แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1045 เจตนาของแม่ผู้ให้กำเนิด
ตอนที่ 1045 เจตนาของแม่ผู้ให้กำเนิด
ตอนที่ 1045 เจตนาของแม่ผู้ให้กำเนิด
หลังจากสอบสวนแม่หม่าแล้ว คณะสอบสวนก็พบว่าหล่อนโกหกครึ่งหนึ่ง และบอกความจริงครึ่งหนึ่ง
เงิน 100,000 หยวนนั้นมาจากการทุจริต แต่ไม่ได้เกิดจากการลงมือของหล่อนคนเดียว แต่เป็นเงินที่ได้รับจากการติดสินบนของหล่อนและสามีรวมกัน
เป็นความจริงที่ว่ามีการขายที่ดินอย่างผิดกฎหมายให้กับนักธุรกิจฮ่องกง แต่ว่านักธุรกิจคนนั้นไม่ได้มอบวัตถุโบราณล้ำค่าให้
แต่เป็นเพราะพ่อของหล่อนใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเขาขโมยมันมาจากพระราชวังต้องห้าม และมอบให้กับแม่หม่าเพื่อเป็นสินเดิม
แม่ของเขาถูกจำคุกเพียงเพราะต้องการช่วยเหลือเขา พ่อและปู่เองก็ถูกจับเพราะมีส่วนเกี่ยวข้อง ทันทีที่หม่าฉุนทราบเรื่องนี้ เขาก็เป็นลมล้มพับไปและไม่สามารถทำอะไรต่อได้อีก
หม่าฉุนจึงสารภาพว่าเขากับจูซิ่งเซิ่งสังหารพ่อแม่และพี่สาวของเย่เหลียงเฉินอย่างไร้ปรานี สุดท้ายจูซิ่งเซิ่งไร้ซึ่งหนทาง เขาจึงทำได้เพียงรับสารภาพตามไปด้วย
เพียงสามศพก็เพียงพอแล้วที่ทั้งสองคนจะถูกประหารชีวิต
ในตอนนี้เองชายวัยกลางคนขาพิการคนหนึ่งก็โผล่มาเพื่อแจ้งความด้วยเช่นกัน โดยบอกว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน พ่อของเขาที่เป็นคนเก็บขยะกำลังเก็บผ้าขี้ริ้วบนถนน และบังเอิญได้พบกับจูซิ่งเซิ่งและหม่าฉุน
ทั้งสองคนรู้สึกเบื่อหน่าย จึงใช้เวลานั้นทุบตีเขากับพ่ออย่างโหดเหี้ยม
ชายชราถูกทุบตีจนล้มลงกับพื้น บ้วนเลือดออกจากปากคำใหญ่ หลังกลับมาถึงบ้านไม่กี่วันเขาก็ตายจากไป
ชายวัยกลางคนไปขอคำอธิบายจากสัตว์ร้ายสองตัวนี้ แต่พวกมันกลับหักขาของเขา
ชายวัยกลางคนหวาดกลัวอำนาจของตระกูลจูและตระกูลหม่ามาก จึงล้มเลิกที่จะแสวงหาความยุติธรรมให้กับตัวเองและพ่อผู้น่าสงสาร
ทันทีที่เห็นข่าวตีพิมพ์เกี่ยวกับคดีครอบครัวสามคนแห่งตระกูลเย่ได้รับการคลี่คลาย เขาจึงรวบรวมความกล้ามายังสถานีตำรวจด้วย
สมาชิกในครอบครัวเหยื่อที่ถูกจูซิ่งเซิ่งและหม่าฉุนฆ่าตายและเคยปฏิเสธหลินม่ายก่อนหน้านี้ต่างกลับใจ และรวมตัวกันเข้าสู่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความอีกครั้ง
หลังจากทุกคนอ่านหนังสือพิมพ์ ทั้งหมดจึงมาขอความยุติธรรมให้กับพี่น้องที่ตายจากไปอย่างไร้เหตุผล
มือของพวกเขาฆ่าคนมากเกินไป ร้ายแรงมากเกินกว่าจะขอลดหย่อนโทษได้ มีเพียงการถูกยิงเป้าเท่านั้นที่รอสัตว์นรกสองตัวนี้อยู่
เงิน 50,000 หยวนที่อยู่กับหยางสื่อจวี๋และที่อยู่กับพ่อแม่ของหล่อนถูกตำรวจยึดเอาไว้ได้
บ้านพักสวัสดิการของครอบครัวที่เคยมอบให้เพื่อเป็นค่าชดเชยความตายในครั้งทำร้ายพ่อไป๋ก็ถูกริบด้วยเช่นกัน ในที่สุดคดีความทั้งหมดก็จบลง
วันเวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ในช่วงต้นเดือนเมษายน เมืองหลวงก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ แต่เพราะพายุทรายที่รุนแรงทำให้ผู้คนลืมตาได้ยากยิ่ง
การพิจารณาคดีของพ่อแม่เสี่ยวเฉิงที่ลอบสังหารสองพี่น้องนั้นก็ได้รับคำตัดสินเช่นกัน
เพราะลักษณะอาชญากรรมนี้ร้ายแรง หวังย่าหลิงที่เป็นผู้บงการจึงถูกตัดสินประหารชีวิต ส่วนหลี่เม่าถูกตัดสินให้รอลงอาญา
คนสองคนที่เคยรักกัน เวลานี้กลับหักหลังกันง่ายดาย
หวังย่าหลิงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และบอกว่าหลี่เม่าคือผู้บงการทั้งหมด
เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง หลี่เม่าจึงบอกว่าเป็นหวังย่าหลิงที่โกหก
หวังย่าหลิงยื่นอุทธรณ์คดีต่อ และการฟ้องร้องระหว่างทั้งสองเริ่มผ่านกระบวนการมากมาย
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องของหลินม่าย เธอเพียงสนใจว่าหลี่เม่าและหวังย่าหลิงจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลของเสี่ยวเฉิงให้กับเธอหรือไม่
โชคดีที่หลังสิ้นสุดการพิจารณาคดีชั้นแรก ค่ารักษาพยาบาลจากหลี่เม่าและหวังย่าหลิงถูกคืนกลับมาให้ทั้งหมด
ศาลใช้บ้านสวัสดิการของหลี่เม่าจดจำนองเพื่อชดใช้ให้กับหลินม่าย
ทรัพย์สินที่หวังย่าหลิงได้รับจากพ่อแม่ถูกศาลโอนไปยังชื่อของหลินม่าย
แม้พ่อแม่ของหลี่เม่าและหวังย่าหลิงจะไม่พอใจ แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้
หลังจากสิ้นสุดการพิจารณาคดีครั้งแรกแล้ว สถาบันสวัสดิการของรัฐจำนวนมากก็ยินดีที่จะรับเลี้ยงดูพี่น้องเสี่ยวเฉิง
แล้วยังมีคนบริจาคเงินให้กับพี่ชายและน้องสาวคู่นี้มากมาย
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเฉิงเลือกที่จะอยู่กับน้องสาวเพียงลำพัง เขาได้รับเงินบริจาคกว่า 10,000 หยวน ตราบใดที่เขาใช้ชีวิตอย่างประหยัด และขยันเก็บขยะขาย เขาจะสามารถเลี้ยงดูตัวเองและน้องสาวจนโตได้
หลินม่ายทราบข่าวนี้ และได้ยินว่าหลี่เม่าจะชดใช้ให้พี่ชายและน้องสาวคู่นี้อย่างดีที่สุด เธอก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาสองคนจะเติบโตอย่างปลอดภัย
เสี่ยวเฉิงพาเสี่ยวซิ่วไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักสวัสดิการที่หลินม่ายมอบให้ พวกเขาใช้ชีวิตอย่างยากจนแต่อบอุ่น
ได้เห็นว่าน้องสาวมีรอยยิ้ม เสี่ยวเฉิงเองก็ยิ้มได้เช่นกัน
แต่สุดท้ายแล้วความสงบสุขอันงดงามทั้งหมดถูกทำลายโดยมารดาผู้ให้กำเนิดพวกเขา
หลังจากพวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากสหพันธ์สตรี เสี่ยวเฉิงก็ได้เข้าโรงเรียน
หลังเลิกเรียน เสี่ยวเฉิงซื้อเครื่องเคียงราคาถูกจากตลาดแล้วกลับบ้าน เขาเห็นแม่ของตัวเองนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น และเสี่ยวซิ่วนั่งห่างไกลของแม่ผู้ให้กำเนิดอยู่อีกมุมห้อง
เสี่ยวเฉิงวางกระเป๋าและถุงข้าวลง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ?”
ตั้งแต่เขาถูกพ่อโยนลงจากภูเขา แม่ของเขาไม่เคยปรากฏตัวสักครั้งจนกระทั่งเขาออกจากโรงพยาบาลและมีสุขภาพแข็งแรงอยู่ดีมีสุข หล่อนกลับโผล่หน้ามาได้
น่าเสียดายจริง ๆ ตอนที่เขากำลังบาดเจ็บสาหัส เขาอยากเจอหล่อนมากเพื่อที่จะฝากฝังน้องสาวไว้สักพัก
แต่ไม่ว่าเจ้าหน้าที่จากสหพันธ์สตรีจะติดต่อไปกี่ครั้ง แม่ก็ไม่เคยโผล่มา
แต่ตอนนี้หล่อนกลับมานั่งตรงหน้า ทำให้เขาไม่คิดสนใจอีกต่อไป
มารดาผุ้ให้กำเนิดยกยิ้ม “ฉันมารับพวกเธอไปอยู่ด้วยกัน เก็บข้าวของเถอะ แล้วไปอยู่ที่บ้านของฉันตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป”
เสี่ยวเฉิงตอบกลับอย่างเย็นชา “ผมจะดูแลเสี่ยวซิ่วเอง คุณควรกลับไปได้แล้ว”
แม่เสี่ยวเฉิงตอบกลับ “เธอกับเสี่ยวซิ่วยังเด็กมาก จะดูแลตัวเองได้ยังไง? ยังไงก็ต้องกลับไปอยู่กับฉัน”
“ใครบอกว่าไม่ได้? ผมพาเสี่ยวซิ่วเดินเร่ร่อนข้างนอกมาแล้ว พวกเราก็ยังผ่านกันมาได้ ตอนนั้นที่ผมขอให้แม่มาพบ แม่ตอบว่าไงเหรอ? คุณบอกว่าบ้านใหม่ของคุณก็ยากจน และไม่สามารถเลี้ยงดูพวกเราได้”
แม่ของเสี่ยวเฉิงตอบกลับอย่างใจเย็น “ตอนนั้นพวกเราลำบากมากจริง ๆ ตอนนี้ฐานะของพวกเราดีขึ้นแล้ว เลยอยากจะพาเธอกับน้องสาวไปอยู่ด้วย”
“ผมกับเสี่ยวซิ่วเกือบถูกแม่เลี้ยงฆ่าตาย แล้วจะให้เราไปอยู่ที่บ้านของคุณเพื่อถูกพ่อเลี้ยงทุบตีอีกเหรอ?”
“เรื่องนั้นจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน พ่อเลี้ยงของเธอเป็นคนดี”
เสี่ยวเฉิงยังคงยืนกรานหนักแน่น “ไม่ว่าพ่อเลี้ยงที่คุณว่าจะใจดีแค่ไหน เราจะไม่ไปบ้านของคุณเด็ดขาด พรุ่งนี้เชิญคุณกลับไปด้วย”
แม่ของเสี่ยวเฉิงเห็นดังนั้นจึงบีบให้เสี่ยวซิ่วเป็นคนตอบตกลง ตราบใดที่เสี่ยวซิ่วตกลง เสี่ยวเฉิงจะยอมกลับบ้านไปด้วยกันแน่นอน
เมื่อแม่เสี่ยวเฉิงหันมาถามเสี่ยวซิ่วว่าอยากกลับบ้านด้วยกันไหม เสี่ยวซิ่วกลับตอบว่าหล่อนจะอยู่ในทุกที่ที่มีพี่ชาย
แม่ของเสี่ยวเฉิงยิ่งหงุดหงิด หล่อนเปลี่ยนเรื่องและขอให้เสี่ยวเฉิงมอบเงินบริจาคที่ได้รับให้กับหล่อน และหล่อนจะเก็บมันไว้อย่างปลอดภัย
ตอนนี้เองเสี่ยวเฉิงเข้าใจแล้วว่าทำไมมารดาผู้ให้กำเนิดถึงโผล่หน้ามาได้ เป็นเพราะเงินบริจาคเหล่านั้น
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมดูแลเงินนั้นได้เอง ไม่ต้องรบกวนคุณหรอก”
แม่ของเสี่ยวเฉิงพยายามโน้มน้าวอย่างหนักเพื่อให้เสี่ยวเฉิงมอบเงินให้กับหล่อน
จากนั้นก็เริ่มกล่าวถึงความยากลำบาก พูดถึงลูกชายที่ให้กำเนิดกับสามีใหม่ ว่าเขาป่วยหนักมาสามวันแล้ว
แม่ของเสี่ยวเฉิงสัญญาหนักแน่นว่าจะหาเงินมาคืนเขาแน่นอน
เสี่ยวเฉิงยังคงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
เขาไม่เชื่อว่าแม่จะคืนเงินให้กับเขา ถ้าหล่อนรู้วิธีหาเงิน หล่อนคงไม่ใช้อุบายมากมายตั้งแต่แรก
แต่ต่อให้หล่อนสามารถจ่ายคืนได้ เขาก็ไม่มีวันให้ยืม
พี่ชายและน้องสาวมีเงินเพียง 10,000 หยวน และแม่ของเขาคิดจะยืมเงิน 5,800 หยวน
หากให้ยืมเงิน พี่ชายและน้องสาวคงจะต้องกินลมจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือแน่
เมื่อแม่ของเสี่ยวเฉิงเห็นว่าตนไม่สามารถยืมเงินจากอีกฝ่ายได้แม้จะพยายามหลอกล่ออย่างหนัก หล่อนจึงโกรธพร้อมสาปแช่งขณะเดินออกไป
เสี่ยวเฉิงไม่สนใจจนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของแม่อีกต่อไป เขามองไปยังประตูที่เปิดอ้าเอาไว้
ตอนนี้เขายังอายุไม่ถึงสิบขวบ และอยู่ในวัยที่ต้องการความรัก แต่เขาไม่สามารถได้รับ อีกทั้งยังต้องเลี้ยงดูเสี่ยวซิ่วด้วย
เสี่ยวซิ่วเดินเข้าหาเขาก่อนจะคว้ามือพี่ชายไว้ เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นแล้วพูดเสียงหวาน “พี่ชาย พี่ยังมีหนูนะ”
เสี่ยวเฉิงกล่าวคำเบา “ใช่แล้ว เรามีกันสองคนพี่น้องเท่านี้ก็พอ”
……………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตอนลูกเกือบโดนฆ่าตาย แม่หายหัวไปไหน มาอีกทีเพื่อมาเอาเงินบริจาคลูกเนี่ยนะ เสี่ยวเฉิงปล่อยแม่แบบนี้อยู่กับกองขยะไปเถอะค่ะ คนบางคนก็เป็นได้แค่ผู้ให้กำเนิดอย่างเดียวจริงๆ