แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1029 คนขับรถบรรทุกเป็นผู้ต้องสงสัย
ตอนที่ 1029 คนขับรถบรรทุกเป็นผู้ต้องสงสัย
ตอนที่ 1029 คนขับรถบรรทุกเป็นผู้ต้องสงสัย
ขณะมีคนทุกข์ใจ ก็มีคนที่กำลังยินดีเช่นกัน
เจ้าหน้าที่สองคนที่รับผิดชอบคดีนี้กังวลจนไม่สามารถกินอาหารได้ แต่เจียงเทาผู้เป็นเจ้าของไป่หลี่เซียง “เชาห่าวชือ” กลับยิ้มออกมาด้วยความยินดี
วันนี้หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเจียงเฉิงรายงานข่าวเรื่องอื้อฉาวของไป่หลี่เซียงไป่หลี่เซียงที่อยู่ในเครือว่านทงกรุ๊ป เพราะการสืบสวนทั้งหมดเป็นไปอย่างล่าช้า เรื่องนี้จึงกลายเป็นข่าวฉาวของเมืองเจียงเฉิงทันที
นอกจากนี้ ข่าวอื้อฉาวของร้านไป่หลี่เซียงที่เพิ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ในวันพรุ่งนี้จะสร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คนได้อย่างล้นหลามแน่นอน
ร้านไป่หลี่เซียงจะได้รับความเสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้อีกครั้งแน่ และเมื่อถึงเวลานั้นทั้งเมืองเจียงเฉิง หรือแม้แต่ตลาดหลู่ไช่ทั้งหมดในประเทศก็จะตกเป็นของเขา
ยิ่งเจียงเทาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าใด เขายิ่งมีความสุขมากเท่านั้น เวลานี้เขาเหลือบมองกงฮั่นซงที่ยืนอยู่ตรงหน้า “นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เราจะหยุดใส่เปลือกผลฝิ่นลงในหลู่ไช่”
กงฮั่นซงถึงกับตกตะลึง “เป็นเพราะร้านไป่หลี่เซียงส่งเสริมการขายอย่างหนัก กระทั่งเชาห่าวชือของพวกเราใส่เปลือกผลฝิ่นแล้วก็ยังขายสู้ไป่หลี่เซียงไม่ได้ ตลาดของเราถูกทางนั้นพรากไปเสียมาก ตอนนี้ไป่หลี่เซียงเป็นข่าวอื้อฉาวครั้งยิ่งใหญ่แล้ว เราไม่ควรใช้ประโยชน์จากจังหวะนี้เพื่อช่วงชิงเอาตลาดคืนมาเหรอครับ? อีกอย่างถ้าเราต้องการยึดครองตลาดทั้งหมด ทำไมเราถึงไม่ใส่เปลือกผลฝิ่นลงไปอีก?”
กงฮั่นซงเองตระหนักดีถึงรสชาติหลู่ไช่ในร้านอาหารของตน
รสชาติของพวกเขาธรรมดามาก เรียกได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกับหลู่ไช่ในตลาดทั่วไป
อีกทั้งหลู่ไช่ในตลาดยังมีราคาถูกกว่าหลู่ไช่ของร้านเชาห่าวชือมากด้วย
แม้จะไม่นับว่าไป่หลี่เซียงเป็นคู่แข่งอีกต่อไป แต่ก็ยังมีแผงขายหลู่ไช่ในตลาดอยู่
หากร้านเชาห่าวชือไม่ใส่เปลือกผลฝิ่นลงไปในหลู่ไช่ พวกเขาไม่สามารถต่อสู้ได้แม้กระทั่งอาหารในตลาด สุดท้ายพวกเขาก็จะถึงคราวต้องจบสิ้น
นี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการยึดครองตลาด แต่เจ้านายกลับบอกให้เขาหยุดการใส่เปลือกผลฝิ่นลงไปงั้นเหรอ นี่เขาคิดมาดีแล้วหรือยัง?
เจียงเทาเหลือบมองกงฮั่นซงด้วยความเย็นชาก่อนจะคิดในใจ ชายผู้นี้เดินบนเส้นทางที่ถูกต้องมาตลอดหรือไร ทำไมเขาถึงไม่รู้อะไรเลยหลังจากทำงานมานานกว่าหนึ่งปี
มันแย่มากที่เขาไม่พัฒนาตัวเอง
แน่นอนว่าเมื่อไป่หลี่เซียงจบสิ้น หลังจากนั้นกิจการของเชาห่าวชือก็จะเจริญรุ่งเรือง เขาจะรับสมัครกลุ่มผู้มากพรสวรรค์และมีการศึกษามาทำงานให้กับตนเองอย่างแน่นอน
เจียงเทาขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดว่า “ฉันบอกแกหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำตัวกระโตกกระตากไป พวกเราคือนักธุรกิจ! ถึงตอนนี้จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการยึดครองตลาด แต่ก็เป็นช่วงที่อันตรายที่สุดด้วย เราลอบกัดไป่หลี่เซียง แล้วไม่คิดเหรอว่าหลินม่ายเจ้าของไป่หลี่เซียงจะไม่นึกถึงเรา? ถ้าหล่อนส่งคนมาแอบดูและเห็นว่าเราใช้เปลือกผลฝิ่นในหลู่ไช่และใช้เป็นหลักฐานฟ้องเราล่ะ? เราก็จบเห่เหมือนกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงบอกให้หยุดใช้มันก่อน ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ใช้มันอีก แค่รอจนกว่าเรื่องราวทุกอย่างจะจบลงเท่านั้น”
ทันใด กงฮั่นซงก็ตระหนักถึงความจริงได้ “อย่างนั้นผมจะไปที่ครัวกลางและเอาเปลือกผลฝิ่นออก ถ้าไป่หลี่เซียงรายงานต่อตำรวจว่ามีเปลือกผลฝิ่นอยู่ในครัวกลางของเรา ตำรวจคงจะต้องดำเนินการสอบปากคำพวกเราทั้งหมดแน่”
เจียงเทาโบกมือ “รีบไปซะ”
เหมาฉงที่ซ่อนอยู่ด้านนอกลอบฟังเจียงเทาและกงฮั่นซงพูดคุยกันอย่างลับ ๆ
วันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นทั้งหมดในเมืองอื่นต่างตีพิมพ์ข่าวว่าหน่วยงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของเมืองเจียงเฉิงเข้าตรวจสอบครัวกลางและไป่หลี่เซียงทั้งประเทศ
และไม่พบเปลือกผลฝิ่นที่ไป่หลี่เซียงหรือครัวกลางเลย
ในตอนท้ายของข่าวเขียนไว้เพียงว่าพบเปลือกผลฝิ่นในไป่หลี่เซียงสองแห่งภายในเมืองเจียงเฉิงเท่านั้น และสำหรับในเมืองอื่นกลับไม่พบสิ่งใด
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว นี่อาจจะเป็นการใส่ร้ายจากคู่แข่งทางธุรกิจหรือไม่?
หลินม่ายโล่งใจเมื่อเห็นรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ในเมืองอื่น ๆ เวลานี้เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับไป่หลี่เซียงในเมืองเจียงเฉิง แม้สถานการณ์ดังกล่าวจะกระทบเพียงสองสาขา แต่กว่าความจริงจะเปิดเผย ยอดขายคงจะลดลงอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นจะต้องตัดผลกระทบด้านลบของไป่หลี่เซียงออกไปให้มากที่สุด
นี่คือเหตุผลที่หลินม่ายขอให้อุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ในเมืองอื่นเข้าตรวจสอบไป่หลี่เซียงทั้งหมดในประเทศทันที
เธอต้องการให้ตำรวจท้องที่ และเจ้าหน้าที่หลักยืนยันว่าไป่หลี่เซียงบริสุทธิ์
เจิ้งซวี่ตงและแผนกประชาสัมพันธ์ทำหน้าที่ในคราวนี้ได้อย่างดี
ไม่เพียงแต่จะพิสูจน์ว่าไป่หลี่เซียงไม่มีปัญหาในเมืองอื่น แต่ยังพุ่งเป้าไปได้ว่าพวกเขาถูกคู่แข่งใส่ร้าย
เมื่อความจริงเปิดเผย คู่แข่งที่ใส่ร้ายไป่หลี่เซียงจะต้องประสบกับความพังพินาศ
ภายในสถานีตำรวจ นักสืบสวนสองคนที่รับผิดชอบเกี่ยวกับคดียาเสพติดในไป่หลี่เซียงก็เริ่มออกไปทำคดีอีกครั้ง
เวลานี้แผนกต้อนรับด้านนอกพาชายอายุสามสิบปีเข้ามาพบพวกเขา และบอกกล่าวว่าชายคนนี้มีเรื่องจะรายงาน
เมื่อวานนี้ตำรวจที่รับผิดชอบในการเข้าตรวจสอบไป่หลี่เซียงทั้งหมดจดจำชายคนนี้ได้ในพริบตา เขาคือหัวหน้าผู้ดูแลของไป่หลี่เซียงบนถนนไป๋ฮวา
เขาจึงบอกให้หัวหน้างานนั่งลงอย่างกระตือรือร้นพร้อมถามว่ามีอะไรต้องการจะรายงานเพิ่มเติม
หัวหน้างานลังเลเล็กน้อย แต่ก็กล่าวออกมาด้วยความประหม่า “ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมจะพูดออกไปจะเป็นประโยชน์กับคดีนี้ไหม แต่ผมรู้สึกไม่สบายใจถ้าไม่พูดมันออกไป”
“เอาล่ะ พูดมาเถอะครับ” ตำรวจสืบสวนกล่าวพร้อมรินน้ำให้เขาหนึ่งแก้ว
หัวหน้างานจิบน้ำเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์
เมื่อสองวันก่อน เป็นเวรของเขาที่จะต้องเข้าทำงานกะเช้า และรับผิดชอบการรับสินค้า
รถบรรทุกมาถึงสถานที่ตรงเวลา และวันนั้นเขาเป็นคนเปิดประตูรถบรรทุกด้วยตัวเอง ก่อนจะให้พนักงานช่วยกันขนย้ายสินค้า
เนื่องจากธุรกิจกำลังไปได้ดีในเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และมีสินค้าต้องยกเข้าร้านจำนวนมาก สักพักเขาก็เหงื่อออก
เขาเลยถอดเสื้อแจ็กเก็ตที่มีกุญแจประตูรถบรรทุกในกระเป๋าออก แล้วเริ่มช่วยขนย้ายอีกครั้ง
นี่เป็นเรื่องปกติในคราวแรก แต่หลังจากถูกตำรวจสืบสวนไปมา เขายิ่งรู้สึกไม่สบายใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
บังเอิญวันนั้นคนขับรถบรรทุกต้องสงสัยเป็นผู้มาส่งสินค้าในวันนั้นเช่นกัน
ทันทีที่เขาถอดเสื้อแจ็กเก็ตออก เขาวางมันไว้บนต้นไม้แคระทางเข้าร้าน
หลังจากขนย้ายเสร็จแล้ว เขากลับไปเอาเสื้อแจ็กเก็ตตัวนั้น และเห็นว่าคนขับรถบรรทุกกำลังป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณเสื้อของเขา
เขานอนพลิกไปพลิกมาทั้งคืน จนกระทั่งตัดสินใจว่าจะมาบอกกล่าวเรื่องเหล่านี้ต่อตำรวจ
หลังจากหัวหน้างานพูดจบแล้ว เขายิ้มแห้งก่อนจะพูดต่อว่า “ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมเล่ามันจะเป็นประโยชน์บ้างไหม”
ตำรวจทั้งสองคนรีบตอบรับอย่างกระตือรือร้น “แน่นอน มันมีประโยชน์มาก!”
คนขับรถบรรทุกถูกเรียกมาสอบปากคำอีกครั้งทันที
ประโยคแรกที่ตำรวจถามคือ “เมื่อสองวันก่อน คุณเป็นคนไปส่งสินค้าที่ไป่หลี่เซียงบนถนนไป๋ฮวาใช่ไหม?”
ทันทีที่คนขับรถบรรทุกได้ยินคำว่าไป่หลี่เซียงบนถนนไป๋ฮวา แววตาของเขาเผยความกังวลทันที
แม้จะผ่อนคลายอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายตำรวจทั้งสองก็มากด้วยประสบการณ์ พวกเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้นชัดเจนแล้ว
คนขับรถบรรทุกพยักหน้า “ครับ ผมเอง”
ตำรวจจงใจโกหกเขา “หัวหน้างานและพนักงานหลายคนของไป่หลี่เซียงบนถนนไป๋ฮวาบอกว่าเห็นคุณหยิบกุญแจเปิดหลังรถบรรทุกออกจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตของหัวหน้างาน ทำไมคุณต้องขโมยกุญแจไปด้วย?”
คนขับรถบรรทุกร้องลั่น “ผมไม่ได้เอาไป!”
“ไม่ได้เอาไปเหรอ? แต่มีคนเห็นหลายคนเลยนะ”
“พวกเขาใส่ร้ายผม”
ตำรวจพูดต่อว่า “อย่าคิดที่จะปิดบังพวกเราเลย ตอนนี้เรากำลังให้โอกาสคุณในการยอมรับ อย่าละทิ้งมัน ตราบใดที่พวกเราถ่ายรูปของคุณและไปหานักทำกุญแจทุกคนในเจียงเฉิง ไม่นานเราจะได้รับหลักฐานว่าคุณเป็นคนเอากุญแจรถบรรทุกไป เมื่อถึงเวลานั้นคุณจะไม่มีโอกาสได้สารภาพและไม่ได้รับการลดหย่อนโทษ แน่นอนว่ากฎหมายในเรื่องนี้ค่อนข้างรุนแรง”
คนขับรถบรรทุกรับฟังเงียบ ๆ เขานิ่งไปเนิ่นนานก่อนจะสารภาพว่าเขาเป็นคนขโมยกุญแจไปจริง ๆ ก่อนนำไปอัดแบบบนดินน้ำมัน แล้วนำไปให้ช่างทำกุญแจสร้างกุญแจขึ้นมาอีกดอกหนึ่ง
และด้วยกุญแจนี้ก็ทำให้เขาสามารถจัดการกระบวนการระหว่างขนส่งได้ เป็นผลให้เปลือกผลฝิ่นปรากฏในไป่หลี่เซียงทั้งสองแห่ง
ตำรวจเริ่มถามถึงแรงจูงใจในการลงมือ
คนขับรถบรรทุกบอกว่าเพราะเขาถูกหัวหน้างานตำหนิบ่อยครั้ง และก่อเกิดเป็นความแค้น จึงคิดใส่ร้ายไป่หลี่เซียง
แต่ข้อแก้ตัวนี้กลับฟังไม่ขึ้น
บุคคลที่คนขับรถบรรทุกเกลียดคือหัวหน้างาน แต่สิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้ไม่มีผลกระทบต่อหัวหน้างานแม้แต่น้อย
ตำรวจเปลี่ยนคำถามก่อนจะถามเขาว่าไปหาเปลือกผลฝิ่นมาจากไหน
คนขับรถบรรทุกบอกกล่าวว่าเขาซื้อมาจากตลาดมืด
ตำรวจถามต่อว่าตลาดมืดที่ไหน? และคนขายเปลือกผลฝิ่นให้มีหน้าตาอย่างไร?
คนขับรถบรรทุกหลบเลี่ยงได้เก่งกาจ เขาเพียงบอกว่าร้านอยู่ใต้สถานีรถไฟฮั่นโข่ว เป็นชายสวมหน้ากาก และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีหน้าตาอย่างไร
แต่แน่นอนว่าตำรวจเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์อ่อนด้อย พูดกับคนขับรถบรรทุกว่า เป็นเพราะเขารับสารภาพว่าใส่ร้ายไป่หลี่เซียงแต่เพียงผู้เดียว เช่นนั้นเขาจะต้องรับผิดชอบต่อความผิดทางอาญาและแพ่งทั้งหมด
การจำคุกนั้นยาวนานเพียงแค่สองปี
สองปีไม่ยากอาจจะอดทนให้ผ่านพ้นไป
แต่ค่าชดเชยทางแพ่งอาจจะทำให้เขาต้องกลายเป็นบุคคลล้มละลาย
ท้ายที่สุดแล้ว พฤติกรรมทางอาญานี้ทำให้ไป่หลี่เซียงเสียหายอย่างหนัก และอีกฝ่ายต้องการเรียกร้องค่าเสียหาย 500,000 หยวน
เมื่อได้ยินอย่างนั้น คนขับรถบรรทุกถึงกับหลั่งเหงื่อเย็น
เขากลัวติดคุก็จริง แต่กลัวที่จะกลายเป็นบุคคลล้มละลายยิ่งกว่า
เขาถูกติดสินบนก็เพราะเงินไม่ใช่เหรอ?
สุดท้ายแล้วคนขับรถบรรทุกก็สารภาพว่ามีคนจ่ายเงินเพื่อให้เขาลงมือเช่นนี้
เพียงแต่ว่าคนผู้นั้นสวมใส่แว่นดำขนาดใหญ่ในทุกครั้งที่ได้พบกัน ดังนั้นจึงไม่เคยเห็นเลยว่าคนร้ายหน้าตาเป็นอย่างไร
คดีนี้พบเจอทางตันอีกครั้ง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ยังไม่ตันเสียทีเดียวนะคะ มือขวาม่ายจื่อน่าจะอัดบทสนทนาของตัวการใหญ่ไว้แล้วล่ะ
ไหหม่า(海馬)