แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1025 แถลงข่าวต่อหน้าสื่อ
ตอนที่ 1025 แถลงข่าวต่อหน้าสื่อ
ตอนที่ 1025 แถลงข่าวต่อหน้าสื่อ
โต้วโต้วเหลือบมองหรงจี้เหมย เมื่อเห็นอีกฝ่ายถลึงตาใส่ หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านอยู่ในใจ
หล่อนรู้ดีว่าหากไม่ทำตามที่หรงจี้เหมยพูด หล่อนจะไม่ได้พบเจอเรื่องดี ๆ หลังจากกลับไปถึงบ้านแล้วแน่นอน
หล่อนกำมุมชายเสื้อตัวเองแน่นก่อนจะพยักหน้ารับเล็กน้อย
ใบหน้าของหรงจี้เหมยผ่อนคลายลง แต่ไม่รู้เลยว่าฉากที่หล่อนถลึงตาใส่โต้วโต้วเมื่อครู่อยู่ในสายตาของหลินม่ายแล้ว
นักข่าวหันมาเหยียดหยามหลินม่ายก่อนจะบอกกล่าวให้เธออธิบายเรื่องราวทั้งหมดด้วยสีหน้าท่าทางเกรี้ยวกราด
หลินม่ายหันหน้าพูดคุยกับพวกเขาอย่างใจเย็น “บ่ายสามโมง ฉันจะจัดงานแถลงข่าวที่สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นมณฑลหู พวกคุณกลับไปรอสัมภาษณ์ที่นั่นได้เลยค่ะ”
จากนั้นเธอก็หันมองหรงจี้เหมยและโต้วโต้วก่อนจะพูดว่า “และจำเป็นให้พวกหล่อนสองคนนั้นไปด้วย ไม่อย่างนั้นงานแถลงข่าวนี้จะไม่เกิดขึ้น”
โต้วโต้วเหลือบมองหรงจี้เหมยด้วยความหวาดกลัว แต่อีกฝ่ายกลับสงบมาก
นักข่าวพูดคุยกันขณะแยกย้ายกันออกไป และยังคงด่าทอหลินม่ายไม่หยุดว่าน่ารังเกียจ อีกทั้งยังบอกกล่าวว่าจะรอดูหลินม่ายแก้ตัวในงานแถลงข่าววันนี้ด้วย
ส่วนหลินม่ายไม่คิดสนใจพวกเขา
หลังจากเข้ามาในบ้าน เสี่ยวมู่ตงก็ถามด้วยความไม่เข้าใจ “แม่ ทำไมคนพวกนั้นถึงใจร้ายจังครับ”
หลินม่ายลูบศีรษะน้อย ๆ ของเขาก่อนจะพูดว่า “พวกเขาใจร้ายก็จริง แต่เราต้องจัดการกับพวกเขาอย่างมีสติ ไม่มีอะไรต้องกลัวจ้ะ”
พวกเขาทำอาหารกลางวันกินในครอบครัวอย่างง่าย ๆ และเมื่อถึงเวลาบ่ายสาม ทั้งหมดก็นั่งรถไปที่สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นมณฑลหูด้วยท่าทางผ่อนคลาย
สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นมณฑลหูยิ่งตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าหลินม่ายจะมาจัดงานแถลงข่าวที่นี่ งานแถลงข่าวไขข้อสงสัยเกี่ยวกับลูกสาวบุญธรรมของเธอจะต้องเรียกกระแสรับชมได้ล้นหลามแน่นอน
พวกเขาพยายามติดต่อหลินม่าย และหลังจากได้รับการยืนยันแล้ว ทุกคนก็จัดเตรียมสถานที่ทันที
เมื่อทุกอย่างพร้อม นักข่าวทั้งหลายก็แห่กันเข้ามาจับจองพื้นที่
ทุกคนรอคอยการมาถึงของหลินม่ายอย่างอดทน และเมื่อถึงเวลา 14.50 นาฬิกา หลินม่ายก็ยังไม่ปรากฏตัว
นักข่าวเริ่มนั่งไม่ติดและสงสัยว่าหลินม่ายเพียงพูดไปอย่างนั้น แต่ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้าสื่อหรือไม่?
แม้แต่ผู้อำนวยการสถานีก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
ถ้าหลินม่ายไม่มา เขาจะอธิบายเรื่องนี้ต่อผู้บังคับบัญชาอย่างไร?
ทันทีที่เขาหยิบโทรศัพท์และคิดโทรหาหลินม่าย ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งเข้ามาบอกกล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า รถของหลินม่ายเข้ามาจอดที่สถานีแล้ว
ไม่กี่นาทีต่อมา ครอบครัวสามคนของหลินม่ายก็ปรากฏตัวต่อหน้าผู้อำนวยการสถานี หัวใจของเขากลับมาอยู่ที่เดิม และเวลานี้หลินม่ายก้าวขึ้นไปบนแท่นหน้ากล้อง
หลินม่ายมองดูเวลา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เหลือเวลาอีกไม่กี่นาที เราจะเริ่มแถลงตอนบ่ายสามโมงตรง”
ผู้กำกับอยากจะบอกว่าพวกเขาพร้อมจะอัดรายการแล้ว ดังนั้นมันไม่สำคัญหรอกหากจะเริ่มก่อนสักสองสามนาที
แต่ถ้าเธอไม่ปรากฏตัว นักข่าวพวกนั้นจะกลายเป็นแร้งรุมทึ้งแน่นอน
แต่เห็นชัดว่าหลินม่ายไม่ต้องการพูดคุยกับพวกเขา เขาจึงไม่กล้าจะพูดอะไรนัก
เพราะเกรงว่าการยั่วยุหลินม่ายจะทำให้เธอลุกออกไปจากที่นี่ทันที
เมื่อถึงเวลาบ่ายสาม หลินม่ายก็นั่งอยู่หน้ากล้องด้วยท่าทางสงบนิ่ง
นักข่าวในฝูงชนเงียบ และยกมือขึ้นเพื่อเริ่มถาม
หลินม่ายเปิดปากถาม “โต้วโต้วกับแม่ของหล่อนอยู่ที่ไหนคะ? ถ้าพวกหล่อนไม่อยู่ ฉันจะไม่แถลงข่าวในวันนี้!”
นักข่าวคนหนึ่งยืนขึ้นก่อนจะพูดว่า “ถ้าไม่แถลงข่าวแล้วคุณจะชี้แจงความจริงเรื่องนี้ยังไง? ไม่กลัวว่าบริษัทของคุณจะพังทลายเพราะชื่อเสียงเลวร้ายของคุณเหรอ?”
หลินม่ายยกยิ้มเย็นชา “เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นแน่นอนค่ะ เพราะฉันจะขายบริษัททิ้ง และออกมาใช้ชีวิตเป็นเศรษฐีนีผู้ร่ำรวย”
นักข่าวถึงกับพูดไม่ออก คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลินม่ายจะไม่สนใจว่าบริษัทจะเป็นอย่างไร เธอเพียงแค่ละทิ้ง ลาออก ทุกอย่างจบ…
นักข่าวหลายคนชี้ไปที่โต้วโต้วและแม่ของหล่อน ก่อนจะพูดว่า “พวกหล่อนอยู่นั่น”
หลินม่ายหยิบเทปออกมาแล้วใส่ในเครื่องเล่นเทปขนาดใหญ่ที่ผู้จัดเตรียมไว้ให้
ทันทีที่เธอกดเครื่องเล่นเทป เสียงของโต้วโต้ว หรงจี้เหมย และหลินม่ายก็ดังขึ้น
นี่คือบทสนทนาระหว่างหลินม่าย โต้วโต้ว และหรงจี้เหมยในวันที่โต้วโต้วกำลังจะย้ายออกไป
หลินม่ายถามโต้วโต้วซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าหล่อนอยากจะกลับไปหาแม่ในสายเลือดจริง ๆ ใช่ไหม และโต้วโต้วตอบกลับอย่างหนักแน่นในทุกครั้งที่ถูกถาม
แม้หลินม่ายจะบอกโต้วโต้วว่าหลังจากย้ายออกจากทะเบียนบ้านหล่อนไปแล้ว โต้วโต้วจะไม่สามารถกลับมาได้อีก ไม่สามารถเปลี่ยนใจได้อีกแล้วก็ตาม
เกิดความโกลาหลในหมู่นักข่าวทั้งหมดทันที
สีหน้าของโต้วโต้วและหรงจี้เหมยซีดขาว ไม่คิดว่าหลินม่ายจะบันทึกเสียงทั้งหมดเอาไว้ และรวบรวมหลักฐานไว้ครบครันเช่นนี้
นักข่าวหันไปหาโต้วโต้วก่อนจะถามว่า “สหายน้อยโต้วโต้ว ทำไมถึงพูดจาว่าร้ายแม่หลินอย่างนั้นล่ะจ๊ะ?”
โต้วโต้วยิ่งละอายใจ หล่อนอับอายจนร้องไห้ออกมาแล้วตอบออกไปว่า “แม่บอกให้ฉันพูด”
นักข่าวหันมาถามหรงจี้เหมย “แม่หรง แล้วทำไมถึงบอกให้เด็กพูดอย่างนั้น?”
หรงจี้เหมยคิดในใจ แน่นอนว่าเพื่อเงิน
วันนี้ตอนเที่ยง กู่ต้าเหวยมาหาหล่อนอีกครั้งและบอกว่าอย่าซัดทอดถึงพวกเขา หรงจี้เหมยจึงแบล็กเมล์เขาและได้รับเงินมา 3,000 หยวน
เมื่อนักข่าวถามอย่างนี้ หล่อนย่อมไม่กล่าวซัดทอดถึงกู่ต้าเหวยแน่นอน
เขาเป็นถึงผู้จัดการโรงงานเย็บผ้า การจะจัดการหล่อนนั้นง่ายนิดเดียวไม่ใช่เหรอ?
หล่อนตอบกลับอย่างเมินเฉย “ถามว่าทำไมฉันกับโต้วโต้วถึงใส่ร้ายคนแซ่หลินนั้นน่ะเหรอ แล้วทำไมไม่ถามหล่อนล่ะว่าในเมื่อฐานะตระกูลหลินร่ำรวยขนาดนั้น แต่เพราะอะไรโต้วโต้วถึงยังยืนกรานที่จะออกจากบ้านกลับมาหาฉัน”
นักข่าวหันไปถามโต้วโต้วทันที
โต้วโต้วเหลือบมองหลินม่ายเล็กน้อยก่อนจะตอบตามที่หรงจี้เหมยสั่ง “เพราะตั้งแต่แม่หลินมีน้องชาย แม่ก็ไม่เคยใจดีกับฉันเลย”
นักข่าวหันไปถามหลินม่ายเพื่อขอคำยืนยัน “สหายน้อยโต้วโต้วพูดแบบนี้จริงเหรอ?”
หลินม่ายไม่ได้อธิบาย เธอเพียงเล่นเทปบันทึกเสียงท่อนต่อไป
ในเทปเป็นเสียงโต้วโต้วกำลังร้องไห้ “ทำไมแม่ต้องมีน้องชายด้วย? ถ้าไม่มีน้องชาย ทุกคนในครอบครัวก็จะรักฉันคนเดียว!”
นักข่าวพากันตกตะลึง เด็กหญิงคนนี้ช่างมีจิตใจชั่วร้าย หล่อนต้องการเป็นลูกรักเพียงคนเดียว และไม่ต้องการให้แม่บุญธรรมมีลูกในสายเลือดของตัวเอง
ใบหน้าของโต้วโต้วพลันซีดขาว นักข่าวเห็นแล้วไม่เข้าใจจึงหันไปถามหรงจี้เหมยเพื่อขอคำอธิบาย
หรงจี้เหมยใช้ปรัชญาสี่ตำลึงปาดพันชั่ง หล่อนกลอกตาไปมาก่อนจะพูดว่า “ต้องอธิบายอะไรอีกคะ? ก็เพราะโต้วโต้วมาบอกกับฉันว่าแม่บุญธรรมใจร้าย ฉันก็เลยอยากช่วยให้หล่อนระบายความแค้น เลยให้หล่อนกล่าวใส่ร้ายแม่บุญธรรมของเธอไงล่ะ”
โต้วโต้วยิ่งเสียใจที่หรงจี้เหมยโยนความผิดให้หล่อนทั้งหมด แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร
นักข่าวเห็นว่าเสื้อผ้าของโต้วโต้วขาดรุ่งริ่ง จึงยกมือขึ้นแล้วพูดกับหลินม่ายว่า “ถึงโต้วโต้วจะทำตัวไม่ดี แต่หล่อนก็ยังเป็นเด็ก พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของหล่อนยากจนมาก และตัวหล่อนเองยังเป็นโรคหัวใจ คุณรวยมากขนาดนั้นทำไมไม่ส่งเสียลูกสักหน่อยล่ะ!”
นักข่าวส่วนใหญ่มองว่าเรื่องเหล่านี้ค่อนข้างเล็กน้อย จึงไม่กล่าวอะไร
แต่อย่างไรก็ตาม มีนักข่าวอีกสองสามคนที่ใช้ข้อนี้ประณามการกระทำของหลินม่าย
หลินม่ายยิ้มก่อนจะตอบว่า “ที่คุณพูดมาก็ถูกต้อง เพราะฉันมีเงิน ดังนั้นฉันควรจะไม่รังแกเด็ก และแบกรับค่าเลี้ยงดูของโต้วโต้ว พวกคุณเองก็มีดวงตาสองข้าง และไตสองข้าง แต่คนเราต้องการตาเพียงข้างเดียวและไตเพียงข้างเดียว ซึ่งหากเสียไปสักข้างก็จะไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แล้วทำไมพวกคุณถึงไม่บริจาคดวงตาและไตสักข้างเพื่อช่วยเหลือคนป่วยที่สูญเสียการมองเห็น หรือต้องปลูกถ่ายไตเร่งด่วนล่ะ?”
นักข่าวหลายคนถึงกับหัวเราะออกมา
ใครบางคนถึงกับยกนิ้วให้หลินม่าย และชื่นชมว่าเธอเปรียบเปรยได้ยอดเยี่ยม
นักข่าวที่กล่าวหาในคราวแรกช่างน่าขยะแขยงเสียจริง
ส่วนนักข่าวที่เปิดปากเรื่องนี้ถึงกับหน้าแดงก่ำและก้มศีรษะลงโดยไม่พูดอะไรต่อ
แต่หลินม่ายยังคงกัดไม่ปล่อย “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูโต้วโต้ว?”
หลินม่ายเปลี่ยนเทป ก่อนจะกดเล่น
เทปนี้ค่อนข้างยาว มันคือช่วงที่หลินม่ายเสนอค่าเลี้ยงดูให้โต้วโต้วเดือนละ 200 หยวน แต่หรงจี้เหมยและสามีต้องการเดือนละ 1,000 หยวน
อีกทั้งโต้วโต้วยังพูดขึ้นด้วยว่าหลินม่ายรวยมาก ต่อให้ค่าเลี้ยงดู 10,000 หยวนก็สามารถจ่ายได้
นักข่าวหลายคนโกรธจัดที่ได้ยิน ไม่มีใครเข้าข้างโต้วโต้วอีกต่อไป
ไม่ว่าเด็กคนนี้จะพบเจอชะตากรรมอะไร หล่อนสมควรได้รับมันแล้ว!
บันทึกเสียงทั้งหมดนี้ทำให้นักข่าวผู้ผดุงความยุติธรรมในคราวแรกยิ่งโกรธมากขึ้น
โต้วโต้วแสร้งทำเป็นป่วยหนัก และร่วมมือกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเพื่อฉ้อโกงเงินจากหลินม่ายจำนวนมาก
โชคดีที่การโกงคราวนั้นไม่สำเร็จ และส่งผลให้หลี่กวงจื้อผู้เป็นบิดาของโต้วโต้วถูกตัดสินจำคุก 1 ปี กล่าวได้ว่าน่าผิดหวังอย่างยิ่ง
นักข่าวบางคนแทบจะชักดาบยาวสี่สิบเมตร*พุ่งเข้าจัดการคนชั่วด้วยตัวเอง
(*四十米长的大刀 มีมล้อเลียนมีมหนึ่งของชาวเน็ตจีน เป็นภาพคนถือดาบยาวสี่สิบเมตรในอิริยาบทต่างๆ)
หลินม่ายกล่าวต่อว่า “แม้เจ้าหน้าที่ศาลจะไกล่เลี่ยแล้ว และออกคำสั่งให้ฉันสนับสนุนโต้วโต้วเป้นเงิน 105 หยวนต่อเดือน ทั้งหมดนี้สำหรับค่าเลี้ยงดูและค่ารักษาพยาบาล แต่ฉันเสนอให้โต้วโต้วเป็น 150 หยวนแทน เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของหล่อน”
เมือ่เล่ามาถึงตรงนี้ เธอก็หยิบเอกสารทั้งหมดที่ลงนามโดยศาล และครอบครัวของโต้วโต้วออกมา
อีกทั้งยังมีใบเสร็จรับเงินค่าเลี้ยงดูบุตรแบบจ่ายทุกเดือนจนกระทั่งโต้วโต้วอายุ 22 ปี
เธอวางทุกอย่างลงแล้วถามอย่างใจเย็น “ฉันทำดีพอหรือยังคะ?”
ไม่มีนักข่าวคนไหนกล้าพูดว่าสิ่งที่เธอทำยังไม่ดีพอ
หลินม่ายและโต้วโต้วยุติความสัมพันธ์แม่ลูก และโต้วโต้วยังบดขยี้หัวใจเธออย่างไม่มีชิ้นดี
เธอยังยินยอมที่จะรับผิดชอบค่าเลี้ยงดูของโต้วโต้ว และค่าเลี้ยงดูก็สูงมากจนน่าชื่นชมเสียด้วย
ใครก็ตามที่มองว่าหลินม่ายทำผิด คนผู้นั้นย่อมไม่ใช่มนุษย์แล้ว!
หลินม่ายเห็นว่าไม่มีใครพูด เธอจึงหันมองโต้วโต้วที่กำลังก้มหน้าต่ำ
เธอเรียกโต้วโต้วด้วยชื่อจริง “นักเรียนหลี่เจียโต้ว ฉันขอประกาศต่อหน้าสื่อ ณ ที่นี้ว่า… ก่อนหน้านี้ที่ฉันสัญญากับเธอไว้ว่าหากเธอป่วย ฉันจะหาเงินมารักษาเธอ แต่นับจากวันนี้ไป ฉันไม่เพียงแต่จะถอนคำสัญญาเท่านั้น ฉันจะไม่สนใจอะไรเธออีกแล้ว ต่อให้เธอจะเป็นจะตายก็ตาม อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลย เพราะต่อให้ฉันทำดีแค่ไหน พวกคุณทุกคนก็ไม่เคยมองว่ามันเพียงพอ แทนที่จะดิ้นรนทำดี ฉันทำแค่ในส่วนที่ต้องทำก็พอ ต่อให้จะถูกต่อว่า แต่ก็คงจะมีความสุขยิ่งกว่า”
นักข่าวหลายคนเริ่มสนับสนุนหลินม่าย “ค่าเลี้ยงดูเดือนละ 150 หยวนนับว่าสูงมากแล้ว ไม่ใช่แค่พอกิน แต่ยังถึงขั้นอยู่ดีกินดีด้วย แถมยังไปพบแพทย์ได้อย่างต่อเนื่อง แล้วทำไมจะต้องไปรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของโต้วโต้วอีกล่ะ มันไม่จำเป็นเลยจริง ๆ”
ใบหน้าของโต้วโต้วซีดขาวหนักกว่าเดิม
หล่อนรับการผ่าตัดบายพาสหัวใจมา ซึ่งไม่ว่าจะดูแลตัวเองดีแค่ไหนก็ต้องรับการผ่าตัดเปลี่ยนใหม่หลังผ่านไปยี่สิบปี
หากหลินม่ายไม่รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลในอนาคต แล้วใครกันเล่าจะจ่ายให้?
โต้วโต้วน้ำตาไหลพรากอาบสองแก้ม “แม่ ฉันผิดไปแล้ว… แม่คะ ยกโทษให้ฉันได้ไหม?”
หลินม่ายแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนจะเดินออกไปพร้อมฟางจั๋วหรานที่อุ้มลูกชายไว้ในอ้อมแขน
ทุกคนเห็นโต้วโต้วร้องไห้อย่างเสียอกเสียใจ แต่ก็ไม่มีใครคิดจะสงสารหล่อน
เด็กคนนี้เห็นแก่ตัวมาก ถ้าหลินม่ายไม่บอกว่าจะไม่สนใจหล่อนอีกต่อไป หล่อนจะร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าปานขาดใจแบบนี้ไหม?
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ประเมินม่ายจื่อต่ำไปแล้วจ้า โดนหลักฐานตบหน้าเข้าจังๆ ต่อหน้าสื่อรู้สึกยังไงบ้างคะ ต่อให้ร้องไห้จนน้ำในร่างกายหมดตัวก็ไม่มีประโยชน์แล้วน้องถั่วเน่า เชิญหาคนจ่ายค่าผ่าตัดหัวใจเอาเองเด้อ
ไหหม่า(海馬)