แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1043 ฉินโซ่วเซิงแฟนหนุ่มของโก่วเวิน
ตอนที่ 1043 ฉินโซ่วเซิงแฟนหนุ่มของโก่วเวิน
ตอนที่ 1043 ฉินโซ่วเซิงแฟนหนุ่มของโก่วเวิน
แม่ของหยางหยางและโก่วเวินมักจะต่อสู้กันที่หน้าประตูโรงงานเสมอ และมันก็ดึงดูดความสนใจของเพื่อนร่วมงานจำนวนมาก
แต่หลินม่ายไม่เคยคิดสนใจรับชมสักครั้ง เธอเพียงตั้งใจจะใช้เย่เหลียงเฉินให้ไปรายงานอาชญากรรมเพิ่มเติมเพื่อให้จูซิ่งเซิ่งและหม่าฉุนถูกยิงเป้า
แต่หลังจากพยายามติดต่อไปแล้วหลายครั้ง เย่เหลียงเฉินก็ยังคงทำตัวบ้าๆ บอๆ และไม่สามารถเข้าใจคำพูดของใครได้เลย
เสิ่นเสี่ยวผิงเคยติดตามหลินม่ายไปเยี่ยมเย่เหลียงเฉินครั้งหนึ่ง และยอมพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง
หากเย่เหลียงเฉินยังแสร้งทำเป็นบ้าต่อไป นั่นหมายความว่าสมาชิกในครอบครัวของเหยื่อที่ถูกจูซิ่งเซิ่งและหม่าฉุนฆ่าตายจะไม่ได้รับความยุติธรรมใด จะไม่มีการแจ้งความหรือกล่าวโทษใดเกี่ยวกับคดีความเหล่านี้อีก พวกเขาก็จะได้อยู่บนโลกนี้ต่อไป
และหากว่าเย่เหลียงเฉินเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ การจะบอกกล่าวให้เขาพูดถึงคดีความคงไม่มีประโยชน์
หลินม่ายไม่ได้พูดอะไร แต่ยังคงเดินทางผ่านประตูตี้อันเหมินระหว่างกลับจากที่ทำงานทุกวัน ซื้ออาหารอร่อยและเครื่องดื่มหนึ่งขวดให้กับเย่เหลียงเฉิน ก่อนจะจากไปโดยไม่คิดพูดคุย
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ ในทุกครั้งที่เธอขับรถออกไปแล้ว เย่เหลียงเฉินมักจ้องมองเธอด้วยสายตาซับซ้อนตลอดเวลา
เช้าวันนี้หลินม่ายขับรถมาที่เรือนจำและเห็นเย่เหลียงเฉินนั่งอยู่ตรงที่เดิมของเขา เธอจึงวางซาลาเปาไส้เนื้อวัวต้นหอมและน้ำเต้าหู้ที่ซื้อจากร้านค้าในเครือเปาห่าวชือของตัวเองไว้ให้
เย่เหลียงเฉินรอจนกระทั่งหลินม่ายขับรถออกไปแล้ว ก่อนจะหยิบซาลาเปาเนื้อ และน้ำเต้าหู้ขึ้นมา หลบมุมในสถานที่เงียบสงัดและเริ่มกิน
ขณะที่กินอยู่นั้น เขาอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา
ตอนยังเด็ก เขาชอบกินซาลาเปาเนื้อมาก และตอนนั้นเนื้อวัวกับเนื้อแกะไม่ได้มีไว้สำหรับชนกลุ่มน้อย พวกเขามีเพียงเนื้อหมู และชาวจีนไม่ได้รับอนุญาติให้กินมัน
เพื่อที่จะได้กินซาลาเปาเนื้อสองชิ้นในวันปีใหม่ พ่อของเขาจะยอมจ่ายเงินเป็นสองเท่าเพื่อซื้อเนื้อเล็กน้อยจากเพื่อนร่วมงานในชนกลุ่มน้อย
เนื้อวัวเพียงเล็กน้อยทำซาลาเปาได้เพียงไม่กี่ชิ้น พ่อแม่และพี่สาวของเขายังไม่กล้าที่จะกิน พวกเขาทั้งหมดมอบซาลาเปาเนื้อพวกนี้ให้เขากินเพียงคนเดียว
ซาลาเปาเนื้อกับน้ำเต้าหู้สำหรับเขาในตอนนั้นนับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข
เขาคิดว่าแม้ครอบครัวของตนจะยากจน แต่เขาก็มีความสุขมาก
แต่การปรากฏตัวของจูซิ่งเซิ่งและหม่าฉุนกลับทำลายครอบครัวของเขาป่นปี้ ทว่าเขากลับแกล้งทำตัวเป็นคนบ้าและโง่เขลา ไม่กล้าแม้แต่จะล้างแค้นให้กับพ่อแม่และพี่สาว!
มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้อีกต่อไป!
ทันใด แววตาของเย่เหลียงเฉินก็กลายเป็นมุ่งมั่น เขารีบกินซาลาเปาให้เสร็จแล้วดื่มน้ำในรวดเดียว ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังสถานีตำรวจใกล้ ๆ
หลังจากมาถึงสถานีตำรวจ ขาของเขาก็แข็งไม่อาจก้าวเดินต่อไปได้
ภาพสัตว์ร้ายจูซิ่งเซิ่งและหม่าฉุนที่มัดพ่อกับแม่ของไว้กับหินก้อนใหญ่แล้วผลักลงน้ำปรากฏขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง
ก่อนที่จะถูกผลักลงน้ำ พ่อกับแม่ลอบมองเขาพร้อมส่งสายตาเป็นนัยว่า… อย่าออกมา อย่าออกมาเด็ดขาด!
เหงื่อเย็นไหลอาบร่างกายของเย่เหลียงเฉิน เขากุมศีรษะเอาไว้ก่อนจะกรีดร้องแล้ววิ่งกลับไปทางเดิม
จากที่เขาทราบ แม้ตระกูลจูจะยอมจำนน แต่อำนาจของตระกูลหม่ายังไม่หายไป
เขากลัวว่าหากเขาแจ้งความเรื่องนี้ ตระกูลหม่าจะลงมือฆ่าเขา
เขาไม่กล้า… ไม่กล้าจริง ๆ
หลังเลิกงานในบ่ายวันนี้ หลินม่ายนึกถึงอุบัติเหตุของพ่ออีกครั้ง
แม้เสิ่นเสี่ยวผิงจะชักชวนเหยื่อหลายคนที่ถูกจูซิ่งเซิ่นและหม่าฉุนให้เข้ารายงานอาชญากรรมที่พวกเขาเป็นเหยื่อ แต่อย่างไรก็ตามทนายที่ดูแลรับผิดชอบคดีของพ่อไป๋บอกว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงคดีฆาตกรรมธรรมดา และเป็นเรื่องยากที่สัตว์ร้ายสองตัวนั้นจะถูกลงโทษด้วยการยิงเป้า
เสิ่นเสี่ยวผิงจึงไปหาสมาชิกในครอบครัวของเหยื่อ พวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่ต้องการแก้แค้น กลับยังกลัวว่าเสิ่นเสี่ยวผิงจะนำพาความตายมาให้ ทั้งหมดจึงเริ่มใช้ไม้ไล่ทุบตีหล่อน
หลินม่ายต้องยอมแพ้อย่างช่วยไม่ได้
ขณะนั้นเองมีคนเข้ามาขัดจังหวะเธอ
หลินม่ายหยุดคิดเรื่องต่าง ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น และเห็นฉินโซ่วเซิ่งที่เป็นพนักงานของสำนักงานเข้ามา
เขาเป็นแฟนหนุ่มของโก่วเวินที่อยู่ในโรงงานวิทยุหย่งเชิง
หลินม่ายเหลือบมองฉินโซ่วเซิ่งด้วยแววตาเย็นชา อีกฝ่ายสูงกว่าอู่ต้าหลางมาก หลังจากนั้นเธอก็คิดจะเดินออกไป
“หยุด!” ฉินโซ่วเซิ่งยื่นมือออกมาคิดจะรั้งหลินม่ายเอาไว้
เวลานี้หลินม่ายรู้สึกหงุดหงิด แม้เธอจะควบคุมอารมณ์ได้ แต่เธอก็ไม่อยากจะระงับอารมณ์เมื่ออยู่ต่อหน้าฉินโซ่วเซิ่ง ใครใช้ให้เขาลงไม้ลงมือ?
หลินม่ายหันกลับมาตบหน้าเขาก่อนจะถามว่า “มีอะไรจะพูดก็พูด กล้าดียังไงถึงคิดจะจับตัวฉัน?”
โก่วเวินยืนอยู่ด้านหลังรีบวิ่งเข้ามาก่อนจะถามว่า “เธอตบเขาทำไม?”
หลินม่ายเชิดหน้าขึ้นก่อนจะพูดว่า “แล้วกล้าดียังไงมาจับตัวฉัน!”
ฉินโซ่วเซิ่งปิดใบหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่งก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “ฉันก็แค่จะให้เธอหยุด”
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีสิทธิ์จะมาแตะต้องตัวฉัน!”
ฉินโซ่วเซิ่งพูดต่อ “แล้วมันสมควรเหรอที่เธอพาแม่หยางหยางมาทุบตีโก่วเวิน?”
“โก่วเวินสร้างเรื่องใส่ร้ายฉัน แล้วหล่อนมีเหตุผลเหรอ?” หลินม่ายกล่าวประชด “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพ่อแม่ของคุณถึงตั้งชื่อคุณว่า ฉินโซ่วเซิ่ง เหมาะสมแล้วล่ะ”
เพื่อนร่วมงานที่กำลังรับชมความตื่นเต้นถึงกับหัวเราะออกมา
“อย่างเธอมันต้องโดนสักที!” เฉินโซ่วเซิงโกรธจัดก่อนจะเอื้อมมือคิดทำร้ายหลินม่าย
แต่เป็นหลินม่ายที่เตะเขาจนล้มลงกับพื้น และไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก
โก่วเวินวิ่งออกจากสำนักงานและไปแจ้งตำรวจ ไม่นานตำรวจก็เข้ามา
เธอถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นฉินโซ่วเซิ่งเคลื่อนไหวก่อน
เป็นฝ่ายลงมือทุบตีใครบางคนก่อนเอง แต่ยังมีหน้าแจ้งตำรวจ!
ฉินโซ่วเซิ่งให้เหตุผลว่าหลินม่ายกระทำรุนแรงเกินไป หล่อนเตะเขาจนอาจจะช้ำในตายก็ได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาเขาไปโรงพยาบาล
แต่หลินม่ายไม่กลัว สุดท้ายแล้วเธอยังยับยั้งเรี่ยวแรงที่ใช้โจมตีอยู่
ตำรวจคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านของฉินโซ่วเซิ่งพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่มีอะไรร้ายแรง ก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลเองแล้วกัน”
ฉินโซ่วเซิ่งถึงกับตกตะลึง เขาต้องการให้หลินม่ายเสียเงิน แต่กลับกลายเป็นเขาที่ต้องสูญเสียเงินแทน
ตอนเย็น หลินม่ายเล่าเรื่องที่เธอเตะกล่องดวงใจของเขาให้ฟางจั๋วหรานฟังด้วยอารมณ์ขบขัน แต่ฟางจั๋วหรานกลับโศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินม่ายเห็นฉินโซ่วเซิ่งมาทำงานพร้อมใบหน้าฟกช้ำจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม จนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าใครทุบตีเขาจนกลายเป็นแบบนี้?
ตอนเที่ยง หลินม่ายมาที่โรงอาหารเพื่อทานมื้อกลางวัน เนื่องจากวันนี้เธอไม่ค่อยอยากกินอะไรนัก จึงสั่งอาหารมังสวิรัติสองจานแล้วนั่งลงบนโต๊ะที่ยังว่างอยู่
ฉีฟางเดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามกับเธอ ก่อนจะเริ่มกินอาหารแล้วพูดขึ้นว่า “เธอรู้ไหมว่าฉินโซ่วเซิ่งถูกใครทุบตี?”
หลินม่ายถามกลับ “ใคร?”
“คนร้ายสองคนทุบตีเขา ฉันบังเอิญเห็นตอนกำลังมาทำงาน ดูเหมือนว่าฉินโซ่วเซิ่งจะเดินชนนักเลงสองคนนั้นโดยไม่ตั้งใจ แต่เพราะไม่ยอมกล่าวขอโทษ เขาจึงนักเลงสองคนนั้นถูกทุบตีจนพอใจแล้วเดินหนีไป”
หลังจากฉีฟางพูดจบ หล่อนก็ส่งสายตาแปลก ๆ ให้หลินม่าย
หล่อนสงสัยว่านักเลงสองคนนั้นเป็นคนที่หลินม่ายจัดจ้างมา
บังเอิญมาก เมื่อวานหลินม่ายและฉินโซ่วเซิ่งมีความขัดแย้งกันหลังเลิกงาน พอมาเช้าวันนี้ฉินโซ่วเซิ่งก็ถูกทุบตีอย่างรุนแรง
ไม่ว่าใครก็ต้องคาดเดาว่าเป็นฝีมือของหลินม่าย
หลินม่ายสังเกตเห็นสายตาของอีกฝ่าย “แล้วทำไมไม่แจ้งตำรวจ? มาพูดตอนนี้มันจะช่วยเขาได้เหรอ?”
ฉีฟางอุทาน “ทำไมฉันต้องแจ้งความให้เขา? เขาไม่ใช่คนดีสักหน่อย เพื่อที่จะมาจีบโก่วเวิน เขาถึงกับขับไล่แฟนเก่าที่อยู่กับเขาตั้งแต่ยากจนไป ทั้งที่แฟนเก่าคนนั้นสนับสนุนเขาอย่างดีเสมอมา”
หล่อนขยับเข้าหาหลินม่ายก่อนจะพูดว่า “แต่โก่วเวินไม่สนใจฉินโซ่วเซิ่งเพราะว่าหล่อนถือว่าตัวเองเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชิงหวา และที่ฉินโซ่วเซิ่งมาตอแยกับเธอก็เพื่อเอาใจโก่วเวิน”
หลินม่ายยกยิ้ม “ดูเหมือนเธอจะรู้ดีจังนะ”
หลังจากนั้นเธอกินอาหารอีกคำสองคำแล้วลุกออกไป
ตอนเย็น หลินม่ายถามฟางจั๋วหรานว่าเขาส่งคนมาทำร้ายฉินโซ่วเซิ่งหรือไม่?
เพราะตอนที่ฉีฟางเล่าเรื่องดังกล่าว ทำให้เธอนึกสงสัยว่าเป็นฟางจั๋วหรานที่ลงมือ
ฟางจั๋วหรานเอ่ยอย่างไม่ปิดบัง “สัตว์ร้ายสมควรถูกทุบตีให้หลาบจำ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่หมออย่างโหด ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะเวอร์ชันแผ่นดินใหญ่ที่แท้ทรู
ไหหม่า(海馬)