แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1057 ผู้อำนวยการหวงเรียกร้องค่าชดเชย
ตอนที่ 1057 ผู้อำนวยการหวงเรียกร้องค่าชดเชย
ตอนที่ 1057 ผู้อำนวยการหวงเรียกร้องค่าชดเชย
หลินม่ายรับโทรศัพท์มือถือคืนมาและกล่าวเย้ยหยัน “ผู้อำนวยการหวง คุณยังเคยเจอคนแบบฉันมาก่อนหรือเปล่าคะ?”
“เคยค่ะ เคยค่ะ!” ผู้อำนวยการหวงกลับมามีสติอีกครั้ง และกล่าวด้วยรอยยิ้มกระตือรือร้น
ถ้าไม่ใช่เพราะถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี หลินม่ายคงเกือบคิดไปแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดี หรืออย่างน้อยก็เป็นเจ้าหน้าที่ธรรมดา
ในที่สุดทั้งกลุ่มก็เข้าไปในสำนักงานแขวง ก่อนที่หลินม่ายจะนั่งลงบนโซฟาในห้องรับรอง
หวงเหนียนอินไม่กล้านั่งลง เผิงอันน่าจึงต้องดึงหล่อนลงมา “อย่ายืนเลยค่ะ เดี๋ยวคนจะเข้าใจผิดหาว่าเรารังแกคุณได้”
หวงเหนียนอินนั่งลงด้วยความประหม่า
หลินม่ายถามตรงประเด็น “คุณบังคับหยางจิ้นพี่เขยของฉันให้ดื่มยาฆ่าแมลง จากนั้นคุณก็เพิกเฉยเขางั้นเหรอ?”
หวงเหนียนอินแสร้งทำเป็นสับสน “หยางจิ้นคนไหน? ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”
หล่อนหันกลับไปถามเพื่อนร่วมงานด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกคุณรู้จักหยางจิ้นไหมคะ?”
ไม่มีใครกล้าตอบ
ถ้าบอกว่ารู้จัก มันอาจสร้างความขุ่นเคืองให้ผู้อำนวยการหวง แต่หากบอกว่าไม่รู้จัก คนของ CCTV ก็เล็งกล้องมาทางพวกเขา
เผิงอันน่าพูดประชด “ผู้อำนวยการหวงเป็นคนสูงศักดิ์ที่ลืมสิ่งต่าง ๆ มากมาย ขนาดลืมทุกสิ่งเกี่ยวกับมนุษย์คนหนึ่งที่ดื่มยาฆ่าแมลงและฆ่าตัวตายต่อหน้าคุณได้ คุณไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตมนุษย์เลย”
ผู้อำนวยการหวงจึงแสร้งทำเป็นจำได้ “ฉันนึกออกแล้ว”
หล่อนหันไปทางหลินม่ายและพูดอย่างจริงจัง “แต่พี่เขยของคุณไม่ได้ถูกพวกเราบังคับให้ดื่มยาฆ่าแมลงนะคะ เขาดื่มมันเอง”
เผิงอันน่าจ่อไมโครโฟนไปที่ปากของผู้อำนวยการหวง “สหายหยางจิ้นมาที่สำนักงานแขวงเพื่อฆ่าตัวตายโดยไม่มีเหตุผลหรือคะ?”
หวงเหนียนอินส่ายหัว “ไม่ใช่ค่ะ มันเป็นเพราะพวกเขาไม่กตัญญูเอง พ่อของเขาจึงทุบตีเขากับภรรยา เขามาสำนักงานแขวงเพื่อขอให้เราไกล่เกลี่ย เราแค่บอกความจริงแก่พวกเขา ใครบอกให้เขาเป็นเด็กอกตัญญูล่ะ ถูกผู้ใหญ่ทุบตีแบบนั้น นั่นเป็นความผิดของพวกเขาเองแล้ว หยางจิ้นมีความแค้นใจและคิดว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่ของเราให้สำเร็จ เขาจึงมาสร้างปัญหาและจงใจดื่มยาฆ่าแมลง”
“งั้นเหรอคะ?” หลินม่ายถามอย่างเย็นชา “ทำไมพี่สาวและพี่เขยของฉันถึงเป็นคนอกตัญญูล่ะคะ? พูดให้ฉันฟังหน่อย!”
ผู้อำนวยการหวงตอบกลับด้วยท่าทางราวกับผู้ผดุงยุติธรรม “แม่ของเขาเป็นอัมพาตติดเตียงและต้องการอาหาร นี่มันมากไปหรือ แต่เขาและภรรยากลับปฏิเสธที่จะให้เงินช่วยเหลือ พฤติกรรมพวกนี้ไม่ใช่ความอกตัญญูหรือยังไง?”
หลินม่ายถามกลับ “พี่เขยของฉันมีน้องชายชื่อว่าหยางเซิง แม่เฒ่าหยางต้องการสิ่งนี้ต้องการสิ่งนั้น ทำไมเขาถึงไม่ต้องเสียเงินเลยแม้แต่หยวนเดียว ตรงกันข้ามเจ้าหน้าที่สำนักงานแขวงของคุณกลับมาบังคับให้พี่เขยและพี่สาวของฉันจ่ายเพราะอะไร?”
ผู้อำนวยการหวงตอบกลับอย่างมั่นใจ “พี่สาวและพี่เขยของคุณร่ำรวย แต่หยางเซิงและภรรยาไม่มีเงิน”
“เพราะไม่มีเงินจริง ๆ หรือคะ?”
“เป็นเพราะไม่มีเงิน!”
“แต่ฉันได้ยินมาว่าหยางเซิงและภรรยาเปิดแผงร้านขายเซาปิ่งไส้เนื้อนี่ รายได้ต่อเดือนของพวกเขาค่อนข้างดีเลยไม่ใช่หรือ?”
“นั่นมันข่าวลือ เชื่อถือไม่ได้!”
หลินม่ายพยักหน้า แล้วหันไปถามช่างภาพ “คุณบันทึกทุกอย่างแล้วใช่ไหมคะ?”
ช่างภาพตอบกลับ “บันทึกไว้หมดแล้วครับ”
หลินม่ายยืนขึ้นและชี้หน้าหวงเหนียนอินพร้อมพูดว่า “ทุกคำพูดของคุณในวันนี้จะเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าคุณไร้ยางอายและจะต้องถูกจำคุก!”
เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะออกไป ผู้อำนวยการหวงรีบคว้าเผิงอันน่าและช่างภาพไว้ “นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว พวกคุณอย่าเพิ่งรีบกลับเลยค่ะ อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนดีกว่า”
หล่อนยังต้องการติดสินบนพวกเขาตามที่วางแผนไว้ ปิดปากคนพวกนี้ และขอให้ช่างภาพทำลายเนื้อหาทั้งหมดในวิดีโอ จากนั้นหลินม่ายจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหล่อนอีก
แต่เผิงอันน่าปฏิเสธที่จะอยู่ และเดินออกไปพร้อมคนอื่น ๆ
หวงเหนียนอินพลันรู้สึกไม่สบายใจ
ก่อนเลิกงานตอนเย็น เอกสารถอดถอนหวงเหนียนอินจากตำแหน่งก็ถูกส่งมาจากเบื้องบน
หวงเหนียนอินเสียใจจนแทบอกแตกตาย หากหล่อนรู้ว่าหยางจิ้นมีน้องภรรยาที่ร่ำรวยและมีอำนาจขนาดนี้ หล่อนคงไม่สนับสนุนหวงกุ้ยอิ๋งและสามีให้กดดันพวกหยางจิ้น
ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน หล่อนไม่ควรออกคำสั่งห้ามใครเข้ามาในสำนักงาน ทำให้หลินม่ายรู้สึกขุ่นเคืองและไม่ยอมอ่อนข้อ แล้วรายงานเรื่องนี้ต่อรองนายกเทศมนตรีและถอดหล่อนออกจากตำแหน่งทันที
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหวงกุ้ยอิ๋ง!
ทันทีที่เลิกงาน หวงเหนียนอินขี่จักรยานไปยังร้านค้าของหวงกุ้ยอิ๋งและสามี
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นได้ยินบทสนทนา หวงเหนียนอินจึงดึงหญิงสาวและสามีเข้าไปยังมุมถนนและต่อว่าพวกเขา โดยบอกว่าให้ชดเชยค่าเสียหายที่หล่อนได้รับ
ทั้งสามีภรรยาต่างสับสน
หวงกุ้ยอิ๋งถามว่า “ทำไมเราต้องชดเชยค่าเสียหายให้คุณด้วย?”
หวงเหนียนอินเล่าเรื่องทั้งหมดและพูดด้วยความโกรธ “ฉันถูกลงโทษและถูกถอดออกจากตำแหน่งการงานเพราะพวกคุณ เช่นนั้นพวกคุณก็ต้องชดเชยค่าเสียหายให้ฉันไม่ใช่หรือไง?”
หวงกุ้ยอิ๋งเยาะเย้ย “ไม่ว่าคุณจะถูกถอดออกจากตำแหน่ง หรือว่าถูกลงโทษ มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรา! ทุกครั้งที่เราขอให้คุณทำอะไรบางอย่าง เราจะให้เงินตอบแทนเสมอ เมื่อรับผลประโยชน์สูงก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับความเสี่ยง ตอนนี้คุณเสียตำแหน่งงาน แล้วแบกหน้ามาขอเงินชดเชยเรา คุณคิดว่ามันจะง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หวงเหนียนอินพูดไม่ออก ก่อนจะตะคอกใส่พวกเขา “ฝากไว้ก่อนเถอะ!” จากนั้นจึงเดินจากไปด้วยความโกรธ
หล่อนคิดว่าการถูกลงโทษและสูญเสียตำแหน่งอย่างเป็นทางการเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นรอเธออยู่
ช่วงเย็น รายการดังที่สุดของ CCTV “ครบเครื่องเรื่องสังคม” ถ่ายทอดภาพทุกกระบวนการของเผิงอันน่าที่ตามติดหลินม่ายไปยังสำนักงานแขวงบนถนนซุ่ยเหริน เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่พี่เขยในตอนเที่ยงที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับการสัมภาษณ์ของเผิงอันน่ากับผู้พิพากษาชื่อดัง “เนื่องจากกิริยาวาจาที่ก้าวร้าวมากเกินไปของเจ้าหน้าที่สำนักงานแขวงถนนซุ่ยเหริน จึงผลักดันให้พลเมืองที่มาเพื่อขอความช่วยเหลือต้องดื่มยาฆ่าแมลงเพื่อพยายามฆ่าตัวตาย ทว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดกดหมายเลข 120 เพื่อแจ้งเหตุฉุกเฉินเพื่อนำตัวหยางจิ้นส่งโรงพยาบาล การกระทำของเจ้าหน้าที่เหล่านี้ถือเป็นอาชญากรรมหรือไม่คะ และหากเป็นเช่นนั้น การกระทำเหล่านั้นเป็นอาชญากรรมประเภทใด”
จากนั้นเขาก็อธิบายว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่สำนักงานแขวงเหล่านี้เป็นการพยายามฆ่าโดยเจตนาได้อย่างไร
นอกจากนี้เขายังพูดอีกว่า หลินม่ายอาจไปหาตำรวจเพื่อแจ้งความข้อหาอาชญากรรมและนำทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บังคับพี่เขยของเธอไปสู่การกินยาฆ่าตัวตายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ในตอนท้ายของรายการ เผิงอันน่าบอกว่าหลินม่ายต้องการแจ้งความในนามของพี่เขย
อย่างไรก็ตามหวงเหนียนอินอดีตผู้อำนวยการสูงสุดของสำนักงานแขวงถนนซุ่ยเหรินและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าการพยายามฆ่าตัวตายของหยางจิ้นเกี่ยวข้องกับพวกเขา
เผิงอันน่าร้องขอให้พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ติดต่อกลับมาหาเธอ เพื่อมอบความยุติธรรมแก่หยางจิ้น และไม่ปล่อยให้คนร้ายลอยนวล
รายการ “ครบเครื่องเรื่องสังคม” ครั้งนี้ก่อนให้เกิดผลสะท้อนในสังคมอย่างใหญ่หลวง
หลินม่าย เผิงอันน่า และช่างภาพไม่ใช่คนธรรมดาในสายตาของคนทั่วไป
คนหนึ่งเป็นผู้ประกอบการเอกชนที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ และอีกสองคนเป็นพนักงานของสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน
แต่ทั้งสามกลับไม่สามารถเข้าไปด้านในหน่วยงานระดับรากหญ้าได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสำนักงานแขวงแห่งนี้ทุจริตและหยิ่งยโสเพียงใด
คืนนั้น สายโทรศัพท์ของสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีนดังขึ้นอย่างดุเดือดตลอดทั้งคืน
โดยเรียกร้องการลงโทษอย่างรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานแขวงถนนซุ่ยเหริน โดยเฉพาะอดีตผู้อำนวยการหวงเหนียนอิน
จะปล่อยให้มีเจ้าหน้าที่แบบนี้ได้อย่างไร เพียงเพราะครอบครัวของหยางจิ้นร่ำรวย หล่อนและลูกน้องจึงบังคับให้พวกเขาทำสัญญาจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าครองชีพทั้งหมดให้กับแม่หยาง!
เมื่อเขามาขอให้ช่วยไกล่เกลี่ย คนพวกนี้กลับเย้ยหยันและบังคับให้ชายหนุ่มดื่มยาฆ่าแมลง!
คืนนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนของสำนักงานแขวงซึ่งช่วยเหลือหวงเหนียนอินบีบบังคับหยางจิ้นต่างก็ตื่นตระหนก
เรื่องใหญ่โตจนมีการเลิกจ้าง หากเพียงเลิกจ้างคงไม่เป็นไร แต่พวกเขากลัวว่าจะต้องติดคุกด้วย
เจ้าหน้าที่เหล่านั้นรวมตัวกันและยอมจำนน บางทีพวกเขาอาจได้รับโทษเบาลงจากการสารภาพ และหลีกเลี่ยงการติดคุก
ผู้พิพากษาที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งกล่าวว่าการกระทำของพวกเขาถือเป็นการพยายามฆ่าโดยเจตนา และพวกเขาจะถูกตัดสินลงโทษ
หากถูกส่งเข้าคุก ชีวิตพวกเขาจะต้องจบสิ้น
มันเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว บนถนนมีคนสัญจรบางตา เจ้าหน้าที่ตำรวจในสถานีตำรวจถนนซุ่ยเหรินกำลังอ่านหนังสือคดีความที่ยังไม่คลี่คลายอย่างตั้งใจ เพื่อให้ผ่านพ้นค่ำคืนอันยาวนาน
“….นักสืบเฒ่าตัดสินใจพังเข้าไปทางหน้าต่าง หลังเข้าไปในตัวบ้าน พบรอยเท้าเปียกและอากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ‘นี่คือเลือดมนุษย์’ นักสืบเฒ่าพูดคำเบา…”
เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอ่านอย่างตั้งใจโดยที่ขนทั่วร่างกายลุกตั้งชัน ทันใดนั้นเขาเห็นร่างสีเข้มเดินเข้ามาเงียบงันจากทางหางตา
เจ้าหน้าที่ตำรวจใจเต้นรัวลั่น เขาชักปืนออกมาจากลิ้นชักอย่างรวดเร็วและชี้ไปทางผู้มาเยือน “อย่าขยับ และยกมือขึ้น!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติเลยทีนี้ ได้ดังกันสมใจพวกป้าเลย
ใครแอบลับๆ ล่อๆ มาที่สถานีตำรวจ?
ไหหม่า(海馬)