แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1058 มอบตัวกลางดึก
ตอนที่ 1058 มอบตัวกลางดึก
ตอนที่ 1058 มอบตัวกลางดึก
ขาของผู้มาเยือนอ่อนแรงและทรุดตัวลงบนพื้นคอนกรีตทันที ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “อย่ายิง ฉะ… ฉันยอมแล้ว”
ขณะที่พูด กลิ่นปัสสาวะอันไม่พึงประสงค์ก็อบอวลไปในอากาศ
บุคคลที่ยอมมอบตัวแต่งกายด้วยชุดสีดำและสวมหมวกกันแดดสีเข้ม กำลังปัสสาวะรดกางเกง
หล่อนในขณะนี้ตกใจแทบตาย โดยคิดว่าตัวเองไม่รอดแน่
ตำรวจลดปืนเลียนแบบลงด้วยความเขินอาย
ปืนเลียนแบบนี้ถูกยึดมาจากคนร้ายข้างถนนระหว่างการจับกุม
เมื่อครู่เขาตกใจมากเพราะกำลังอ่านหนังสืออยู่ จึงหยิบมันออกมาเพื่อเสริมความกล้า แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้คนกลัวจนปัสสาวะราด
เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนขึ้นและช่วยดึงหญิงสาวที่มามอบตัวให้ลุกขึ้น กล่าวขอโทษ “ผมขอโทษด้วย ตอนนี้ดึกมากแล้ว แถมคุณก็เดินมาเงียบ ๆ โดยไม่ส่งเสียง ผมก็นึกว่าเป็นคนไม่ดี”
ที่จริงเขาแอบคิดว่าหล่อนเป็นผี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมีปฏิกิริยาตอบโต้เช่นนั้น
ผู้มาเยือนเป็นหญิงสาวเสียงทุ้มซึ่งแนะนำตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานแขวงถนนซุ่ยเหริน
หล่อนฝืนยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร” จากนั้นก็สารภาพความผิด
หล่อนบอกว่าตนเองมีส่วนร่วมในการบังคับให้หยางจิ้นซื้อสิ่งของมากมายให้แม่หยาง รวมกันทั้งหมด 17 ครั้ง
หยางจิ้นมาที่สำนักงานแขวงเพื่อขอคำอธิบาย และหล่อนก็ร่วมพูดประชดประชันไปสองสามประโยคด้วย
เจ้าหน้าที่หญิงพูดด้วยใบหน้าเศร้า “ผู้อำนวยการหวงบังคับให้ฉันทำเรื่องนี้น่ะค่ะ หากฉันไม่ฟัง หล่อนจะหาข้ออ้างในการถอดฉันออกจากตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐ คุณตำรวจคะ สถานการณ์แบบนี้ฉันต้องเข้าคุกไหมคะ?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มส่ายหัวแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ผมคงตอบไม่ได้ คุณกลับไปรอฟังข่าวเถอะครับ”
เจ้าหน้าที่หญิงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจากไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจถูปัสสาวะลงบนพื้นแล้วกลับมาที่โต๊ะเพื่ออ่านหนังสือ
ป้าใหญ่อีกราวเจ็ดถึงแปดคนมาที่สถานีตำรวจ แนะนำตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานแขวงถนนซุ่ยเหริน และทุกคนมาเพื่อมอบตัว
โครงเรื่องที่พวกหล่อนอธิบายนั้นคล้ายคลึงกับสิ่งที่ผู้หญิงก่อนหน้าเพิ่งอธิบาย
และทุกคนต่างตำหนิหวงเหนียนอินอย่างเป็นเอกฉันท์
พวกหล่อนบอกว่าทุกคนอยู่ภายใต้คำสั่งของหวงเหนียนอิน หากไม่ฟังหล่อน ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะ
หนึ่งในนั้นบอกอะไรบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้ นั่นคือ หวงเหนียนอินและหวงกุ้ยอิงผู้เป็นน้องสะใภ้ของเหยื่อหยางจิ้นเป็นญาติห่าง ๆ กัน
หวงกุ้ยอิงมอบผลประโยชน์มากมายแก่หวงเหนียนอิน ดังนั้นหวงเหนียนอินจึงใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของของตนเพื่อทำสิ่งต่าง ๆ ให้แก่ญาติคนนี้
เจ้าหน้าที่หญิงอีกคนอธิบายบางสิ่งที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย
นั่นคือหวงเหนียนอินรับสินบน และยุยงให้หล่อนสร้างบัญชีปลอมเพื่อยักยอกเงินรัฐ
หลังจากเห็นคนสุดท้ายที่มอบตัวแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็อ่านหนังสือต่อไปโดยไม่มีอะไรทำ
“… หลินเจียไจ๋ บ้านหมายเลข 37 ถูกจำคุกมาทั้งเดือนแล้ว…ไม่มีใครมีสิทธิ์เปิดประตูยกเว้นตำรวจ แต่ทำไมประตูถึงเปิดอยู่?…เจ้าหน้าที่สืบสวนคดีอาญาเข้าไปในบ้านของตระกูลหลิน หมายเลข 37 อีกครั้ง และพบคราบเลือดบนพื้น…เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กจากชั้นสอง แต่เมื่อเดินบันไดขึ้นไปบนชั้นสองกลับไม่พบใคร…”
ในขณะนี้ หลอดฟลูออเรสเซนต์เหนือศีรษะก็กะพริบติด ๆ ดับ ๆ
ลมหนาวพัดผ่านจากด้านนอก หนังสือพิมพ์กระทบกับชั้นวางหนังสือพิมพ์เสียงดัง
บรรยากาศโดยรอบเริ่มน่ากลัวมากขึ้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจมองดูหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่กระพริบอยู่เหนือหัวของเขา จากนั้นมองออกไปด้านนอกด้วยความระมัดระวัง
เขาเห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีดำ และหน้ากากขนาดใหญ่เดินเข้ามา
เมื่อเขาก้าวเข้าไปในสถานีตำรวจ ไฟฟลูออเรสเซนต์ที่กะพริบก่อนหน้า พลันดับลงจนมืดสนิท
ในความมืด ดวงตาสองคู่จ้องมองกัน
ชายคนนั้นตกใจมากจนตะโกนสุดเสียง “คุณตำรวจอย่าปิดไฟแบบนี้ ผมกลัวแล้ว!”
มุมปากเจ้าหน้าที่ตำรวจกระตุก เขาไม่ได้ปิดไฟ มันดับเอง ซึ่งเขาตกใจไม่ต่างกัน
เขาสงสัยว่าวันนี้พระเจ้าคงเบื่อและจงใจแกล้งเขา ทำให้เขาตกใจกลัวถึงสองครั้งในคืนเดียว
เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องจัดการเปลี่ยนหลอดไฟด้วยตัวเอง แล้วถามชายคนนั้นว่าได้มอบตัวด้วยหรือไม่
ชายคนนี้ไม่ได้มามอบตัว แต่มาเพื่อแจ้งข่าว
เขาบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รุ่นน้องจากสำนักงานแขวงถนนซุ่นเหริน
ในวันนั้นหยางจิ้นถูกผู้อำนวยการหวงและพรรคพวกของหล่อนบีบให้ดื่มยาฆ่าแมลงฆ่าตัวตาย หวงเหนียนอินไม่เพียงปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ แต่ยังไม่อนุญาตให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นโทรแจ้ง 120 แล้วยังบอกอีกว่าปล่อยให้หยางจิ้นตายด้วยยาฆ่าแมลงนั่นแหละ เพราะถ้าหากเขารอดชีวิต อาจกลับมาก่อปัญหาอีกครั้ง
อย่างไรซะหยางจิ้นก็ฆ่าตัวตายเอง และไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเขา
ชายคนนี้ไม่เพียงแจ้งข่าวด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ยังแสดงหลักฐานที่หักล้างไม่ได้ด้วย นั่นก็คือเทปเสียง
ชายคนนี้แข่งขันกับหวงเหนียนอินแย่งชิงตำแหน่งผู้อำนวยการระดับสูงในการเลือกตั้งเมื่อไม่กี่ปีก่อน หวงเหนียนอินติดสินบนผู้บังคับบัญชาและทำให้เขาชวดตำแหน่งจากการเลือกตั้งด้วยคะแนนเดียว
เขาไม่สามารถลืมความเจ็บแค้นนี้ได้ และมองหาโอกาสที่จะกระชากหวงเหนียนอินลงมาในคราวเดียว เพื่อที่หล่อนจะไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกต่อไป
วันนั้นเมื่อเขาเห็นหวงเหนียนอินและพรรคพวกบังคับให้หยางจิ้นดื่มยาฆ่าแมลง ทั้งยังดูแคลนอีกฝ่ายอย่างไร้ยางอาย เขาจึงตระหนักว่าโอกาสนั้นมาถึงแล้ว
เขาแอบออกไปซื้อเครื่องบันทึกเทปขนาดเล็กจากร้านวิดีโอข้างสำนักงาน และบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้
หลังจากที่ชายผู้แจ้งข่าวจากไป เวลาที่เหลือในสถานีตำรวจก็กลับมาสงบสุขในที่สุด
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเลิกกะกลางคืนแล้ว ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาทีละคน
คนเหล่านี้ไม่ได้มามอบตัว แต่พวกเขาตอบรับคำเรียกของเผิงอันน่าและเข้ามาเป็นสักขีพยาน
โดยยืนยันว่าหยางจิ้นดื่มยาฆ่าแมลงฆ่าตัวตายเพราะถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานแขวงถนนซุ่ยเหรินกดดันด้วยวาจา
ในเวลานั้น พวกเขาเฝ้าดูกระบวนการทั้งหมด ก่อนจะถูกหวงเหนียนอินและคนอื่น ๆ ขับไล่ออกไป
หลังจากที่พี่สาวคนโตไป๋เหยียนตื่น ร่างกายของหล่อนก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อวานกินข้าวและดื่มซุปไก่ได้แล้ว
พ่อไป๋ แม่ไป๋ หลินม่าย และคนอื่น ๆ ต่างก็มีความสุขมาก
แต่สถานการณ์ของหยางจิ้นทำให้พวกเขาต้องขมวดคิ้ว
เมื่อวานเป็นเส้นตายที่อาการของหยางจิ้นจะต้องกลับเป็นปกติ แต่ข้อมูลการทดสอบไม่ได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหมายความว่าชีวิตของเขามีแนวโน้มที่จะเข้าสู่การนับถอยหลัง
แต่หมอเจ้าของไข้และฟางจั๋วหรานต่างก็ยังคงมองโลกในแง่ดี
เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องดีมากแล้วที่หยางจิ้นสามารถตื่นได้สมบูรณ์ และอาการไม่ทรุดลงอีก
แม้จะผ่านเส้นตายที่ควรจะกลับมาเป็นปกติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปาฏิหาริย์จะไม่เกิดขึ้น
การกลับมาเป็นปกติในหนึ่งสัปดาห์เป็นเพียงกรณีของผู้ป่วยส่วนใหญ่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยแต่ละรายมีความแตกต่างกัน บางรายอาจหายได้ภายใน 3 หรือ 4 วัน ขณะที่บางรายอาจหายได้หลังจาก 8 หรือ 9 วัน
แม้ว่าเงื่อนไขทั้งสองนี้จะพบได้น้อย แต่ก็ยังมีอยู่ทางคลินิก
ฟางจั๋วหรานให้ความมั่นใจกับทุกคน บางทีหยางจิ้นอาจจะเป็นแบบในกรณีหลังก็ได้?
แต่หลินม่ายชอบคิดลบเสมอ หากชีวิตของพี่เขยของเธอเข้าสู่การนับถอยหลังจริง ๆ เธอจะต้องเร่งรีบและแสวงหาความยุติธรรมให้เขา อย่างน้อยที่สุดเพื่อที่เขาจะได้จากไปโดยไม่มีสิ่งใดติดค้าง
เธอไปหาตำรวจเพื่อแจ้งความในตอนเช้าและฟ้องร้องหวงเหนียนอินและลูกน้องคนอื่น ๆ
หวงเหนียนอินได้ดูรายการ “ครบเครื่องเรื่องสังคม” เมื่อคืนนี้แล้ว
หล่อนตกใจมากเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไปถึงสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน
หล่อนวิ่งไปที่บ้านตระกูลหยางกลางดึกและขอให้หวงกุ้ยอิงออกมาขอร้องหลินม่ายให้ปล่อยเธอไป ไม่เช่นนั้นจะลากอีกฝ่ายและสามีให้ไปตายด้วยกัน
หวงกุ้ยอิงและสามีไม่ได้หวาดกลัวต่อคำข่มขู่นั้น และยังทุบตีเธอด้วยไม้กวาด
เมื่อตำรวจมาที่บ้านของหวงเหนียนอินเพื่อจับกุม หล่อนยังคงคิดหาทางโกหกตำรวจ
เมื่อมาถึงสถานีตำรวจ ตำรวจถามหล่อนว่าได้ใช้คำพูดบังคับให้หยางจิ้นดื่มยาฆ่าแมลงหรือไม่
หวงเหนียนอินปฏิเสธที่จะยอมรับ โดยบอกว่าหล่อนไม่ได้พูดเยาะเย้ยหรือถากถางแม้แต่น้อย คำพูดน่าเจ็บปวดเหล่านั้นล้วนเป็นคำพูดของเจ้าหน้าที่คนอื่น และไม่ได้เกี่ยวข้องกับหล่อนเลย
ตำรวจได้รับคำสารภาพจากเจ้าหน้าที่ของสำนักงานแขวงที่ทำงานให้หล่อน รวมทั้งคำให้การของพยานด้วย
ในเวลานั้นที่หยางจิ้นฆ่าตัวตาย มีผู้คนยืนดูมากมาย ทำให้มีพยานหลายคน
เมื่อเผชิญกับหลักฐานที่หักล้างไม่ได้ หวงเหนียนอินยังคงพยายามบอกว่าหล่อนไม่ได้จริงจังกับคำพูดพวกนั้น หล่อนไม่ได้คาดหวังว่าหยางจิ้นจะฆ่าตัวตายจริง ๆ และมันเป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำ
นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า หยางจิ้นฆ่าตัวตายไม่เพียงเพราะคำพูดของหล่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะคำพูดของเจ้าหน้าที่คนอื่นในสำนักงานด้วย
สรุปคือ หาทางโยนความผิดให้คนอื่นอย่างเต็มที่
ตำรวจถามหล่อนอีกครั้งว่าทำไมถึงปฏิเสธที่จะช่วยชีวิตอีกฝ่าย และบอกว่าปล่อยให้หยางจิ้นตายจะดีกว่า ความตายเกิดได้ทุกเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนก็ตาม ผู้คนฆ่าตัวตายและไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย
หวงเหนียนอินปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะยอมรับว่าหล่อนเป็นคนพูดคำเหล่านั้น และยังปกป้องตัวเอง โดยบอกว่าหล่อนช่วยหยางจิ้นได้ทันเวลา เพราะตอนแรกคิดว่าเขาดื่มยาฆ่าแมลงปลอม
ตำรวจเห็นว่าหวงเหนียนอินโกหกเสียงแข็ง เขาจึงเปิดเทปเสียงที่ได้รับมา
ก่อนที่จะฟังเนื้อหาในเทปจบ สีหน้าของหวงเหนียนอินก็ซีดเซียวลง ก่อนจะก้มศีรษะลงอย่างอ่อนแรง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไม่มีหลักฐานมัดตัวก็ไม่ยอมรับสินะป้า เรื่องมาขนาดนี้แล้ว ยังไงก็คุกอะ
ไหหม่า(海馬)