แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1009 ผลไม้แห่งความสงบสุข
ตอนที่ 1009 ผลไม้แห่งความสงบสุข
ตอนที่ 1009 ผลไม้แห่งความสงบสุข
ในที่สุดก็ถึงวันคริสต์มาสแล้ว
ซิงกวงพลาซ่าเปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00 น. ถึง 22.00 น.
พิธีตัดริบบิ้นเปิดงานเริ่มเวลา 09.00 น. ต่อด้วยการแสดงของเหล่าคนดัง
ก่อนแปดโมงเช้า หลินม่ายขับรถไปที่ซิงกวงพลาซ่าตั้งแต่เช้า เพื่อตรวจสอบขั้นสุดท้ายก่อนเปิดงาน
จินฉี่คังมาถึงนานแล้ว และกำลังสั่งให้คนงานกลุ่มหนึ่งย้ายแอปเปิลไปที่โกดังใต้ดินของห้างสรรพสินค้า
วันนี้มีงานแจกแอปเปิลฟรี และแอปเปิลในวันนี้ก็มีชื่อว่า “ผลไม้แห่งความสงบสุข”
หลินม่ายเดินเข้าไปหา และรู้สึกพอใจมากเมื่อเห็นแอปเปิลที่จินฉี่คังเตรียมมานั้นผลใหญ่และผิวสวย
จากนั้นเธอมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบด้านความปลอดภัย
วันนี้ลมยังคงแรงมาก จนเกือบจะกลายเป็นพายุไต้ฝุ่นบริเวณชายฝั่งไปแล้ว
สิ่งที่สำคัญมากคือป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนังห้างสรรพสินค้า และเวทีที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้านั้นมีความมั่นคงแข็งแรงพอหรือไม่
หากไม่แข็งแรงแล้วถูกลมพัดกรรโชก มันอาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
เมื่อมาถึงเก้าโมงเช้า ทางเข้าห้างสรรพสินค้าซิงกวงพลาซ่าก็เต็มไปด้วยเสียงฆ้องและกลองที่ดังกระหึ่ม
ในเวลาเดียวกัน เสียงฆ้องและกลองก็ดังขึ้นที่ฉวินกวงพลาซ่าซึ่งอยู่ห่างออกไป 500 เมตร และยังมีทีมเชิดสิงโตได้รับเชิญให้มาทำการแสดง
สิงโตสองตัวกระโดดขึ้นลงบนเสาเหล็ก ดึงดูดผู้คนที่สัญจรไปมารวมถึงลูกค้าห้างสรรพสินค้าจำนวนมากให้หยุดดู
เปรียบเทียบระหว่างห้างสรรพสินค้าทั้งสองแห่งแล้ว ทางเข้าซิงกวงพลาซ่าดูเงียบเหงาวังเวงกว่ามาก
หลินม่ายได้เปลี่ยนเป็นชุดทางการสำหรับพิธีตัดริบบิ้น เธอเดินไปหาจินฉี่คังและพูดว่า “แจกผลไม้แห่งความสงบสุขเถอะ”
จินฉี่คังชะงัก “คุณไม่เก็บผลไม้แห่งความสงบสุขไว้แจกตอนพิธีตัดริบบิ้นเหรอครับ?”
หลินม่ายตอบ “เราจะเริ่มแจกจ่ายส่วนเล็ก ๆ เพื่อดึงดูดผู้คนที่สัญจรไปมาและลูกค้าให้มาฝั่งเรา วันนี้เรากำลังจะเปิดให้บริการ จะปล่อยให้มันเงียบเหมือนป่าช้าไม่ได้”
จินฉี่คังจึงส่งพนักงานสองคนไปทำท่าเป็นลูกค้าและตะโกนเสียงดังที่ฉวินกวงพลาซ่า โดยบอกว่าซิงกวงพลาซ่าจะแจกแอปเปิลฟรีในพิธีตัดริบบิ้น พวกเขาเน้นย้ำว่าแอปเปิลเหล่านั้นเป็นแอปเปิลแดงฟูจิจากซานตง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องรสหวานและกลิ่นหอม
ผู้คนที่กำลังดูการแสดงเชิดสิงโตต่างรีบเร่งด้วยความปั่นป่วน โดยส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปที่ซิงกวงพลาซ่าเพื่อรับแอปเปิล
เมืองเจียงเฉิงไม่เหมือนกับกวางตุ้งและกวางสีที่สามารถหาซื้อผลไม้ได้ตลอดทั้งปี
โดยเฉพาะในฤดูหนาว พวกเขาสามารถซื้อได้เฉพาะผลไม้ที่จัดส่งมาจากต่างมณฑลเท่านั้น
แต่ตอนนี้การคมนาคมไม่สะดวก ค่าขนส่งก็สูงลิ่ว ไม่ว่าผลไม้ชนิดไหนที่ถูกส่งเข้ามาในเมืองเจียงเฉิงล้วนมีราคาแพงมาก
เมื่อฤดูหนาวมาถึง ครอบครัวธรรมดา ๆ หลายครอบครัวแทบไม่สามารถกินผลไม้ได้เลย ยกเว้นในช่วงวันหยุด
ตอนนี้ซิงกวงพลาซ่ากำลังจะแจกแอปเปิลฟรี และยังเป็นสายพันธุ์ชื่อดัง พวกเขาจึงอยากนำกลับไปให้ลูกหลานที่บ้านรับประทาน
จินฉี่คังไม่ได้นำแอปเปิลออกมามากนัก โดยนำออกมาเพียง 3 ตะกร้าใหญ่เท่านั้น ด้วยคนจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามา แอปเปิลจึงถูกแจกจ่ายอย่างรวดเร็ว ขณะที่หลายคนยังคงยื่นมือมาขอแอปเปิล จินฉี่คังใช้โทรโข่งบอกทุกคน “ยังมีแอปเปิลอยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถแจกจ่ายให้ทุกคนได้ เราจะแจกตอนเปิด 10.00 น. มาก่อนก็ได้ก่อน และแจกจนกว่าของจะหมด ดังนั้นอย่าเพิ่งไปไหนกันนะครับ”
ทันทีที่คนเหล่านั้นได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาก็ทยอยมุ่งหน้าไปฉวินกวงพลาซ่าเพื่อชมการแสดงเชิดสิงโตต่อไป
ตอนนี้ยังไม่สิบโมงเช้า ใครจะอยากรอนานขนาดนั้นเพื่อรับแอปเปิลแค่ผลเดียว?
เมื่อเห็นสิ่งนี้ จินฉี่คังก็แก้ไขสถานการณ์ได้อย่างชาญฉลาด “นี่ คุณลุงคุณป้า พี่น้องทั้งหลาย อย่าเพิ่งไปนะครับ เรากำลังจะมีกิจกรรมจับฉลากทางนี้ เรามีแอปเปิลแจก 10 ชุด ตั้งแต่ 2 กิโลกรัมไปจนถึง 10 กิโลกรัม ใครโชคดีจับได้ก็มารับรางวัลได้ทันที”
ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่ามีการจับฉลากแจกแอปเปิลหลายกิโลกรัม ผู้คนก็หยุดเดินอีกครั้ง
ในที่สุดพวกเขาดึงฝูงชนให้มารวมตัวกันจนถึงเวลาเก้าโมงเช้า
พิธีตัดริบบิ้นของซิงกวงพลาซ่าสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!
หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของผู้นำจากหลายจังหวัดและเมืองที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในพิธีตัดริบบิ้น หลินม่ายคงจะยกเลิกพิธีและตรงเข้าสู่ช่วงที่สอง หรือก็คือการแสดงของเหล่าคนดัง
ทันทีที่พิธีตัดริบบิ้นสิ้นสุดลง พนักงานต้อนรับหญิงในชุดกี่เพ้าสีแดงสดก็ถือกล่องจับฉลากและเชิญให้ทุกคนจับรางวัล
ทุกคนเข้าแถวจับสลาก หลังผ่านไป 2 นาที ก็มีคนตะโกนด้วยความดีใจ “ฉันจับได้แล้ว ฉันจับได้แล้ว!”
ทุกคนถามว่าเขาได้แอปเปิลมากี่กิโลกรัม และเขาก็ชูสามนิ้ว “สามกิโลกรัม!”
ไม่ว่าแอปเปิลสามกิโลกรัมจะแพงแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับความรู้สึกดีใจของการถูกรางวัล
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนตื่นเต้นมากขึ้น เนื่องจากทุกคนต่างก็ต้องการเป็นผู้โชคดี
ในขณะที่กิจกรรมจับรางวัลของซิงกวงพลาซ่าดำเนินไปอย่างคึกคัก ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ฉวินกวงพลาซ่า
เนื่องจากลมแรงมาก นักแสดงที่แสดงเชิดสิงโตจึงล้มลงโดยไม่ทันตั้งตัว
หางสิงโตข้างหนึ่งถูกลมพัดออกจากเสาเหล็ก และหัวสิงโตก็ถูกดึงให้ร่วงไปด้วยกัน
แม้คนทั้งสองที่รับบทเป็นหัวและหางของสิงโตจะไม่ได้หัวร้างข้างแตก แต่พวกเขาก็ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ส่งผลให้การแสดงเชิดสิงโตต้องหยุดชะงักลง
เมื่อไม่มีการแสดงให้ดู ผู้ชมไม่กี่คนในฉวินกวงพลาซ่าก็วิ่งไปที่ซิงกวงพลาซ่าเพื่อร่วมจับฉลากรับแอปเปิล
เห็นเช่นนี้ ประธานหวงจึงขอให้ลูกน้องจัดให้ดาราฮ่องกงและไต้หวันขึ้นแสดงบนเวทีเพื่อดึงดูดคนกลับมา
เมื่อทุกคนเห็นการแสดงของดาราฮ่องกงและไต้หวันในฉวินกวงพลาซ่า พวกเขาก็อยากจะวิ่งกลับไปดู
จินฉี่คังรีบพูดเสียงดัง “กิจกรรมจับรางวัลรอบแรกได้สิ้นสุดลงแล้ว ต่อไปเราจะมีการแสดงการละเล่นโดยอาจารย์เฉินและอาจารย์จู ซึ่งการจับรางวัลรอบที่สองและสามจะเกิดขึ้นในระหว่างการแสดง”
เมื่อทุกคนได้ยินว่า พวกเขาไม่เพียงสามารถชมการแสดงของเฉินเพ่ยเพ่ยและจูเม่าเม่าเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการจับรางวัลรับแอปเปิลด้วย พวกเขาทั้งหมดจึงถูกตรึงอยู่กับที่
แม้ทางฉวินกวงพลาซ่าจะจ้างดาราฮ่องกงและไต้หวันระดับสามมา และในช่วงปี 1980 ไม่ต้องพูดถึงดาราฮ่องกงและไต้หวันระดับสามเลย แม้แต่ดาราฮ่องกงและไต้หวันระดับสิบแปดก็ยังได้รับความนิยมอย่างมากในแผ่นดินใหญ่
ทว่า…
ดาราดังชาวฮ่องกงและไต้หวันแสดงบนเวทีด้วยความกระตือรือร้นมานานกว่าสิบห้านาที ประธานหวงยังสั่งให้ระบบเสียงเพิ่มระดับเสียงสูงสุดอีกด้วย กระนั้นจำนวนคนที่รับชมการแสดงก็ยังมีน้อยกว่าหนึ่งในสามของผู้คนในซิงกวงพลาซ่า ใบหน้าของประธานหวงเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับตับหมูด้วยความหงุดหงิด
เขาพาลูกน้องหลายคนไปที่ซิงกวงพลาซ่า
เขาอยากเห็นว่าการแสดงของเฉินเพ่ยเพ่ยและจูเม่าเม่านั้นน่าดึงดูดสักแค่ไหน ทำไมถึงมีผู้คนจำนวนมากยืนดูและระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่น
หลังจากมาถึงเวทีชั่วคราวและยืนดูอยู่สักพัก เขาพบว่าการแสดงของเฉินเพ่ยเพ่ยและจูเม่าเม่านั้นทำได้ดีมาก
สิ่งที่พวกเขาแสดงคือผลงานชิ้นใหม่
บอกเล่าเรื่องราวของคนหนุ่มสาวหลายคนที่ช่วยเหลือเด็กยากจนและป่วย
เดิมทีมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่คนดังทั้งสองคนนี้ก็ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาในลักษณะที่อบอุ่นและตลกขบขัน
การละเล่นยังสื่อข้อความว่าการยกย่องคนดังไม่มีประโยชน์ แต่การช่วยเหลือผู้อื่นคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้นอย่างแท้จริง
ประธานหวงและลูกน้องของเขาหัวเราะเสียงดังในตอนแรก แต่เมื่อผ่านไปได้ครึ่งทาง พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับพวกเขาที่ถูกล้อเลียนอย่างแนบเนียน พวกเขาจึงเดินจากไปด้วยความโกรธเคือง
ทันทีที่กลุ่มคนจากฉวินกวงพลาซ่าปรากฏตัว หลินม่ายก็สังเกตเห็นพวกเขา
เธอมองดูร่างที่ถอยกลับและยิ้มเยาะ
คนเหล่านั้นประเมินอิทธิพลของอาจารย์เฉินและอาจารย์จูในจีนแผ่นดินใหญ่ต่ำเกินไป
แม้ว่าพวกเขาจะถอนตัวออกจากวงการบันเทิงในภายหลัง แต่หลายปีต่อมา พวกเขาก็ยังสร้างตำนานในวงการบันเทิงอยู่เรื่อยๆ
การมีบุคคลสำคัญสองคนนี้เข้าร่วมงานสามารถดึงดูดผู้ชมจำนวนมากให้มาชมการแสดงได้อย่างแน่นอน
การรับบทบาทเป็นตัวละครธรรมดา ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นความจริงอันลึกซึ้ง
ไม่มีภาพร่างใดของพวกเขาล้อเลียนผู้ด้อยโอกาส ซึ่งหลินม่ายรู้สึกเคารพเป็นอย่างมาก
ในตอนแรก หลินม่ายแค่อยากลองดูและขอให้คนทั้งสองคนมาช่วย
คนดังทั้งสองคนนี้มีชื่อเสียงในความมีจิตใจดีและมีศีลธรรม ว่ากันว่าพวกเขามาโดยไม่ลังเลใจแม้จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตัวเองทั้งหมดเพื่อเห็นแก่เด็กป่วยหนักที่มีฐานะยากจน
อย่างไรก็ตามหลินม่ายได้บริจาคเงินหนึ่งล้านหยวนในนามของพวกเขาเพื่อช่วยเหลือเด็กยากจนที่ป่วยหนัก แต่นั่นเป็นเรื่องราวในภายหลัง
ต้องขอบคุณอิทธิพลของคนดังทั้งสองคนนี้ ทำให้จำนวนผู้ที่มาเยี่ยมชมซิงกวงพลาซ่ามีมากกว่าผู้ที่ฉวินกวงพลาซ่าอย่างมาก
นอกจากนี้หลังจากที่มีพิธีเปิดก็มีคำสัญญาว่าจะให้แอปเปิลฟรี ผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงจึงแห่กันไปที่ซิงกวงพลาซ่ามากขึ้น
ซิงกวงพลาซ่าเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
ประธานหวงนั่งอยู่ในห้องทำงานอันหรูหราของเขาด้วยสีหน้าหม่นหมอง หนึ่งในลูกน้องของเขาชื่อจี้กั๋วโหย่วรีบเข้ามาบอกเขาว่า ในเมื่อซิงกวงพลาซ่าดึงดูดความสนใจอย่างมากด้วยการแจกแอปเปิล บางทีพวกเขาควรพิจารณาทำแบบเดียวกันที่ฉวินกวงพลาซ่า
ประธานหวงพูดด้วยความโกรธ “พวกมันคงเตรียมแอปเปิลไว้นานแล้ว โดยที่พวกไร้ประโยชน์อย่างคุณเพิ่งจะรู้ตัว! คิดว่าเราจะซื้อแอปเปิลได้ภายในครึ่งชั่วโมงเหรอ? ถ้าซื้อไม่ได้ก็ลืมมันซะ!”
จี้กั๋วโหย่วแนะนำ “ไม่งั้นเราขับรถบรรทุกไปที่ตลาดขายส่งผลไม้ก็ได้ มันใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงครับ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อจี้กั๋วโหย่วและลูกน้องทั้งสองของเขาไปที่ตลาดขายส่งผลไม้ พวกเขาก็ตระหนักว่าราคาขายส่งสำหรับแอปเปิลฟูจิแดงเกรดหนึ่งจากซานตงที่ขายในเมืองเจียงเฉิงนั้นไม่ถูกเลย มันมีค่าใช้จ่ายหลายหมื่นหยวนสำหรับการซื้อให้เต็มรถบรรทุก
จี้กั๋วโหย่วลังเลเล็กน้อย
ลูกน้องทั้งสองพูดว่า “มันก็แค่ของแจก ทำไมต้องซื้อของดีขนาดนี้ล่ะ? ซื้อแบบธรรมดาไปก็พอแล้ว”
จี้กั๋วโหย่วเห็นด้วยกับคำพูดลูกน้องของเขา และซื้อแอปเปิลธรรมดาไปมากมาย
ในเวลานี้การแสดงของคนดังทั้งสองได้สิ้นสุดลงแล้ว เป็นเวลาเดียวกับที่จี้กั๋วโหย่วนำแอปเปิลกลับมา เขาสั่งการลูกน้องทันที โดยให้แจกแอปเปิลในลักษณะเดียวกันกับผลไม้แห่งความสงบสุขของซิงกวงพลาซ่า
แต่เวลาล่วงเลยไปเกือบห้าโมงเย็น ผู้คนที่แวะเวียนมายังฉวินกวงพลาซ่าก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย แต่กลับซบเซาย่ำแย่กว่าในช่วงเช้าอีกด้วย
ประธานหวงไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป และไปที่ซิงกวงพลาซ่าอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุ
ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปในประตูซิงกวงพลาซ่า พวกเขาได้ยินเสียงป้าสองสามคนข้างหน้าคุยกันขณะเดิน
ป้าคนหนึ่งพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าฉวินกวงพลาซ่าเป็นองค์กรที่ได้รับทุนสนับสนุนจากต่างประเทศ วิสาหกิจที่ได้รับทุนสนับสนุนจากต่างประเทศควรจะร่ำรวย แต่ดูผลไม้ที่พวกเขาแจกสิ มีแต่ผลไม้คุณภาพแย่ๆ ทั้งนั้น แอปเปิลลูกเล็กไม่พอนะ แต่พวกมันยังมีหนอนเจาะด้วย น่าเกลียดมาก!”
ป้าอีกคนทำหน้ามุ่ย “พวกเขาไม่แม้จะแจกแอปเปิลดี ๆ เลยด้วยซ้ำ ฉันเริ่มสงสัยแล้วสิว่าคำสัญญาที่ให้บริการหลังการขายสำหรับเครื่องใช้ในบ้านที่ฉวินกวงพลาซ่าขายจะไม่น่าไว้วางใจเสียแล้ว”
ป้าใหญ่อีกคนพูดขึ้น “ฉันวางแผนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสินสอดให้ลูกสาว และกำลังคิดว่าจะซื้อพวกมันจากโรงงานทีวีเซิงซื่อที่ขายในซิงกวงพลาซ่า ซิงกวงพลาซ่าเป็นของว่านทงกรุ๊ปที่ดูค่อนข้างน่าเชื่อถือ นอกเหนือจากนั้นดูแอปเปิลที่พวกเขานำมาแจกสิ พวกมันล้วนเป็นพันธุ์แอปเปิลแดงฟูจิจากซานตงที่ลูกใหญ่และสีแดงสวย”
“ถูกต้อง ถูกต้อง!” ป้าใหญ่อีกหลายคนเห็นด้วย
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ประธานหวงก็เปรียบเทียบผลไม้แห่งความสงบสุขจากฉวินกวงพลาซ่าของเขาและซิงกวงพลาซ่าของหลินม่าย จากนั้นเขาแทบระเบิดด้วยความโกรธ
ความแตกต่างระหว่างผลไม้แห่งความสงบสุขทั้งสองแห่งนั้นห่างชั้นหลายเท่าตัว
เขาอยากจะยิงจี้กั๋วโหย่วทิ้งทันที
จี้กั๋วโหย่วเดินเข้ามาก้มศีรษะกล่าว “ประธานหวง โปรดอย่าโมโหไปเลยครับ แม้ว่าผมอาจจัดการผลไม้แห่งความสงบสุขได้ไม่ดี แต่ก็มีคนอื่นที่จะจัดการกับซิงกวงพลาซ่าแทนเราแล้ว”
ประธานหวงเหลือบมองเขาอย่างไร้ความกรุณา “แกหมายถึงใคร?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อยากชนะก็จัดมาตรการความปลอดภัยและมอบความจริงใจให้ผู้บริโภคให้ได้ก่อน
ไหหม่า(海馬)