แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1059 คดีความระหว่างพ่อลูก
ตอนที่ 1059 คดีความระหว่างพ่อลูก
ตอนที่ 1059 คดีความระหว่างพ่อลูก
วันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเมืองหลวงได้เผยแพร่ข่าวว่าหวงเหนียนอินและลูกน้องได้ถูกจับกุม
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายบางคนวิเคราะห์ว่า หวงเหนียนอินไม่เพียงเป็นผู้นำในการบังคับให้ผู้คนดื่มยาฆ่าแมลงเท่านั้น แต่ยังรับสินบนและยักยอกเงินรัฐอีกด้วย ซึ่งมีการประเมินแล้วว่าหล่อนจะต้องถูกตัดสินจำคุกอย่างน้อยสิบห้าปี
แม้ว่าลูกน้องของหล่อนจะยอมรับผิด แต่พวกเขายังคงถูกตัดสินจำคุกหนึ่งปีครึ่ง
ไม่รู้ว่าข่าวดีนี้กระตุ้นเขาหรือไม่ แต่ในที่สุดอาการของหยางจิ้นก็กลับมาเป็นปกติ
เพียงแต่การฟื้นตัวจะช้าไปสักหน่อย แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติ หลังจากภาวะไตวายเฉียบพลันหายดี ร่างกายก็กลับสู่สภาวะเดิมได้
แต่หยางจิ้นกลับเป็นโรคไตเรื้อรัง
ท้ายที่สุดแล้ว อาการของเขาก็ไม่ดีขึ้นมาหลายวันแล้ว เพราะยาฆ่าแมลงสร้างความเสียหายให้กับไตอย่างมาก
อย่างไรก็ตามทั้งหมอและฟางจั๋วหรานกล่าวว่า ตราบใดที่รักษาอาการให้ทรงตัว ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตมากนัก
เขาทำงานได้แม้ในขณะที่ป่วย ตราบใดที่ไม่ทำงานหนักเกินไปหรือใช้ความพยายามมากเกินไป เขาก็มีชีวิตที่ยืนยาวได้
ไป๋เหยียนไม่ขออะไรมาก ขอเพียงแค่สามียังมีชีวิตอยู่ แม้เขาจะเป็นอัมพาตอยู่บนเตียงและต้องได้รับการดูแลก็ตาม
สถานการณ์ปัจจุบันดีกว่าที่เธอคาดไว้มาก
ไป๋เหยียนและสามีผู้ชอบเก็บเรื่องทุกอย่างเงียบ ๆ มาตลอดเพิ่งผ่านพ้นประสบการณ์แห่งความตายอย่างฉิวเฉียด พวกเขาจึงไม่เต็มใจที่จะประนีประนอมอีกต่อไป ยิ่งยอมมากเท่าไร คนพวกนั้นก็จะบีบบังคับหนักขึ้นเหมือนหีบอ้อย กระทั่งเหี่ยวแห้งตายไป
ก่อนที่หยางจิ้นจะหายดี เขาก็ยื่นฟ้องหยางเซิงต่อศาล โดยกำหนดให้พี่น้องต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดของแม่หยางร่วมกัน
หยางเซิงและภรรยาทั้งตกใจและโกรธมากเมื่อได้รับหมายเรียกจากศาล
ในตอนเที่ยงซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจคึกคักมากที่สุด ทั้งคู่ได้ปิดร้าน ก่อนวิ่งกลับไปบ่นให้พ่อหยางและแม่หยางฟัง
พ่อหยางและแม่หยางรีบไปยังร้านค้าของหยางจิ้น
แม่หยางเป็นอัมพาตและเดินไม่ได้ ดังนั้นหยางเซิงจึงแบกนางไว้บนหลัง
ทันทีที่พ่อหยางมาถึงร้าน เขายกนิ้วขึ้นชี้หน้าหยางจิ้นและตะโกนด่าทอว่าชายหนุ่มเป็นลูกชายอกตัญญู แล้วยังฟ้องร้องน้องชายตัวเอง
แม้แม่หยางจะเป็นอัมพาตและพูดได้ไม่ชัดเจน แต่นางก็นอนอยู่บนโต๊ะอาหารและสาปแช่งหยางจิ้น แล้วยังใช้โอกาสนี้ดูถูกไป๋เหยียนที่ไม่อยู่ร้าน
การด่าทอของพ่อหยางรุนแรงมากจนเริ่มลงไม้ลงมือตบตีหยางจิ้นหลายครั้ง
หยางจิ้นไม่ตอบโต้และขอให้พนักงานโทรหาตำรวจด้วยสีหน้าเย็นชา
สักพักก็มีตำรวจสองนายมาถึง
พ่อหยางและแม่หยางยังคงด่ากราดคำหยาบคาย คนหนึ่งยืน คนหนึ่งนอนราบ ไม่มีใครเอาจริงเอาจังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มทั้งสองนายเลย
หยางเซิงและภรรยายืนเคียงข้างกันขณะดูการแสดงด้วยความโล่งใจ
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนตะโกนหลายครั้ง ผู้อาวุโสทั้งสองจึงยอมหยุดด่าทอ
หยางจิ้นพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองว่า “ผมถูกพ่อตบหลายครั้ง และเพราะพวกเขาสร้างปัญหาจนทำให้ลูกค้าทางร้านกลัว ผมต้องการเรียกร้องค่าชดเชยสำหรับเรื่องนี้”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาพลันฉุกคิดบางอย่างได้จึงพูดต่อ “ยังไงก็ตาม ผมเพิ่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการไตวายเฉียบพลัน และนี่ก็ออกจากโรงพยาบาลได้เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น ผมสงสัยว่าการที่พ่อตบหน้าอาจทำให้อาการของผมทรุดลง ผมจึงขอไปตรวจร่างกายให้แน่ใจ และเรียกร้องให้พวกเขาชดใช้ค่ารักษาพยาบาลในภายหลัง”
ตำรวจทั้งสองตกใจ หนึ่งในนั้นสงสัยว่าตัวเองอาจได้ยินผิดไป จึงถามว่า “คุณต้องการฟ้องพ่อตัวเองหรือครับ?”
“ครับ” หยางจิ้นพยักหน้ารับหนักแน่น
เจ้าหน้าที่ตำรวจเกลี้ยกล่อมหยางจิ้นว่าไม่ควรมีความบาดหมางข้ามคืนระหว่างพ่อลูก เขาควรขอให้พ่อขอโทษ และสัญญาว่าจะไม่ทุบตีหรือดุเขาอีก จากนั้นลืมเรื่องราวทั้งหมดไป
พ่อหยางรีบวิ่งเข้าไปเหมือนหมาบ้าแล้วยกมือขึ้นหวังจะตีหยางจิ้น “แกจะฟ้องฉันเหรอ? แล้วยังจะให้ฉันจ่ายค่าชดเชยอีกงั้นเหรอ? ฉันจะบอกแกให้ ต่อให้ฉันจะทุบตีแกจนตาย ฉันก็จะไม่จ่ายเงินให้แกสักหยวนเดียว!”
หยางจิ้นไม่ได้หลบหรือถอยออกไป เขาแค่รอรับหมัดของคุณพ่อหยาง
ตำรวจที่ต้องการเกลี้ยกล่อมเขาคว้ามือพ่อหยางแล้วพูดด้วยใบหน้าเข้ม “ทำไมถึงกล้าพูดว่าจะฆ่าคนโดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตรงนี้? พวกเราคงต้องพาคุณไปสถานีตำรวจเพื่อตักเตือนเสียหน่อย!”
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหยางจิ้นในฐานะลูกชายถึงต้องการฟ้องร้องพ่อของตัวเอง หากต้องมีพ่อแบบนี้ ตัวเขาเองก็คงต้องจัดการด้วยกฎหมายเช่นกัน
พ่อหยางขมวดคิ้วและพูดว่า “ถ้าอยากจะตีลูกชายตัวเองเสียอย่าง ตำรวจก็ทำอะไรฉันไม่ได้!”
“ใครบอกว่าทำอะไรไม่ได้ครับ เราจะพาคุณไปสถานีตำรวจเพื่อตักเตือนเดี๋ยวนี้!” ตำรวจทั้งสองคว้าตัวพ่อหยางออกไปทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ แม่หยางตื่นตระหนกและดิ้นรนอยู่บนโต๊ะอาหาร นางด่าทอหยาบคายและถึงกับอยากกระโจนออกไปบีบคอหยางจิ้นด้วยซ้ำ
แต่บังเอิญหล่นจากโต๊ะกินข้าวจนศีรษะกระแทกพื้น ทำให้เลือดไหลอาบใบหน้า
เมื่อหยางเซิงและภรรยาเห็นแบบนั้น พวกเขาอยากหนีไปโดยทิ้งแม่หยางไว้กับหยางจิ้น
หยางจิ้นและพนักงานช่วยกันหยุดคนทั้งสองไว้ และขอให้พวกเขาพาแม่หยางออกไป ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่มีทางออกไปจากที่นี่
หวงกุ้ยอิงกล่าว “แม่ได้รับบาดเจ็บอยู่ ถ้ามาห้ามไม่ให้เราไป คุณไม่กลัวว่าแม่จะเสียเลือดจนตายหรือยังไง?”
หยางจิ้นโต้กลับ “ฉันไม่สนว่าแม่จะอยู่หรือตาย เธอสนเรื่องนี้ด้วยเหรอ? เธอไม่เพียงเพิกเฉยเท่านั้น แต่ยังจะหนีไปอีก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับแม่จริง ๆ ไม่เพียงแต่ฉันจะหนีไม่พ้นเท่านั้น พวกเธอก็ไม่มีใครหนีไปได้เช่นกัน ฉันมีภรรยาที่ดี และมีน้องภรรยาทั้งสองที่ดีมาก ถ้าฉันเข้าคุกจริง ๆ ลู่ลู่จะต้องมาช่วยเหลือ ม่ายจื่อจะช่วยเรื่องเงิน ภรรยาและลูกสาวของฉันจะไม่มีใครต้องลำบาก แต่ถ้าพวกเธอเข้าคุก ใครจะมาช่วยเหรอ? ลูกชายคนสำคัญของพวกเธอจะต้องตกอยู่ในภาวะคับแค้นใจ”
จากนั้น เขาก็นั่งบนเก้าอี้และยกชาขึ้นดื่มอย่างใจเย็น
เมื่อพี่ชายโต้กลับกับพวกเขาเช่นนี้ หยางเซิงและภรรยาจึงต้องถอยกลับ และยอมพาแม่หยางไปโรงพยาบาล
พ่อหยางมาถึงสถานีตำรวจแล้วก็ได้รับการตักเตือนอย่างเข้มงวดจากตำรวจหนุ่ม จึงให้ความร่วมมือมากขึ้น
เขาสัญญาว่าจะไม่ทุบตีหรือดุหยางจิ้นอีก รวมถึงไม่สร้างปัญหาในร้านหรือส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเขา
แต่เมื่อตำรวจขอให้เขาพาหยางจิ้นไปตรวจร่างกาย พ่อหยางก็ยอมแพ้
การรักษาภาวะไตวายเฉียบพลันของหยางจิ้นมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 20,000 หยวนในเวลาเพียงครึ่งเดือน
แม้จะเป็นเพียงการตรวจสุขภาพ แต่ก็น่าจะมีค่าใช้จ่ายหนึ่งถึงสองร้อยหยวน
หากอาการแย่ลง เขาต้องแบกรับค่ารักษาพยาบาลอีกใช่ไหม?
เมื่อคำนวณตามนี้ มันจะเป็นราคาเท่าใด?
แค่คิดเรื่องนี้พ่อหยางก็กลัวมาก แล้วเขาจะยอมจ่ายได้อย่างไร?
ตำรวจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพาพ่อหยางกลับไปที่ร้านค้าหลักของหยางจิ้น บอกว่าพ่อของเขาปฏิเสธที่จะพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องค่าชดเชย ดังนั้นจึงปล่อยให้เขาฟ้องร้องพ่อของตัวเองเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม
หยางจิ้นเห็นด้วย แต่ขอให้ตำรวจพาเขาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานได้ในอนาคต
ไม่กี่วันต่อมาผลการทดสอบก็ออกมา เดิมทีโปรตีนในปัสสาวะของหยางจิ้นมีผลบวกเพียงสองตัว แต่การตบของพ่อหยางทำให้ผลบวกกลายเป็นสามตัว
อันที่จริงทั้งหยางจิ้นและภรรยาเข้าใจว่า การโดนพ่อหยางตบที่หน้าไม่ควรส่งผลต่ออวัยวะช่วงเอว ความเป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อโรคไตมีน้อยมาก มันน่าจะเกิดจากความผันผวนของอาการที่ไม่แน่นอน
แต่ใครบอกให้พ่อหยางทุบตีหยางจิ้นขณะที่ยังพักฟื้นร่างกายแบบนี้ พวกเขาต้องการจัดการให้ถึงที่สุด เพื่อให้อีกฝ่ายได้สำนึกผิด
หยางจิ้นอาศัยเอกสารการตรวจร่างกายเหล่านั้นเพื่อฟ้องศาลสำหรับการสูญเสียค่าจ้าง ค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยทางแพ่ง รวมเป็นเงิน 50,000 หยวน
พ่อหยางโกรธมากจนถามหยางจิ้นว่าทำไมเขาถึงเรียกร้องมากขนาดนี้
หยางจิ้นพูดอย่างใจเย็น ด้วยร้านขนมไม่กี่ร้าน เขาก็มีรายได้มากมายทุกเดือน
แต่ผลจากการถูกตบหน้า ทำให้โรคไตของเขาแย่ลงและต้องนอนรักษาตัวเป็นเวลาสามเดือน
ในช่วงสามเดือนนี้ เขาไม่สามารถจัดการร้านขนม และทำให้มูลค่าการซื้อขายลดน้อยลงอย่างแน่นอน
นอกจากนี้การรักษาโรคไตยังมีราคาแพงอีกด้วย
เขาจึงเสนอค่าชดเชยทางแพ่งเพียง 50,000 หยวนเท่านั้น โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูก
พ่อหยางโกรธมากจนจ้องเขม็ง
ไม่กี่เดือนต่อมา คดีทั้งสองที่หยางจิ้นยื่นฟ้องก็ได้รับการตัดสิน
คดีแรกคือกรณีที่หยางจิ้นขอให้แบ่งค่าใช้จ่ายของแม่หยางเท่า ๆ กัน แม้ว่าหยางเซิงและภรรยาจะบ่นว่าพวกเขายากจนและไม่สามารถจ่ายได้ก็ตาม
เนื่องจากพวกเขาสามารถจ่ายได้ จึงถูกตัดสินให้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามหยางเซิงและภรรยาของเขาสามารถชดเชยค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งนี้ได้โดยการดูแลแม่หยางแทน
หากพวกเขาไม่ต้องการ พวกเขาสามารถมอบแม่หยางให้กับหยางจิ้นดูแล จากนั้นพวกเขาก็ต้องมอบค่าใช้จ่ายที่พวกเขาควรจะแบกรับให้กับหยางจิ้นด้วย
แล้วหยางเซิงและภรรยาจะยินดีจ่ายเงินให้หยางจิ้นได้อย่างไร?
พวกเขาเกลียดหยางจิ้นและภรรยามากจนไม่อยากเสียเงินให้แม้แต่เหมาเดียว แม้ว่าเงินนั้นจะเป็นของแม่หยางก็ตาม
พวกเขารู้ดีว่าเงินที่ใช้ไปกับแม่หยาง แม้จะไม่มากมาย แต่ท้ายที่สุดก็จะตกไปอยู่ในมือของหยางจิ้นและภรรยาไม่ใช่เหรอ?
การดูแลแม่หยางด้วยเงินที่หยางจิ้นมอบให้จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า พวกเขาไม่มีเงินมากพอที่จะใช้จ่ายกับแม่หยาง
ดังนั้นหยางเซิงและภรรยาจึงยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะดูแลแม่หยางเอง ด้วยวิธีนี้หยางจิ้นและภรรยาจะยังคงให้เงินพวกเขา แต่จะเป็นเพียงจำนวนครึ่งหนึ่งของเงินที่เคยให้ก่อนหน้า
คดีแรกจบลงด้วยการที่หยางจิ้นชนะ
แม้ศาลจะไม่ได้ตัดสินให้พ่อหยางชดใช้เงิน 50,000 หยวน แต่ก็ยังต้องชดเชยเงินจำนวน 20,000 หยวน
พ่อหยางแกล้งทำเป็นว่ายากจนและบอกว่าไม่มีเงินชดเชย
หยางจิ้นยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อบังคับใช้กฎหมาย จากนั้นศาลจึงโอนเงิน 20,000 หยวนจากบัญชีธนาคารของพ่อหยางไปยังบัญชีธนาคารของหยางจิ้น
พ่อหยางโกรธมากจนต้องล้มป่วยมานานกว่าครึ่งปี
เป็นเวลากว่าครึ่งปีที่หยางจิ้นและภรรยาไม่เคยมาเยี่ยมเขาเลยสักครั้ง
เมื่อพ่อหยางอยากกินอะไรบางอย่าง หยางจิ้นจะให้เงินครึ่งหนึ่งแก่เขา
เขารู้ว่าเงินครึ่งหนึ่งจะตกไปอยู่ในกระเป๋าของหยางเซิงและภรรยา
แต่แล้วอย่างไรล่ะ? ไม่ใช่เขาที่ต้องทนทุกข์เสียหน่อย เพราะเขาได้ให้เงินไปแล้ว
แม้พ่อหยางจะรู้สึกขมขื่น แต่เขาทำได้เพียงตำหนิลูกชายคนเล็กและลูกสะใภ้เท่านั้น เนื่องจากไม่ใช่ความผิดของหยางจิ้นและไป๋เหยียน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ต้องให้ลูกคนโตฟ้องก่อนถึงจะยอมถอยกันใช่ไหมครอบครัวนี้ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ
ไหหม่า(海馬)