แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1028 ขึ้นพาดหัวข่าวอีกครั้ง
ตอนที่ 1028 ขึ้นพาดหัวข่าวอีกครั้ง
ตอนที่ 1028 ขึ้นพาดหัวข่าวอีกครั้ง
ทั้งครอบครัวจะกลับเข้าเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้
หลินม่ายจึงจัดกระเป๋าเดินทางของเสี่ยวมู่ตงในตอนเย็น ก่อนพบว่ายาระบายในกระเป๋าหายไป
แม้เสี่ยวมู่ตงจะไม่ค่อยท้องผูก แต่ยาระบายก็ยังจำเป็นมาก มีติดไว้ย่อมอุ่นใจกว่า
แต่ทำไมยาระบายทั้งหมดถึงหายไปได้?
ทันใดนั้นหลินม่ายก็จำได้ว่าในมื้อเย็นคืนวันส่งท้ายปีเก่า ฮ่าวเฟยมีอาการท้องเสียหลายครั้ง
ลุงรองอย่างฟางเว่ยหมินยังบ่นว่าเป็นเพราะฮ่าวเฟยเอาแต่กินจุบกินจิบ จึงทำให้เขาท้องเสีย
ฮ่าวเฟยอายุแปดถึงเก้าขวบ มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี การท้องเสียเพียงสองสามครั้งไม่ทำให้เขาป่วยหนัก เช่นนี้จึงไม่มีใครสนใจเรื่องนี้นัก
หากไตร่ตรองให้ดีแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าโต้วโต้วจะเป็นคนขโมยยาระบายทั้งหมดไป?
เธอจำได้ว่าโต้วโต้วเทน้ำแก้วหนึ่งเพื่อเอาใจฟางถิง แต่ฟางถิงไม่ได้ดื่มมัน
ด้วยความเจ้าคิดเจ้าแค้นของโต้วโต้วแล้ว น้ำในแก้วนั้นจะต้องมีสิ่งผิดปกติปนอยู่แน่นอน
หากในน้ำแก้วนั้นมียาระบาย และฟางถิงไม่ได้ดื่มแต่เป็นฮ่าวเฟยที่ดื่มแทน ทุกอย่างก็สามารถไขข้อกระจ่างได้ทันที
หลินม่ายอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
เมื่อถึงเวลาเข้านอน เธอก็บอกกับฟางจั๋วหรานถึงสิ่งที่คาดเดา
อีกทั้งยังสงสัยด้วยว่าที่เถาจืออวิ๋นลื่นล้มระหว่างมื้อเย็นครั้งนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการจงใจของโต้วโต้ว
โต้วโต้วอยู่ใกล้กับเถาจืออวิ๋นมากที่สุด และเป็นเรื่องง่ายที่หล่อนจะทำเรื่องเลวร้ายพวกนั้น
หลินม่ายถามฟางจั๋วหราน “คุณคิดว่าฉันเดาถูกไหม?”
“ก็เป็นไปได้”
“หมายความว่ายังไงคะที่ว่าเป็นไปได้?”
“มันอาจจะคาดเดาได้ในทางทฤษฎี แต่ว่าความจริงเราไม่มีหลักฐาน”
“อื้ม คุณพูดถูก”
เวลานี้โต้วโต้วกำลังมองแม่ น้องชายทั้งสอง และลูกพี่ลูกน้องที่หล่อนเกลียดมีอาการท้องเสียฉับพลันหลังกินซุปกระเพาะหมูที่หล่อนแอบใส่ยาระบายลงไป ในใจของหล่อนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เพราะไม่รู้ว่าหลินม่ายรวบรวมหลักฐานไว้มากมายขนาดนั้น หลังกลับมาจากงานแถลงข่าว หรงจี้เหมยก็ทุบตีหล่อนอย่างไร้เหตุผล ด่าทอว่าทำไมหล่อนถึงไม่รู้ว่าหลินม่ายบันทึกหลักฐานไว้มากมายขนาดนี้ เป็นเด็กที่โง่เง่าสิ้นดี
วันนี้หรงจี้เหมยสั่งให้โต้วโต้วทำอาหาร แต่ไม่ได้คิดจะให้หล่อนกินด้วย
หล่อนจึงแอบเติมยาระบายลงในซุปเหล่านี้ เพื่อให้แม่และคนอื่น ๆ ทุกข์ทรมานหลังจากดื่มกิน เพราะมันไม่ยุติธรรมที่หล่อนจะต้องถูกทุบตีอย่างไร้เหตุผลฝ่ายเดียว
วันรุ่งขึ้น ครอบครัวสามคนของหลินม่ายก็ตื่นขึ้นหลังหลับสนิททั้งคืน เมื่อรับประทานมื้อเช้าแล้ว พวกเขาก็มาถึงสนามบิน และพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ก็ทำให้ฝีเท้าของพวกเขาหยุดชะงักลง
คราวนี้ไม่ใช่ตัวหลินม่ายที่ได้ขึ้นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง แต่เป็นร้านหลู่ไช่ไป่หลี่เซียงของเธอต่างหาก
พาดหัวข่าวมีเนื้อความว่า : มวลชนร้องเรียนอื้อ กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ตรวจสอบวุ่นข้ามคืน ร้านหลู่ไช่ชื่อดังพัวพันยาเสพติด
เนื้อหาของข่าวกล่าวถึงร้านหลู่ไช่ไป่หลี่เซียงของหลินม่ายโดยตรง
โดยบอกว่าพบเปลือกผลฝิ่นในหลู่ไช่ของร้านทั้งสองแห่งของเธอ
แม้เปลือกผลฝิ่นจะไม่ใช่ยาเสพติด แต่โดยพื้นฐานแล้วในยุคนี้ไม่มียาเสพติดเลย โดยเฉพาะเมืองที่อยู่ห่างไกลมหานครใหญ่
ร้านหลู่ไช่ไป่หลี่เซียงทั้งสองแห่งของหลินม่ายมีเปลือกผลฝิ่นปะปนในอาหาร ซึ่งทำให้ตำรวจสงสัยว่าร้านไป่หลี่เซียงมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แล้วจะมีเปลือกผลฝิ่นปรากฏได้อย่างไร?
เปลือกผลฝิ่นไม่มีขายตามท้องตลาด และเพราะมันเป็นยาแผนจีน มันจึงถูกควบคุมอย่างเคร่งครัด
หากต้องการซื้อเปลือกผลฝิ่นเหล่านี้ จะต้องซื้อจากกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเท่านั้น
แม้ร้านไป่หลี่เซียงจะไม่ได้ค้ายาเสพติด แต่ร้านเหล่านั้นก็มีแนวโน้มที่จะเกี่ยวพันกับยาเสพติด
ฟางจั๋วหรานกล่าวเคร่งขรึม “ใครกันที่อยากจะล้มร้านไป่หลี่เซียงของคุณ?”
ในใจของหลินม่ายเผยบัญชีดำขึ้นมาหนึ่งคน
เธอนึกย้อนไปถึงวันปีใหม่ ซึ่งวันนั้นเธอคิดจะจัดการกับชายคนนั้นหลังเทศกาลปีใหม่ผ่านพ้น แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะชิงลงมือทำร้ายเธอก่อน
หลินม่ายตอบ “ฉันก็ไม่รู้ค่ะ เอาล่ะ วันนี้ฉันยังกลับไม่ได้ คุณพาเสี่ยวตงตงกลับเมืองหลวงก่อนแล้วกัน หลังจากฉันจัดการธุระเสร็จแล้วฉันจะตามไป”
ฟางจั๋วหรานไม่โต้แย้งก่อนจะลูบศีรษะเธอเบา ๆ แล้วพาลูกชายเดินเข้าด่านตรวจรักษาความปลอดภัย
เด็กน้อยน่ารักหันกลับมาร้องตะโกน “แม่ รีบกลับมานะ!”
หลินม่ายตะโกนตอบ “จ้ะ!”
หลังออกจากสนามบิน โทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินม่ายก็ดังขึ้น
หลินม่ายหยิบขึ้นมารับสาย เป็นเสิ่นเสี่ยวผิงโทรเข้ามา “คุณหลิน ฉันโทรหาตั้งหลายสิบสายแต่ทำไมไม่รับเลยล่ะคะ?”
เสิ่นเสี่ยวผิงพูดต่อด้วยความกังวล “ร้านไป่หลี่เซียงของเราทั้งสองแห่งถูกตรวจพบว่ามีเปลือกผลฝิ่นในหลู่ไช่น่ะค่ะ”
“ฉันรู้เรื่องนี้แล้ว เรียกหัวหน้าแผนกเจิ้งเข้าพบด่วนเลย ให้เขาและแผนกประชาสัมพันธ์แจ้งฝ่ายรักษาความปลอดภัย และอุตสาหกรรมพาณิชย์ในเมืองอื่น ๆ ทั้งหมดที่อยู่ในเครือของไป่หลี่เซียงทั้งหมด เพื่อร่วมกันตรวจสอบอาหารในร้าน จำไว้ว่าอย่าเปิดเผยข้อมูลและต้องจัดการทุกอย่างให้รวดเร็วที่สุด”
แม้เสิ่นเสี่ยวผิงจะสับสนไม่น้อย แต่นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในร้านไป่หลี่เซียงของเมืองเจียงเฉิง ทำไมหลินม่ายต้องบอกกล่าวให้ตรวจสอบร้านไป่หลี่เซียงในเมืองอื่น ๆ ด้วยล่ะ?
แต่หล่อนเป็นเลขาที่ดี และปฏิบัติตามคำสั่งของหลินม่ายอย่างมั่นคงเคร่งครัดเสมอมา
หลินม่ายขับรถเข้าสำนักงานใหญ่
ทันทีที่เจิ้งซวี่ตงได้พบเธอ เขาก็บอกกล่าวว่าทำงานทั้งหมดที่เสิ่นเสี่ยวผิงบอกกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว
หลินม่ายพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน และให้เจิ้งซวี่ตงและผู้จัดการทั้งหมดของเครือหลู่ไช่ไป่หลี่เซียงเข้าประชุมทันที
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลินม่ายเดินเข้ามาในห้องประชุม
เธอหันมองรอบ ๆ แล้วถามว่า “ทุกคนมาครบแล้วหรือยัง?”
ผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลร้านในเครือไป่หลี่เซียงตอบว่า “ผู้จัดการจ้าวและผู้จัดการหวังไม่อยู่ครับ พวกเขาถูกตำรวจพาตัวไป”
เขาอธิบายต่อว่า “พวกเขาสองคนเป็นผู้จัดการร้านทั้งสองแห่งที่กำลังเป็นข่าวน่ะครับ”
หลินม่ายพยักหน้า “นอกเหนือจากผู้จัดการสองคนที่ถูกพาตัวไปแล้ว มีพนักงานคนไหนที่ถูกพาตัวไปอีกบ้าง?”
“พนักงานร้านทั้งสองร้านที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ครับ” ผู้บริหารตอบกลับมาว่า “ทั้งสองร้านจะไม่สามารถดำเนินกิจการต่อได้จนกว่าคดีจะคลี่คลาย ผมติดประกาศไว้ที่ประตูร้านทั้งสองแห่งแล้วว่าเราจะไม่เปิดร้านจนกว่าข้อกังขาทั้งหมดจะถูกไขกระจ่าง”
หลินม่ายพยักหน้ารับ “ดีมาก ประกาศของคุณทำให้ผู้บริโภครู้ว่าพวกเราถูกใส่ร้าย แล้วคุณจัดการกับครอบครัวของพนักงานที่ถูกจับกุมหรือยัง? บอกพวกเขาว่าไม่ต้องกังวล เราจะแสวงหาความยุติธรรมให้พวกเขาแน่นอน”
“สมาชิกในครอบครัวของพนักงานก็ถูกพาตัวไปด้วยเหมือนกันครับ พวกเขาบอกว่าจะให้ความร่วมมือในการสอบสวนทุกกระบวนการ”
“หลังสอบสวนเสร็จแล้วส่งคนไปที่สถานีตำรวจและปลอบโยนพวกเขาต่อหน้าเจ้าหน้าที่ก็ได้”
ผู้บริหารพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้วครับ”
หลินม่ายถามถึงว่าทำไมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและหน่วยงานอุตสาหกรรมพาณิชย์ถึงรู้ว่าร้านไป่หลี่เซียงทั้งสองสาขามีเปลือกผลฝิ่นปะปนในอาหาร
เธอเน้นย้ำว่าขั้นตอนทุกอย่างจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด นับตั้งแต่การรับอาหารของพนักงานร้านค้าที่มารับสินค้าในตอนเช้า
เพราะหลู่ไช่ทั้งหมดในร้านไป่หลี่เซียงใช้รูปแบบ “ครัวกลาง”
ที่เรียกว่าครัวกลางก็เพราะว่าอาหารทั้งหมดจะถูกปรุงที่โรงงาน และจะมีรถบรรทุกส่งอาหารไปยังร้านในเครือต่าง ๆ ทุกสิบโมงเช้าของทุกวัน และพนักงานที่ทำงานกะเช้าในร้านอาหารจะมีหน้าที่รับผิดชอบการรับส่งอาหาร
ผู้บริหารระดับสูงตอบกลับ “ผมคิดว่าไม่มีปัญหาจากครัวกลาง ผมถามคนดูแลครัวกลางแล้ว พวกเขาบอกว่าทุกคนเข้มงวดในการรับผิดชอบมาก พ่อครัวที่รับผิดชอบสูตรและดูแลส่วนผสมของอาหารที่นำเข้ามา พวกเราตรวจสอบทุกอย่างที่ปรุงลงในน้ำซุปแล้ว และหลังจากอาหารออกจากโรงงาน จะต้องผ่านการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดอีกครั้งก่อนจะนำขึ้นรถบรรทุก เพื่อป้องกันไม่ให้คนขับก่อปัญหาระหว่างการขนส่ง ผู้รับผิดชอบจะล็อกสินค้าเป็นการส่วนตัวหลังจากโหลดสินค้าเรียบร้อย คนขับไม่มีกุญแจ และจะไม่สามารถเปิดประตูห้องเก็บอาหาร หรือยุ่งเกี่ยวกับหลู่ไช่ระหว่างขนส่งได้เลย เพราะอย่างนี้จึงสามารถตัดคนขับรถบรรทุกออกไปได้ ในการขนส่งสินค้าไม่ควรมีปัญหา และเมื่อมาถึงร้าน ผู้จัดการหรือผู้รับผิดชอบจะเปิดประตูห้องเก็บอาหาร และควบคุมพนักงานเข้ากะในวันนั้นขนย้ายสินค้า ร้านค้าแต่ละแห่งมีกุญแจประตูห้องเก็บของที่ละหนึ่งดอก ซึ่งผู้จัดการร้านและหัวหน้างานจะผลัดกันเก็บไว้สำหรับทำงานในกะเช้า ระหว่างขั้นตอนนี้ หลู่ไช่ยังไม่มีปัญหา มีความเป็นไปได้ว่าหลังจากหลู่ไช่ทั้งหมดเข้าสู่ร้านค้า จะมีคนแอบใส่เปลือกผลฝิ่นลงไปในอาหาร ผู้จัดการและหัวหน้างานในวันนั้นสามารถกระทำการเหล่านี้ได้ แต่ผมเองก็ประเมินผู้จัดการร้านและหัวหน้างานเป็นการส่วนตัว พวกเขามีทัศคติดีที่ค่อนข้างดีมาก นอกจากนี้เงินเดือนของพวกเขาสูงมากและยังมีสัญญาระยะยาวกับบริษัท พวกเขาย่อมไม่ทำเรื่องโง่ ๆ ที่จะทำลายอนาคตตัวเองแน่นอน ความเป็นไปได้อย่างเดียวในตอนนี้คือพนักงานคนไหนเป็นคนทำ”
หลินม่ายครุ่นคิดสักครู๋ก่อนจะพูดว่า “โทรหาตำรวจแล้วบอกให้เขาพาคนขับรถบรรทุกไปสอบปากคำ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
ผู้บริหารถึงกับสับสน “คนขับรถบรรทุกไม่มีกุญแจ แล้วเขาจะก่อเรื่องพวกนี้ได้ยังไงล่ะครับ?”
“แล้วถ้าเขามีกุญแจอย่างลับ ๆ ล่ะ? มันไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยซะทีเดียว ต่อให้เป็นความสงสัยเพียงเล็กน้อยก็ไม่สามารถปล่อยไปได้”
หลังจากได้รับแจ้งจากผู้บริหารแล้ว ตำรวจบุกบ้านคนขับรถบรรทุกทันที และขอให้เขาไปที่โรงพักเพื่อสอบสวนเรื่องราว
ตำรวจจัดนักสืบสวนเป็นทหารผ่านศึกสองคนดูแลคดีนี้โดยเฉพาะ
นักสืบสวนผู้มีประสบการณ์คนหนึ่งเห็นแล้วว่าคนขับรถบรรทุกทำตัวสงบนิ่ง แต่ในแววตาก็ยังเผยความตื่นตระหนกออกมาชั่วครู่
แต่เมื่อมาถึงโรงพักแล้ว คนขับรถบรรทุกกลับคืนสู่อารมณ์สงบอีกครั้ง
แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองจะสอบปากคำอย่างหนัก แต่เขาเพิกเฉยต่อทุกข้อหา และบ่นว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
เจ้าหน้าที่ทั้งสองร่วมมือกันสอบสวนคนขับรถบรรทุก และพยายามอย่างหนักเพื่อให้เขาให้ความร่วมมือ
คนหนึ่งสอบปากคำภรรยาของคนรับรถบรรทุกและคาดหวังว่าหล่อนจะหลุดปากพูดอะไรบ้าง
อีกคนหนึ่งไปตรวจสอบรายรับรายจ่ายในบัญชีธนาคารของคนขับรถบรรทุกและภรรยาเพื่อดูว่าตัวเลขมีความคาดเคลื่อนจากปกติมากหรือไม่
หากคนขับรถบรรทุกได้รับสินบนเพื่อใส่ร้ายนายจ้าง เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ติดสินบนจะไม่จ่ายเงินก้อนใหญ่ให้กับเขา
ขั้นตอนต่อไปคือการสอบสวนผู้จัดการร้านและหัวหน้าคนงานในร้านหลู่ไช่ของเจียงเฉิง เพื่อดูว่าใครเป็นคนมอบกุญแจให้กับคนขับรถบรรทุก
นักสืบทั้งสองวิ่งไปมาจนถึงสี่ทุ่ม และกลับมาที่สถานีตำรวจด้วยมือเปล่า พวกเขาไม่ได้รับข้อมูลใดที่เป้นประโยชน์เลย
พนักงานสืบสวนที่สอบปากคำภรรยาคนขับรถบรรทุกก็ไม่ได้รับความคืบหน้าใด
และคนขับรถบรรทุกกับภรรยาไม่มีความผิดปกติทางบัญชีธนาคาร ผู้จัดการ และหัวหน้างานทุกคนให้ปากคำโดยบอกว่าพวกเขาไม่เคยมอบกุญแจให้กับใคร และทุกคนเองก็รู้ดีถึงความสำคัญของกุญแจนั้น
นักสืบสวนทั้งสองคนยิ่งกังวล
พวกเขาสัมผัสได้ว่าคนขับรถบรรทุกเป็นผู้สร้างปัญหา แต่ก็ยังไม่พบหลักฐานชี้ชัด
ทันทีที่ครบ 48 ชั่วโมง ทางเลือกเดียวในตอนนี้คือปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด และเมื่อถึงเวลานั้นการสืบหาหลักฐานก็จะยิ่งยากมากขึ้นไปอีก
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เป็นเรื่องใหญ่อีกแล้ว ม่ายจื่อไม่ได้พักเลยมั้งเนี่ย
ไหหม่า(海馬)