แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1005 สวี่เมิ่งแท้ง
ตอนที่ 1005 สวี่เมิ่งแท้ง
ตอนที่ 1005 สวี่เมิ่งแท้ง
เสิ่นเสี่ยวผิงแจ้งตำรวจข้อหากรรโชกทรัพย์ทันที
ในช่วงทศวรรษที่ 1980 เงิน 4,000 หยวนไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเลย เวลานี้ตำรวจเริ่มทำคดีและสืบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาล และเหยื่ออย่างซิ่วหลิง
หลังจากได้รับหลักฐานและการให้ปากคำชัดเจนแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปบ้านของแม่สามีซิ่วหลิงเพื่อจับกุม
โดยบอกกล่าวว่าหากทั้งหมดไม่คายเงิน 4,000 หยวนที่กลืนลงไปออกมา ผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดจะถูกลงโทษ
แม่สามีของซิ่วหลิงนึกคิดว่าตราบใดที่นางยอมเข้าคุก นางก็จะไม่ต้องสูญเสียเงิน 4,000 หยวนนี้ไป
นางตบหน้าอกตัวเองก่อนจะกล่าวว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของตนเพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่ไม่คาดคิดว่าหลังจากสารภาพไปแล้ว ตำรวจยังต้องการเงิน 4,000 หยวนอยู่
ก่อนหน้านี้ตำรวจคิดไว้ว่าครอบครัวแม่สามีของซิ่วหลิงควรจะมอบเงินกลับคืนโดยสมัครใจ หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาจะยอมยกเว้นโทษให้กับทั้งครอบครัวนี้ แต่ว่าแม่สามีของซิ่วหลิงกลับกระทำไปอีกแบบ
ตอนนี้ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว ไม่เพียงแต่ต้องคายเงิน 4,000 หยวนออกมา แต่แม่สามีซิ่วหลิงยังต้องเข้าคุกด้วย
ลูกชายทั้งสองผู้สมรู้ร่วมคิดก็ไม่ได้ปลอดภัยเพียงแค่ผู้เป็นแม่ยอมสารภาพผิดทั้งหมด
สุดท้ายตำรวจจับกุมพวกเขาที่กระทำความผิดและมีหลักฐานรัดกุมแน่นหนา ไม่ใช่เพราะคำพูดของใคร
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และซิ่วหลิงให้การว่าพี่ชายของสามีต่างมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการขโมยเงินคราวนี้ ทั้งคู่จึงถูกลงโทษไปด้วย
ใน 4,000 หยวน แม่สามีซิ่วหลิงใช้เงินไปแล้ว 1,300 หยวน
นางใช้เงิน 1,000 หยวนเพื่อสร้างบ้านให้กับลูกชายทั้งสองคนของตน คนละหนึ่งห้อง
แน่นอนว่าอาคารที่ถูกสร้างขึ้นก็ถูกส่งมอบให้กับเขตพื้นที่นั้น ๆ ก่อนจะถูกส่งขายทอดตลาด และรายได้ตกเป็นของหลินม่าย
ศาลประมูลบังกะโลหลังเล็กราคา 1,000 หยวนที่ราคา 700 หยวน แน่นอนว่ามันถูกคนในหมู่บ้านเดียวกันซื้อไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนอีก 300 หยวน แม่สามีซิ่วหลิงใช้เงินนี้เป็นสินสอดให้กับลูกชายทั้งสองคนหมั้นหมาย
ตำรวจบุกไปที่บ้านของผู้หญิงคนนั้นก่อนจะยึดคืนสินสอดทั้งหมด
เหตุการณ์นี้สร้างความอื้อฉาวไปทั่ว ไม่มีใครกล้าแต่งงานกับพี่ชายของสามีซิ่วหลิงอีกต่อไป เพราะพวกเขาเกรงว่าของหมั้นหมายจะถูกยึดคืนจากตำรวจ มันน่าอับอายเกินไป!
แม่สามีซิ่วหลิงถึงกับตกตะลึง
หลังจากพยายามอย่างหนัก นางไม่ได้ใช้เงินสักแดง และลูกชายสองคนของนางก็ถูกคว่ำบาตร กลายเป็นตัวตลกให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะ
ผ่านไปครึ่งเดือน เสิ่นเสี่ยวผิงยุติเรื่องราวทั้งหมดได้ และสวี่เมิ่งก็หายป่วยแล้ว หล่อนกับครอบครัวกำลังจะกลับบ้าน
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางรออยู่ที่บ้านด้วยความตื่นเต้น สุดท้ายแล้วแม้สวี่เมิ่งจะทำตัวเหลวแหลกแค่ไหน แต่หล่อนก็ยังเป็นหลานสาวของพวกเขา
เวลานี้ฟางจิ้งเสียนบอกกล่าวว่าสวี่เมิ่งไม่ต้องการกลับประเทศจีน หล่อนหนีไปถึงสองครั้งแต่ถูกเสี่ยวจินและเสี่ยวถังจับกุมตัวกลับมาได้
เมื่อเห็นว่าไม่มีความหวังจะหลบหนีได้อีกแล้ว สวี่เมิ่งจึงอดอาหารประท้วงและต้องการจะตายจากความหิวโหย
คุณปู่ฟางโกรธมากก่อนจะบอกให้ฟางจิ้งเสียนและสามีของหล่อนหายาระงับประสาทให้เด็กสาวกิน และลากหล่อนกลับบ้านมาให้ได้
หลินม่ายส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้
เพราะหากด่านตรวจต่างประเทศพบว่าสวี่เมิ่งมีอาการผิดปกติ และสวี่เมิ่งใช้โอกาสนี้ทำตัววุ่นวาย ฟางจิ้งเสียนและสามีอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ อาจถึงขั้นติดคุกก็ว่าได้
หลินม่ายตัดสินใจบินไปอเมริกาอีกครั้ง และหาทางพาสวี่เมิ่งกลับบ้าน
หลังจากเดินทางสองสามวัน หลินม่ายออกจากสนามบินเจเอฟเค และเรียกแท็กซี่กลับไปที่วิลล่าของตัวเอง
ผ่านไปครึ่งทาง หลินม่ายก็เห็นชายหนุ่มและหญิงสาวคล้ายคลึงกับคนเอเชียยืนยื้อยุดกันอยู่ข้างถนน
พูดให้ถูกก็คือหญิงสาวคนนั้นกำลังตามตื้อผู้ชาย ขณะที่ฝ่ายชายผลักหญิงสาวลงไปกองบนพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า
ผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะคว้ามือแขนของผู้ชายเอาไว้ ดูเหมือนหล่อนจะไม่ยินดีที่จะปล่อยเขาไป
ฝ่ายชายรู้สึกหมดความอดทนเต็มที เขาออกแรงเตะท้องของหญิงสาวจนหล่อนจุกตัวงอและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก
ใช่แล้ว หลินม่ายจดจำได้ หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่ใคร แต่เป็นสวี่เมิ่ง
เธอรู้สึกปวดหัวกับสวี่เมิ่งมาก หล่อนแอบหนีออกมาอีกแล้วเหรอ?
โชคดีที่เธอพบหล่อนระหว่างทาง ไม่อย่างนั้นพี่จินและพี่ถังคงต้องไปตามหาหล่อนที่สวรรค์หรือนรกแทน
คนอะไรทำไมงี่เง่าขนาดนี้!
เธอบอกกล่าวให้คนขับรถหยุด ก่อนจะเปิดประตูและพยายามจะลงจากรถ คนขับหันกลับมา “คิดจะชิ่งกันเหรอ?”
หลินม่ายจ่ายค่าโดยสารทันทีก่อนจะหันมองชายที่ทำร้ายสวี่เมิ่ง แต่ว่าชายคนนั้นหายตัวไปแล้ว
หลินม่ายเข้าไปช่วยสวี่เมิ่ง เวลานี้เธอเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาจากช่วงล่างของหล่อน จึงถามออกมาด้วยความตื่นตระหนก “เธอท้องเหรอ?”
สวี่เมิ่งหลั่งน้ำตาก่อนจะพยักหน้ารับ
หลินม่ายรู้สึกเสียใจมากที่ประมาทและไม่ได้บอกกล่าวให้โรงพยาบาลตรวจสอบการตั้งครรภ์ด้วย
เธอคิดว่าโสเภณีควรจะมีการป้องกันตัวเอง และไม่ปล่อยให้ตัวเองตั้งครรภ์ แต่ว่าสวี่เมิ่งกลับสามารถตั้งครรภ์ได้
หลินม่ายถามเสี่ยงต่ำ “รู้ตัวไหมว่าท้อง?”
สวี่เมิ่งพยักหน้า “รู้”
หลินม่ายตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “แล้วทำไมถึงไม่บอกพวกเรา?”
“ฉันกลัวว่าถ้าพวกคุณรู้แล้วพวกคุณจะไม่ยอมให้ฉันเก็บเด็กคนนี้ไว้ ฉันอยากเก็บเขาไว้”
หลินม่ายไม่เข้าใจ “ทำไม?”
สวี่เมิ่งเม้มปากแน่นและไม่ตอบ เวลานี้น้ำตาของหล่อนไหลพรากเป็นเขื่อนแตก
หลินม่ายพาสวี่เมิ่งไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
แต่สุดท้ายแพทย์บอกกล่าวกับพวกเขาด้วยสีหน้าโศกเศร้าว่าเด็กในท้องของสวี่เมิ่งไม่อยู่แล้ว
สวี่เมิ่งยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความขมขื่น “ไม่เป็นไรหรอก…” หลังพูดอย่างนั้น หล่อนก็ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง รับชมทิวทัศน์เยือกเย็นในฤดูใบไม้ร่วง
หลินม่ายเหลือบมอง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และไม่มีอะไรอยากจะถาม
ทุกคนมีความเจ็บปวดในใจ แม้อยากจะลืม แต่กลับจำ แม้อยากจะหนีแค่ไหน แต่อดีตจะอยู่ในใจเสมอไป
โรงพยาบาลในอเมริกา แม้แต่โรงพยาบาลเอกชนก็ยังมีความหยาบคายไม่น้อย
ตราบใดที่สุขภาพของผู้ป่วยถือว่ามั่นคง โรงพยาบาลจะทำการผ่าตัดโดยไม่ยอมให้ผู้ป่วยฟื้นตัวใด ๆ
เวลานี้แพทย์แนะนำสวี่เมิ่งให้ทำการขูดมดลูก หลินม่ายถึงกับตกตะลึง
หลังจากแพทย์ทำการขูดมดลูกให้สวี่เมิ่งเสร็จแล้ว แพทย์ก็ให้หล่อนกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้
หลินม่ายพาสวี่เมิ่งกลับมาที่วิลล่า ฟางจิ้งเสียนและคนอื่น ๆ กำลังวุ่นวายอย่างหนัก
เมื่อเห็นสวี่เมิ่งกลับมา ฟางจิ้งเสียนโกรธจัดด้วยความเป็นห่วง หล่อนตบหน้าสวี่เมิ่งอย่างไม่อาจอดทน “นังเด็กบ้า แกกล้าหนีไปได้ยังไง แกวางยานอนหลับพวกฉันแล้วก็หนีไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า! ลุงจินกับลุงถังติดตามไป แกก็สลัดเขาทิ้งได้! แกรู้ไหมว่าพวกเราเป็นห่วงแค่ไหน ฉันกับพ่อของแกต้องทรมานแค่ไหนทุกครั้งที่แกหนีออกไปอย่างนี้!”
สวี่เมิ่งไม่หลบหนีหรือป้องกันตัว กลับยอมให้ฟางจิ้งเสียนทุบตี
เห็นฟางจิ้งเสียนจะทุบตีลูกสาว หลินม่ายรีบแยกแม่ลูกออกจากกันทันที
แม้สวี่เมิ่งสมควรถูกทุบตี แต่หล่อนเพิ่งแท้งและถูกขูดมดลูกมา จึงจำเป็นต้องได้รับการพักผ่อน
หลังจากสวี่เมิ่งฟื้นตัวแล้ว หากฟางจิ้งเสียนคิดทุบตีต่อ หลินม่ายก็จะไม่ทักท้วง
หลินม่ายคว้าฟางจิ้งเสียนที่ดิ้นพล่านอย่างต้องการจะทุบตีสวี่เมิ่งก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าเข้ม “คุณอาคะ ไว้สอนบทเรียนให้สวี่เมิ่งภายหลังเถอะค่ะ เมื่อกี้หล่อนเป็นลมข้างถนน ฉันพาหล่อนไปตรวจที่โรงพยาบาลมา แพทย์บอกว่าหล่อนป่วยเป็นโรคโลหิตจางเฉียบพลัน จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ถ้าไม่รักษาให้หายดีภายในเดือนนี้”
สวี่เมิ่งหันมองหลินม่ายด้วยความประหลาดใจ
เดิมทีหล่อนคิดว่าหลินม่ายจะบอกพ่อกับแม่เรื่องที่หล่อนท้อง เพราะหล่อนไม่ได้บอกกล่าวอีกฝ่ายว่าให้ปกปิดเป็นความลับ แต่ไม่คาดคิดว่าหลินม่ายจะปกปิดเรื่องนี้ให้กับหล่อน
หล่อนรู้สึกประทับใจหลินม่ายขึ้นมาทันที
ฟางจิ้งเสียนตื่นตระหนกพร้อมถามออกมาด้วยความหวาดกลัวว่ามีหนทางรักษาหรือไม่
หล่อนทรุดตัวลงพร้อมคุกเข่าต่อหน้าหลินม่าย “ม่ายจื่อ ฉันรู้ว่าเธอกับสามีใช้เงินจำนวนมากเพื่อตามหาสวี่เมิ่ง แต่ฉันมีลูกสาวแค่คนเดียวคือเมิ่งเมิ่ง ได้โปรดช่วยรักษาเมิ่งเมิ่งของฉันด้วยเถอะนะ”
หลินม่ายพยุงตัวหล่อนขึ้นก่อนจะพูดว่า “โรคนี้เกิดขึ้นเพราะภูมิคุ้มกันตกเฉียบพลัน ไม่มียารักษาหรอกค่ะ เราต้องพาหล่อนกลับไปรักษาที่ประเทศของเรา”
ฟางจิ้งเสียนกลายเป็นหวาดกลัว “แล้ว… เมิ่งเมิ่งจะ…”
“ถึงไม่มีทางรักษาให้หายขาด แต่โรคนี้สามารถหายได้ด้วยการดูแลตัวเอง ตราบใดที่ภูมิคุ้มกันกลับมาแข็งแรงภายในหนึ่งเดือน โรคนี้ก็จะดีขึ้นค่ะ”
หลินม่ายพูดต่อ “มันขึ้นอยู่กับโชคของคนป่วยด้วย บางทีสวี่เมิ่งอาจจะโชคดีก็ได้นะคะ?”
สวี่เมิ่งอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นหลินม่ายพยายามปกป้องหล่อนอย่างจริงจัง
แต่เมื่อเห็นว่าพ่อแม่ของตนที่มีผมหงอกเต็มศีรษะกำลังร่ำไห้อย่างนั้น หล่อนก็ไม่สามารถเปล่งเสียงหัวเราะออกมาได้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สมค่า โลภมากยึดเงินคนอื่น สุดท้ายไม่ได้ใช้สักหยวน
เอ้า ท้องด้วย ปล่อยให้ท้องเพื่อจับผู้ชาย แต่ผู้ชายก็หนี แบบนี้เหรอ?
ไหหม่า(海馬)