แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1046 โต้วโต้วไม่ได้ถูกขาย
ตอนที่ 1046 โต้วโต้วไม่ได้ถูกขาย
ตอนที่ 1046 โต้วโต้วไม่ได้ถูกขาย
ในเวลากลางคืน เงินและเครื่องประดับทองทั้งหมดของหรงจี้เหมยถูกขโมยไปจนเกลี้ยง
หล่อนกับเด็กๆ ทั้งหมดไม่อาจไปที่ไหนได้ จึงต้องเดินทางไปยังเมืองขนาดเล็กไม่ไกลจากเจียงเฉิง และอาศัยอยู่ที่นั่นอย่างเงียบงัน
เพื่อจะหาเลี้ยงชีพ หล่อนจึงต้องกลับไปทำงานเก่า โดยหยิบไม้กวาดมากวาดถนน
แต่เงินเดือนอันน้อยนิดไม่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวที่มีสมาชิก 5 คนได้ หรงจี้เหมยจึงคิดขายโต้วโต้วเพื่อแลกกับเงินจำนวนหนึ่งให้ทั้งครอบครัวได้ใช้
แต่โต้วโต้วอายุเก้าขวบแล้ว และยังเป็นเด็กผู้หญิง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขาย
หากเป็นเด็กผู้ชายก็ยังมีคนที่เต็มใจรับเลี้ยง แม้จะหมายถึงการขายไปยังภูเขาและทิวป่าอันห่างไกลเป็นลูกชายของชาวนายากจนที่ไม่มีเงินแต่งภรรยาก็ตาม
เมื่อหรงจี้เหมยเห็นว่าไม่อาจแลกเปลี่ยนโต้วโต้วเป็นเงินได้และยังต้องเลี้ยงดูต่ออีก หล่อนก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งทุบตีและด่าทอโต้วโต้วทุกวัน ส่งผลให้เด็กหญิงตัวสั่นเทาทุกครั้งที่เห็นแม่ตัวเอง
ในเขตเทศบาลเมือง มีโรงงานโลหะแห่งหนึ่งที่ผลิตตะกรันเศษเหล็กทุกวัน
เด็กบางคนจากครอบครัวยากจนจะมาหยิบเศษตะกรันเหล็กไปขายเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว
หรงจี้เหมยขับรถพาโต้วโต้วออกมาตั้งแต่เช้าตรู่และกลับบ้านมืดค่ำทุกวัน เพื่อไปเก็บตะกรันเหล็ก หากพวกหล่อนไม่สามารถหามาขายได้อย่างน้อยสองหยวน วันนั้นพวกเขาอาจไม่มีข้าวเย็นให้กิน
ทุกเช้าโต้วโต้วจะได้กินโจ๊กเพียงหนึ่งชามกับหมั่นโถวครึ่งลูก ส่วนตอนเที่ยงจะมีหมั่นโถวเพียงลูกเดียว
หากไม่ได้รับไขมันและโปรตีน ท้องจะหิวเร็วกว่าปกติ และหากไม่ได้กินมื้อเย็น ก็จะยิ่งหิวมากจนแทบนอนไม่ได้
เพื่อให้มีข้าวเย็นกิน โต้วโต้วทำงานหนักทุกวันเพื่อเก็บตะกรันเศษเหล็ก แม้ว่าเด็กที่โตกว่าจะไม่ยอมให้หยิบเศษเหล็ก แต่หล่อนก็ไม่ยอมจากไป
ทุกวันหลังอาหารเช้า โต้วโต้วจะหยิบถุงกระสอบและคราดเล็ก ๆ เพื่อออกไปเก็บตะกรันเหล็ก
ในขณะที่จิงจิง ต้าซวง และเสี่ยวซวงต่างสะพายกระเป๋านักเรียนบนหลังและไปโรงเรียน ทำให้โต้วโต้วทั้งรู้สึกเสียใจและอิจฉาในเวลาเดียวกัน
ครอบครัวนี้มีเด็กสี่คน แต่หล่อนเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ไปโรงเรียน ส่วนอีกสามคนกลับไปโรงเรียนได้
จากนั้นหล่อนก็ตระหนักได้ว่า การได้ไปโรงเรียนนั้นช่างโชคดีเพียงใด
ในบรรดากลุ่มเด็ก ๆ ที่เก็บตะกรันเศษเหล็กเพื่อนำไปขายเหมือนกับโต้วโต้ว มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ซื้ออาหารอร่อยให้ตัวเองทุกครั้งที่หยิบตะกรันเศษเหล็กมาขายได้
โต้วโต้วเลียนแบบพฤติกรรมหล่อนในทันที หลังขายเศษตะกรันเหล็กทุกวัน หล่อนจะซื้อซาลาเปาไส้หมู ไม่ก็น่องไก่ให้ตัวเอง
เมื่อเห็นว่าโต้วโต้วได้เงินน้อยลง หรงจี้เหมยจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น
โต้วโต้วร้องไห้พลางบอกว่าเด็กโตพวกนั้นไม่ยอมให้หล่อนหยิบเศษตะกรันเหล็ก และทุบตีหล่อนทุกครั้งที่พยายามเก็บ
หล่อนหาตะกรันเหล็กบางส่วนมาได้ก็ต่อเมื่อเด็กโตหยุดเก็บแล้ว เพราะเก็บได้น้อย จึงทำให้ขายได้เงินน้อยลง
เมื่อเห็นว่าโต้วโต้วแทบทำประโยชน์อะไรไม่ได้เลย หรงจี้เหมยก็อยากขายหล่อนทิ้งมากยิ่งขึ้น
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งแนะนำให้หล่อนรู้จักกับครอบครัวท้องถิ่นครอบครัวหนึ่ง คู่รักครอบครัวนั้นอายุเกือบ 40 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีลูกของตัวเอง
ทั้งคู่ไปตรวจที่โรงพยาบาล พบว่าฝ่ายชายมีปัญหาด้านเจริญพันธุ์ และคงไม่สามารถมีลูกเป็นของตัวเองได้ตลอดชีวิตนี้
ฝ่ายชายต้องการรับเด็กผู้ชายมาเลี้ยงดู แต่ภรรยากลับคัดค้านอย่างหนัก บอกว่าเด็กผู้ชายเลี้ยงยาก จึงยืนกรานที่จะรับเลี้ยงเด็กผู้หญิง โดยคิดว่าเด็กผู้หญิงนั้นเลี้ยงง่ายกว่า
เพื่อนร่วมงานที่รับสินบนของหรงจี้เหมยทำหน้าที่เป็นคนกลาง ในที่สุดหรงจี้เหมยก็ได้พาโต้วโต้วมาพบกับคนทั้งสอง ซึ่งพวกเขาค่อนข้างพอใจอยู่พอสมควร
หรงจี้เหมยพูดทั้งน้ำตาว่าถ้าไม่ใช่เพราะครอบครัวของหล่อนมีลูกมากเกินไป หล่อนคงไม่มีวัน “ยก” โต้วโต้วให้คนอื่น
ทั้งคู่เข้าใจโดยปริยาย โดยไม่ได้บอกว่ากำลังซื้อขายเด็กคนนี้ พวกเขามอบเงินให้หรงจี้เหมย 5,000 หยวน เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ
หรงจี้เหมยรับเงินแล้วจากไปอย่างมีความสุข
ทันทีที่โต้วโต้วเดินตามทั้งคู่ไปที่สถานีขนส่ง หล่อนก็กุมหน้าอกและทรุดตัวลงพื้นขณะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยทำท่าเจ็บปวดสาหัส ทั้งคู่จึงอยากพาหล่อนไปส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบ แต่โต้วโต้วบอกว่าหล่อนเป็นโรคหัวใจ และสามารถบรรเทาได้ด้วยการกินยารักษาโรคหัวใจ
ทันใดนั้นสีหน้าของทั้งคู่เปลี่ยนเป็นหมองหม่น พวกเขาบอกคนกลางและหรงจี้เหมยอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่เอาเด็กที่ป่วย ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามเอาเด็กป่วยมา!
แต่คนกลางและหรงจี้เหมยกลับนำเด็กที่เป็นโรคหัวใจมาให้พวกเขา
ทั้งคู่พาโต้วโต้วไปที่บ้านของหรงจี้เหมยทันที หลังจากที่หรงจี้เหมยซื้อไก่ย่างมาฉลองร่วมกับลูก ๆ จากเงินที่ได้รับมา
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู หรงจี้เหมยจึงเปิดประตูโดยไม่ได้คิดอะไร
ก่อนที่จะเห็นว่าใครมา หล่อนก็ถูกฝ่าเท้าถีบเข้าที่หน้าอก ก่อนที่หญิงคนหนึ่งจะตวาดใส่ “หล่อนมันเป็นแม่มดชั่วช้า กล้าดียังไงถึงขายเด็กป่วยให้เรา!”
ทั้งคู่ไม่เพียงทุบตีหรงจี้เหมยอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังเรียกร้องให้คืน 5,000 หยวนกลับมา และยังเรียกร้องค่าเดินทางอีก 100 หยวน จากนั้นจึงจากไปด้วยคำสาปแช่งมากมาย
จากนั้นจิงจิง ต้าซวง และเสี่ยวซวงที่รวมตัวกันอยู่มุมห้องค่อย ๆ ก้าวออกมาเพื่อช่วยเหลือหรงจี้เหมยที่บอบช้ำจากการถูกทุบตี
หรงจี้เหมยคว้าผมของโต้วโต้วและตบหน้าของเด็กน้อยอย่างแรง “แกบอกสามีภรรยาคู่นั้นว่าป่วยงั้นเหรอ? แกทำลายโอกาสของฉัน ฉันจะสั่งสอนบทเรียนให้แกอย่างสาสม!”
แต่เพราะโต้วโต้วเป็นโรคหัวใจ หรงจี้เหมยจึงแค่ตบหน้าหล่อน และไม่กล้าทุบตีส่วนอื่น
หากโต้วโต้วตายคามือ หล่อนอาจตกที่นั่งลำบาก
โต้วโต้วถูกทุบตีอย่างหนักจนกรีดร้องและยกมือขึ้นป้องกัน “หนูเปล่านะ ก็เพราะจิงจิงชอบตีหนูที่หน้าอกตอนไม่มีใครอยู่บ้าน หนูจึงเจ็บหน้าอกบ่อย ตอนที่แม่คุยกับสามีภรรยาคู่นี้ หนูเจ็บหน้าอกอยู่แล้ว จนหนูทนไม่ไหวอีกต่อไป แต่พอกำลังจะขึ้นรถบัส ลุงกับป้าสังเกตเห็นหนูเจ็บหน้าอก พวกเขาจึงถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหนูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบอกความจริง~”
จากนั้นหรงจี้เหมยจึงหยุด ด้วยจำได้ว่าตอนที่พาโต้วโต้วออกไป โต้วโต้วบอกว่าหล่อนรู้สึกแน่นหน้าอกและไม่สบาย
จิงจิงตะโกนด้วยความโกรธ “คุณอา หนูไม่กล้าทุบตีโต้วโต้วหรอกค่ะ หล่อนโกหก!”
เห็นได้ชัดว่าหรงจี้เหมยไม่เชื่อ หล่อนรู้ว่าหลานสาวชอบรังแกโต้วโต้วมากแค่ไหน
หล่อนโบกมือ “เอาล่ะ หลานอย่าตีหน้าอกของโต้วโต้วก็พอ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”
จิงจิงรู้สึกผิดมากจนแทบจะร้องไห้
โต้วโต้วแอบชำเลืองมองจิงจิงด้วยสายตายั่วยุ แต่ในใจเต็มไปด้วยความแค้นเคือง
แม้ว่าแม่จะเชื่อในสิ่งที่หล่อนพูด แต่ก็ยังปฏิเสธที่จะสอนบทเรียนจิงจิง ทั้งที่หล่อนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของแม่~
เกือบครึ่งเดือนต่อมา หรงจี้เหมยยังคงหาผู้ซื้อโต้วโต้วอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จู่ ๆ เจ้าหน้าที่ศาลก็เข้ามาหาหล่อน
เขาบอกหรงจี้เหมยว่า แม้หล่อนจะไม่อยู่ในคดีหมิ่นประมาทหลินม่าย แต่ศาลก็ยังคงดำเนินการพิจารณาคดีและมีคำพิพากษาให้หล่อนจ่ายค่าทำขวัญจำนวน 38,000 หยวนแก่หลินม่าย
หรงจี้เหมยยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อแสดงว่าหล่อนไม่มีเงินและกำลังตกอยู่ในภาวะคับขัน
เจ้าหน้าที่ศาลจึงบอกว่าสามารถหักจากเงินเดือนหล่อนได้ทุกเดือนจนกว่าจะครบ 38,000 หยวน
หรงจี้เหมยตกตะลึง และตระหนักว่าการพยายามหลีกเลี่ยงนั้นไร้ประโยชน์ หล่อนจึงสารภาพทั้งน้ำตาว่าตนถูกยุยงให้ใส่ร้ายหลินม่าย
เจ้าหน้าที่ศาลคิดว่าหล่อนโกหก แต่ก็ยังถามอย่างอดทนว่าใครเป็นคนยุยงหล่อนให้ทำแบบนั้น?
หรงจี้เหมยหยิบนามบัตรออกมา “คนที่ให้นามบัตรนี้มา คือคนที่สั่งให้ฉันยุยงโต้วโต้วให้ใส่ร้ายหลินม่าย”
เจ้าหน้าที่ศาลงุนงง “ในเมื่อคุณมีนามบัตร คุณไปหาเขาด้วยตัวเองก็ได้นี่ แล้วจะหนีทำไม?”
หรงจี้เหมยพูดด้วยสีหน้าเศร้า “นามบัตรนั้นเป็นของปลอม ฉันไปตามที่อยู่ในนามบัตรนี้แล้ว แต่มันกลับเป็นคนอื่น”
เจ้าหน้าที่ศาลพาหล่อนและลูกทั้งสี่กลับไปยังเมืองเจียงเฉิง
ด้วยความช่วยเหลือจากตำรวจ พวกเขาวาดภาพเหมือนผู้ชายที่อยู่เบื้องหลัง ตามปากคำที่หรงจี้เหมยอธิบาย
ทันทีที่ภาพเหมือนถูกวาดเสร็จ ตำรวจขอให้เสิ่นเสี่ยวผิงส่งแฟกซ์ไปให้หลินม่าย โดยขอให้หลินม่ายระบุตัวตนบุคคลในภาพว่าเป็นใคร
บ้านของเสิ่นเสี่ยวผิงไม่มีเครื่องส่งแฟกซ์ เมื่อหล่อนนำภาพไปที่สำนักงานใหญ่เพื่อส่งแฟกซ์ ก็บังเอิญเจอกับจินฉี่คังซึ่งมาที่สำนักงานใหญ่เพื่อประชุมตามปกติ
จินฉี่คังดูภาพเหมือนในมือและถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมคุณถึงมีรูปของเหวินจวิ้นไฉจากฉวินกวงพลาซ่าล่ะ?”
เสิ่นเสี่ยวผิงดีใจ และรีบถามไปว่า “คุณรู้จักบุคคลนี้หรือคะ?”
“ใช่ เขาไม่ใช่เหวินจวิ้นไฉผู้เป็นมือขวาของประธานหวงจากฉวินกวงพลาซ่าหรอกเหรอ?”
“แน่ใจใช่ไหมคะ?”
“ผมแน่ใจ” จินฉี่คังพูด “ซิงกวงพลาซ่าของเรากำลังต่อสู้กับฉวินกวงพลาซ่าอย่างเปิดเผย แล้วผมจะไม่รู้จักคนของทางนั้นได้อย่างไร?”
นับตั้งแต่หลินม่ายจัดงานแถลงข่าวทางสถานีโทรทัศน์ประจำเมืองหู หลังจากที่หรงจี้เหมยถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เหวินจวิ้นไฉก็ตื่นตระหนกทุกวันเพราะกลัวว่าจะถูกสาวตัวมาถึง
เขาไม่กลัวที่จะชดเชยหลินม่ายสำหรับการสูญเสียชื่อเสียง แต่เขากลัวว่าประธานหวงจะดุด่าว่าเขาเป็นคนงี่เง่า และไม่สามารถทำเรื่องเล็กน้อยนี้ให้สำเร็จ
แต่หนึ่งเดือนต่อมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาจึงเริ่มวางใจได้บ้างแล้ว
โชคดีที่เขาปลอมนามบัตรเพื่อหลอกหรงจี้เหมย ไม่อย่างนั้นเรื่องราวคงสาวมาถึงตัวและทำให้เขาต้องเดือดร้อนเป็นแน่
เวลานี้ ขณะที่เขากำลังตำหนิลูกน้องในห้องทำงาน เสมียนคนหนึ่งรีบเข้ามาและแจ้งว่าตำรวจกำลังตามตัวเขา
เหวินจวิ้นไฉลืมเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เขาทำไปนานแล้ว และสงสัยว่าตำรวจมาตามหาเขาเพราะอะไร
เมื่อเขาเห็นหรงจี้เหมยเดินเข้ามาพร้อมกับตำรวจ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ทันทีที่หรงจี้เหมยเห็นเหวินจวิ้นไฉ หล่อนก็ตะโกนขึ้นว่า “เขาคนนี้ค่ะที่บงการฉัน!”
แม้ว่าเหวินจวิ้นไฉจะอยากปฏิเสธว่าเขาไม่รู้จักหรงจี้เหมย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก
ตอนที่เขาออกตามหาหรงจี้เหมย คนที่เป็นผู้เช่าในอาคารส่วนตัวนั้นเคยเห็นเขาแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธ
ผลสุดท้ายคือ ฉวินกวงพลาซ่าต้องจ่ายเงินให้หลินม่าย 38,000 หยวนสำหรับชื่อเสียงที่ได้รับความเสื่อมเสีย และเหวินจวิ้นไฉก็ถูกประธานหวงตำหนิอย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะหรงจี้เหมยกำลังโล่งใจที่รอดพ้นจากการลงโทษ โต้วโต้วก็ฟ้องร้องหล่อนต่อเจ้าหน้าที่ทันที
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ชีวิตอาภัพกว่าตอนอยู่กับม่ายจื่ออีกยัยน้องถั่วเน่าเอ๊ย ทำตัวเองล้วนๆ