แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1048 ทุนเรียนต่อต่างประเทศ
ตอนที่ 1048 ทุนเรียนต่อต่างประเทศ
ตอนที่ 1048 ทุนเรียนต่อต่างประเทศ
คราวนี้พนักงานของศาลโทรหาหลินม่าย และหวังว่าเธอจะยอมรับเลี้ยงโต้วโต้วอีกครั้ง แต่หลินม่ายปฏิเสธหนักแน่น
เหตุผลของเธอนับว่าฟังขึ้นมาก โต้วโต้วได้พบเจอกับมารดาผู้ให้กำเนิดแล้ว ทำไมเธอถึงต้องรับผิดชอบการเลี้ยงดูโต้วโต้วอีกล่ะ?
พนักงานในศาลกล่าวเกลี้ยกล่อม “เด็กอยากอยู่กับคุณ และคุณเองก็เคยเลี้ยงหล่อนมาด้วยสัมพันธ์แม่ลูก ยังไงแล้วคุณสามารถรับเลี้ยงหล่อนอีกครั้งได้”
หลินม่ายเย้ยหยัน “อย่างนั้นถ้าฉันไปเจอเด็กบางคน และพวกเขาต้องการอยู่กับคุณ คุณคิดจะรับเลี้ยงดูพวกเขาด้วยไหมล่ะคะ?”
พนักงานของศาลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งโต้วโต้วให้กับหรงจี้เหมย และบอกกล่าวอีกฝ่ายอย่างเด็ดขาดว่าจะต้องดูแลโต้วโต้วให้ดี ไม่อย่างนั้นจะถูกลงโทษตามกฏหมาย
หรงจี้เหมยยิ่งรังเกียจโต้วโต้วมากขึ้น หล่อนไม่อาจสลัดนังเด็กนี่ทิ้งไปได้แล้วยังต้องปฏิบัติอย่างดีอีก มันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญเกินไป!
ไม่กี่วันต่อมา หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ลงข่าวว่าโต้วโต้วต้องการกลับมาหาหลินม่าย แต่หลินม่ายไม่ยินดี
หลายคนดุด่าว่าหลินม่ายใจแคบ อาฆาต ไม่รู้จักปล่อยวาง
หลินม่ายตอบกลับเพียงประโยคเดียวว่า เธอยอมรับว่าเธอใจแคบและขอให้บุคคลที่มีน้ำใจรับเลี้ยงโต้วโต้วได้เลย สุดท้ายแล้วโต้วโต้วก็ได้รับค่าเลี้ยงดูจากเธอทุกเดือน พวกเขาไม่จำเป็นต้องควักเงินในกระเป๋าเพื่อจ่ายค่าเลี้ยงดูโต้วโต้วด้วยซ้ำ
แม้ค่าเลี้ยงดูของโต้วโต้วจะมาก แต่ก็ใช้สำหรับเลี้ยงโต้วโต้วเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะเงินนี้ถูกดูแลจากสำนักงานเขต
การรับเลี้ยงหล่อนจึงไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร และใครจะอยากรับผิดชอบเด็กคนนี้? สุดท้ายเสียงที่ต่อว่าหลินม่ายก็เริ่มจางหายไป
อย่างไรก็ตาม มีครอบครัวที่ดูใจดีโผล่ออกมาและปรารถนาจะรับโต้วโต้วไปเลี้ยง โต้วโต้วพยายามเลือกอย่างรอบคอบและค้นหาครอบครัวที่ค่อนข้างดูดี
ส่วนหรงจี้เหมยเองรู้สึกยินดีมากที่สามารถโยนไม้กวาดไร้ประโยชน์ออกไปจากชีวิตได้
หลินม่ายสัมผัสได้ว่าเรื่องฉาวโฉ่เริ่มเบาบางลงแล้ว
ประธานหวงจากฉวินกวงพลาซ่ายิ่งหงุดหงิดมากขึ้นทุกขณะ เขาต้องการใช้เรื่องที่หลินม่ายไม่ยอมรับโต้วโต้วกลับมาเลี้ยงดูทำลายชื่อเสียงของหลินม่าย แต่เขาก็ล้มเหลวอีกครั้ง
ตอนนี้อยู่ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และโควตาทุนของโรงงานวิทยุหย่งเชิงก็อนุมัติทุนเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศแล้ว 2 ที่นั่ง
แม้หลินม่ายไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องภายในบริษัทมากนัก แต่พ่อไป๋ก็ยังอยู่ในช่วงพักฟื้น ทั้งยังมีโต้วโต้วโผล่มาเป็นครั้งคราวเพื่อสร้างความรังเกียจให้กับเธอ จนกระทั่งไม่มีเวลาจะมาสนใจเรื่องราวภายในโรงงาน
ทุก ๆ วันเธอพยายามทำงานอย่างหนักกับจางชาน เพื่อพัฒนาวิทยุรุ่นใหม่
ตอนนี้พ่อไป๋เกือบจะหายดีจนใกล้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง ส่วนโต้วโต้วก็ถูกสาวใจบุญรับเลี้ยงไปแล้ว อีกฝ่ายคงไม่คิดจะมารบกวนเธออีกต่อไป ตอนนี้หลินม่ายรู้สึกว่าเป็นอิสระจนร่างกายบางเบาอย่างบอกไม่ถูก
วันนี้หลินม่ายขับรถมาทำงาน และหลังจากเธอจอดรถที่โรงจอด ฉีฟางวิ่งเหยาะ ๆ เข้าหาเธอและเดินเคียงข้างไปด้วย
หลินม่ายเหลือบมองฉีฟาง
ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม อากาศในเมืองหลวงค่อนข้างหนาวเล็กน้อย
ฉีฟางสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงสีดำ แต่กลับไม่คิดจะใส่ถุงน่องเพราะเกรงว่ามันจะทำให้หล่อนดูอ้วน
อย่างที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าคนผอมก็ย่อมผอมวันยังค่ำต่อให้ใส่ถุงน่องก็ตาม แต่คนที่มีต้นขาใหญ่ก็ยังใหญ่อยู่เช่นเคย แม้จะไม่ได้สวมถุงน่อง
ฉีฟางกล่าวขึ้นก่อนว่า “ฉันได้ยินว่ารายชื่อนักศึกษาที่จะได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศกำลังจะถูกคัดเลือก”
หลินม่ายเองยังไม่รู้เลยว่าผลการคัดเลือกนักศึกษาได้รับทุนถูกประกาศผลแล้ว
สุดท้ายมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเธอ และเธอก็ไม่คิดที่จะสนใจหรือถามไถ่
ฉีฟางเหลือบมองเธออย่างระมัดระวัง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ม่ายจื่อ เธอรวยมากอยู่แล้วคงไม่จำเป็นจะต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศหรอกมั้ง แม้เธออยากจะไปก็คงจะไปได้เลยไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น แต่สำหรับฉันมันแตกต่างออกไป ครอบครัวของฉันยากจนและมีน้องชายกับน้องสาว ฉันไม่มีเงินไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยตัวเอง ถ้าอยากจะไปคงต้องพึ่งพาทุนเท่านั้นแหละนะ แล้วถ้าต้องการจะได้รับทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ บุคคลนั้นก็ต้องได้รับคะแนนเสียงสูงสุดจากเพื่อนร่วมงาน ม่ายจื่อ เธอลงคะแนนให้ฉันได้ไหม?”
หลินม่ายไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับถามว่า “แล้วที่เธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชิงหวาได้เป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวหรือเปล่า?”
ฉีฟางสับสนเล็กน้อยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถามเรื่องนี้ แต่เธอก็พยักหน้ารับแม้จะไม่ต้องการ
หลินม่ายพูดต่อ “แล้วทำไมถึงอยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศอีกล่ะ? ไม่ควรทำงานแล้วหาเงินมาจุนเจือครอบครัวหรือไง?”
พูดจบ หลินม่ายก็ก้าวเท้าเร็วเข้าสู่สำนักงานทันที
ฉีฟางลังเลก่อนจะรีบเดินตามไป “ฉันจะกลับมาหลังจากเรียนต่อต่างประเทศ จากนั้นฉันจะสามารถมีเงินเลี้ยงดูครอบครัวที่มากพอ ม่ายจื่อ เธอช่วยลงคะแนนให้ฉันเถอะนะ”
“เรื่องนี้ค่อยคุยทีหลัง” หลินม่ายกล่าวพร้อมกับเหลือบมองรองเท้าหนังของฉีฟาง มูลค่าของมันน่าจะอยู่ที่ 20 หยวน
วันนี้เป็นเวรของไช่หานปิงที่ต้องทำความสะอาด ขณะที่หล่อนก้มตัวลงถูพื้น หลินม่ายเดินเข้ามาในสำนักงานและเห็นผู้อำนวยการจูพูดบางอย่าง แล้วยังใช้มือสัมผัสก้นของไช่หานปิงเป็นครั้งคราว
หลินม่ายเห็นแล้ว แต่เธอแสร้งทำเป็นไม่เห็น
ผู้อำนวยการจูตั้งใจที่จะทำแบบนี้แน่นอน สุดท้ายเขาเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองด้วยใบหน้าพึงพอใจ
เมื่อไปรับประทานอาหารในช่วงมื้อกลางวัน ฉีฟางไม่สนใจว่าโก่วเวินและไช่หานปิงจะรู้สึกอย่างไร หล่อนเดินเคียงข้างหลินม่ายอย่างเปิดเผย และรับประทานอาหารโต๊ะเดียวกับหลินม่ายด้วย
ผู้อำนวยการจูเองก็มารับประทานมื้อกลางวันที่นี่เช่นกัน
ครั้นเห็นว่าโก่วเวินและไช่หานปิงกำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุข เขาเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มสดใส “กำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ?”
โก่วเวินหันมองไช่หานปิงก่อนจะพูดขึ้นว่า “พวกเราเห็นว่ามือของเสี่ยวไช่ขาวและนุ่มนวลว่าพวกเรา ไม่รู้ว่าหล่อนใช้อะไรดูแลผิวน่ะค่ะ”
“จริงเหรอ ขอผมดูบ้างสิ” ผู้อำนวยการจูคว้ามือของไช่หานปิงขึ้นมาแล้วกล่าวชื่นชม “อื้ม นุ่มมากเลยล่ะ แล้วใช้ผลิตภัณฑ์อะไรดูแลผิวเหรอ? ผมจะได้ซื้อให้หญิงแก่หน้าเหลืองที่บ้านบ้าง”
หลินม่ายเหลือบมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะละสายตาและลงมือรับประทานอาหารต่อ
ฉีฟางขยับศีรษะเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผู้อำนวยการจูเป็นคนน่ารำคาญจริง ๆ เขาชอบจะแต๊ะอั๋งสาว ๆ ตลอดเวลา ฉันโดนเขาลวนลามบ่อยครั้ง น่าขยะแขยงยังไงไม่รู้ ถ้าฉันเป็นเหมือนเธอ เขาคงไม่กล้าที่จะหาเศษหาเลยกับฉันแน่”
หลินม่ายสับสน ทำไมอีกฝ่ายถึงพูดจาแบบนี้ แน่นอนว่าหล่อนสมควรยืนขึ้นเพื่อพิทักษ์สิทธิ์ของตัวเองสิ
หลินม่ายตอบกลับอย่างใจเย็น “ทำไมต้องเป็นแบบฉันด้วย? ถ้าเธอปฏิเสธผู้อำนวยการจูไปตรง ๆ เขาจะกล้ามายุ่งกับเธอได้ยังไง?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉีฟางแข็งทื่อทันที
ในช่วงบ่ายมีข่าวลือออกมาว่ารายชื่อของผู้ที่ได้รับทุนไปเรียนต่อต่างประเทศถูกกำหนดไว้แล้ว และหนึ่งในนั้นคือลูกชายของผู้อำนวยการโรงงาน
ไม่มีใครในโรงงานเผยความกังวลอะไร เพราะพวกเขารู้ดีว่ามันยังไม่ใช่เวลาของพวกเขา
แต่โก่วเวินกับไช่หานปิงกลับเผยความกังวลราวกับมดบนกระทะร้อน
ทุนสำหรับการเรียนต่อต่างประเทศนั้นมีลำดับขั้นศึกษา ปัจจุบันมีเด็กฝึกงาน 5 คนจากมหาวิทยาลัยชิงหวา และเป็นผู้ที่มีลำดับการศึกษาสูงสุดภายในโรงงาน
ทั้งจางชานและหลินม่ายไม่สนใจที่จะรับทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ เพราะอย่างนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจที่จะแข่งขันกับฉีฟางในการรับทุนสองตำแหน่งในคราวนี้
ส่วนโก่วเวินและไช่หานปิงนัดแนะกับอาวุโสภายในสำนักงานแล้ว ทุกคนจะลงคะแนนให้พวกเขาไม่ใช่ฉีฟาง
มันไม่มีประโยชน์ที่ฉีฟางจะเข้ามาประจบประแจงหลินม่าย เพราะสุดท้ายหล่อนจะไม่มีวันชนะ
ตราบใดที่ฉีฟางไม่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรก ทุนการเรียนต่อทั้ง 2 ที่นั่งก็จะตกเป็นของพวกเขา
ทว่าเฉิงเหย่าจินกลับปรากฏตัวขึ้นขัดขวางความฝันของทั้งสองคน
ทั้งสองไม่พอใจมาก และตะโกนเรียกร้องความยุติธรรม เพราะสุดท้ายแล้วมีเพียงพวกเขา 5 คนเท่านั้นที่เป็นเด็กฝึกงาน
โก่วเวินกล่าวด้วยความโกรธแค้น และพูดว่านี่คือความอยุติธรรมที่พบเจอได้ในประเทศจีนเท่านั้น
หล่อนหันมองหลินม่ายพร้อมกล่าวเสียงแข็ง “เพื่อนร่วมชั้นหลินม่าย เธอควรจะบอกเรื่องนี้กับสื่อเพื่อจัดการกับผู้อำนวยการโรงงานนะ!”
ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย ทำไมเธอต้องออกรับหน้าด้วย?
ได้ยินอย่างนั้นแล้วใบหน้าของหลินม่ายพลันเย็นชา “เธอบอกเรื่องนี้กับสื่อเองไม่ได้หรือไง?”
“ชื่อเสียงของเธอมีน้ำหนักมากกว่า!” โก่วเวินตอบกลับอย่างเด็ดขาด
“งั้นก็ลองคร่ำครวญให้มากขึ้นสิ หรือถ้าไม่ได้ผลก็เลี้ยงเขียนบทความสั้น ๆ พิมพ์เป็นใบปลิวแจกจ่ายตามท้องถนน มันน่าจะดึงดูดความสนใจจากสังคมได้ สุดท้ายแล้วเธอเองก็คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้นี่”
โก่วเวินถึงกับพูดไม่ออก
หล่อนต้องการแฉผู้อำนวยการโรงงาน แต่ไม่มีความกล้าพอ
หล่อนได้ยินว่าทั้งพ่อและพี่เขยของผู้อำนวยการโรงงานอยู่ในระดับหัวหน้าแผนก หากว่าสามารถโค่นล้มผู้อำนวยการโรงงานได้ ก็ไม่มีอะไรจะรับประกันว่าทั้งพ่อและพี่เขยของเขาจะไม่จัดการกับหล่อน และหล่อนก็จะไม่ได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศอยู่ดี
หลินม่ายเองก็ปฏิเสธที่จะเสนอหน้าออกมา โก่วเวินหันมองจางชานก่อนจะขอร้องให้เขาช่วยรายงานเรื่องนี้ต่อสื่อ แต่จางชานปฏิเสธเช่นกัน
แม้จางชานจะดูซื่อ ๆ ไปบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเขาไม่ใช่คนโง่
เนื่องจากสถานการณ์นี้เกิดขึ้นแล้ว ไช่หานปิงและโก่วเวินที่เคยเป็นมิตรต่อกันก็กลายเป็นคู่แข่งทันที ทั้งสองคนพยายามประจบประแจงเอาใจหลินม่ายและจางชานอย่างหนัก
สุดท้ายทั้งสองพยายามชวนหลินม่ายและจางชานไปกินมื้อเที่ยงทันทีที่ถึงเวลาพัก โดยหวังว่าพวกเขาจะยอมลงคะแนนให้
ตราบใดที่ได้รับคะแนนเสียงโหวตจากเพื่อนร่วมงานมากที่สุด ก็จะสามารถไปเรียนต่อต่างประเทศได้
หลินม่ายปฏิเสธทันที ส่วนจางชานไม่ปฏิเสธการติดสินบนของทั้งคู่
การต้องกินหมั่นโถวกับผักดองทุกวันไม่ได้มีความรื่นรมย์เลย แล้วเขาจะปฏิเสธของอร่อยที่อีกฝ่ายมอบให้ได้อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
น่าเสียดายที่ยัยหรงจี้เหมยรอดคุก ทำบุญเก่ามาดีจังว้า
ใครจะแก่งแย่งชิงดีอะไรก็แข่งกันไป ม่ายจื่อขออยู่อย่างสงบสุขดีกว่า