แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1054 ความรักของเผิงอันน่า
ตอนที่ 1054 ความรักของเผิงอันน่า
ตอนที่ 1054 ความรักของเผิงอันน่า
พริบตาเดียวก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว
ไป๋ลู่บอกว่าคืนนี้หล่อนจะอยู่เฝ้าไป๋เหยียนที่ห้องผู้ป่วย โดยปล่อยให้พ่อไป๋และหลินม่ายกลับไปนอนที่บ้าน
หลินม่ายจึงตัดสินใจกลับบ้านไปพร้อมกับพ่อไป๋และเถียนเถียน
พี่สาวคนรองนอนเฝ้าไข้ในคืนนี้ ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นตาของเธอ
สภาพร่างกายของพ่อไป๋ไม่สามารถนอนค้างคืนดูแลคนป่วยได้ ดังนั้นจึงมีเพียงสองพี่น้องที่ผลัดกันมานอนในตอนกลางคืน
คืนนี้เธอต้องการนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อที่จะได้มีแรงมาช่วยดูแลในคืนวันพรุ่งนี้
แต่เถียนเถียนปฏิเสธที่จะตามหลินม่ายกลับบ้าน และยืนกรานที่จะอยู่กับแม่ในโรงพยาบาล
หลินม่ายจึงต้องขอให้หัวหน้าพยาบาลเพิ่มเตียงสนามในห้องพิเศษ เมื่อเถียนเถียนง่วงนอน หล่อนจะได้นอนบนเตียงสนามได้
พ่อไป๋และหลินม่ายเดินออกจากห้องผู้ป่วยและกำลังเดินไปที่บันได ก่อนที่พวกเขาจะบังเอิญเจอกับแฟนของไป๋ลู่
ชายหนุ่มยิ้มอย่างเขินอายให้พ่อลูก มือทั้งสองเต็มไปด้วยอาหารเสริมและของว่าง เขาถามคำถามเล็กน้อยเกี่ยวกับไป๋เหยียนและสามี ก่อนจะขอตัวเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
พ่อไป๋และหลินม่ายเดินลงมายังชั้นล่างของแผนกผู้ป่วยใน จากนั้นจึงแยกย้ายกันขับรถของตัวเองกลับบ้าน
ในช่วงวัยที่ควรรุ่งโรจน์ที่สุดในชีวิต อุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้พ่อไป๋อ่อนแอลงกว่าเดิมมาก
หลังจากอยู่ในโรงพยาบาลได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง เขากลับรู้สึกเหนื่อยล้าจนแทบทำอะไรไม่ได้อีก
พ่อไป๋จอดรถที่ชั้นล่างและหอบสังขารขึ้นไปยังชั้นบน
หลังจากเดินอย่างเชื่องช้ามาถึงหน้าประตู เขาก็พบว่าเผิงอันน่ากำลังนั่งอยู่ตรงประตูบ้านพร้อมกับหนังสือพิมพ์
เขาพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูและพูดว่า “ผมบอกแล้วนี่ว่าเรื่องของเราสองคนมันเป็นไปไม่ได้ ทำไมคุณถึงยังดื้อรั้นอยู่อีก?”
ทันทีที่เปิดประตู เผิงอันน่าก็เดินตามเขาเข้าไปในบ้าน
หล่อนปิดประตูด้วยเท้าและมองพ่อไป๋ด้วยความรักใคร่ “มันเป็นแค่เรื่องอายุที่ต่างกันไม่ใช่หรือไงคะ ฉันไม่สนใจหรอก ฉันสนแค่คุณเท่านั้น คุณอาไป๋ ฉันชอบคุณค่ะ เรามาอยู่ด้วยกันเถอะนะคะ”
“ฉันไม่เชื่อ คุณกำลังโกหก” เผิงอันน่าพูดขณะพยายามขยับเข้าหาเขา
พ่อไป๋ไม่ให้โอกาสหล่อน เขาเปิดประตูและดันตัวหล่อนออกจากห้อง
เป็นเวลาเดียวกับที่แม่ไป๋ถือกระติกน้ำเข้ามา
เมื่อเห็นเผิงอันน่าออกมาจากบ้านของพ่อไป๋ หล่อนก็จ้องมองทั้งสองด้วยความสงสัย
พ่อไป๋และเผิงอันน่าสวมบทบาทนักแสดงทันที
เผิงอันน่าพูดด้วยความซาบซึ้งใจ “ยังไงก็… ขอบคุณอาไป๋มากนะคะที่ช่วยฉันกู้ยืมสินเชื่อสำเร็จ”
หลังจากนั้นหล่อนก้มลงคำนับพ่อไป๋อย่างสุภาพ
พ่อไป๋โบกมือ “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก รีบกลับบ้านเถอะครับ”
เผิงอันน่าก้มหัวให้แม่ไป๋ที่หน้าประตูและเดินจากไป
พ่อไป๋ชวนแม่ไป๋เข้ามานั่งในบ้าน แต่หล่อนกล่าวปฏิเสธ
หล่อนยื่นกระติกน้ำร้อนที่ใส่ซุปนกพิราบให้พ่อไป๋ บอกให้เขาดื่มขณะที่ยังร้อนอยู่ จากนั้นจึงขอตัวกลับ
เผิงอันน่าลงมายังชั้นล่างและกำลังเดินไปยังหน้าประตูชุมชน ทันใดนั้นเสียงของแม่ไป๋ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “หยุดก่อน!”
เผิงอันน่าหยุดชะงักและกำลังจะถามแม่ไป๋ว่ามีธุระอะไร
แม่ไป๋เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็วและตบหล่อนอย่างแรง “เธอเป็นผู้หญิงที่มีการศึกษาสูงและฉลาด อย่ามาทำตัวเป็นมือที่สามในครอบครัวคนอื่น! อย่าลืมนะว่าที่เหล่าไป๋ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็เพราะเธอ!”
โชคดีที่ไม่ค่อยมีคนเดินอยู่ในบริเวณนี้ตอนกลางคืน ดังนั้นจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่เผิงอันน่ายังคงรู้สึกอับอายมาก
หล่อนง้างมือตบหน้าแม่ไป๋และพูดอย่างเคร่งขรึม “ที่ฉันตบคุณไม่ใช่เพราะอยากเอาคืน แต่ฉันกำลังเรียกสติคุณ คุณกับอาไป๋หย่าร้างกันไปนานแล้ว และฉันไม่ใช่มือที่สามในครอบครัวของคุณ”
จากนั้นหล่อนก็เสยผมหยักศกและจัดมันให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินจากไป
แม่ไป๋กลับมาบ้านด้วยความโกรธ คุณยายหลัวเห็นใบหน้าขุ่นเคืองของอีกฝ่ายจึงถามว่า “เธอเป็นอะไรไป?”
แม่ไป๋นั่งลงบนโซฟาและพูดด้วยความหงุดหงิด “เด็กสาวหน้าตาดีและทำงานเก่งคนหนึ่งกำลังไล่ตามหมิงหยวนค่ะ”
คุณยายหลัวไม่ได้ใส่ใจนัก “หมิงหยวนมีคุณสมบัติที่ดีทั้งภายในและภายนอก แม้ว่าเขาจะแก่กว่านิดหน่อย แต่เขาก็หล่อเหลา เป็นเรื่องปกติที่จะมีหญิงสาวมาไล่ตามเขาไม่ใช่หรือไง?”
“ตะ… แต่ว่าฉัน…” เสียงของแม่ไป๋เริ่มเบาลง “ฉันยังชอบเขาอยู่…”
คุณยายหลัวพูด “ถ้าเธอชอบเขาก็ไปบอกเขาสิ ดูว่าเขาจะยินดีรับเธอกลับไปไหม นี่เธอคงไม่ได้คิดว่าแค่ช่วยทำซุปไปส่งให้หมิงหยวนสองถึงสามครั้ง แล้วเขาจะหลั่งน้ำตาขอบคุณและขอเริ่มต้นใหม่หรอกนะ เธอเคยคิดบ้างไหมว่าตอนนั้นตัวเองได้ทำลายหัวใจหมิงหยวนอย่างไร!”
แม่ไป๋นิ่งเงียบ นั่นคือสิ่งที่หล่อนคิดเช่นกัน
คำพูดไม่กี่คำจากแม่ของตัวเองทำให้หล่อนตระหนักได้ ความคิดของหล่อนช่างแปลกประหลาดนัก
คุณยายหลัวพูดต่อ “ถ้าเธอต้องการติดตามหมิงหยวน เธอก็ต้องขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งในตัวซะ เมื่อก่อนหมิงหยวนยอมรับได้ที่เธอเป็นคนหวาดระแวง หยิ่งยโส และชอบควบคุม แต่ตอนนี้เขามีเพียงความรังเกียจเท่านั้น เขาไม่ได้รักเธอมากเหมือนในอดีตแล้ว ดังนั้นเธอจะต้องทำให้เขาประทับใจอีกครั้ง”
ไม่นานหลังจากหลินม่ายกลับบ้าน เผิงอันน่าโทรมาบอกเธอด้วยความรู้สึกผิด โดยบอกว่าเมื่อครู่หล่อนได้ตบหน้าแม่ของอีกฝ่าย
เผิงอันน่ารู้แค่ว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของหลินม่ายหย่าร้างกันแล้ว แต่ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลินม่ายและแม่ไป๋นั้นย่ำแย่แค่ไหน
เมื่อคิดได้ว่าเพิ่งตบแม่ไป๋ หล่อนจึงรู้สึกผิดต่อหลินม่ายและโทรมาขอโทษเป็นการส่วนตัว
หลินม่ายขมวดคิ้วด้วยความเหนื่อยหน่าย “แม่ของฉันยังโทษคุณที่ทำให้พ่อฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อยู่หรือเปล่า? ถ้าหล่อนพูดแบบนั้น คุณไม่จำเป็นต้องไปสนใจ และอย่าทุบตีหล่อนอีก”
แม่ไป๋เชื่อเสมอมาว่า ถ้าพ่อไป๋ไม่ไปช่วยเผิงอันน่า จูซิ่งเซิ่งและหม่าฉุนคงไม่มาแก้แค้นอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
ดังนั้นหล่อนจึงเกลียดเผิงอันน่าอย่างมาก และตำหนิอีกฝ่ายทั้งต่อหน้าและลับหลัง
หลินม่ายจึงคิดว่าทั้งสองขัดแย้งกันเพราะเรื่องนี้
“ไม่ใช่แค่นั้น” เผิงอันน่าเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลินม่ายฟัง ก่อนกล่าวคำขอโทษ
หลินม่ายตกใจจนพูดไม่ออก
เธอถือว่าเผิงอันน่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด แต่เผิงอันน่ากลับต้องการเป็นแม่เลี้ยงของเธอ
หลังจากนั้นไม่นานหลินม่ายก็พูดว่า “ไม่จำเป็นต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ แม่ของฉันตีคุณก่อน มันจึงไม่แปลกที่คุณจะตีหล่อนกลับ”
เผิงอันน่าเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “แต่ฉันไม่ได้ขอโทษสำหรับเรื่องนี้หรอกนะคะ”
“หมายความว่ายังไงคะ?”
“การที่ฉันตกหลุมรักพ่อของคุณอาจทำให้คุณลำบาก”
ยุคสมัยนี้ คนส่วนใหญ่ยังรับไม่ได้ที่ผู้หญิงจะหาคู่ครองเป็นชายอายุรุ่นราวคราวพ่อ
ไม่เพียงคู่รักที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น แต่ญาติของพวกเขาก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วย
หลินม่ายกล่าว “มันจะมีปัญหาตามมาแน่นอนค่ะ แต่ฉันไม่ได้สนใจ ฉันไม่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพ่อ และคุณไม่ควรขอให้ฉันช่วยเหลือด้วย”
เผิงอันน่าอยากให้หลินม่ายมาช่วยเป็นแม่สื่อ แต่น่าเสียดายที่โดนปฏิเสธก่อนที่จะได้พูดออกไป
แม้ว่าเธอจะอารมณ์ไม่ดี แต่หลินม่ายก็อดไม่ได้ที่จะถามไปว่าเผิงอันน่าหลงรักพ่อของเธอได้อย่างไร
เผิงอันน่าบอกเธอด้วยความเขินอายว่า ตอนที่พ่อไป๋เข้าโรงพยาบาล หล่อนมักจะไปเยี่ยมพ่อไป๋ด้วยความรู้สึกผิด เมื่อเวลาผ่านไป หล่อนก็ตกหลุมรักเขาโดยไม่รู้ตัว
หลินม่ายคาดเดาว่าหล่อนอาจจะมีปมเรื่องพ่อ ซึ่งเป็นสาเหตุให้หล่อนตกหลุมรักพ่อไป๋
แต่เธอไม่อยากคิดมากเกินไปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเผิงอันน่าและพ่อไป๋ หลังจากเข้านอนในตอนกลางคืน เธอกังวลมากจนนอนไม่หลับเมื่อนึกถึงสถานการณ์ของพี่สาวและพี่เขย
ฟางจั๋วหรานเป็นผู้กล่อมเธอให้หลับเหมือนกับเด็กทารก
วันรุ่งขึ้นแม่ไป๋ได้รู้ข่าวว่าไป๋เหยียนและสามีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
หล่อนจึงรับอาสาช่วยป้อนอาหารทางสายยางให้ไป๋เหยียน และยังผลัดกันมานอนตอนกลางคืน ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระสองพี่น้องมาก
ในบรรดาที่น้องทั้งสอง คนหนึ่งยุ่งอยู่กับการเรียน และอีกคนยุ่งอยู่การทำงาน
ห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งไป๋เหยียนและหยางจิ้นยังไม่แสดงอาการที่ดีขึ้นเลย
หลินม่าย ไป๋ลู่ พ่อไป๋ และแม่ไป๋ต่างก็เป็นห่วงมาก
ในช่วงเย็นของวันที่หก หลินม่ายรับหน้าที่มานอนเฝ้าไข้พี่สาวและพี่เขยในห้องพักผู้ป่วย
ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก หลินม่ายกังวลมากจนนอนไม่หลับ
พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายตามกำหนดการ หากพี่เขยอาการไม่ดีขึ้น เกรงว่าเขาคงไม่รอดแล้ว…
และหากพี่สาวนอนนิ่งกลายเป็นผักไปอีกคน ครอบครัวนี้จะต้องพินาศ
หลินม่ายจับมือพี่สาวตนโตและพูดอย่างเหนื่อยล้า “พี่สาวใหญ่ พี่อย่าหลับตลอดไปเลยนะคะ ถ้าพี่เขยทนไม่ไหว แล้วพี่เป็นอะไรไปด้วยอีกคน เถียนเถียนจะทำยังไงต่อไป? หล่อนต้องสูญเสียทั้งพ่อและแม่ตั้งแต่อายุยังน้อยนะคะ…”
หลินม่ายพยายามพูดอีกมากมาย แต่ไป๋เหยียนก็ไม่ตอบสนองเลย
หลินม่ายถอนหายใจและเตรียมไปนอนบนเตียงสนาม
เถียนเถียนนอนบนเตียงสนามในคืนแรก แต่ต่อมาคุณย่าฟางก็บังคับให้หล่อนกลับไปที่บ้านด้วยกัน
เถียนเถียนไม่เคยพักค้างคืนในโรงพยาบาลอีกเลย ไม่เช่นนั้นหลินม่ายคงไม่มีพื้นที่สำหรับนอนในตอนกลางคืน
ทันทีที่เธอเอนกายนอนลง เธอกลับได้ยินเสียงอันแผ่วของหยางจิ้น “ม่ายจื่อ พี่สาวเธอเป็นยังไงบ้าง?”
หลินม่ายหันไปทางเตียงของเขาด้วยความประหลาดใจ ก่อนเห็นสายตาของหยางจิ้นกำลังจ้องมองมาที่เธอในแสงสลัว
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บุพเพอาละวาดซะแล้ว ขอให้ทุกอย่างลงตัวโดยเร็วนะคะ
หยางจิ้นฟื้นแล้ว ขอให้อาการดีขึ้นนะคะ