แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1002 จับกุมสวี่เมิ่ง
ตอนที่ 1002 จับกุมสวี่เมิ่ง
ตอนที่ 1002 จับกุมสวี่เมิ่ง
ชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงบางส่วนได้ยินเสียงปืน จึงโทรแจ้งตำรวจ และพวกเขามาถึงหลังจากนั้นไม่นาน
หลังจากการสอบสวน พบว่าหญิงสาวผิวดำไม่ใช่เพื่อนร่วมห้องของสวี่เมิ่ง และหล่อนไม่รู้จักสวี่เมิ่งด้วยซ้ำ
เช้าวันนี้หล่อนและแฟนหนุ่มเห็นประกาศคนหายลงหนังสือพิมพ์พร้อมเสนอเงินรางวัลมากมาย เธอและแฟนนึกโลภอยากได้เงินก้อนหนึ่งจากหลินม่าย พวกเขาจึงวางกับดักนี้
คนทั้งสามออกจากโรงพักและตรงไปยังโรงพยาบาลเพื่อดูอาการบาดเจ็บ เมื่อกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้ว
ลุงฝูรีบจัดให้พ่อครัวที่บ้านทำอาหาร
ฟางจิ้งเสียนที่หวาดกลัวจากเหตุการณ์ก่อนหน้าบอกว่า หล่อนแค่อยากได้บะหมี่นึ่งสักชามเพื่อปลอบขวัญอาการหวาดกลัว
ลุงฝูบอกว่าไม่มีเชฟที่บ้านคนไหนทำอาหารจีนได้
หลินม่ายบังเอิญอยากกินอาหารจีนด้วยเหมือนกัน เธอจึงอดกลั้นความเจ็บปวดทั่วร่างกายและปรุงบะหมี่เนื้อมะเขือเทศสามชามให้ทุกคนได้กิน
สาวใช้ที่รับผิดชอบในการรับแจ้งเบาะแสทางโทรศัพท์เข้ามาหาหลินม่ายพร้อมกระดาษที่เขียนข้อความไว้ หล่อนบอกหลินม่ายว่าหลังจากที่พวกเขาออกไป มีผู้คนจำนวนมากโทรมาเพื่อแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับสวี่เมิ่ง และหล่อนได้บันทึกมันทั้งหมดไว้ในกระดาษ
หลังจากพูดจบ หล่อนก็ยื่นกระดาษในมือให้หลินม่าย
ฟางจิ้งเสียนมีท่าทางเหมือนคนที่ถูกงูกัดและหวาดกลัวเชือกไปอีกสิบปี
หล่อนถือถ้วยกาแฟร้อนที่สาวใช้อีกคนมอบให้พลางถามอย่างสงสัย “มันจะเป็นกลลวงอีกหรือเปล่า?”
หลินม่ายพับกระดาษและใส่ไว้ในกระเป๋า “เราต้องตรวจสอบว่าเป็นการหลอกลวงหรือไม่ก่อน ไม่อย่างนั้นเราจะหาสวี่เมิ่งได้อย่างไร?”
เธอแนะนำว่า “เมื่อออกตามหาสวี่เมิ่งอีกครั้ง เราจะไม่ไปตามลำพัง ไปขอให้ตำรวจช่วยเหลืออีกทางเถอะ”
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินม่าย ฟางจิ้งเสียนและตำรวจก็ไปยังบ้านที่อ้างว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องของสวี่เมิ่ง
เพื่อนร่วมห้องคนนั้นก็เป็นหญิงสาวผิวดำและอาศัยอยู่ในห้องใต้ดินเช่นกัน
ฟางจิ้งเสียนเพิ่งประสบเหตุการณ์เลวร้ายจากหญิงสาวผิวดำ เธอจึงกลัวว่าหญิงสาวผิวดำคนนี้จะฆ่าหล่อนเพื่อรีดไถเงินอีกครั้ง
หลินม่ายปลอบใจ “อาหญิง อย่ากลัวไปเลยค่ะ ตำรวจก็อยู่ด้วย”
แม้หญิงสาวผิวดำคนนี้จะไม่ได้ฆ่าพวกเธอเพื่อเงิน แต่หล่อนก็เป็นคนติดยา
หล่อนยินดีที่จะบอกที่อยู่ของสวี่เมิ่ง ตราบใดที่หลินม่ายให้เงิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐแก่เธอ
รางวัลที่หลินม่ายตั้งไว้คือ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หญิงคนนี้ขอเพิ่มอีก 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ กระนั้นหลินม่ายก็ยังตอบตกลง
การช่วยชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เงินเป็นเพียงสิ่งของนอกกาย
หญิงสาวผิวดำรับเงินอย่างมีความสุขและปล่อยให้พวกหลินม่ายเข้าเยี่ยมชมห้องที่สวี่เมิ่งเคยอาศัยอยู่
ของต่าง ๆ ในห้องเละเทะมาก แต่เพราะมันผ่านมาสามเดือนแล้ว และยากที่จะบอกได้ว่าความยุ่งเหยิงนั้นเกิดจากความเกียจคร้านของเจ้าของหรือการต่อสู้กัน
อย่างไรก็ตามหญิงสาวผิวดำบอกหลินม่ายและคนอื่น ๆ ว่าความวุ่นวายในห้องเกิดจากการต่อสู้ของสวี่เมิ่ง
เมื่อสามเดือนที่แล้ว สวี่เมิ่งไม่สามารถคืนเงินที่ยืมมาจากเจ้าหนี้นอกระบบเพื่อซื้อยาได้ เจ้าหนี้จึงพาตัวหล่อนไป
หญิงผิวดำบังเอิญเข้ามาพบตอนที่กลับมาถึงบ้านในวันนั้น หล่อนวิ่งหนีออกไปด้วยความหวาดกลัวและซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ของหมู่บ้านเป็นเวลานานกว่าจะกล้าออกมา
ฟางจิ้งเสียนรู้สึกวิงเวียน ด้วยไม่เคยคิดว่าลูกสาวของตัวเองจะติดยาเสพติด
หล่อนพูดด้วยเสียงสั่นเทาบอกหลินม่ายให้ถามหญิงสาวผิวดำว่าเจ้าหนี้พาสวี่เมิ่งไปไหน
หญิงสาวผิวดำจุดบุหรี่ สูดลมหายใจเล็กน้อยแล้วยักไหล่ “ฉันไม่รู้ว่าพาไปไหน บางทีหล่อนอาจถูกบังคับให้ขายยา บางทีถูกบังคับให้เป็นโสเภณี หรือบางทีอาจขายให้กับองค์กรค้าอวัยวะมนุษย์”
เมื่อฟางจิ้งเสียนได้ยินสิ่งนี้ หล่อนทนรับสิ่งต่าง ๆ ไม่ไหวอีกต่อไปและหมดสติลง
หลินม่ายพยุงหล่อนไว้และพยายามปลุกให้อีกฝ่ายค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ
ฟางจิ้งเสียนร้องไห้ไม่หยุด ถามหลินม่ายว่าถ้าสวี่เมิ่งถูกขายให้กับองค์กรค้ามนุษย์ จะยังสามารถช่วยเหลือเด็กคนนั้นได้หรือไม่
ผ่านมาสามเดือนแล้ว เกรงว่าคงไม่มีแม้แต่ร่างกายหลงเหลือ แล้วจะช่วยได้อย่างไร?
แต่หลินม่ายไม่กล้าพูดออกไปแบบนั้น และตอบไปว่า “สวี่เมิ่งเสพยา ร่างกายของหล่อนคงไม่ดีเหมือนเดิม แม้เจ้าหนี้นอกระบบต้องการขายให้กับองค์กรค้ามนุษย์ แต่คนพวกนั้นคงไม่ซื้ออวัยวะที่ไม่สมบูรณ์ ฉันเดาว่า…หล่อนอาจถูกบังคับให้เป็นโสเภณี”
ฟางจิ้งเสียนเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า “ถ้าพวกเขาขอให้หล่อนขายยาล่ะ?”
หลินม่ายส่ายหัว “คงไม่เป็นแบบนั้นหรอกค่ะ สวี่เมิ่งไม่ได้มีไหวพริบ และสมรรถภาพทางกายของเธอก็ไม่ดี คงไม่มีใครอยากให้หล่อนไปขายยา!”
อีกไม่กี่วันต่อมา หลินม่ายและคนอื่น ๆ พร้อมตำรวจไปเยี่ยมผู้แจ้งเบาะแสทั้งหมดที่สาวใช้เป็นคนบันทึก
คนเหล่านั้นแจ้งเบาะแสได้น้อยกว่าหญิงสาวผิวดำคนนั้น
หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงข่าวประกาศคนหายอีกครั้ง คราวนี้เพิ่มรางวัลเป็น
100,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่มีเงื่อนไขว่าจะสามารถรับเงินได้หลังจากพบบุคคลสูญหายหรือพบร่างศพเท่านั้น
หลังจากผ่านไปหลายวันโดยไม่มีเบาะแสใด ๆ มันจึงบ่งบอกถึงแนวโน้มที่ว่าสวี่เมิ่งไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว
ฟางจิ้งเสียนหมดหวังและหลั่งน้ำตาตลอดทั้งวัน หล่อนไม่สามารถกลืนอาหารจีนร้อน ๆ ที่หลินม่ายปรุงให้เลยด้วยซ้ำ
หลินม่ายไปยังสถานีตำรวจเพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี
รางวัลของพวกเขาอาจไม่ได้ผล บางทีตำรวจอาจจะค้นพบอะไรบางอย่างก็เป็นได้?
ตำรวจเจ้าของคดียกมือบอกเธอว่า คดีไม่คืบหน้าเลย
ขณะที่หลินม่ายออกจากสถานีตำรวจ เธอพลันอยากสอบถามว่ามีประเด็นใดที่ถูกมองข้ามหรือไม่
เธอจึงหันหลังกลับเพื่อเข้าไปในโรงพักอีกครั้ง
ก่อนเข้าไปในห้องทำงาน เสียงการสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนดังขึ้น
ตำรวจคนหนึ่งถามว่า “เมื่อกี้ลิงผิวเหลืองตัวนั้นมาสอบถามความคืบหน้าของคดีนี้หรือ?”
ตำรวจอีกคนหนึ่งตอบว่า “ใช่!”
หลินไหมผลักประตูเข้าไปและโพล่งด้วยความโกรธ “นี่น่ะหรือที่เรียกว่าสันติภาพ ประชาธิปไตย และการไม่แบ่งแยก!” สิ้นเสียง เธอหันหลังกลับและเดินกระแทกเท้าจากไป
เสียงเยาะเย้ยดังไล่หลัง “ไม่คาดหวังว่าลิงผิวเหลืองตัวนี้จะอารมณ์เสีย!”
ยิ่งหลินม่ายคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น เธอจึงนำเรื่องนี้ไปรายงานต่อสถานทูตจีนในสหรัฐอเมริกา
แม้ว่าสถานทูตจะออกมาจัดการ แต่มีเพียงตำรวจสองคนเท่านั้นที่ถูกลงโทษ ส่วนเพื่อนร่วมงานของพวกเขายังคงทำตัวเฉยเมยในการจัดการกับคดีของสวี่เมิ่ง
ประสบการณ์นี้ ทำให้หลินม่ายยิ่งมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนาไมโครชิปต่อไป
เมื่อประเทศเข้มแข็งเท่านั้น จึงจะมีสิทธิพูดได้
ในเมื่อการเสนอรางวัลไร้ประโยชน์ หลินม่ายจึงวางแผนที่จะริเริ่มจ้างวานนักสืบเอกชนช่วยสืบสวน
วันหนึ่ง ก่อนเข้านอน ฟางจิ้งเสียนก็ได้รับโทรศัพท์
ในโทรศัพท์ มีเสียงผู้ชายบอกหล่อนว่าเขารู้ที่อยู่ของสวี่เมิ่ง และขอให้พวกเขาเตรียมเงินรางวัล 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ฟางจิ้งเสียนรีบบอกหลินม่ายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอตื่นเต้นมากจนน้ำตาไหล “ในที่สุดก็มีเบาะแสของเมิ่งเมิ่งเสียที!”
หลินม่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย เนื่องจากคนที่โทรหาพูดภาษาจีนได้!
เธอจัดการทุกอย่างในชั่วข้ามคืน เมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ของวันต่อมา เธอให้คนขับรถชื่อทอมพาเธอ คู่สามีภรรยาฟางจิ้งเสียน และแจ็คผู้คุ้มกันที่ลุงฝูจัดเตรียมไว้ให้ตรงไปยังเซ็นทรัลพาร์คตามคำแนะนำของผู้ให้ข้อมูล
ผู้แจ้งเบาะแสมีข้อกำหนดว่า พวกเขาจะต้องมาถึงสถานที่นัดหมายก่อนหกโมงเช้า
ทอมขับรถพาหลินม่ายและคนอื่น ๆ ไปยังสถานที่นัดหมาย
สถานที่นัดหมายนั้นห่างไกลมาก มันล้อมรอบด้วยต้นไม้มากมาย และผู้คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในได้
เนื่องจากสถานที่แห่งนี้อยู่ติดกับทะเลสาบขนาดใหญ่ จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะมองเห็นใบหน้าของผู้คนอย่างชัดเจนในระยะ 10 เมตรในตอนเช้าตรู่ของฤดูหนาว
หลินม่ายและคนอื่น ๆ มาถึงสถานที่นัดหมายก่อนเวลา 15 นาที
ไม่ชัดเจนว่าพวกเขามาถึงเร็วเกินไปหรือลมในสวนสาธารณะพัดแรง แต่บริเวณริมทะเลสาบไม่มีหมอกเลย
ประกอบกับตอนนี้พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว ทำให้ทัศนวิสัยโดยรอบชัดเจนมาก
ทันทีที่ทอมหยุดรถ เขาก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งจากป่าฝั่งตรงข้าม “ยกเว้นพ่อแม่ของสวี่เมิ่ง คนอื่นขับรถออกไปทันที เดี๋ยวนี้!”
หลินม่ายพูดเสียงดัง “ไม่มีประโยชน์หรอกถ้าคุณต้องการเพียงพ่อแม่ของสวี่เมิ่ง เพราะฉันต่างหากที่เป็นคนจ่ายเงินรางวัล”
ชายคนนั้นคิดอยู่นานก่อนจะพูดว่า “งั้นไม่เป็นไร เธออยู่ต่อได้ ส่วนคนอื่นต้องออกไปซะ!”
หลินม่ายโบกมือให้ทอมและแจ็ค ก่อนที่พวกเขาจะขับรถออกไป
หลังจากรอราว 7 ถึง 8 นาที สายลมก็หยุดกะทันหัน และหมอกหนาก็ลอยขึ้นมาในทะเลสาบ
หมอกหนาทึบแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทำให้ทิวทัศน์รอบทะเลสาบพร่ามัว
ในเวลานี้ ชายชาวเอเชียร่างเล็กเดินออกมาจากป่า
ชายชาวเอเชียเก็บมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ตตลอดเวลา
เมื่อเขาเดินเข้ามาในระยะ 10 เมตร ชายคนนั้นก็หยุดและถามหลินม่ายว่า “คุณเอาเงินมาหรือเปล่า?”
หลินม่ายพยักหน้า “เอามาค่ะ”
ชายคนนั้นเงียบไปสักพักแล้วพูดว่า “เอามันออกมาให้ผมดู”
หลินม่ายเปิดกระเป๋าเซฟที่บรรจุเงินอยู่
ชายคนนั้นขอให้หลินม่ายถอยออกไป และหลังจากที่เธอทำตาม เขาก็เดินไปที่กระเป๋าเซฟ หยิบธนบัตรสองใบออกมาเพื่อตรวจสอบ และใส่ไว้ในกระเป๋าเมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหา
จากนั้นเขาถอยออกไป 10 เมตรและพูดว่า “มากับผม ผมจะพาคุณไปหาสวี่เมิ่ง จากนั้นคุณต้องรักษาคำพูดและให้เงินกับผม”
หลินม่ายพยักหน้ารับ “ฉันรักษาคำพูดแน่นอน”
ชายคนนั้นพูดอีกครั้ง “อย่าพยายามเล่นกลใด ๆ ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ให้คุณเห็นสวี่เมิ่ง!”
หลินม่ายทำท่าทางตกลง
จากนั้นชายคนนั้นก็หันกลับมาและนำทางด้วยความมั่นใจ
ทันใดนั้น หลินม่ายก็เร่งความเร็วและโจมตีชายคนนั้นจากด้านหลัง
เมื่อชายคนนั้นได้ยินเสียงวิ่งตามหลังมา เขาก็หันศีรษะด้วยความตื่นตระหนก
หลินม่ายเข้าประชิดตัวเขาแล้ว เธอเตะไปที่ใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็วจนหน้าหัน
ชายคนนั้นล้มลงกระแทกพื้น
ฟางจิ้งเสียนตื่นตระหนก “ม่ายจื่อ อย่าทำร้ายเขา ถ้าเธอทำร้ายเขา เราจะไม่ได้พบเมิ่งเมิ่ง!”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ หลินม่ายขึ้นคร่อมร่างของชายคนนั้นและกระชากหนวดเคราบนใบหน้าออก ทำให้อีกฝ่ายส่งเสียงกรีดร้องออกมา
เคราปลอมถูกฉีกออกอย่างรุนแรง ส่งผลให้ผิวหนังเจ็บแสบ
ฟางจิ้งเสียนตกตะลึง ทำไมผู้ชายถึงส่งเสียงกรีดร้องแบบผู้หญิง?
หลินม่ายพูดกับเธอว่า “อาหญิง คุณเห็นไหมคะว่าอีกฝ่ายเป็นใคร?”
หมอกลงหนามากจนฟางจิ้งเสียนไม่สามารถมองเห็นว่าบุคคลนั้นเป็นใครในระยะ 10 เมตร
แต่เมื่อมองใกล้ ๆ หล่อนก็พลันอุทานว่า “เมิ่งเมิ่ง ทำไมเป็นลูกล่ะ?!”
อาเขยสวี่วิ่งเข้ามาถามด้วยความประหลาดใจ “เมิ่งเมิ่ง นี่กำลังเล่นตลกอะไรอยู่?”
คนที่อยู่ภายใต้ร่างของหลินม่ายก็คือสวี่เมิ่ง ในเวลานี้หล่อนได้หลับตาลงและไม่อยากเผชิญหน้ากับพ่อแม่ของตัวเอง
ด้วยความกลัวว่าสวี่เมิ่งอาจมีผู้สมรู้ร่วมคิด หลินม่ายจึงตระหนักถึงอันตรายของการอยู่ที่นั่น เธอสั่งให้คู่รักฟางจิ้งเสียนค่อยถามสวี่เมิ่งภายหลัง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการออกจากพื้นที่นี่ก่อน
ฟางจิ้งเสียนและสามีช่วยกันดึงสวี่เมิ่งที่นอนอยู่บนพื้น โดยแกล้งนอนนิ่งทำเป็นสุนัขที่ตายไปแล้ว
หลินม่ายคว้าหูของอีกฝ่าย แล้วลากหล่อนออกไป
สวี่เมิ่งกรีดร้องและดึงมือของหลินม่ายพลางขอร้องให้ปล่อยหูของหล่อน
หลินม่ายเพิกเฉยต่ออีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง
ฟางจิ้งเสียนตื่นตระหนกที่เห็นลูกสาวเจ็บ และต้องการให้หลินม่ายปล่อยมือ ทว่าสามีมาห้ามหล่อนไว้ก่อน
หลินม่ายหยิบนกหวีดออกมาจากกระเป๋าและเป่าอย่างแรงสองถึงสามครั้ง
ไม่นาน ทอมก็ขับรถเข้ามา
กลุ่มคนทั้งสี่ขึ้นรถออกไป เสี่ยวถังและเสี่ยวจินซ่อนตัวอยู่ในความมืดคอยสังเกตต่ออีกครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครปรากฏตัว พวกเขาจึงจากไปเช่นกัน
ในเวลานี้ ชายผิวขาวดูมีภูมิฐานเดินออกจากป่า เขาจ้องมองไปยังทิศทางที่หลินม่ายและคนอื่น ๆ โดยแทบไม่กะพริบตา
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทำไมบรรยากาศของประเทศอเมริกาถึงดูเถื่อนจังเลยหว่า แต่เรื่องเหยียดคนเอเชียนี่มีจริงอยู่
ไหหม่า(海馬)