แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1024 ขึ้นพาดหัวหนังสือพิมพ์
ตอนที่ 1024 ขึ้นพาดหัวหนังสือพิมพ์
ตอนที่ 1024 ขึ้นพาดหัวหนังสือพิมพ์
เข้าสู่วันที่สามของปีใหม่อย่างรวดเร็ว และสถานการณ์ในเมืองเล็กๆ ก็เริ่มดีขึ้นแล้ว
คุณปู่ฟางคิดจะกลับเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันที่สี่ของปีใหม่ หลินม่ายจึงคิดว่าจะให้เสิ่นเสี่ยวผิงดูแลสองพี่น้องเสี่ยวเฉิง
หากให้หล่อนเป็นคนดูแลสองพี่น้องในเจียงเฉิง เธอก็จะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลินม่ายไม่เพียงแต่ให้เสิ่นเสี่ยวผิงดูแลสองพี่น้องเสี่ยวเฉิงเท่านั้น แต่ยังต้องไปเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลจากหลี่เม่าและภรรยาด้วย
ปัจจุบันเธอกำลังแบกรับค่ารักษาทั้งหมดของเสี่ยวเฉิงไว้อยู่ เพราะสุดท้ายแล้วถ้าหลี่เม่าและภรรยาไม่มีเงิน เธอก็จะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง
ปัญหาก็คือหลี่เม่ามีบ้านสวัสดิการซื้อขาด แม้จะไม่ใหญ่มากแต่มันก็มีมูลค่าหลายพันพยวน
หวังย่าหลิงมีทรัพย์สินที่ได้รับจากการหย่าร้างจากสามีเก่าติดมาด้วยเช่นกัน
แล้วทำไมทั้งสองคนนี้จึงไม่ควรออกค่ารักษาพยาบาลล่ะ?
ในวันที่สี่ของเทศกาลปีใหม่ เมื่อทั้งครอบครัวมาถึงสนามบิน ก็ได้เห็นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหลายฉบับ ใจความว่าหลินม่ายนักธุรกิจสาวชื่อดังทิ้งลูกสาวบุญธรรมเมื่อตั้งครรภ์ลูกชายของตนเอง ผู้คนทั้งหลายที่ได้อ่านข่าวจึงเดือดดาลทันที!
ไม่ว่าใครที่อ่านบทความ ต่างก็พากันคิดว่าหลินม่ายเป็นผู้ทอดทิ้งโต้วโต้วให้กลับไปหามารดาผู้ให้กำเนิดหลังจากให้กำเนิดเสี่ยวมู่ตงแล้ว
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางโกรธมาก ประกาศว่าพวกเขาไม่กลับเมืองหลวงแล้ว พวกเขาจะรอจนกว่าจะรู้ตัวบุคคลที่สาดน้ำเสียใส่หลินม่าย และรอจนกระทั่งเรื่องคับข้องใจทั้งหมดคลี่คลาย
หลินม่ายสงบสติอารมณ์ก่อนจะหันไปพูดกับคุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ว่า “คุณปู่ คุณย่ากลับเมืองหลวงก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะอยู่จัดการปัญหาที่นี่เอง อีกอย่างคุณปู่กับคุณย่าก็มีเพื่อนอีกหลายคนอยู่ในเมืองหลวง กลับไปอวยพรปีใหม่พวกเขาเถอะค่ะ”
ฟางจั๋วหรานกล่าวเสริม “คุณปู่ คุณย่า กลับไปเถอะครับ เดี๋ยวผมจะอยู่ที่เจียงเฉิงกับม่ายจื่อเอง”
หลังจากเกลี้ยกล่อมกันอยู่นาน คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจึงยอมกลับเมืองหลวงก่อน
เสี่ยวมู่ตงก็อยู่ด้วย ส่วนเสี่ยวเหวินกลับไปพร้อมกับคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง
หลินม่ายฝากฝังให้เสี่ยวเหวินดูแลคุณปู่ฟางกับคุณย่าฟางให้ดี
ในห้องทำงานผู้บริหารภายในฉวินกวงพลาซ่า ประธานหวงอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ก่อนจะวางมันลงด้วยรอยยิ้ม
เขามองดูชายผู้กำลังยิ้มประจบประแจงตรงหน้า ชายคนนี้คือผู้ชายหน้าตาดีที่ปรากฏตัวที่บ้านของหรงจี้เหมยในวันปีใหม่
ประธานหวงพูดกับชายคนนั้นด้วยความพอใจ “ทำได้ดีมาก!”
ชายคนนั้นก้มศีรษะลง “ขอบคุณครับประธานหวง”
ประธานหวงใช้นิ้วแตะหนังสือพิมพ์ก่อนจะพูดต่อว่า “คุณหลิน อย่างนี้จะเลิกเย่อหยิ่งได้หรือยัง?”
สุดท้ายแล้วหากผู้ประกอบกิจการได้พบกับเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ แม้จะจัดการข่าวเหล่านี้ได้ แต่สุดท้ายก็จะส่งผลด้านลบต่อบริษัทอย่างมหาศาล
น่าเสียดายที่จีนแผ่นดินใหญ่ยังไม่ได้ก่อตั้งตลาดหุ้นอย่างเป็นทางการ
หากว่ามีตลาดหุ้น เครือบริษัทว่านทงกรุ๊ปจะต้องได้รับผลกระทบร้ายแรงแน่นอน!
สุดท้ายแล้ว ประธานหวงเองก็รู้สึกดีมากที่สามารถโจมตีหลินม่ายด้วยหมัดหนักได้
ข้าวต้องกินทีละคำ ธุระต้องทำทีละเรื่อง อย่ารีบร้อน แล้วสุดท้ายเขาจะได้รับชัยชนะเอง
เขาเรียกชายคนนั้นเข้ามาก่อนจะอธิบายบางอย่างด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา จากนั้นจึงให้อีกฝ่ายกลับออกไป
ขณะเดียวกัน เจียงเทาเจ้าของร้านหลู่ไช่เครือ “เชาห่าวชือ” กำลังมองข่าวของหลินม่ายด้วยความยินดี
หลังจากอ่านข่าวแล้ว เขาเรียกหากงฮั่นซงที่เป็นผู้ช่วยของเขาให้เข้าพบ “เป็นยังไงบ้าง?”
แววตาของเจียงเทากลายเป็นดุร้าย “เหตุผลล่ะ?”
กงฮั่นซ่งตอบกลับอย่างกังวล “พนักงานของร้านหลู่ไช่ไป่หลี่เซียงมีความภักดีมาก ผมไม่สามารถติดสินบนพวกเขาได้”
เจียงเทาหัวเราะออกมา “ไม่มีใครในโลกนี้ไม่สามารถติดสินบนได้ด้วยเงิน! ที่คุณทำไม่สำเร็จ เพราะเงินมันไม่มากพอไงล่ะ เข้าใจไหม?”
กงฮั่นซงยอมรับ “ครับ… เข้าใจแล้ว”
เก้าโมงเช้า หรงจี้เหมยและจิงจิงยังคงนอนหลับบนเตียงขนาดใหญ่ที่ทั้งสกปรกและเต็มไปด้วยข้าวของ พวกเขาได้ยินโต้วโต้วที่หายเป็นไข้ลุกขึ้นมาจุดเตาทำอาหาร ตอนนี้เองโต้วโต้วก็ร้องเรียกเสียงเบา “แม่ มีคนมาหา”
หรงจี้เหมยแต่งตัวอย่างหงุดหงิดก่อนจะออกไปข้างนอก และพลันมีความสุขเล็กน้อยเมื่อได้พบกับชายที่มอบเงินสามร้อยหยวนให้หล่อนในคราวที่แล้ว
เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งผู้นี้ปรากฏตัวแล้ว เขาจะมอบโชคให้หล่อนอีกหรือไม่?
ชายแต่งตัวดีพูดกับหล่อนว่า “จะมีนักข่าวมาหาคุณกับโต้วโต้วเพื่อขอให้คุณบอกกล่าวว่าหลินม่ายทิ้งโต้วโต้วจริงหรือไม่ คุณเพียงแค่ยืนยันว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงก็พอ”
หรงจี้เหมยไม่คิดถามไร้สาระก่อนจะพูดออกไปตามตรง “คราวนี้จะให้เท่าไหร่คะ?”
“ห้าร้อย” ชายคนนั้นหยิบเงินออกมายื่นให้
หรงจี้เหมยคิดออกอย่างรวดเร็วว่าคน ๆ นี้คงจะมีความคับข้องใจกับหลินม่ายแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมจ่ายเงินมากขนาดนี้เพื่อให้หล่อนใส่ร้ายหลินม่ายแน่
หากคว้าโอกาสนี้เพื่อแบล็กเมล์เขาภายหลัง เขาจะไม่กลายเป็นตัวเงินตัวทองสำหรับหล่อนเหรอ?
หรงจี้เหมยไม่ยอมรับเงินห้าร้อยหยวนนั้น ก่อนจะถามออกไปว่าเขาเป็นใคร และทำไมถึงต้องการใส่ร้ายหลินม่าย
หล่อนปฏิเสธที่จะร่วมมือถ้าหากเขาไม่ตอบคำถาม
ชายคนนั้นคิดสักครู่ก่อนจะหยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วมอบให้เธอ “ผมชื่อกู่ต้าเว่ย หลินม่ายกับผมมีความขัดแย้งทางธุรกิจ ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรคุณไม่จำเป็นต้องรู้ แล้วจะรับงานนี้ไหม? ถ้าไม่รับผมจะไปหาคนอื่น”
หรงจี้เหมยมองดูนามบัตร “กู่ต้าเว่ย ผู้จัดการทั่วไปของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าต้าเว่ย” ที่พิมพ์อยู่บนนามบัตรนั้น และไม่นึกสงสัยผู้ชายคนนี้อีกต่อไป
สุดท้ายแล้วหลินม่ายเป็นเจ้าของห้องเสื้อจิ่นซิ่ว และมีการแข่งขันทางธุรกิจกับกู่ต้าเว่ยที่เป็นเจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เป้นเรื่องปกติที่พวกเขาจะทะเลาะกัน
หล่อนตอบกลับทันที “แน่นอนว่าฉันเต็มใจ แต่เงินนี่น้อยไปหรือเปล่า?”
ชายคนนั้นเอ่ยปากถาม “จะเอาเท่าไหร่?”
หรงจี้เหมยนึกคิดสักครู่ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้น “หนึ่งพัน!”
แม้จะดูเหมือนสิงโตอ้าปากกว้าง แต่หรงจี้เหมยก็ไม่กังวลเลยว่าอีกฝ่ายจะโต้แย้ง
ถ้าอีกฝ่ายไม่เห็นด้วย ธุรกิจก็ยิ่งล่าช้าไปอีกไม่ใช่เหรอ?
สุดท้ายอีกฝ่ายก็แค่โต้แย้งเล็กน้อย แต่มูลค่าก็จะมากกว่าเดิมใช่ไหม?
ชายคนนั้นลังเลสักครู่ เขาเพิ่มเงินให้สามร้อยหยวนก่อนจะเตือนหรงจี้เหมยด้วยสีหน้าเย็นชาว่าอย่าได้ละโมบจนเกินไป
หรงจี้เหมยเก็บเงินแปดร้อยหยวนใส่กระเป๋าก่อนจะมองชายคนนั้นเดินจากไปอย่างมีความสุข
วันนี้หล่อนมีนามบัตรของเขาแล้ว การแบล็กเมล์เขาในอนาคตนั้นง่ายดายมาก
หล่อนกวักมือเรียกโต้วโต้วที่กำลังต้มบะหมี่
โต้วโต้ววิ่งไปหาหล่อนอย่างรวดเร็ว
หรงจี้เหมยพูดขึ้นว่า “ได้ยินสิ่งที่อาคนนั้นพูดไหม? รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง?”
โต้วโต้วลังเลก่อนจะพูดว่า “ถ้าเราโกหก เราจะกลายเป็นคนไม่ดีนะคะ?”
หรงจี้เหมยตอบกลับอย่างมั่นใจ “จะกลัวอะไร? มีแค่เราและครอบครัวฟางเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ คนอื่นไม่ได้รู้ด้วยสักหน่อย เพราะนังหลินทิ้งแกไป ต่อให้ทุกคนในตระกูลฟางจะเป็นพยานมันก็ไม่มีประโยชน์ ปล่อยให้หล่อนต้องทุกข์ทรมานถูกต้องแล้ว ใครบอกให้หล่อนไม่อยากจ่ายเงินให้เราล่ะ? อีกทั้งหล่อนยังส่งพ่อแกเข้าคุกด้วย!เราปล่อยให้นังหลินทำร้ายเราฝ่ายเดียวไม่ได้ เราต้องแก้แค้น!”
หล่อนแสร้งลูบศีรษะของโต้วโต้ว “ไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรอยู่เหนือการควบคุมของพวกเรา ต่อให้มีคนรู้ความจริง พวกเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก ถ้าแกเชื่อฟังแม่และเป็นเด็กดี เช้านี้แม่จะอนุญาตให้กินไข่ต้มได้”
โต้วโต้วพยักหน้ารับทันที
เพียงครู่เดียว บะหมี่ก็สุกแล้ว
จิงจิงเห็นไข่ลวกในชามของโต้วโต้ว หล่อนก็ไม่พอใจมากก่อนจะยื่นตะเกียบออกมาเพื่อคีบไข่กลับคืน “แกนี่กล้าขึ้นทุกวันนะ! ทำไมถึงกล้าลวกไข่กินแบบนี้!”
โต้วโต้วพยายามปกป้องไข่ลวกของตัวเอง “แม่บอกให้ฉันกินไข่ลวกนี่ได้”
หรงจี้เหมยกินบะหมี่ในชามตัวเองโดยไม่พูดอะไรสักคำ
จิงจิงเห็นอย่างนั้นยิ่งเผยสีหน้าบึ้งตึง “ยังมีหน้ามาโกหกอีก!”
จากนั้นหล่อนก็คีบไข่ลวกออกไปกินทันที โต้วโต้วทำได้เพียงโศกเศร้าอยู่อย่างนั้น
ทันทีที่หลินม่ายและสามีพาเสี่ยวมู่ตงออกจากสนามบิน ที่สำนักงานใหญ่มีสายโทรศัพท์เรียกเข้าตลอดเวลา
ไม่เพียงแต่การโทรเข้าจากสำนักงานต่าง ๆ แต่ยังมีสื่อจำนวนมากอีกด้วย
ผู้รับผิดชอบสำนักงานใหญ่ และสาขาย่อยเล่าให้เธอฟังว่ามีโทรศัพท์โทรเข้ามาอย่างล้นหลามตั้งแต่แปดโมงเช้า
ผู้บริโภคจำนวนมากดุด่าหลินม่าย บอกว่าเธอโหดร้ายเกินไปและจะยกเลิกการซื้อขายกับเครือว่านทงกรุ๊ปตลอดไป
ส่วนเจิ้งซวี่ตงถามหลินม่ายว่าต้องการให้เลื่อนวันหยุดเทศกาลประจำฤดูใบไม้ผลิออกไปก่อนหรือไม่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแก้ไขวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น
หลินม่ายตอบกลับสั้น ๆ ว่าไม่จำเป็น เธอจะแก้ปัญหาได้ในเร็ว ๆ นี้
ส่วนสายจากสื่อ หลินม่ายเลือกที่จะไม่รับ
ขณะที่ทั้งครอบครัวนั่งแท็กซี่กลับมาถึงที่บ้าน พวกเขาเห็นว่านักข่าวกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งรออยู่ที่หน้าบ้าน
ทันทีที่ทั้งสามคนลงจากรถ นักข่าวบุกเข้าล้อมรอบพวกเขาทันที
ไมโครโฟนถูกจ่อเข้าใบหน้าพร้อมกับคำถามมากมาย
นักข่าวพ่นคำถามใส่ทันที “คุณหลิน ข่าวที่พาดหัวหนังสือพิมพ์มือเช้าจากสำนักพิมพ์ที่เชื่อถือได้ทั้งหมดเป็นความจริงไหม?”
ฟางจั๋วหรานตอบกลับทันที “ทั้งหมดเป็นเรื่องไร้สาระ และเราจะขอดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด”
นักข่าวอีกคนตอบว่า “ถ้าบอกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้ทอดทิ้งลูกสาวบุญธรรมเหรอคะ? แล้วทำไมเราถึงเห็นแต่เด็กน้อยคนนี้อยู่ข้างพวกคุณ? เด็กน้อยคนนี้คงจะเป็นลูกชายแท้ ๆ ใช่ไหม? แล้วลูกสาวบุญธรรมอยู่ที่ไหนเหรอคะ?”
ป้าคนหนึ่งแหวกเข้ามาในวงล้อม
นี่คือป้าเพื่อนบ้านของหลินม่าย และเป็นเพื่อนบ้านที่บอกกล่าวให้หลินม่ายดูแลโต้วโต้วที่เป็นลมในคราวที่แล้วด้วย
หล่อนชี้หน้าหลินม่ายก่อนจะพูดกับนักข่าวว่า “ในวันส่งท้ายปีเก่า ฉันเห็นลูกสาวบุญธรรมของครอบครัวเสี่ยวหลินยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหล่อนตั้งแต่เช้าตรู่ แต่หล่อนกลับเพิกเฉยต่อเด็กคนนั้น หลังจากนั้นลูกสาวบุญธรรมของหล่อนก็เป็นลม ฉันเลยบอกให้หล่อนดูแลเด็ก เพราะเหตุผลนี้หล่อนเลยต้องดูแลเด็กคนนั้น”
ก่อนหลินม่ายจะเอ่ยปากเพื่อปกป้องตัวเอง ใครบางคนพูดขึ้นว่า “ทุกคนหยุดก่อน โต้วโต้วที่เป็นลูกสาวบุญธรรมของหลินม่ายและมารดาผู้ให้กำเนิดอยู่ที่นี่แล้ว!”
หลินม่ายและสามีหันกลับมาก่อนจะเห็นนักข่าวสองคนมากับโต้วโต้วและหรงจี้เหมย
นักข่าวหลายคนเข้าไปจ่อไมค์ใส่หน้าโต้วโต้ว “ขอโทษนะสหายน้อยโต้วโต้ว แม่บุญธรรมทอดทิ้งหนูจริงไหม?”
โต้วโต้วเหลือบมองหลินม่ายอย่างรู้สึกผิด หล่อนเงียบและไม่กล้าพูดออกมา
แต่ในสายตาของคนอื่น การกระทำของหล่อนตอนนี้เห็นชัดว่ากำลังหวาดกลัวหลินม่าย
นักข่าวทั้งหมดจึงสนับสนุนหล่อน “ไม่ต้องกลัวนะ แค่พูดความจริง มีพวกเราลุงป้ากลุ่มใหญ่ขนาดนี้ช่วยเหลือ ไม่มีใครทำร้ายหนูหรอกจ้ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
วิกฤตแล้วไง โดนศัตรูโจมตีรอบทิศขนาดนี้ หลินม่ายจะแก้เกมยังไงนะ
ไหหม่า(海馬)