แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1041 ฉีฟางแอบสร้างปัญหา
ตอนที่ 1041 ฉีฟางแอบสร้างปัญหา
ตอนที่ 1041 ฉีฟางแอบสร้างปัญหา
แม้ว่าความพยายามครั้งแรกที่จะตามหาเย่เหลียงเฉินจะไม่ได้ผลอะไร แต่หลินม่ายก็ไม่ยอมแพ้
ไม่กี่วันต่อมามีพายุโหมกระหน่ำ หลินม่ายยังคงไปที่ประตูตี้อันเหมินอีกครั้ง
ไม่เพียงเพื่อโน้มน้าวเย่เหลียงเฉินให้รายงานคดีนี้อีกครั้ง แต่เพื่อดูว่าเขามีที่พักอาศัยหรือไม่
เมื่อมาถึงประตูตี้อันเหมิน เธอถือร่มและค้นหาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่พบเย่เหลียงเฉินเลย
เธอเจอชายจรจัดคนหนึ่งกำลังหลบอยู่ใต้ชายคาของคนอื่น จึงถามว่า “คุณรู้ไหมคะว่าชายจรจัดชื่อเย่เหลียงเฉินหายไปไหน?”
ชายจรจัดมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “มีอะไรให้กินไหม?”
หลินม่ายหยิบเงินห้าหยวนออกมาแล้วยื่นให้เขา “ฉันไม่มีของกิน มีแค่เงิน”
ชายจรจัดยอมรับเงินห้าหยวนและตอบว่า “โดยปกติแล้ว เย่เหลียงเฉินจะกลับบ้านในวันที่ฝนตกและมีหิมะ”
หลินม่ายทราบที่อยู่ของเย่เหลียงเฉินแล้ว เธอจึงหันกลับและเดินตรงไปยังบ้านของเขา
แต่หญิงอ้วนก็ถือร่มเดินเข้ามาหาเธอแล้วพูดทั้งน้ำตาว่า “คุณหลิน ช่วยลูกชายฉันด้วย!”
หลินม่ายจดจำผู้หญิงคนนั้นได้ผ่านม่านฝนที่โปรยปรายว่าหล่อนเป็นแม่ของเด็กเลวหยางหยาง
หลินม่ายโบกมือ “ไปขอร้องคนอื่นเถอะค่ะ เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะช่วยลูกชายของคนที่ต้องการทุบฉันให้ตาย”
แม่ของหยางหยางทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้นพลางขอร้อง “มันเป็นความผิดของฉันเอง อย่ากล่าวโทษลูกชายของฉันเลย ได้โปรดช่วยลูกชายของฉันด้วย!” จากนั้นก็โขกศีรษะคำนับกับพื้นหลายครั้ง
หลินม่ายไม่คิดสนใจ ก่อนขึ้นรถและขับออกไปทันที
ที่มุมหนึ่ง ฉีฟางแอบเฝ้าดูภาพฉากที่เกิดขึ้น
การที่แม่ของหยางหยางเข้ามาร้องขอกับหลินม่าย ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่หล่อนบงการ
วันนั้น เธอเดินตามแม่ของหยางหยางเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างเงียบงัน ขณะที่แพทย์ตรวจดูอาการของหยางหยางที่กำลังหมดสติ
แพทย์บอกว่า เด็กน้อยจะต้องได้รับการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นโรคสมองพิการ และมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 10,000 หยวน
ฉีฟางจงใจพูดคุยกับพ่อแม่ของเด็กคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านข้าง
หล่อนพูดถึงเนื้อหาในหนังสือพิมพ์ก่อนหน้านี้ ว่าหลินม่ายประธานว่านทงกรุ๊ปเป็นคนใจบุญและชอบช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก ทั้งยังเอารูปของหลินม่ายมาให้ทุกคนดูด้วย
หล่อนแสร้งทำเป็นถือรูปไม่มั่นคง กระทั่งรูปถ่ายตกลงไปที่เท้าแม่ของหยางหยาง
แม่ของหยางหยางหยิบมาดูและจำได้ว่า นี่คือผู้หญิงที่จะยัดปัสสาวะให้หล่อนกินในวันนั้นไม่ใช่เหรอ?
ฉีฟางจับตาดูการเคลื่อนไหวของแม่หยางหยางอย่างใกล้ชิดในช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพบกับหลินม่าย แต่กลับไม่ได้ขอเงินเธอ กระทั่งหลินม่ายจากไป
ฉีฟางกังวลมากจนอยากวิ่งออกมาให้คำแนะนำกับแม่ของหยางหยาง โดยบอกให้อีกฝ่ายไปรายงานกับหนังสือพิมพ์ และบีบบังคับให้หลินม่ายควักเงินออกมาช่วยเหลือลูกชายหล่อน
เท่าที่หล่อนรู้ หลินม่ายจะไม่มีวันยอมใจอ่อนและไม่มีทางให้เงินแก่แม่ของหยางหยางสำหรับค่ารักษาพยาบาล
เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะถูกสาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์ จนทำให้ชื่อเสียงย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ
เป็นเพราะหลินม่ายไม่ยอมช่วยหล่อนขนกระสอบข้าวไปมหาวิทยาลัยเมื่อครั้งที่แล้ว
หากหลินม่ายช่วยหล่อนในครั้งนั้น หล่อนก็คงไม่ต้องสร้างปัญหาให้พี่สาวเซี่ย
ท้ายที่สุดพี่สาวเซี่ยไม่ได้ไปส่งถึงมหาวิทยาลัย ก่อนทิ้งกระสอบข้าวไว้ที่สถานีขนส่งและจากไป
แม้จะมีคนใจดีช่วยขนกระสอบข้าวขึ้นรถบัส แต่มีหญิงสาวสวมรองเท้าส้นสูงคนหนึ่งบังเอิญเหยียบกระสอบข้าวเป็นรูโดยที่หล่อนไม่รู้ตัว
ตอนที่ขนข้าวออกจากรถ มีข้าวเกินครึ่งรั่วไหลผ่านรูนั้น ซึ่งทำให้หล่อนรู้สึกเสียใจมาก
หล่อนไม่สามารถกล้ำกลืนความโกรธนี้ลงได้โดยที่ไม่ได้แก้แค้นหลินม่าย
แต่ก็กลัวว่าหลินม่ายจะตอบโต้กลับ หล่อนจึงไม่เคยลงมือแบบเปิดเผย
โชคดีที่แม่ของหยางหยางไม่ใช่คนดีเช่นกัน ไม่กี่วันต่อมา หล่อนพบสำนักงานหนังสือพิมพ์ด้วยตัวเอง และเล่าให้พวกเขาฟังว่า หล่อนขอร้องให้หลินม่ายช่วยลูกชาย แต่กลับถูกปฏิเสธ
นักข่าวจึงต้องติดตามหล่อนไปสัมภาษณ์หลินม่ายว่า เหตุใดจึงไม่ยอมช่วยเหลือลูกชายของหญิงสาวคนนี้
มันเป็นเวลาอาหารกลางวัน และหลินม่ายกำลังรับประทานอาหารกลางวันในโรงอาหารของโรงงาน
ทันทีที่แม่ของหยางหยางปรากฏตัวในโรงอาหารพร้อมกับนักข่าว พวกเขาก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
ช่างภาพที่ตามมาทั้งสองคนกำลังถือกล้องถ่ายวิดีโอที่เด่นสะดุดตาจนยากที่จะเพิกเฉย
แม่ของหยางหยางตะโกนขึ้นทันที “หลินม่ายอยู่ไหน?”
โก่วเวินมองดูและตระหนักว่าผู้ที่มาเยือนนี้ไม่ได้มีเจตนาดี บางทีอาจมาเพื่อหาเรื่องหลินม่าย
หล่อนชี้ไปทางหลินม่ายและตอบเสียงดัง “หล่อนอยู่ตรงนั้นค่ะ!”
ฉีฟางไม่ทันรั้งอีกฝ่ายไว้ หล่อนขมวดคิ้วและพูดว่า “เธอก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าผู้หญิงคนนั้นมีเจตนาไม่ดี แล้วทำไมถึงช่วยหล่อนล่ะ!”
โก่วเวินเหลือบมองด้วยหางตา “ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน!”
ฉีฟางเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจและไม่พูดอะไรอีก ขณะเดียวกันก็แอบสังเกตปฏิกิริยาของหลินม่าย ทว่าหลินม่ายกลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย
หล่อนกัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง
หลินม่ายไม่ได้ตาบอด หล่อนไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังช่วยอยู่ อย่างน้อยก็ควรแสดงความขอบคุณกันบ้าง แต่หล่อนกลับเพิกเฉยเสียนี่!
หลังจากได้รับคำตอบจากโก่วเวิน แม่ของหยางหยางเดินตรงไปหาหลินม่ายและบอกกับนักข่าวว่า “ลองถามหล่อนดูสิคะว่าหล่อนปฏิเสธที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลของลูกชายฉันหรือเปล่า?”
จะต้องมีเหตุผลที่หลินม่ายปฏิเสธการช่วยเหลือจ่ายเงินเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของหยางหยาง
นักข่าวติดตามแม่ของหยางหยางเพื่อสัมภาษณ์หลินม่าย ไม่ใช่เพื่อเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวของเธอ แต่เพื่อค้นหาความจริง
นักข่าวถามหลินม่ายอย่างสุภาพว่า ขอสัมภาษณ์เธอตอนนี้ได้ไหม
หลินม่ายพยักหน้า “ได้สิคะ ตราบใดที่คุณไม่รังเกียจที่ฉันจะถูกสัมภาษณ์ขณะรับประทานอาหาร และฉันคงไม่เชิญคุณรับประทานด้วยกัน”
นักข่าวยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ” แล้วเริ่มการสัมภาษณ์
เมื่อนักข่าวทราบจากหลินม่ายว่าเป็นแม่ของหยางหยางเองที่พยายามทำร้ายหลินม่าย เป็นเหตุให้หลินม่ายไม่ต้องการจ่ายค่ารักษาลูกชายของหล่อน
นักข่าวหันกลับมาถามแม่หยางหยางว่า “ที่คุณหลินพูดเป็นความจริงหรือเปล่าคะ?”
แม่ของหยางหยางไม่อาจโกหกเรื่องนี้ได้ มีเพื่อนบ้านหลายคนพาลูกหลานออกมาอาบแดดนอกบ้าน และหลายคนเห็นว่าหล่อนพยายามทุบหลินม่ายด้วยอิฐ
หลังจากนั้นเพื่อนบ้านหลายคนก็หัวเราะเยาะ หล่อนจึงพยายามทุบหัวหลินม่ายด้วยอิฐอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็พลาดพลั้งตีหัวลูกชายตัวเอง
ถ้าหล่อนโกหก เพื่อนบ้านหลายคนจะเข้ามาช่วยหลินม่ายและกล่าวหาว่าหล่อนโกหกแน่นอน
หล่อนมีความดื้อรั้นสูง และชอบก่อเรื่องวุ่นวายไปทั่ว
หยางหยางของหล่อนทุบตีลูกหลานของคนอื่น แต่หล่อนแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่หากลูกคนอื่นแตะต้องปลายผมของหยางหยาง หล่อนจะโต้ตอบอีกฝ่ายอย่างถึงที่สุด
ในบรรดาเพื่อนบ้านทั้งหมด หล่อนเป็นคนปากร้าย ดังนั้นเพื่อนบ้านจึงไม่ค่อยชอบ และพยายามออกห่างหล่อน
แม่ของหยางหยางพูดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “ความพลาดพลั้งของฉันเกี่ยวอะไรกับลูกชายด้วย? ทำไมหล่อนถึงไม่ควักเงินช่วยลูกชายของฉันล่ะ?”
นักข่าวถามกลับ “บอกฉันหน่อยสิคะ ทำไมคุณหลินถึงต้องอยากช่วยลูกชายคุณด้วย?”
แม่หยางหยางตอบกลับด้วยความโกรธ “ก็หล่อนร่ำรวยขนาดนี้ จะนำเงินมาช่วยเหลือใครก็ได้ แล้วนับประสาอะไรกับการช่วยเหลือลูกชายฉัน?”
หลินม่ายพูดเหน็บแนม “ถ้าฉันช่วยลูกชายของคุณ คุณจะดีใจใช่ไหม? แล้วถ้าฉันไม่ช่วยลูกชายคุณ คุณก็จะโกรธจนตัวตายสินะ!”
ในเวลานี้ ผู้อำนวยการจูเดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่จากแผนกรักษาความปลอดภัย
พวกเขาถามขึ้นเสียงดังทันที “ใครเข้ามาสร้างปัญหาให้กับนักศึกษาฝึกงานหลินม่าย?”
พนักงานหลายคนชี้นิ้วไปที่แม่ของหยางหยาง
ใครก็ตามที่ยังพอมีเหตุผล ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของแม่หยางหยางนั้นเชื่อยาก
หล่อนต้องการใช้ประโยชน์จากหลินม่าย แต่เมื่อถูกปฏิเสธก็พูดเรื่องไร้สาระไม่หยุด
แม้แต่พระเจ้าก็คงโกรธเคืองเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แล้วนับประสาอะไรกับคนธรรมดาอย่างพวกเขา!
ในบรรดาของผู้คนทั้งหมด ท่าทางของฉีฟางที่ชี้ไปทางแม่หยางหยางนั้นเด่นสะดุดตา หล่อนลุกขึ้นยืนและชี้นิ้วไป ราวกับกลัวว่าหลินม่ายจะไม่เห็น
ที่จริงหลินม่ายเห็น แต่เพียงเมินเฉย ซึ่งทำให้ฉีฟางรู้สึกผิดหวังมาก
ผู้อำนวยการจูสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขับไล่แม่หยางหยางออกจากโรงงานทันที และบอกว่าจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาอีกในอนาคต
แม่ของหยางหยางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจากไปด้วยความสิ้นหวัง
ผู้อำนวยการจูเข้ามาแทรกแซงหลินม่ายอีกครั้งเพื่อเอาใจเธอ
หลังจากเลิกงานในช่วงบ่าย ทันทีที่โก่วเวินและไช่หานปิงกลับไปยังมหาวิทยาลัย พวกหล่อนตรงไปยังร้านถ่ายเอกสาร ต่อรองกับร้านค้า และพิมพ์ใบปลิวนับพันฉบับเกี่ยวกับหลินม่านที่ไม่เต็มใจจ่ายค่ารักษาพยาบาลของหยางหยาง
บรรทัดปิดของใบปลิวส่งผลกระทบใหญ่หลวง โดยบอกทุกคนแม้ว่าแม่ของหยางหยางจะแย่เพียงใด แต่หยางหยางยังคงเป็นเพียงเด็ก
ในฐานะผู้ใจบุญและเป็นผู้ประกอบการเอกชนรายใหญ่ หลินม่ายไม่ควรขาดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เช่นนี้
เนื่องจากความผิดของแม่หยางหยาง เธอจึงปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ มันเห็นได้ชัดว่าหลินม่ายเป็นคนใจบุญเสแสร้ง
ไช่หานปิงตกตะลึง แม้ว่าหล่อนจะไม่ชอบหลินม่าย แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะใส่ร้ายอีกฝ่ายถึงขนาดนี้
แตกต่างจากโก่วเวินที่ยอมทำทุกอย่าง เช่น พิมพ์บทความสั้น ๆ เพื่อทำให้ชื่อเสียงของหลินม่ายเสื่อมเสีย
เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว พวกหล่อนไม่ได้มีความเกลียดชังต่อหลินม่ายอย่างลึกซึ้ง และไม่จำเป็นต้องลงมือว่าร้ายอีกฝ่ายอย่างไร้ความปรานี
ไช่หานปิงเอ่ยทัก “นี่… มันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?”
โก่วเวินกลอกตา “หลินม่ายเป็นคนใจแคบ เพียงเพราะเธอกล่าวหาหล่อนผิด ๆ หล่อนถึงกับยกเลิกทุนศึกษาต่อต่างประเทศทันที เธอลืมเรื่องนี้ไปแล้วหรือไง?”
แน่นอนว่าไช่หานปิงจดจำมันได้ดี หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เธอจึงหยุดพยายามโน้มน้าวโก่วเวิน
………………………………………………………………………………………………………………………….