แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1023 ส่งโต้วโต้วกลับบ้าน
ตอนที่ 1023 ส่งโต้วโต้วกลับบ้าน
ตอนที่ 1023 ส่งโต้วโต้วกลับบ้าน
ก่อนหกโมงเช้าในเช้าของวันปีใหม่ คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางได้ตื่นนอนแล้ว
ตามธรรมเนียมปฏิบัติ อาหารค่ำปีใหม่จะเสิร์ฟในเช้าแรกของปีใหม่ทางจันทรคติ
เพราะเมื่อวานหลินม่ายทำอาหารเย็นในคืนวันส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่แล้ว และทั้งคู่ก็ไม่อยากจะร้องขอให้เธอต้องลุกขึ้นมาทำอาหารอีกครั้ง วันนี้พวกเขาจึงคิดว่าจะลงมือเข้าครัวด้วยตัวเอง
เสี่ยวมู่ตงนอนคั่นกลางระหว่างพ่อกับแม่ เพราะค่อนข้างอบอุ่นเกินไป เขาจึงตื่นขึ้นเพราะรู้สึกร้อน
เขาผลักหลินม่ายเบา ๆ ก่อนจะร้องเรียกแม่ด้วยน้ำเสียงหวานใส บอกกล่าวว่าเขาปวดปัสสาวะ
เป็นฟางจั๋วหรานได้ยิน เขาอุ้มเด็กชายตัวน้อยแล้วพาไปเข้าห้องน้ำ อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ปัสสาวะเท่านั้น ดูเหมือนลำไส้ของเขาจะทำงานแล้ว กลิ่นเหม็นจึงโชยออกมาด้วยอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งพ่อและลูกชายกลับมานอน แต่เสี่ยวมู่ตงไม่อยากนอน และยืนยันว่าเขาตื่นแล้ว
ฟางจั๋วหรานมองลงจากบันไดก่อนจะเห็นว่าปู่กับย่าตื่นแล้ว เขาจึงกลับไปที่ห้องก่อนจะพาเสี่ยวมู่ตงไปให้คุณปู่คุณย่าดูแล และกลับไปนอนอีกครั้ง
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้นอนร่วมเตียงกับภรรยาเพียงสองคน มันรู้สึกดีมากที่ได้กอดเธอไว้ในอ้อมแขนขณะหลับอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวมู่ตงร้องเรียกเพราะปวดปัสสาวะ หลินม่ายก็ตื่นขึ้นแล้วเหมือนกัน
หลังจากฟางจั๋วหรานกลับมาและเห็นว่าเธอกำลังลุกขึ้นแต่งตัว เขาก็รีบเดินเข้าหาก่อนจะอุ้มเธอลงเตียงอีกครั้ง
ใบหน้าของหลินม่ายแดงก่ำ…
การเตรียมอาหารในช่วงวันปีใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะที่บ้านมีอาหารปรุงสุกแล้วมากมาย
มีทั้งชุดผักนึ่ง ลูกชิ้นเนื้อ ลูกชิ้นปลา หลินม่ายตระเตรียมอาหารไว้มากมายแล้วในตู้เย็น สามารถหยิบออกมาอุ่นนึ่งได้ทันที
มีทั้งเนื้อวัวสไลด์หมักซีอิ๊ว หูหมูตุ๋นพะโล้ ผัดผักใบเขียวสองอย่าง และเพิ่มเติมด้วยซุปไข่ใส่เห็ด เท่านี้ก็เป็นอาหารต้อนรับวันปีใหม่ได้แล้ว
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเห็นว่าเด็ก ๆ ทุกคนตื่นแล้ว ยกเว้นหลินม่ายกับสามี
คุณปู่ฟางตบก้นอวบอ้วนของเสี่ยวมู่ตงที่อยู่ในกางเกงบุนวม “ไปเรียกพ่อกับแม่หลานมากินข้าวเร็วเข้า เดี๋ยวเราต้องไปเยี่ยมหลุมศพบรรพบุรุษกันด้วย”
เสี่ยวมู่ตงใช้มือและเข่าปีนขึ้นบันไดไปช้า ๆ ไม่นานก็มาถึงประตูห้องของหลินม่ายและสามี
เขาเปิดประตูแง้ม และกำลังจะร้องเรียกแม่กับพ่อให้ตื่น แต่เหตุการณ์ตรงหน้าทำเขาประหลาดใจ
เขาเห็นว่าพ่อกำลังขึ้นคร่อมทับแม่ของเขา และแม่ของเขาก็มีท่าทางคล้ายกับกำลังเจ็บปวดอย่างมาก
ดวงตาของเด็กน้อยน่ารักเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เขาร้องไห้ลั่นก่อนจะปีนขึ้นเตียง
ฟางจั๋วหรานอับอายกับการปรากฏตัวกะทันหันของลูกชาย ซึ่งขณะนี้กำลังใช้กำปั้นเล็กระดมทุบตัวเขา “ใครให้พ่อรังแกแม่ อย่าทำแม่ผม!”
หลินม่ายรู้สึกจนปัญญาและอับอาย มือข้างหนึ่งคว้าผ้าห่มปิดบังร่างกายไว้ก่อนจะใช้อีกมือหยุดเด็กน้อย “พ่อไม่ได้รังแกแม่หรอกจ้ะลูก”
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถทุบตีฟางจั๋วหรานได้อีก เสี่ยวมู่ตงก็โมโหมากพร้อมกับลุกขึ้นยืน
เขาวิ่งออกไปด้วยขาสั้น ๆ อ้วน ๆ แล้วร้องไห้เสียงดัง “คุณปู่ทวด คุณย่าทวด พ่อรังแกแม่ผม แม่จะโดนพ่อทับตายแล้ว!”
คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และเสี่ยวเหวินกำลังจัดอาหารวันปีใหม่อยู่บนโต๊ะ
ทันทีที่ได้ยิน คุณย่าฟางก็แทบจะลืมว่าตนเองแก่ชรามากแล้ว นางวิ่งขึ้นไปชั้นบนและเห็นเสี่ยวมู่ตงยืนร้องไห้ตะโกนอย่างนั้น จึงพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวย่าทวดจะสั่งสอนพ่อของหนูให้เอง!”
เสี่ยวมู่ตงอยากจะตามไปด้วย แต่เสี่ยวเหวินรีบอุ้มเขาลงมาชั้นล่าง
เด็กน้อยเงยหน้าเปื้อนเปรอะคราบน้ำตาก่อนจะถามเสี่ยวเหวินเสียงสะอื้น “แม่ผมจะโดนพ่อทับตายไหมครับ?”
เสี่ยวเหวินเองก็ยังเด็ก และไม่เข้าใจเรื่องระหว่างชายหญิง
เขากล่าวตอบจริงจังว่า “คุณอาหญิงกับคุณอาคงกำลังเล่นอะไรสักอย่าง ถ้าคุณอาหญิงจะโดนทับตาย หล่อนต้องร้องขอความช่วยเหลือแล้วสิ”
เด็กน้อยตอบกลับ “โอ้” ก่อนจะหยุดร้องไห้ฉับพลัน
ขณะเดียวกันที่ชั้นบน คุณย่าฟางก็กำลังดุด่าฟางจั๋วหรานอยู่ตรงหน้าประตู “เป็นผู้ใหญ่แล้วทำไมไม่รู้จักอายเสียบ้าง? คราวหน้าอย่าลืมล็อกประตูสิ!”
เวลานี้ฟางจั๋วหรานลุกขึ้นพร้อมกับสวมกางเกงอย่างช่วยไม่ได้
เขาจำได้ว่าตอนที่เขาเข้าห้องมาแล้ว เขาปิดประตูและล็อกมันชัดเจน มีเสียงล็อกดังขึ้นแล้ว
กลอนประตูกลับเด้งออกมาเองได้งั้นเหรอ?
ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะอาบน้ำ แต่งตัว แล้วลงไปชั้นล่างพร้อมกัน
ทั้งสองแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง แต่ต่อให้ทุกคนจะไม่พูดถึงมัน ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอายจริงๆ
ขณะฟางจั๋วหรานจะใช้ตะเกียบคีบอาหาร เด็กชายเผยสีหน้าบูดบึ้งพร้อมกับดึงจานออกห่าง ไม่ยอมให้พ่อคีบอาหารได้สะดวก
เด็กน้อยจำฝังใจทีเดียวว่าพ่อของเขารังแกแม่
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางพยายามอย่างหนักเพื่อกลั้นหัวเราะ และไม่มีใครห้ามปรามเสี่ยวมู่ตง
ฟางจั๋วหรานใช้ประโยชน์จากท่อนแขนที่ยาวกว่าคีบอาหารที่ต้องการจนได้
โต้วโต้วคิดว่านี่อาจเป็นมื้อสุดท้ายที่จะได้กินอาหารในบ้านของหลินม่าย ดังนั้นหล่อนจึงกินเยอะมาก
หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว หล่อนยังไม่คิดจะออกไป ทำให้เสี่ยวเหวินจ้องมองหล่อนหลายครั้งจนกระทั่งหล่อนต้องพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “น้าหลิน หนูอยากกลับบ้านค่ะ”
หลินม่ายตอบตกลงทันที
เธอไม่ต้องการให้โต้วโต้วอยู่ที่บ้านในช่วงปีใหม่เลย แต่เพราะคุณย่าฟางใจดีเกินไปและเธอไม่ต้องการมีปัญหา จึงต้องให้หล่อนพักที่บ้านชั่วคราว
ครั้นโต้วโต้วเป็นคนเอ่ยปากอยากกลับบ้านด้วยตัวเอง จึงไม่มีใครคัดค้านเรื่องนี้
คุณย่าฟางเห็นว่าอาการป่วยของโต้วโต้วยังไม่หายดีด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายอยากจะกลับบ้านแล้ว นางก็ยิ่งรู้สึกผิดหวัง นึกเสียใจในตัวโต้วโต้วมากขึ้น
ก่อนที่ครอบครัวจะไปเมืองซื่อเหม่ย พวกเขาก็ขับรถไปส่งโต้วโต้วให้กับหรงจี้เหมยมารดาผู้ให้กำเนิด
เมื่อวานนี้หรงจี้เหมยซ่อนตัวอยู่ที่มุมถนน หล่อนมีความสุขมากที่เห็นฟางจั๋วหรานพาโต้วโต้วเข้าไปในบ้าน
ตราบใดที่โต้วโต้วเข้าไปอยู่ในบ้านของหลินม่าย แผนการก็จะดำเนินต่อไป
หล่อนไม่กลัวเลยว่าหลังจากแผนการสำเร็จแล้ว โต้วโต้วจะทิ้งพวกตนไว้ด้านหลัง และรับความมั่งคั่งทั้งหมดเพียงลำพัง
สุดท้ายโต้วโต้วเป็นเพียงเด็ก และไม่สามารถเอาชนะหล่อนได้
นอกจากนี้ ทุกครั้งที่หล่อนล่อลวงให้โต้วโต้วร่วมมือด้วย หล่อนก็เก็บหลักฐานไว้เสมอ
ตราบใดที่โต้วโต้วกล้าละทิ้งพวกเขาเพื่อเสวยสุขเพียงลำพัง หล่อนจะใช้หลักฐานนี้เพื่อจัดการกับเด็กน้อย เช่นนี้จึงไม่ต้องหวาดกลัวว่าโต้วโต้วจะไม่เชื่อฟัง
ขณะหรงจี้เหมยกำลังนอนฝันหวานอยู่ที่บ้าน เวลานี้ก็กลับเห็นว่าหลินม่ายพาโต้วโต้วกลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าขาดวิ่นแบบเดียวกับที่ใส่ออกไปอีกครั้ง
หล่อนลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ก่อนจะแสร้งทำเป็นกระตือรือร้น “สวัสดีแขกผู้ยิ่งใหญ่ คุณหลิน นั่งลงก่อนเถอะค่ะ”
สองพี่น้องและจิงจิงหันมองโต้วโต้วด้วยสายตารังเกียจ
ทำไมนังตัวดีนี่ถึงกลับมาอีก? มันต้องการกลับมาแย่งมื้ออร่อยจากพวกเราอีกเหรอ?
ช่วงปีใหม่นี้พวกเขาไม่ได้ทำความสะอาดบ้านเลย และบ้านหลังนี้ก็รกยิ่งกว่ารังหนู หลินม่ายน่ะหรือจะยอมเข้าไปด้านใน!
เธอสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ต้อนรับปีใหม่แล้ว และกลัวว่าฝุ่นภายในนั้นจะทำเสื้อผ้าของเธอสกปรก
หลินม่ายปฏิเสธก่อนจะผลักโต้วโต้วคืนกลับไป กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลูกสาวนักฉ้อโกงของเธอหนีออกจากบ้านของเธอมาที่บ้านของฉัน ไม่คิดจะไปตามหาหน่อยเหรอ?”
หรงจี้เหมยยกยิ้มอย่างไม่รู้สึกผิด “หล่อนวิ่งไปที่บ้านของคุณ ไม่ใช่บ้านคนอื่นคนไกลสักหน่อย ทำไมฉันต้องกังวลด้วยคะ?”
หลินม่ายกล่าวจริงจัง “ถ้าโต้วโต้ววิ่งไปที่บ้านของฉันอีกครั้ง ฉันจะไปแจ้งความกับตำรวจว่าเธอไม่ดูแลลูกสาวตัวเอง!”
หรงจี้เหมยร้องโต้แย้งออกมา “ฉันไม่ได้ขอให้หล่อนวิ่งไปที่บ้านของคุณสักหน่อยค่ะ ที่หล่อนวิ่งไปที่บ้านของคุณเพราะว่าหล่อนไม่ชอบอาหารที่บ้านหลังนี้ แล้วจะมาโทษฉันได้เหรอ?”
หลินม่ายกล่าวตอบน้ำเสียงเย็นชา “ค่าเลี้ยงดูรายเดือนของโต้วโต้วตั้ง 150 หยวน อาหารการกินของโต้วโต้วจะแย่ได้ยังไง? หรือเธออยากให้ฉันรายงานเรื่องนี้ต่อศาลให้พวกเขาสอบสวนดี?”
หรงจี้เหมยหุบปากทันที
หลินม่ายหยิบใบเสร็จและใบนัดฉีดยาออกมาจากกระเป๋า “โต้วโต้วไม่สบาย นี่คือใบเสร็จรับเงิน และใบนัดสำหรับฉีดยา โปรดเก็บไว้และไปฉีดยาตามนัดด้วย”
จากนั้นเธอก็ออกไป
หลินม่ายก้าวลงไปเพียงชั้นเดียวก็ได้ยินวาจาดุร้ายของเด็กหญิงตัวเล็กดังขึ้นจากห้องของหรงจี้เหมย “นังบ้า แกห้ามกินของอร่อยในบ้านเชียวนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะให้ต้าซวงกับเสี่ยวซวงทุบตีแก!”
หลินม่ายไม่คิดสนใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอยังคงเดินต่อไปไม่หยุดฝีเท้า
ไม่ใช่ว่าโต้วโต้วจะจัดการไม่ได้ หล่อนสามารถไปหาตำรวจและสหพันธ์สตรีได้
แต่โต้วโต้วไม่ทำ โต้วโต้วต้องการเข้ามายุ่งกับเธอ และต้องการให้เธอรับผิดชอบความอยุติธรรมนี้
ดีแล้วที่ต้องเผชิญหน้ากับชีวิตเช่นนี้ สุดท้ายแล้วหลินม่ายรู้สึกว่าตนเองปฏิบัติกับโต้วโต้วอย่างมีเมตตาที่สุดแล้ว
ทั้งครอบครัวกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อให้เสี่ยวซิ่วไปพบพี่ชาย และให้มั่นใจว่าเขายังสบายใจ ไม่อย่างนั้นเด็กหญิงตัวน้อยจะไม่ยอมกลับไปที่เมืองซือเหม่ยด้วยกัน
ทั้งกลุ่มมาถึงเมืองซือเหม่ยในเวลาแปดโมงเช้า
พวกเขาช่วยกันกวาดหลุมศพบรรพบุรุษ เมื่อขึ้นภูเขาก็ได้พบกับชาวบ้านที่กลับมาจากการกวาดหลุมศพบรรพบุรุษแล้ว
ทุกคนทักทายกันท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ
ทั้งครอบครัวอยู่ในเมืองซือเหม่ยจนมืดก่อนจะกลับมาที่เจียงเฉิงเพื่อจัดการธุระที่คั่งค้าง
การเฉลิมฉลองปีใหม่ในชนบทสนุกสนานมากกว่าการเฉลิมฉลองในเมืองนัก
หลินม่ายและครอบครัวมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในวันนี้ ในขณะที่โต้วโต้วเผชิญกับความหดหู่และสิ้นหวัง
จิงจิงและน้องชายฝาแฝดผลัดกันรุมกลั่นแกล้งหล่อนตลอดทั้งวัน
หล่อนไม่ได้กินอาหารอร่อยสักคำ ทำได้เพียงเฝ้ามองพวกเขาเอาเงินของหล่อนไปซื้อปลาและเนื้อชิ้นใหญ่เท่านั้น
อีกทั้งหรงจี้เหมยยังไม่คิดจะพาหล่อนไปฉีดยา
หล่อนหยิบใบเสร็จรับเงินและใบนัดการฉีดยาไปที่โรงพยาบาลผู่จี้เพื่อบอกกล่าวว่าลูกสาวของตนหายป่วยแล้ว และให้ยกเลิกการฉีดยาที่เหลือ
แม้ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในโรงพยาบาลผู่จี้ แต่พวกเขาเองก็รู้สึกเสียใจมากที่ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ไร้เหตุผลแบบนี้ในวันปีใหม่
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเลือกที่จะยุติเรื่องนี้โดยการยกเลิกการฉีดยาทั้งหมดให้กับหรงจี้เหมย
หรงจี้เหมยรู้ว่าค่าธรรมเนียมของโรงพยาบาลผู่จี้ไม่ได้ถูก แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะแพงขนาดนี้
เพียงแค่ยาลดไข้ 3 เข็ม พวกเขาก็คืนเงินให้หล่อนเกือบ 200 หยวน
หลังกลับมาถึงบ้าน หรงจี้เหมยไม่เห็นโต้วโต้วจึงหันไปถามจิงจิง “นังบ้านั่นอยู่ไหน?”
จิงจิงเหยียดริมฝีปากอย่างเย้ยหยันก่อนจะพูดว่า “หลังจากที่คุณอาออกไป หนูก็บอกให้หล่อนซักผ้า แต่นังบ้านั่นบอกว่าตัวเองเป็นไข้ ตอนนี้มันขึ้นไปนอนบนเตียงราวกับหมาตาย!”
หรงจี้เหมยขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเดินเข้าห้องทรุดโทรมเล็ก ๆ ของโต้วโต้วก่อนจะเอื้อมมือแตะหน้าผากของเด็กหญิง และพบว่ามันร้อนจริงๆ
โต้วโต้วอ้อนวอนทั้งน้ำตา “แม่ พาหนูไปฉีดยาหน่อยได้ไหม หนูไม่ไหวแล้ว หนูเป็นไข้!”
หรงจี้เหมยหัวเราะ “แกผ่าตัดเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ? จะเป็นไข้ตายได้ยังไง?”
โต้วโต้วหลับตาลงอย่างเศร้าใจ น้ำตาไหลออกจากมุมหางตาอย่างสิ้นหวัง
เวลานี้จิงจิงได้ตะโกนดังมาจากด้านนอก “คุณอา มีคนมาหาค่ะ”
หรงจี้เหมยเดินออกจากบ้านโทรมหลังเล็ก และเห็นว่าชายหนุ่มหน้าตาดีกำลังยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาว
จู่ ๆ หรงจี้เหมยก็นึกอะไรบางอย่างได้ ผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นคนรักที่หายตัวไปของหล่อน
หล่อนถามออกไปด้วยสีหน้าราวเด็กสาวมีความรัก ในใจเต้นระส่ำอย่างช่วยไม่ได้ “คุณเป็นใครคะ?”
ชายคนนั้นกล่าวออกมาอย่างลึกลับ “ไม่ต้องรู้หรอกว่าผมเป็นใคร ผมแค่อยากรู้เรื่องของโต้วโต้ว”
หรงจี้เหมยหมดอารมณ์ทันที ตอบกลับอย่างเย่อหยิ่ง “ทำไมฉันต้องบอก?”
“เพราะผมมีสิ่งนี้” ชายคนนั้นยื่นเงิน 200 หยวนออกมา
ดวงตาของหรงจี้เหมยเปล่งประกาย ก่อนจะเริ่มต่อรองอย่างไม่เกรงใจ “300 หยวน!”
ชายคนนั้นยื่นเงินเพิ่มให้โดยไม่ต่อรองสักคำ
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ต่อไปจะทำกิจกรรมสานสัมพันธ์ก็อย่าลืมล็อกประตูด้วยนะคะ เดี๋ยวลูกมาเห็นแล้วจะเข้าใจผิดแบบนี้
ทีนี้รู้ซึ้งถึงความชั่วของแม่ตัวเองหรือยังล่ะน้องถั่ว ดูท่าต้องใกล้ตายก่อนถึงจะคิดได้ล่ะมั้งเนี่ย
ผู้ชายคนนี้เป็นใคร มาด้วยจุดประสงค์อะไรหนอ?
ไหหม่า(海馬)