
ผู้อำนวยการกล่าวต่อด้วยความขุ่นเคือง “เพราะฟาร์มไก่ของเรามีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ รองประธานเจิ้งเลยบอกให้ฉันจัดเตรียมไข่ให้กับหญิงชราเหล่านี้ทุกเช้า และฉันก็ทำตาม แต่ก็มีนักข่าวไร้ยางอายบางคนมาใส่ร้ายบ้านพักสวัสดิการของเราโดยบอกว่าผู้สูงอายุไม่ได้รับอาหารดี ๆ ไม่มีนม และไม่มีเนื้อสัตว์ให้กิน”
ผู้อำนวยการยังโกรธไม่หาย “บ้านพักสวัสดิการของรัฐมีทุนจากรัฐบาล และสังคมก็บริจาคให้ตั้งมากมาย แต่เราไม่มีอะไรเลย เราพึ่งพาตัวเองล้วน ๆ และเราก็ไม่ได้แย่ไปกว่ารัฐบาลเลย แต่ทำไมถึงกล้าตำหนิเราอีก?”
หลินม่ายกล่าวปลอบโยน “คนพวกนั้นเป็นแค่คนส่วนน้อย มันไม่สร้างผลกระทบต่อเราหรอกค่ะ”
ผู้อำนวยการเดินเข้ามาพร้อมกับหลินม่ายเพื่อเยี่ยมชมหอพักใกล้เคียง
หอพักทั้งหมดเป็นอาคาร 5 ชั้น คนแก่ที่เดินไม่คล่องจะอยู่ที่ชั้น 1 และคนอื่นที่สามารถขึ้นบันไดได้ดีจะได้อยู่ในชั้นถัดไป
ผู้สูงอายุส่วนใหญ่แล้วมีอายุเพียง 50 หรือ 60 ปีเท่านั้น และยังสามารถเดินเหินได้ดี
ห้องพักแบ่งออกเป็นห้องเดี่ยวและห้องคู่ และค่าใช้จ่ายก็จะถูกแบ่งแยกตามลำดับ
ความหลากหลายของอาหารในโรงอาหารนับว่าดีกว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเสียอีก
ผู้สูงอายุเหล่านี้ทำงานในโรงงานแปรรูปดส้นมันเทศ และยังได้รับค่าจ้าง
หอพักและอาหารล้วนแต่มีราคาถูก แม้สุดท้ายแล้วทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย แต่ผู้สูงอายุเหล่านี้ก็ซื้อมันได้
อีกทั้งพวกเขายังไม่เหงา และอยู่ด้วยกัน ดูแลกันและกันได้ สิ่งนี้ทำให้พวกเขาพอใจมาก
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือที่นี่ไม่มีคลินิกสุขภาพอยู่ใกล้เคียง จึงต้องออกไปหาหมอด้านนอก
หลินม่ายจึงขอให้ผู้อำนวยการจัดหาคลินิกสุขภาพเพื่อให้ช่วยดูแลผู้สูงอายุที่มีอาการปวดหัวหรือเป็นไข้
หลังจากนั้น หลินม่ายก็ไปเยี่ยมโรงงานแปรรูป ผู้สูงอายุที่กำลังทำงานอยู่ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยมากเกินไป และงานที่จำเป็นต้องใช้แรงงานล้วนมีคนหนุ่มเป็นคนทำทั้งสิ้น
หลินม่ายประหลาดใจมากถึงกับถามขึ้นว่า “เรารับสมัครคนหนุ่มสาวเข้ามาทำงานในโรงงานได้ด้วยเหรอ?”
ปัจจุบันคนในชนบทนิยมที่จะออกไปทำงานตามชายฝั่งที่ได้รับค่าแรงสูงกว่า
ก่อนถึงปีใหม่ ในชนบทมีคนหนุ่มสาวไม่มากนัก ดังนั้นหลินม่ายจึงค่อนข้างตกใจ
ผู้อำนวยการอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เพราะคุณสร้างฟาร์มสัตว์ และฟาร์มเกษตรไว้มากมายในเมืองนี้ เกษตรกรที่ทำงานให้คุณล้วนแต่ได้รับรายได้ยอดเยี่ยม มันจึงดึงดูดให้คนหนุ่มสาวจำนวนมากกลับมาที่บ้าน ใครจะอยากจากบ้านเกิดเมืองนอนไปทำงานในเมืองหากได้รับค่าจ้างพอ ๆ กัน?”
หลินม่ายพยักหน้า “แล้วเส้นบะหมี่พวกนี้ขายดีไหมคะ?”
ผู้อำนวยการพยักหน้า “ยอดขายดีมากเลยล่ะครับ รองประธานเจิ้งบอกว่าเดี๋ยวถ้าตลาดในเจียงเฉิงดูดีแล้ว เขาจะเปิดตลาดที่จังหวัดอื่นด้วย เขาบอกว่าคนจีนชอบกินเส้นมันเทศมาก การตลาดเลยไม่ยากเท่าไหร่”
ขณะพวกเขาทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน ก็มีเสียงดังตะโกนขึ้น “พวกคุณเป็นใคร? เข้ามาได้ยังไง! นี่คือพื้นที่สำคัญของโรงงาน ห้ามคนภายนอกเข้ามา!”
หลินม่ายหันหลับมา ก่อนจะเห็นชายหนุ่มสองสามคนแบกกล้องเข้ามา พวกเขาดูเหมือนว่าเป็นนักข่าว
หญิงชราที่รับผิดชอบการดูแลประตูโรงงานไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ หนึ่งในนั้นถูกผลักจนล้มลง
หลินม่ายเห็นหญิงชราถูกผลักล้มลงกับพื้น เธอรีบวิ่งเข้าหาอีกฝ่ายทันที
เธอกล่าวกับหญิงชราด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “อย่าเพิ่งขยับนะคะ คุณถูกผู้ชายผลักลงพื้นอย่างนี้ ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรหักหรือไม่ ฉันจะส่งคนพาคุณไปโรงพยาบาลทันที”
หลังจากนั้นเธอบอกให้ผู้อำนวยการจัดหาคนพาหญิงชราไปโรงพยาบาล
คนแก่หากได้ตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ก็อาจจะพบเจอปัญหาสุขภาพได้บ้าง และเมื่อถึงเวลานั้นชายหนุ่มพวกนั้นจะไม่สามารถกินอิ่มนอนหลับได้อย่างสบายใจแน่นอน
ชายหนุ่มผู้ก้าวร้าวคนนั้นเดินเข้ามาหาหลินม่ายก่อนจะพูดว่า “หมายความว่ายังไงครับ? นักข่าวอย่างพวกเราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาสัมภาษณ์เหรอ? คุณกลัวว่าเราจะรู้ใช่ไหมว่าคุณใช้แรงงานคนสูงอายุที่โดดเดี่ยวพวกนี้เพื่อหาเงิน?”
หลินม่ายไม่ได้อธิบายสิ่งใดต่อพวกเขา ก่อนจะส่งคนไปแจ้งตำรวจ ข้อหาคือการบุกรุกพื้นที่สำคัญของโรงงานและทำให้พนักงานได้รับบาดเจ็บ
สถานีตำรวจอยู่ไม่ไกลนัก ภายในสิบนาที เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนมาถึงอย่างรวดเร็วด้วยจักรยาน
ชายหนุ่มรีบวิ่งไปบอกกล่าวโดยบอกว่าหญิงชราที่ยืนเฝ้าประตูไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาเข้าไปทำข่าว
เขาก็แค่ผลักเบา ๆ แต่หญิงชราคนนั้นล้มลงกับพื้นเอง เห็นชัดว่าพวกเขาไม่แข็งแรง
เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนเผยสีหน้าเคร่งขรึมก่อนจะหันมาหาหลินม่ายและถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หลินม่ายชี้ไปที่ชายหนุ่มก่อนจะพูดว่า “แม่เฒ่าคนนั้นไม่ได้แตะต้องเขาด้วยซ้ำ แต่เป็นเขาที่ผลักคนอื่นจนล้ม!
เหตุผลว่าทำไมหญิงชราถึงไม่ยอมให้พวกเขาเข้ามาก็คือ ที่นี่คือเขตของการทำงานที่สำคัญ มันคือสถานที่ผลิตอาหารและจะไม่ยอมให้คนนอกมาเดินเพ่นพ่านได้!”
เธอชี้ไปยังคนงานในโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุหรือชายหนุ่ม ทุกคนล้วนแต่สวมชุดสะอาด หน้ากากอนามัย และมีถุงมือแบบใช้แล้วทิ้ง
“เห็นไหมว่าพนักงานที่สามารถเข้าออกโรงงานได้คือบุคคลที่สวมอุปกรณ์ครบแล้ว
สิ่งที่เราผลิตคืออาหารมีไว้รับประทาน และความปลอดภัยพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ละเลยได้!”
เธอชี้ไปที่ชุดและหน้ากากอนามัยที่เธอกับผู้อำนวยการสวมใส่ “แม้ฉันจะเข้าไปตรวจสอบโรงงานในฐานะเจ้าของ ฉันก็ต้องทำตามกฎ แล้วนักข่าวพวกนี้มีสิทธิพิเศษอะไรกันคะ?”
ใครบ้างที่ไม่ชื่นชมการเปิดบ้านพักสวัสดิการ และไม่อยากจะเข้ามาอยู่ในบ้านพักสวัสดิการบ้าง!
จิตใจของพวกเขาเอนเอียงเข้าหาหลินม่าย และยิ่งได้ฟังคำพูดของหลินม่ายก็เริ่มเข้าใจว่าจะจัดการกับนักข่าวพวกนี้อย่างไร
นอกจากนี้หญิงชราที่ถูกผลักลงพื้นยังได้รับบาดเจ็บ โดยมีบาดแผลหลายแห่งบนร่างกาย คงจะต้องใช้เวลาหลายวันในการเย็บแผล และกระดูกของหญิงชราคงต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า 1 ปี อีกทั้งมันอาจจะมีปัญหาอื่น ๆ ติดตามมาอีกด้วย
ตำรวจควบคุมตัวนักข่าวแล้วแจ้งข้อหาว่าบุกรุกเข้าสู่โรงงานโดยไม่มีเครื่องป้องกัน แล้วยังทำร้ายพนักงานภายในโรงงาน
หลินม่ายโทรแจ้งฝ่ายประชาสัมพันธ์และบอกให้เปิดเผยพฤติกรรมของนักข่าวไร้ศีลธรรมคนนี้ให้กับสำนักพิมพ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะสำนักพิมพ์ที่นักข่าวคนนี้ทำงานอยู่
สองวันต่อมา พฤติกรรมของนักข่าวไร้ยางอายก็แพร่สะพัดไปทั่วเจียงเฉิง
ประชาชนทั่วไปไม่โง่เขลา เพียงมองนิดเดียวก็ทราบได้ว่ามีคนใช้มือของนักข่าวเพื่อใส่ร้ายหลินม่าย
เธอทำความดี แต่กลับถูกวิจารณ์ว่าทำเรื่องผิดศีลธรรม คนหนุ่มสาวมากมายตรงไปที่สำนักพิมพ์ของนักข่าวคนนั้นเพื่อประท้วง ทั้งยังทิ้งขยะมากมายไว้ที่สำนักงานแห่งนั้น
นักข่าวคนนั้นทำงานให้กับสำนักหนังสือพิมพ์เล็ก ๆ หลายฉบับ
ตอนนี้สำนักหนังสือพิมพ์เล็ก ๆ เหล่านั้นกำลังจะปิดตัวลงเพราะไม่สามารถแข่งขันกับสำนักใหญ่ ๆ ได้จึงพยายามหาทางออกแบบนี้
นักข่าวบอกกับประธานสำนักพิมพ์ว่าพวกเขาว่าหลินม่ายผู้เป็นประธานโรงงานแปรรูปเส้นมันเทศในเมืองซื่อเหมยถูกสงสัยว่าแสวงหาประโยชน์จากผู้สูงอายุ และพวกเขาต้องการจะไปสอบสวน ซึ่งประธานสำนักพิมพ์ก็ตอบตกลงทันที
นี่อาจจะกลายเป็นข่าวใหญ่ บางทีสำนักพิมพ์เล็ก ๆ นี้อาจจะพลิกผันดังเป็นพลุแตกก็ได้?
และบรรดาประธานของสำนักพิมพ์อื่น ๆ ก็คิดแบบนี้เช่นกัน
แต่พวกเขากลับไม่คาดคิดว่าเพียงแค่หลินม่ายโต้กลับเล็กน้อย ก็ทำให้ยอดขายหนังสือพิมพ์ที่แย่อยู่แล้วยิ่งแย่มากลงไปอีก
ประธานหนังสือพิมพ์หลายสำนักรู้สึกเสียใจที่เข้าไปยั่วยุหลินม่าย
พวกเขากล่าวโทษนักข่าวเหล่านั้นว่าอีกฝ่ายไปบุกรุกโรงงานของหลินม่ายด้วยตัวเอง และผลลัพธ์คือการไล่พวกเขาออก
หลังจากถูกจับแล้ว นักข่าวคิดจะกลับไปทำงาน แต่พวกเขาก็ได้ทราบว่าตนถูกไล่ออกแล้ว
และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่คนดี ทั้งหมดเปิดฉากโต้กลับอย่างดุเดือด
คนกลุ่มหนึ่งมาถึงสถานีโทรทัศน์ของมณฑลหูเป่ย และตั้งใจจะเปิดโปงเรื่องเลวร้ายของหลินม่าย
สถานีโทรทัศน์ของมณฑลหูเป่ยระมัดระวังมาก พวกเขาเตรียมรับมือเมื่อทราบว่านักข่าวกำลังจะบุกมา และเมื่อเห็นทุกอย่างพร้อมแล้วจึงเริ่มการออกอากาศ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะออกอากาศ ผู้นำสถานีส่งผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เพื่อลอบสืบสวน
บางทีมันอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด และพวกเขาก็ยังหวาดกลัวความผิดพลาด
เพราะนี่คือสถานีโทรทัศน์ประจำมณฑล หากทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ผู้อำนวยการจะต้องถูกถอดออกจากตำแหน่ง
โชคดีที่นักข่าวหนุ่มถูกส่งตัวไปเป็นอาสาสมัคร และลอบเข้าบ้านพักสวัสดิการของหลินม่าย ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงออกข่าวแบบผิด ๆ ไปแล้ว
ความจริงไม่ได้เป็นสิ่งที่นักข่าวเหล่านั้นพูดเลยแม้แต่น้อย หลินม่ายไม่เพียงแต่จะไม่เอาเปรียบผู้สูงอายุในโรงงาน แต่ยังรับผู้สูงอายุที่พิการไม่สามารถทำงานได้ให้เข้าสู่บ้านพักสวัสดิการด้วย
ภาพที่นักข่าวนำมาให้ผู้นำสถานีดูคือภาพของป้าคนหนึ่งที่สูญเสียขาไปตั้งแต่เข่าลงไป กำลังนั่งล้างมันเทศอยู่บนพื้น
ความจริงคือป้าพิการคนนี้รู้สึกว่าตนยังไม่แก่ และสามารถทำความสะอาดมันเทศได้ สิ่งนี้สามารถทำให้นางเลี้ยงดูตัวเองได้
นางจึงสมัครใจลาออกจากสถานสงเคราะห์และมาทำงานที่โรงงานแปรรูปเส้นมันเทศแห่งนี้
ในกรณีของป้าคนนี้ นางอาศัยอยู่ที่ชั้น 1 เท่านั้น ซึ่งบริเวณชั้น 1 ยังไม่มีห้องว่าง ป้าเลยยังไม่ได้ย้ายเข้าห้องพักใด
นางยังคงอาศัยอยู่ในสถานสงเคราะ์ และจะย้ายเข้าไปที่นั่นเมื่อมีห้องว่างที่ชั้น 1
แต่ไม่คิดเลยว่านักข่าวเหล่านั้นจะลอบถ่ายรูปนาง และรายงานว่านางคือจุดด่างพร้อยของหลินม่ายให้กับสถานีโทรทัศน์มณฑลหูเป่ย
นักข่าวเหล่านั้นรายงานข่าวออกไปด้วยเจตนามุ่งร้าย แต่ผู้นำสถานีโทรทัศน์ที่เกี่ยวข้องไม่ยินดีที่จะปล่อยพวกเขาไป
ในระหว่างการดำเนินรายการ เขาเน้นย้ำหนักแน่นว่าข่าวที่หลินม่ายแสวงหาประโยชน์จากผู้สูงอายุนั้นไม่เป็นความจริง พวกเขาตรวจสอบทุกสิ่งอย่างด้วยตัวเองแล้ว
ในรายการมีการกล่าวชื่นชมป้าพิการที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ และยังประณามความไร้ศีลธรรมของนักข่าวพวกนั้น สิ่งนี้มีแต่จะบั่นทอนผู้ที่ต้องการทำความดี
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากรัฐบาลอดไม่ได้ที่จะรุมทึ้งนักข่าวพวกนั้นด้วยเช่นกัน โดยบอกกล่าวว่าพฤติกรรมของพวกเขาน่าอับอายเกินไป
เพราะเหตุนี้โรงงานแปรรูปเส้นมันเทศของหลินม่ายจึงมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศในพริบตา
ประกอบกับการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด ยอดขายกลับกลายพุ่งทะยานราวกับจรวด
นักข่าวเหล่านั้นต้องเผชิญหน้ากับความโชคร้าย พวกเขาสูญเสียงาน และไม่สามารถหางานใหม่ได้ พวกเขาจึงวิ่งเข้าหาประธานหวงแห่งฉวินกวงพลาซ่าเพื่อขอให้อีกฝ่ายชดใช้ความเสียหายให้กับตน
หากไม่ใช่เพราะคุณหวงสั่งให้พวกเขาทำ พวกเขาก็ไม่อาจเดินมาถึงจุดนี้แน่ คุณหวงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากชดเชยเงินจำนวนมากให้กับพวกเขาทีละคน
อย่างไรก็ตาม ผู้ช่วยของคุณหวงได้ยินการสนทนาเหล่านี้ทั้งหมด และคิดใช้เรื่องนี้เพื่อแบล็กเมล์ผู้เป็นนาย
คุณหวงไม่กลัวเรื่องไร้สาระพวกนี้ ตราบใดที่เขาไม่ยอมรับ นั่นหมายความว่าผู้ช่วยคนนี้โกหก
ผู้ช่วยถูกส่งตัวให้ตำรวจ และเขาเปิดเผยความจริงให้สาธารณะชนทราบอย่างรวดเร็ว
แม้สื่อบางแห่งจะไปสัมภาษณ์นักข่าวเหล่านั้น แต่เป็นธรรมดาที่พวกเขาได้รับเงินปิดปาก พวกเขาจึงปฏิเสธโดยง่ายดาย
หากไม่มีหลักฐาน ก็ไม่สามารถทำอะไรคุณหวงได้ แต่หากใครมีดวงตาที่เฉียบแหลมเพียงพอก็จะรู้ว่าสิ่งที่ผู้ช่วยของเขากล่าวออกมาเป็นความจริง
เวลานี้ฉวินกวงพลาซ่าจึงถูกคว่ำบาตรจากคนหนุ่มสาวจำนวนมาก
นักลงทุนชาวไต้หวันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไล่เขาออก และหาผู้จัดการทั่วไปมาแทนที่
ผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ไม่เข้าร่วมกับสงครามเร้นลับกับซิงกวงพลาซ่า เขาเพียงทำธุรกิจไปอย่างสัตย์ซื่อ
แม้ว่ายอดขายจะน้อยว่าซิงกวงพลาซ่ามาก แต่ก็สามารถอยู่รอดได้
……………………………………………
สารจากผู้แปล
ในที่สุดก็ถอนตอทิ้งได้ หมดอุปสรรคเสียที ไม่งั้นก็รังควานม่ายจื่อไม่เลิก
ไหหม่า(海馬)