แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1034 เจตนาของจูเจี้ยนเซ่อ
ตอนที่ 1034 เจตนาของจูเจี้ยนเซ่อ
ตอนที่ 1034 เจตนาของจูเจี้ยนเซ่อ
เจ้าของบ้านเผยเจตนาชั่วร้ายผ่านสายตา “สหายเสี่ยวหรง จะไปไหน? หอบลูกสี่คนไปด้วยแบบนี้ก็ชักช้าแย่เลยสิ?”
หรงจี้เหมยถึงกับกล่าวติดขัด “แม่ของฉันตาย ฉันเลยจะพาลูก ๆ ไปร่วมงานศพ”
มารดาผู้ให้กำเนิดของหรงจี้เหมยตายตกไปนานแล้ว หล่อนเพียงหยิบชื่อแม่ออกมาเป็นโล่ป้องกันเท่านั้น
แต่คำโกหกของหรงจี้เหมยกลับไร้น้ำหนัก สุดท้ายแล้วมันเต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย
ที่บ้านไม่ได้มีโทรศัพท์สักหน่อย แล้วนี่ก็เป็นเวลากลางดึก หรงจี้เหมยรู้ได้อย่างไรว่าแม่หล่อนเสียชีวิต?
เจ้าของบ้านไม่คิดเปิดเผยสิ่งที่คิดเช่นกัน “เธอพาลูก ๆ ออกไปน่ะได้ แต่ว่าจ่ายค่าเช่าบ้านมาให้ฉันก่อน”
คนอื่นต้องจ่ายค่าเช่าก่อนที่จะเข้าอยู่ แต่หรงจี้เหมยพยายามใช้ความยากจนเพื่ออ้อนวอนให้ได้อาศัย และหล่อนก็มีวาทะศิลป์ยอดเยี่ยม
เจ้าของบ้านจึงยอมรับว่าจะเก็บค่าเช่าหล่อนทุก ๆ สามเดือนแทน ทว่าสุดท้ายหรงจี้เหมยก็ยังผิดนัดชำระค่าเช่าเสมอมา
สุดท้ายเมื่อเห็นว่าตนเองไม่สามารถหลบหนีได้พ้น หรงจี้เหมยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจ่ายค่าเช่าและพาลูก ๆ ไปยังสถานีรถไฟ เตรียมขึ้นรถไฟกลับบ้านเกิด
แต่สุดท้ายแล้ว หล่อนก็ตระหนักได้ว่าตนไม่สามารถกลับบ้านเกิดได้ ทั้งศาลและเลขาของนังหลินจะต้องตามหาหล่อนจากสมุดทะเบียนบ้านแน่นอน
ถ้าอย่างนั้นหล่อนก็ควรไปที่ซานตงแทน ผู้คนที่ซานตงใจดีและหลอกง่าย หากทำตัวให้น่าสงสาร ชีวิตจะไม่ลำบากแน่นอน
นอกจากนี้ซานตงไม่ได้ไกลจากเจียงเฉิงมากนัก ตราบใดที่สมาชิกทั้งห้าในครอบครัวไม่เปิดเผยตัวตน ก็ไม่มีใครค้นหาพวกเขาได้
คนแซ่หลินต้องการให้หล่อนชดใช้ค่าเสียหาย ไม่เห็นยากเย็นเลย!
หรงจี้เหมยก้มศีรษะมองโต้วโต้วที่เดินตามมาอย่างใกล้ชิด
ทันทีที่ไปถึงซานตง หากครอบครัวใดไม่มีลูก หล่อนก็จะเอาเด็กเหลือขอคนนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงิน
แม้จะได้ไม่มากนัก แต่ก็ต้องรับเอาไว้
หรงจี้เหมยคิดคำนวณมากมาย แต่สุดท้ายแล้วคนคำนวณก็ไม่เท่าฟ้าลิขิต
ทันทีที่หล่อนวิ่งไปยังช่องขายตั๋วเพื่อซื้อตั๋ว หล่อนก็สัมผัสได้ว่าเงินสดในร่างกายหายไปหมดแล้ว
ร่างกายของหรงจี้เหมยพลันแข็งทื่อ
ไม่กี่วันถัดมา เงินสดทั้งหมดก็อยู่ในมือของเสิ่นเสี่ยวผิงเรียบร้อย
จากคำบอกเล่าของหลินม่าย เสิ่นเสี่ยวผิงขายเครื่องประดับทองคำที่เหมาฉงลอบขโมยมาให้กับโรงรับจำนำ เมื่อได้เงินมาแล้ว หล่อนก็เอาเงินสดนี้ไปบริจาคให้กับสถานสงเคราะห์
วันที่ 16 เดือน 1 ของจันทรคติ เป็นวันรายงานตัวต่อสถานฝึกงาน
หลินม่ายมัดผมหางม้าสบาย ๆ สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าบูทหนัง ขับรถไปยังสถานที่ฝึกงาน
แม้วันนี้เธอจะแต่งตัวอย่างเรียบง่าย แต่เธอกลับกลายเป็นจุดสนใจทันทีหลังจากเข้ามาในโรงงาน ทั้งหมดเพราะความสวยเป็นเหตุ
บางคนจงใจวิ่งมายังห้องรับแขกเพียงเพราะต้องการรับชมความงามของเธอ
ฉีฟางและคนอื่น ๆ มาถึงนานแล้ว คราวแรกพวกเขาไม่ได้พูดคุยกันมากนัก
แต่ทันทีที่หลินม่ายปรากฏตัว โก่วเวินและไช่หานปิงก็คล้ายพี่น้องที่พลัดพรากจากกันเป็นเวลานาน พวกเขาพูดคุยกันอย่างมีความสุข และยังเชิญชวนฉีฟางและจางชานเข้าร่วมอีกด้วย
หลินม่ายอดไม่ได้ที่จะนึกรังเกียจอยู่ในใจ โก่วเวินและไช่หานปิงทำอย่างนี้เพื่อกีดกันเธอออกไปงั้นเหรอ?
แต่เธอไม่คิดสนใจสองคนนี้แม้แต่น้อย สุดท้ายเธอคุ้นชินกับการอยู่คนเดียว และไม่คิดแยแสพวกเขา
จางชานเป็นคนคงแก่เรียน ไม่อาจพูดคุยกับโก่วเวินหรือไช่หานปิงได้นานนัก สุดท้ายเขาทำได้เพียงยิ้มรับเบา ๆ เท่านั้น
ฉีฟางพูดคุยกับโก่วเวินและไช่หานปิงอย่างสุภาพ ไม่ได้แสดงท่าทางสนิทสนมหรือห่างเหินอะไรนัก
จนกระทั่งเก้าโมงเช้า ชายวัยกลางคนค่อนข้างเตี้ยคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “สหายหนุ่มสาวทั้งหลาย ทั้งหมดคือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากมหาวิทยาลัยชิงหวาสินะ ยินดีต้อนรับนะครับ”
เขากล่าวแนะนำตัวเอง “ผมชื่อจูเจี้ยนเซ่อ ผู้อำนวยการแผนกงานวิจัยและพัฒนา หลังจากนี้ไปพวกคุณจะทำงานร่วมกันกับผมครับ”
หลินม่ายและทั้งหมดติดตามเขาเพื่อเข้าสู่สำนักงานใหญ่
มีพนักงานหกคนคนนั่งรออยู่ในสำนักงานแล้ว
จูเจี้ยนเซ่อแนะนำทุกคนให้รู้จักกับหลินม่ายและคนอื่น ๆ ด้วยรอยยิ้ม
นอกจากนี้เขาให้หลินม่ายและคนอื่น ๆ แนะนำตัวเอง บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น
แม้ว่าเพื่อนร่วมงานเหล่านั้นจะไม่เด็ก และคนที่อายุน้อยที่สุดอยู่ในวัยสามสิบปี แต่พวกเขาก็ใจดีและค่อนข้างเป็นมิตรอย่างมาก
สาวใหญ่ชื่อเซี่ยพูดกับหลินม่ายและคนอื่น ๆ ว่าหากไม่พอใจโต๊ะที่จูเจี้ยนเซ่อจัดไว้ให้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนกับหล่อนได้
รุ่นพี่อีกหลายคนแสดงความคิดเห็น โดยบอกกล่าวว่าพวกเขาก็ยินดีที่จะแลกที่นั่งกับเหล่ามือใหม่ทุกคนด้วย
ที่นั่งของหลินม่ายและคนอื่น ๆ ไม่อาจดีเทียบเท่ากับพนักงานภายใน แต่ก็ไม่มีใครพูดว่าต้องการเปลี่ยน
จางชานยอมรับมันในทันที เขาไม่สนว่ามันจะดีหรือไม่ดี ตราบใดที่เขาทำงานได้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
หลินม่ายและคนอื่น ๆ ใช้ชีวิตมาบ้างแล้ว พวกเขาจะไปสนใจคำพูดใจดีของอาวุโสเหล่านี้ทำไม?
ส่วนผู้อำนวยการจูไม่มีท่าทางวางมาดใด ๆ เลย เขาช่วยหลินม่ายจัดโต๊ะเป็นการส่วนตัว และบางครั้งยังลอบสัมผัสมือของหลินม่ายราวกับไม่ตั้งใจ
แม้หลินม่ายจะพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่ต้องการให้ช่วยเหลือ แต่ผู้อำนวยการจูก็ยังยืนกรานและไม่ต้องการให้เธอปฏิเสธ ทั้งสองคล้ายกับจับมือกันหลายครั้งอย่างไม่ตั้งใจ
หลินม่ายสัมผัสได้ว่าผู้อำนวยการจูกำลังพยายามเอาเปรียบเธอ แต่เธอก็ไม่มีหลักฐานจะกล่าวโทษเขา
สุดท้ายถ้าเธอเริ่มโวยวาย ผู้อำนวยการจูจะตอบกลับมาว่าเขาไม่ตั้งใจ และเขาที่ทำผิดจะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนเธอที่เป็นเหยื่อจะรับบทหญิงสาวเจ้าปัญหาทันที
ถ้าวิธีขาวสะอาดไม่ได้ผล งั้นใช้วิธีอื่นแล้วกัน
หลินม่ายยกยิ้มบนใบหน้ากล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ทว่ากลับเหยียบเท้าของผู้อำนวยการจูอย่างแรง ส้นรองเท้าบูทหนังหนาสองนิ้วกระแทกลงเต็มหลังฝ่าเท้าเขา
ผู้อำนวยการจูเจ็บปวดมากจนต้องไปช่วยเด็กสาวคนอื่น ๆ จัดโต๊ะแทน ร่างกายของเขาชุ่มโชกด้วยเหงื่อ
หลินม่ายนึกคิดในใจ เขากล้าหาญที่จะฉวยโอกาสจากเธองั้นเหรอ ดูท่าจะฝันกลางวันไม่น้อย
หลังจากหลินม่ายและคนอื่น ๆ นั่งลงแล้ว ผู้อำนวยการจูเริ่มอธิบายว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรบ้าง ก่อนจะกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
ก่อนเดินออกจากห้อง เขามองย้อนกลับมาหาหลินม่ายครู่หนึ่ง
สักวันเขาจะยอมให้เธอคุกเข่าลงต่อหน้าเขา และขอร้องให้เขาใช้ร่างกายนี้บำเรอความสุขสมให้
มิฉะนั้นเขาจะเขียนในรายงานการฝึกงานว่า “ไม่มีคุณสมบัติ” ไม่เพียงแต่เธอจะไม่สามารถเรียนจบได้ แต่เธอยังไม่ผ่านการฝึกงานอีกด้วย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อเริ่มทำงาน และพักเที่ยงมาถึงในพริบตา
พี่สาวเซี่ยที่อยู่ในวัยสี่สิบถามหลินม่ายอย่างใจดี “พวกเธอไปกินข้าวที่โรงอาหารกันไหม?”
หลายคนพยักหน้ารับ
หน่วยฝึกงานนี้ค่อนข้างไกลจากมหาวิทยาลัย หากกลับไปกินข้าวที่บ้านคงต้องเร่งรีบกลับมาแล้วจะไม่ทันการ
พี่สาวเซี่ยบอกตำแหน่งของโรงอาหารก่อนจะสะพายกระเป๋า
โก่วเวิน ไช่หานปิงบอกกล่าวให้ฉีฟางไปโรงอาหารกับพวกเขา
ฉีฟางยกยิ้มจริงใจก่อนจะพูดว่า “พวกเธอไปก่อนเลย ฉันมีเรื่องต้องจัดการ”
โก่วเวินและไช่หานปิงจึงออกไปโดยไม่คิดรอ
หลินม่ายเก็บโต๊ะพร้อมหยิบกล่องอาหารกลางวันแล้วเดินออกไป
ฉีฟางติดตามเธอมาอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดว่า “จริง ๆ แล้วเราทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นและอยู่ในแผนกเดียวกัน ทำไมเธอถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอย่างนี้ล่ะ? ฉันอยากจะบอกโก่วเวินกับไช่หานปิงว่าอย่าทำอย่างนี้เลย แต่ฉันไม่กล้า”
หลังจากนั้นหล่อนก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “หลินม่าย เธอโกรธฉันไหม?”
หลินม่ายเหลือบมองหล่อนอย่างขี้เล่นและทำเพียงยกยิ้มให้ ก่อนจะเดินเร็วเข้าสู่โรงอาหาร
ฉีเฟิงแสร้งทำเป็นไม่ยินยอม แต่จริง ๆ แล้วหล่อนกำลังคิดสร้างปัญหา โดยให้เหตุผลว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ฉีเฟิงเม้มปากก่อนจะเดินตามเข้าโรงอาหารไป
อีกด้าน จางชานหยิบกล่องอาหารของตัวเองและไปที่โรงอาหารเช่นกัน
โรงงานวิทยุหย่งเชิงเป็นโรงงานขนาดใหญ่ของรัฐ มีพนักงานกว่าสองพันคน
ช่วงพักเที่ยงมีพนักงานจำนวนมากมารับประทานอาหารที่โรงอาหาร
ยังมีครอบครัวบางครอบครัวที่ไม่มีเวลาเตรียมมื้อเที่ยงมา พวกเขาต้องมาซื้ออาหารที่โรงอาหารแห่งนี้ก่อนจะนั่งกินข้าวร่วมกัน ในทุกร้านค้าจึงเต็มไปด้วยคิวยาวเหยียด
หลินม่ายมองไปรอบ ๆ และเห็นเมนูที่ติดไว้ของแต่ละร้าน เธอเลือกร้านขายซี่โครงหมู ผักใบเขียว และข้าว
การซื้ออาหารใช้เวลานานกว่ายี่สิบนาที นี่เป็นเพราะแม่ครัวมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วมาก ไม่อย่างนั้นมันจะช้ายิ่งกว่านี้
หลินม่ายรับอาหารแล้วมานั่ง เธอพอใจกับอาหารมาก มันมีซี่โครงหมูถึงห้าชิ้น ซึ่งถือว่าเยอะเลยทีเดียว
แม่ครัวของรัฐไม่ตระหนี่แม้แต่น้อย พวกเขาสามารถตักอาหารได้ตามต้องการจริง ๆ
ฉีฟางเองก็ได้รับอาหารแล้ว หล่อนเพียงเหลือบมองหลินม่ายอย่างละอายใจก่อนจะเดินไปที่โต๊ะของโก่วเวินและไช่หานปิง
ไช่หานปิงกำลังนั่งกินหมูสามชั้นตุ๋น หล่อนหันมองฉีฟางแล้วถามว่า “หลินม่ายรังแกเธอเหรอ?”
ฉีฟางส่ายศีรษะตอบเสียงแผ่ว “ไม่… ไม่หรอก”
แต่ท่าทางของหล่อนบอกชัดเจนว่าตัวเองถูกหลินม่ายรังแก
จางชานนั่งอยู่ด้านหลัง เขากำลังกินหมั่นโถวและอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ
เวลานี้ผู้อำนวยการจูเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องอาหารกลางวัน
เมื่อเห็นโกวเวินและสาว ๆ คนอื่น เขารีบเดินเข้าหาก่อนจะถามออกไปด้วยท่าทางใจดีว่าอาหารที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง
สาว ๆ ทุกคนพยักหน้า “พวกเรากินได้ค่ะ อร่อยมาก!”
คำพูดนั้นดูธรรมดา แต่แฝงไปด้วยความหมาย “พวกเราจะไม่มีวันเดทกับลุงอย่างคุณ”
ผู้อำนวยการจูวางฝ่ามืออวบอ้วนไว้บนหัวไหล่ของไช่หานปิงผู้สวยที่สุดในกลุ่มคนทั้งสาม
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่าคิดว่าพวกเราเป็นแค่โรงงานวิทยุ แต่เราคือโรงงานวิทยุระดับประเทศ และเป็นหน่วยงานสำคัญของรัฐ เงินเดือนและสวัสดิการอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีทุนส่งไปศึกษาต่อต่างประเทศมากมายในแต่ละปี หากพวกคุณตั้งใจทำงานอาจจะได้ทุนไปเรียนต่อในต่างประเทศได้ สุดท้ายแล้วพวกคุณทั้งหมดก็เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิงหวา”
เด็กสาวหลายคนได้ยินอย่างนั้นก็พลันตื่นเต้นไปกับคำพูดของเขา
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไปไหนดีคะคุณแม๊ เงินโดนขโมยไปหมดแล้ว
อย่ามาหาเศษหาเลยกับม่ายจื่อนะตาเฒ่าหัวงู
ไหหม่า(海馬)