แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1004 พบเจอซิ่วหลิง
ตอนที่ 1004 พบเจอซิ่วหลิง
ตอนที่ 1004 พบเจอซิ่วหลิง
หลังจากเดินทางมายาวนานหลายวัน ในที่สุดหลินม่ายก็ได้กลับมายังเมืองหลวงอีกครั้ง
แต่ก่อนจะกลับมา เธอได้บอกกล่าววันเวลาคร่าว ๆ กับฟางจั๋วหรานไว้ เพราะมันไม่ใช่การระบุเวลาที่แน่นอน ฟางจั๋วหรานจึงไม่สามารถมารับเธอได้
บนเครื่องบินเสิร์ฟอาหารตะวันตกตลอดเส้นทาง และหลินม่ายไม่ค่อยชอบรสชาติของอาหารตะวันตกนัก
หลังออกจากสนามบินแล้ว เธอนั่งแท็กซี่และขอให้คนขับขับช้าลงสักหน่อยเพื่อจะดูว่าริมถนนมีอาหารอะไรที่เธอต้องการหรือไม่
ความจริงแล้วเธอชอบอาหารแผงลอยริมทาง และชอบรสชาติเผ็ดร้อนของพริกมาก
แท็กซี่ขับมาจนถึงใจกลางเมือง หลินม่ายขอให้เขาหยุดรถ
หลังจากจ่ายค่าโดยสาร เธอลากกระเป๋าเดินทางของเธอไปตามเส้นทาง เวลานี้เธอกำลังเดินบนถนนซีอานและมองอาหารบนแผงลอยต่าง ๆ
ผู้หญิงที่ยืนขายโร่วเจียโหมวสวมใส่เสื้อคลุมบุฝ้ายหนา หล่อนจัดเตรียมโร่วเจียโหมวอย่างประณีตท่ามกลางลมหนาว
เด็กหญิงอายุหกหรือเจ็ดขวบนั่งขายนมถั่วเหลือง ใบหน้าของหล่อนแดงก่ำเพราะลมหนาว
เมื่อเห็นว่ามีแขกมาเยือนแผงของตน ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นก่อนจะยิ้มกว้าง “รับโร่วเจียโหมวสักชิ้นไหมคะ?”
หลังพูดจบ หญิงสาวคนนั้นตกตะลึงก่อนจะร้องอุทาน “น้องสาว!”
หล่อนจำได้ว่าหลินม่ายคือผู้หญิงใจดีที่มอบเงิน 5,000 หยวนช่วยเหลือตนไว้ที่โรงพยาบาล
หลินม่ายมาเยี่ยมแผงขายอาหารของหล่อน เพราะเธอเองก็จดจำอีกฝ่ายได้เช่นกัน เพราะเหตุผลนี้เธอจึงบอกให้แท็กซี่จอดรถ
ผู้หญิงคนนั้นพลันตระหนักได้ว่าการเรียกขานหลินม่ายว่าน้องสาวคงจะไม่เหมาะสมนัก
หล่อนยกยิ้มด้วยความละอายใจก่อนจะถามว่า “คุณหลิน ไปไหนมาเหรอคะ เห็นมีกระเป๋าเดินทางมาด้วย?”
ขณะพูดอย่างนั้น หล่อนก็ยื่นโร่วเจียโหมวร้อน ๆ ให้กับหลินม่าย
“ไปต่างประเทศมา” หลินม่ายตอบสั้น ๆ ก่อนจะกัดกินโร่วเจียโหมวคำหนึ่งแล้วถามต่อว่า “คุณมาจากเขตถงกวนเหรอ?”
ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้า “คุณจำสำเนียงฉันได้เหรอคะ?”
หลินม่ายส่ายศีรษะ “ไม่หรอก ฉันไปฉ่านซีบ่อยมาก แยกสำเนียงไม่ออกหรอก แต่ที่ฉันรู้เพราะกินโร่วเจียโหมวของคุณต่างหาก”
เธอกัดโร่วเจียโหมวอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “มีแค่โร่วเจียโหมวของถงกวนเท่านั้นที่จะปิ้งแป้งให้ร้อนก่อนสอดไส้ด้วยเนื้อเย็น”
หลินม่ายไม่เพียงแต่จะรู้จักโร่วเจียโหมวของถงกวนเท่านั้น แต่เธอยังรู้จักโร่วเจียโหมวของพื้นที่อื่น ๆ ด้วย
เพียงโร่วเจียโหมวชิ้นเล็กๆ ก็มีมากมายหลากหลายแบบแล้ว
เธอพูดคุยกับผู้หญิงคนนั้นถึงโร่วเจียโหมวชนิดอื่น ๆ ก่อนจะมองท้องของอีกฝ่ายแล้วถามต่อว่า “เอ๊ะ ดูเหมือนคุณจะไม่ได้ท้องแล้ว?”
หลินม่ายเลือกแผงขายของของหญิงสาวคนนี้ ไม่เพียงแต่จะกินโร่วเจียโหมวเท่านั้น แต่ยังต้องการถามไถ่อีกฝ่ายถึงการเริ่มธุรกิจในเมืองหลวงด้วย
ผู้หญิงคนนั้นตกใจสักครู่ก่อนจะเข้าใจว่าหลินม่ายหมายถึงอะไร หล่อนยกยิ้มพร้อมพยักหน้า
หลินม่ายหยุดกินโร่วเจียโหมวก่อนจะถามว่า “คุณไม่ได้อยู่เดือนแล้วเหรอถึงออกมาขายของได้?”
“ค่ะ!” หญิงหน้ากลมยกยิ้ม “หลังจากคุณให้เงินกับฉัน เมื่อไม่กี่เดือนก่อนฉันก็คลอดลูก แล้วตอนนี้ลูกของฉันอายุเกือบสองเดือนแล้วค่ะ”
“เด็กชายหรือเด็กหญิง?”
“เด็กหญิงค่ะ”
หลินม่ายกล่าวอย่างอ่อนใจ “ถึงจะออกจากการอยู่เดือนแล้ว แต่วันนี้ก็หนาวมาก ฉันคิดว่าคุณควรจะออกมาขายของหลังพ้นฤดูหนาวไป”
หญิงสาวยกยิ้มขมขื่นก่อนจะตอบกลับ “ถ้าฉันไม่ทำ ลูกสาวทั้งสี่คนและแม่ของฉันก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องหรอกค่ะ”
หลินม่ายนึกถึงทัศนคติของแม่สามีอีกฝ่าย และรู้สึกว่าไม่สามารถช่วยเหลือได้จริงๆ ท้ายสุดก็พูดว่า “ฉันก็ให้เงินคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ใช้มันเพื่อข้ามความยากลำบากนี้เสียก่อนมันจะสายเกินไป การสร้างรายได้ก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่หากสุขภาพย่ำแย่ในอนาคตคุณจะลำบาก ส่วนแม่ของคุณ คุณปล่อยหล่อนไปเถอะ หล่อนมีลูกชายแล้วถึงสามคน ให้ลูกชายพวกนั้นเลี้ยงดู!”
หญิงคนนั้นตระหนักได้ว่าหลินม่ายเข้าใจผิดจึงอธิบายว่า “ฉันพูดถึงแม่ของฉันค่ะ ไม่ใช่แม่สามี ฉันออกมาทำการค้ากับลูกสาวคนโต เด็กน้อยบางคนต้องมีคนดูแล ฉันเลยขอให้แม่มาช่วยดูแลลูกให้ในช่วงนี้ค่ะ”
“ส่วนเงินที่คุณให้ฉัน…” หญิงสาวถึงกับลังเลเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้
“หลังจากแม่สามีเห็นว่าฉันคลอดบุตรสาวออกมาอีกคน ท่านโกรธมากและเอาเงินทั้งหมดไป
ถ้าไม่ใช่เพราะเวลานั้นที่อยู่ในโรงพยาบาลฉันแอบกันเงินไว้ 1,000 หยวน ฉันคงไม่มีเงินจ่ายค่าทำคลอดและไม่มีเงินเพียงพอที่จะอยู่ในเมืองหลวง”
หล่อนยิ่งรู้สึกผิดมากเมื่อกล่าวถึงตรงนี้ “ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้คุณผิดหวัง ตรงที่ไม่อาจรักษาเงินนั้นไว้ได้”
หลินม่ายตอบกลับ “เงินนั้นฉันให้คุณแล้ว มันไม่ควรตกไปอยู่ในมือของครอบครัวแม่สามีสิ ไปเอาคืนมา!”
ผู้หญิงคนนั้นส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่อยากจะไปยุ่งกับพวกเขาอีกแล้ว ตอนนี้ฉันจะหาเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเพื่อเลี้ยงดูแม่กับลูก ๆ ของฉัน”
หล่อนขายโร่วเจียโหมวต่อสองสามชิ้นก่อนจะเล่าต่อว่า “พ่อของฉันตายเร็วไปหน่อย และแม่ของฉันก็เลี้ยงฉันมาตัวคนเดียว มันเลยไม่ง่ายที่เราจะรอดชีวิตกันมาได้ ตัวฉันอยากจะเลี้ยงดูแม่หลังจากแต่งงาน แต่ฝ่ายญาติสามีไม่ยินยอม ตอนนี้ฉันเลิกยุ่งกับครอบครัวของสามีแล้ว และพาแม่มาอยู่กับฉัน ฉันจะได้ดูแลแม่ได้สักที ไม่มีใครต่อว่าฉันได้แล้วล่ะค่ะ ถ้าฉันกลับไปบ้านสามีเพื่อเอาเงิน 5,000 หยวนคืน ฉันก็คงไม่อาจพาแม่ไปอยู่ด้วยได้”
“เธอดูแลแม่ของตัวเองเป็นเรื่องถูกต้อง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลว่าทำไมถึงยอมให้แม่สามีขโมยเงินไป”
ผู้หญิงคนนั้นยกยิ้ม “ตราบใดที่ฉันหลุดพ้นจากครอบครัวสามี ฉันก็มีแรงต่อสู้กับทุกอย่างแล้วล่ะค่ะ”
“ต่อให้เธอจะยอมแพ้ แต่ฉันไม่” หลินม่ายพูดต่อ “ถ้าเธอไม่ต้องการเงินจำนวนนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ฉันจะไม่ให้เงินจำนวนนั้นตกอยู่ในมือของครอบครัวสามีเธอเด็ดขาด ฉันอยากจะบริจาคเงินให้กับผู้คนที่เดือดร้อนจริง ๆ เท่านั้น”
หญิงสาวคนนั้นพยักหน้ารับ “ค่ะ”
“อย่างนั้นฉันต้องการให้เธอเป็นพยานว่าเงิน 5,000 หยวนที่ฉันให้เธอไปถูกครอบครัวของสามีขโมยไป 4,000 หยวน”
หญิงคนนั้นพยักหน้า “ค่ะ”
หลินม่ายบอกให้หล่อนไปอยู่ในสถานที่อุ่น ๆ และอยู่เดือนให้ครบกำหนด มิฉะนั้นจะทรมานเมื่อถึงยามแก่เฒ่า
ผู้หญิงคนนั้นยิ้ม “เข้าใจแล้วค่ะ ฉันมีลูกสาวสี่คนและแม่หนึ่งคนที่ต้องเลี้ยงดู ฉันจะไม่ทำให้ตัวเองต้องล้มลงแน่นอน”
เวลานี้ หญิงสาวชาวนาอายุกว่าห้าสิบปีอุ้มทารกที่ถูกห่อไว้แน่นหนาเดินเข้ามา
นางกล่าวกับหญิงขายโร่วเจียโหมวว่า “ซิ่วหลิง ถึงเวลาให้นมแล้ว”
ซิ่วหลิงรับเด็กจากมือของหญิงชราคนนั้นก่อนจะเริ่มให้นมเด็กน้อย ก่อนจะหันมาแนะนำกับหลินม่ายว่า “นี่แม่ของฉันค่ะ”
จากนั้นหล่อนก็แนะนำหลินม่ายให้แม่ได้รู้จัก “คุณผู้หญิงคนนี้คือคุณหลินที่บริจาคเงิน 5,000 หยวนให้ฉัน”
หลังจากแม่ของซิ่วหลิงได้ยิน นางก็ยืนกรานหนักแน่นว่าจะทำโร่วเจียโหมวให้หลินม่ายฟรี ๆ และยังกล่าวขอบคุณไม่จบสิ้น
หลินม่ายปฏิเสธจะรับ ก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินทางแล้วรีบเดินออกมาทันที
มันยากมากที่แม่ม่ายลูกติดมากมายนี้จะหาเงินด้วยตัวเอง แล้วเธอจะสามารถรับโร่วเจียโหมวมาฟรี ๆ ได้อย่างไร?
หลังจากเดินออกมาระยะไกลพอสมควรแล้ว หลินม่ายจึงจดจำได้ว่าเธอยังไม่ได้จ่ายค่าโร่วเจียโหมวที่อีกฝ่ายยังทำไม่เสร็จ…
ทันทีที่เธอกลับมาถึงบ้าน คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางรีบถามไถ่ถึงสถานการณ์ของสวี่เมิ่งทันที
จนถึงเวลานี้ คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางทราบเพียงว่าได้พบเจอกับสวี่เมิ่งแล้ว แต่ก็ไม่รู้สิ่งอื่น ๆ เพิ่มเติม
หลินม่ายไมได้ปิดบังอะไร เธอบอกกล่าวความจริงออกไปทุกอย่าง
สองสามีภรรยาชราไม่พอใจมากหลังได้ยินเรื่องราว
หลังจากนั้นไม่นาน คุณปู่ฟางพูดขึ้นว่า “หลังจากเมิ่งเมิ่งกลับมาแล้ว ให้หล่อนไปอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ซะ หล่อนไม่อาจอยู่ในเจียงเฉิงหรือเมืองหลวงได้อีกแล้ว”
คุณย่าฟางเองก็เสียใจไม่แพ้กัน นางรู้สึกทำอะไรไม่ถูก ด้วยหวังว่าเด็กคนนั้นจะได้ดิบได้ดี แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้
ในช่วงสองสัปดาห์ภายในอเมริกาก่อนหน้านี้ หลินม่ายยุ่งมากเพราะต้องตามหาสวี่เมิ่ง
หลังจากเดินทางมายาวนานหลายวัน แม้จะแข็งแรงแค่ไหน แต่เธอก็ต้องพักผ่อน
เธอกลับไปที่ห้องก่อนจะล้มตัวลงนอน และหลังจากเธอตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือโทรหาเสิ่นเสี่ยวผิง และบอกกล่าวให้หล่อนไปเอาเงิน 4,000 หยวนที่ครอบครัวสามีของซิ่วหลิงฉกชิงไปคืนมา
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ต้องทรหดขนาดไหนเนี่ย แม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงเด็กสี่คนกับผู้ใหญ่หนึ่งคนด้วยการทำมาหากินคนเดียว
ขอให้ได้เงินคืนนะคะ สี่พันหยวนนี่ไม่น้อยเลย
ไหหม่า(海馬)