แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1003 ตามหาสวี่เมิ่ง
ตอนที่ 1003 ตามหาสวี่เมิ่ง
ตอนที่ 1003 ตามหาสวี่เมิ่ง
สวี่เมิ่งไม่อยากขึ้นรถ แต่เวลานี้หูของหล่อนอยู่ในมือของหลินม่ายแล้ว และไม่สามารถสลัดออกได้
หล่อนพยายามร้องขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ แต่พวกเขาไม่คิดสนใจ เวลานี้หลินม่ายจึงยัดหล่อนเข้ารถอย่างง่ายดาย
หลังจากขึ้นรถแล้ว หลินม่ายถึงยอมปล่อยมือ
สวี่เมิ่งลูบใบหูที่เจ็บปวดก่อนหน้าก่อนจะเอนศรีษะพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตา แสร้งทำเป็นพักผ่อนสงบสติอารมณ์ แต่ในใจรำคาญจนแทบทนไม่ไหว
อีกนิดเดียว แค่อีกนิดเดียว หล่อนก็จะทำสำเร็จแล้ว
หล่อนวางแผนการไว้ว่าจะแสร้งแต่งตัวเป็นผู้ชายมาจากวงใน หลอกลวงพ่อกับแม่และหลินม่ายให้มาพักที่บ้านของพวกเขา จากนั้นให้ผสมยานอนหลับลงในเครื่องดื่ม
หลังจากพวกเขาหมดสติ หล่อนค่อยขโมยเงินแล้วหนีไป
หล่อนวางแผนได้สมบูรณ์แบบ แต่สุดท้ายกลับล้มเหลว?
หลินม่ายคนนี้ค้นพบความจริงได้อย่างไร?
รถแล่นออกจากเซ็นทรัลพาร์คแล้ว ฟางจิ้งเสียนหันมองกระจกหลังอย่างต่อเนื่อง และไม่เห็นว่ามีรถติดตามมาเลย
เวลานี้ถึงถามอย่างมั่นใจว่า “ม่ายจื่อ เธอรู้ได้ยังไงว่าเมิ่งเมิ่งปลอมตัวเป็นผู้ชาย?”
สุดท้ายแล้วหล่อนรู้สึกสับสนมาก ทั้งหล่อนและสามีคือพ่อแม่ทางสายเลือดของเมิ่งเมิ่ง แต่พวกหล่อนกลับจดจำลูกสาวของตัวเองที่ปลอมเป็นผู้ชายไม่ได้
สวี่เมิ่งลอบเอียงหูฟัง หล่อนเองก็อยากรู้เรื่องนี้ด้วย
หลินม่ายตอบว่า “จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่รู้จักสวี่เมิ่งที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายหรอกค่ะ แต่ว่าเสียง ท่าทาง และภาษาจีนทำให้ฉันสงสัย”
ฟางจิ้งเสียนยิ่งสับสนเมื่อได้ยินอย่างนั้น “แต่เพราะเป็นเสียงของผู้ชาย ฉันเลยไม่ได้สงสัย”
ลุงสวี่เองก็พยักหน้ารับด้วย “ฉันด้วย”
ฟางจิ้งเสียนและสามีพลันสับสนทันที “มาจากกระเป๋างั้นเหรอ? นี่… มันเป็นแบบนั้นได้ยังไง?”
เพื่อป้องกันไม่ให้สวี่เมิ่งหลบหนีได้อีก หลินม่ายจึงให้หล่อนนั่งลงระหว่างตนกับฟางจิ้งเสียน
หล่อนเอื้อมมือไปที่กระเป๋าของสวี่เมิ่ง เวลานี้เด็กสาวเผยใบหน้าซีดเซียวเสียแล้ว
“คุณคิดจะทำอะไร!” สวี่เมิ่งเลิกแสร้งทำเป็นหลับก่อนจะตะโกนด้วยความตื่นตระหนก เวลานี้หล่อนปัดป้องอย่างหนักเพื่อไม่ให้หลินม่ายรื้อค้นกระเป๋าตัวเอง
แต่เพราะติดยามาตลอดทั้งปี หล่อนจะต่อสู้กับหลินม่ายที่ฝึกฝนร่างกายเสมอมาได้อย่างไร
หลินม่ายแก้ผ้าผูกผมของตนออกก่อนจะผูกข้อมือของสวี่เมิ่งไว้ด้านหลังทันที
จากนั้นค่อยหยิบเครื่องบันทึกเทปขนาดเล็กออกจากกระเป๋าของหล่อน
เธอกดเครื่องอัดเทป คำพูดที่สวี่เมิ่งผู้แสร้งปลอมเป็นผู้ชายกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ดังขึ้น มันคือเสียงจากเครื่องบันทึก
ฟางจิ้งเสียนและสามีถึงกับตื่นตระหนกจนเงียบงันไปเนิ่นนาน
หลังจากรู้สึกตัว ฟางจิ้งเสียนตบหน้าสวี่เมิ่งอย่างรุนแรงก่อนจะสาปแช่ง “กับเรื่องเรียนใช้สมองมากขนาดนี้ไหม? แกนี่โกหกพวกเราทุกทาง”
หลินม่ายไม่คิดหยุดหล่อนเช่นกัน สุดท้ายหญิงสาวที่ไม่รักดีอย่างสวี่เมิ่งควรจะถูกทุบตีสักหน่อย
เธอกล่าวต่อว่า “อีกทั้งผู้แจ้งเบาะแสในการแลกเปลี่ยนเลือกพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ สิ่งนี้ก็ทำฉันสงสัยด้วยเหมือนกัน พวกเราแจ้งรางวัลตามหาในหนังสือพิมพ์ออกมาและบอกว่ามันเป็นการแลกเปลี่ยนปกติกับผู้แจ้งเบาะแส และเรื่องนี้ไม่ผิดกฏหมาย แต่ทำไมเธอถึงเลือกที่จะแลกเปลี่ยนในหมอกหนาทึบ? แล้วยังต้องยืนห่างออกไปกว่าสิบเมตรด้วย? นี่พิสูจน์ได้ว่าเธอไม่ต้องการใหล้วทำไมต้องไม่อยากให้พวกเรารู้ตัวตนที่แท้จริงด้วยล่ะ? ความเป็นไปได้มีสองประการคือ หนึ่งเขาไม่ใช่คนจากวงใน และมาที่นี่เพื่อโกงเงินรางวัล มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือสวี่เมิ่งอยู่ในมือของเขา และเขาอาจจะเป็นอาชญากรไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง การจับบุคคลนั้นจะช่วยให้เราพบเจอกับสวี่เมิ่งได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันทำการลงมือกับผู้ให้เบาะแสอย่างกะทันหัน แต่ฉันก็ไม่คิดว่าผู้แจ้งเบาะแสนี้จะกลายเป็นสวี่เมิ่งซะเอง!”
ฟางจิ้งเสียนทุบตีสวี่เมิ่งอย่างหนักก่อนจะกล่าวด้วยความโศกเศร้า “ทำไมคิดอยากโกงเงินรางวัลจากพวกเรา? ถ้าไม่มีเงิน ทำไมไม่มาหาพวกเราแทน? รู้ไหมว่าแกทำพวกเราเป็นห่วงแค่ไหน!”
สุดท้ายแล้ว สวี่เมิ่งเป็นคนที่มีรูปร่างดีและมีใบหน้าที่สวยงาม ทว่าตอนนี้หล่อนติดยา หล่อนจึงดูซีดเซียวและอ่อนแรงมาก
หล่อนหาวด้วยพร้อมเปิดปากกว้างอย่างไร้มารยาท ก่อนจะหันมองฟางจิ้งเสียนแล้วพูดว่า “ถ้าฉันบอกแม่ว่าฉันไม่มีเงินซื้อยา แม่จะให้เงินฉันไหม?”
ฟางจิ้งเสียนถึงกับพูดไม่ออก หลังจากนั้นหล่อนก็ลงมือทุบตีสวี่เมิ่งอีกครั้งและร้องไห้ไปด้วย “นังเด็กคนนี้ แกกลายเป็นคนอย่างนี้ไปได้ยังไง? แกติดยาจริง ๆ ใช่ไหม!”
สวี่เมิ่งปล่อยให้แม่ของตนทุบตีไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดตอบโต้หรือหยุดยั้งอีกฝ่าย เวลานี้หล่อนทำได้เพียงร้องไห้เงียบ ๆ
หลินม่ายเองก็อดไม่ได้ที่จะประทับใจ เธอกล่าวถามกับทอมเป็นภาษาอังกฤษว่าโรงพยาบาลของรัฐที่ดีที่สุดในนิวยอร์กคือที่ไหน และขอให้เขาขับรถพาพวกตนไปที่นั่น
ทอมเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “คุณต้องการไปหาหมอเหรอ? ผมว่าไปโรงพยาบาลเอกชนจะดีกว่า”
“ทำไมล่ะ?” หลินม่ายถามออกไปอย่างสับสน
เธอรู้ดีว่าโรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลของรัฐในอเมริกาเป็นโรงพยาบาลในเครือเดียวกันกับฮ่องกง
โรงพยาบาลเอกชนในฮ่องกงราคาแพงมาก และโรงพยาบาลของรัฐถูกกว่ามาก
ทอมอธิบาย “ถึงโรงพยาบาลของรัฐจะมีค่ารักษาที่ถูกกว่า แต่ว่าต้องนัดหมายเข้าไปก่อน และคิวของการนัดหมายอาจจะใช้เวลาหนึ่งถึงสองสัปดาห์ หรือบางทีอาจจะหนึ่งเดือน ลูกพี่ลูกน้องของผมเคยเป็นไส้ติ่งอักเสบ และทำนัดที่โรงพยาบาลของรัฐ ต้องรอคิวกว่าหนึ่งสัปดาห์ แต่ก่อนวันที่จะได้ผ่าตัด เขาเจ็บปวดจนทนไม่ไหว สุดท้ายเราต้องเสียเงินมากมายเพื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน ถ้าจะไปโรงพยาบาลรัฐเพื่อรักษาอาการป่วย เกรงว่าจะล่าช้าไปหมดน่ะครับ”
หลินม่ายตอบ “อย่างนั้นไปโรงพยาบาลเอกชนเถอะค่ะ”
ฟางจิ้งเสียนและสามีไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ หล่อนจึงไม่รู้ว่าหลินม่ายกับคนขับพูดคุยอะไรกัน
ทันทีที่รถหยุดลงหน้าประตูโรงพยาบาลเอกชน ทั้งสองหันมองไปที่หลินม่ายพร้อมถามว่า “ม่ายจื่อ เธอไม่สบายเหรอ?”
หลินม่ายส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะ แต่ฉันจะพาสวี่เมิ่งมาตรวจร่างกาย”
ฟางจิ้งเสียนเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเข้าใจความคิดของหลินม่าย
ลูกสาวของหล่อนถูกบังคับให้ขายบริการ และหลินม่ายกังวลว่าหล่อนจะติดโรค
หลินม่ายบอกกล่าวให้ทอมกับแจ็กรออยู่ในรถ และพวกเธอจะกลับมาหลังจากตรวจเสร็จแล้ว
หลินม่ายไม่ยอมให้พวกเขาติดตามเข้าไปด้วย เพราะกังวลเรื่องชื่อเสียงของสวี่เมิ่ง
แม้ชาวต่างชาติจะไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ชาวจีนกลับสนใจมาก
เป็นไปไมได้ที่สวี่เมิ่งจะอาศัยอยู่ในอเมริกาตลอดไป สุดท้ายหล่อนต้องกลับประเทศจีน
ยิ่งมีคนรู้เกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวนี้น้อยเท่าใดยิ่งดีเท่านั้น และโอกาสที่จะเผยแพร่หลังกลับไปถึงจีนก็น้อยลงด้วย
หลังตรวจร่างกายแล้ว โรคภายในของสวี่เมิ่งค่อนข้างรุนแรงพอสมควร หล่อนต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลถึงสองสัปดาห์
หลังจากจัดการเรื่องการรักษาของสวี่เมิ่งเสร็จแล้ว หลินม่ายขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลด้วยการขอให้พยาบาลเข้าดูแลสวี่เมิ่งถึงสองคน
ฟางจิ้งเสียนตอบกลับ “คนเดียวก็พอแล้วล่ะ”
หลินม่ายยิ้มก่อนจะยืนกรานว่าต้องจ้างคนดูแลถึงสอง
สวี่เมิ่งเป็นคนติดยา และฟางจิ้งเสียนกับสามีไม่คิดจะให้หล่อนกลับไปเสพยาอีกแน่นอน
หลังจากอาการลงแดงของหล่อนกำเริบ หากไม่มีผู้ดูแลที่แข็งแกร่งสองคน จะไม่มีใครหยุดหล่อนได้
ฟางจิ้งเสียนกล่าวขอบคุณ “ม่ายจื่อ เมิ่งเมิ่งรบกวนคุณมากไปแล้ว เธอคิดกังวลในเรื่องที่พวกฉันยังคิดไม่ถึงด้วยซ้ำ”
หลินม่ายรู้ดีว่าเธอส่งสวี่เมิ่งมาที่โรงพยาบาลเพื่ออะไร
เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าคำพูด “ถ้าฉันบอกว่าไม่มีเงินซื้อยา คุณจะให้เงินฉันไหม?” นี้จะออกจากปากของสวี่เมิ่ง และสิ่งนี้ทำให้เธอคิดได้
ถ้าสวี่เมิ่งทำงานเป็นโสเภณี ไม่ว่าธุรกิจจะย่ำแย่แค่ไหน แต่กลุ่มของโสเภณีจะจ่ายเงินให้กับหล่อนเพื่อไว้สำหรับซื้อยา
แต่ตอนนี้หล่อนไม่มีเงินแม้แต่จะเสพยา เป็นไปได้ว่ากลุ่มโสเภณีนั้นไม่ต้องการเธอแล้ว และหล่อนกำลังขาดรายได้
การที่หล่อนไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นโสเภณีนั่นหมายความว่าหล่อนกำลังป่วยหนัก
หลินม่ายจึงคิดที่จะพาสวี่เมิ่งไปตรวจสอบ
แม้ฟางจิ้งเสียนจะรู้ดีว่าฟางจั๋วหรานร่ำรวยและออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับตน สามี และลูก แต่สุดท้ายแล้วมันก็คือเงินของฟางจั๋วหราน
ฟางจิ้งเสียนรู้สึกว่าตนเป็นหนี้บุญคุณของฟางจั๋วหรานและภรรยาของเขามากมาย เวลานี้หล่อนจึงพูดขึ้นว่า “การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนของอเมริกามันแพงเกินไป เราจะพาสวี่เมิ่งกลับประเทศจีนแล้วไปรักษาที่นั่น”
หลินม่ายตอบ “ควรรักษาให้จบในประเทศอเมริกา หากกลับไปรักษาที่ประเทศจีน ชื่อเสียงของสวี่เมิ่งจะพังทลาย”
อย่างไรก็ตาม ค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนของอเมริกานั้นแพงมาก และเป็นฟางจั๋วหรานกับภรรยาของเขาที่ช่วยเหลือเรื่องนี้
พวกเขาอายที่ต้องรับความช่วยเหลือมากมาย แต่สุดท้ายแล้วฟางจั๋วหรานเองก็ร่ำรวยมาก แล้วทำไมต้องช่วยเหลือพวกเขาด้วย?
หลินม่ายบอกกล่าวจะให้สวี่เมิ่งรักษาตัวที่อเมริกาก่อนกลับ สิ่งนี้ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกขอบคุณ
แต่ว่าหลินม่ายไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อ เธอส่งเสี่ยวถังกับเสี่ยวจินให้ไปเฝ้าสวี่เมิ่งเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายหลบหนี
สวี่เมิ่งไม่ต้องการกลับประเทศจีน เพราะมันเป็นสิ่งที่เจ็บปวดหากต้องเลิกเสพยา หล่อนต้องการจะอยู่ที่นี่ตลอดไป
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว หลินม่ายขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน
ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน ลุงฝูกล่าวกับเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า หัวหน้าแก๊งในนิวยอร์กต้องการพบเธอ
หลินม่ายลอบคาดเดาบางอย่างในใจ เธอบอกให้ลุงฝูเชิญชวนพวกเขามาที่ห้องเรียนก่อน แล้วเธอค่อยตามไปทีหลัง
หลินม่ายเปลี่ยนชุดสบาย ๆ ก่อนจะไปที่ห้องเรียนภาษาจีน เธอเห็นว่าชายผิวขาวใบหน้าหล่อเหลากำลังถือกาแฟยกดื่มอย่างไม่ใส่ใจ
เห็นว่าเธอเดินเข้ามาแล้ว ชายคนนั้นวางแก้วกาแฟลงก่อนจะยื่นมือออกไปทักทาย “คุณหลินสวัสดีครับ ผมชื่ออเล็กซานเดอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก…”
หลินม่ายยิ้มก่อนจะจับมือกับเขา หลังจากฟังเรื่องราวไร้สาระมาสักครู่ เธอเชิญชวนเขานั่งลงและถามว่าเขาต้องการอะไร
อเล็กซานเดอร์ตอบกลับ “เหมือนจะมีโสเภณีคนหนึ่งของผมอยู่ในมือของคุณ
คุณเห็นหล่อนไหม? คุณควรส่งมอบหล่อนกลับมาให้กับผม หรือว่าจ่ายเงินซื้อหล่อนคืน สุดท้ายแล้วผมก็จ่ายเงินให้กับหล่อนไปมาก!”
หลินม่ายรับชาจากสาวใช้ ก่อนจะโบกมือให้กับอเล็กซานเดอร์ “โสเภณีที่หลบหนีไปคนนั้นคือลูกพี่ลูกน้องของฉัน พวกเราชาวจีนให้ความสำคัญเรื่องเครือญาติมาก และฉันไม่สามารถส่งหล่อนคืนได้ อย่างนั้นฉันจะถามว่าคุณอเล็กซานเดอร์ต้องการค่าไถ่ตัวหล่อนเท่าไหร่?”
อเล็กซานเดอร์ตอบกลับ “ผมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อลูกพี่ลูกน้องของคุณ ตอนนี้ไก่ทองคำที่สามารถออกไข่ได้มากมายถูกคุณคว้าตัวไปแล้ว อย่างนั้นคุณต้องจ่ายเงินคืนให้ผมห้าเท่าจากราคาที่ผมซื้อมา”
หลินม่ายหัวเราะ “ลูกพี่ลูกน้องของฉันติดโรคร้ายแรง หล่อนไม่สามารถรับลูกค้าได้อีกต่อไปและกลายเป็นคนไร้ค่า แต่คุณต้องการให้ฉันจ่ายห้าเท่า! เอาล่ะ ฉันจะไม่ให้คุณสูญเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์หรอก งั้นฉันจะจ่ายให้คุณสองเท่าจากราคาซื้อดีไหม?”
เห็นอเล็กซานเดอร์จ้องมองเธอสักครู่ เธอพูดต่อว่า “เห็นแก่หน้าของคุณที่เป็นถึงหัวหน้าแก๊ง ฉันจะให้เกียรติคุณสักหน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าฉันไม่จ่ายเงิน และพาคุณไปส่งสถานีตำรวจ สุดท้ายแล้วคุณจะโดนข้อหาบังคับค้าประเวณี และติดคุก”
ชาวตะวันออกทั่วไปมักจะผอมแห้ง
สาวอเมริกันรูปร่างเพรียวบาง เมื่อเทียบกับสาวเอเชียแล้ว เรียกได้ว่ามีรูปร่างที่ยอดเยี่ยมกว่า
แม้หลินม่ายจะถือว่าสูงในหมู่สาวเอเชีย แต่ในสายตาของชาวตะวันตกเธอก็ยังดูผอมมาก
อเล็กซานเดอร์หันมองเธอด้วยสายตาเย้ยหยัน “ถ้าต้องการจับผมเข้าคุก ประการแรกคุณต้องล้มผมให้ได้ก่อน”
หลินม่ายจิบชาด้วยท่วงท่าสบาย ๆ “พวกเราชาวจีนให้ความสำคัญกับความสงบสุขเสมอมา เอาเป็นว่า ถ้าล้มได้คงจะไม่ส่งไปที่สถานีตำรวจหรอก ฉันจะให้เงินสองเท่าจากราคาที่คุณซื้อมา แล้วปล่อยลูกพี่ลูกน้องของฉันไป ตกลงไหม?”
อเล็กซานเดอร์พยักหน้าเห็นด้วยทันที อีกอย่างเขาไม่คิดว่าสาวเอเชียร่างบางคนนี้จะสามารถล้มเขาได้
จากนั้น… วินาทีถัดมา หลินม่ายก็ยกร่างของเขาทุ่มข้ามไหล่เหวี่ยงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
อเล็กซานเดอร์ถึงกับตกตะลึง เขากล่าวพึมพำ “ทำไมลงมือรวดเร็วขนาดนั้น?”
หลินม่ายนั่งบนเก้าอี้ก่อนจะดื่มชาต่อด้วยท่าทางสงบ “สิ่งที่ชาวจีนอย่างพวกเราใส่ใจคือศิลปะการต่อสู้ และความเร็วเป็นสิ่งที่พวกเขาทุกคนมีในสายเลือด!”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ลำบากม่ายจื่อต้องโชว์สกิลเทพอีกแล้ว
ไหหม่า(海馬)