แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1000 เดินทางไปสหรัฐอเมริกา
ตอนที่ 1000 เดินทางไปสหรัฐอเมริกา
ตอนที่ 1000 เดินทางไปสหรัฐอเมริกา
ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน ทุกสิ่งแปรผันอย่างรวดเร็ว และทางตอนเหนือก็เข้าสู่ช่วงสัมผัสกับฤดูหิมะอีกครั้ง เป็นเวลาที่เหมาะสมในการกินหม้อไฟ
บ่ายวันนี้ หลินม่ายซื้อผ้าขี้ริ้ว ขาแกะหลายกิโลกรัม และเครื่องเคียงอื่น ๆ มากมาย นี่คือการกินหม้อไฟครั้งแรกของครอบครัวในปีนี้
แต่เสี่ยวมู่ตงยังไม่สามารถกินหม้อไฟได้
หลินม่ายทำซุปมะเขือเทศพร้อมด้วยลูกชิ้นปลาให้กับเขา เป็นชามสีแดงสดสวยงาม มีผักสีเขียวพร้อมกับเต้าหู้ที่เขาชอบ
มองแวบแรกมันก็ดูเหมือนกับหม้อไฟของผู้ใหญ่ แน่นอนว่าเสี่ยวมู่ตงไม่รู้ เขากินมันอย่างมีความสุข
ขณะทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับอาหาร ฟางจิ้งเสียนก็โทรเข้ามาพอดี
หล่อนเอ่ยร่ำไห้กับคุณย่าฟางจนฟังไม่ได้ศัพท์ แต่พอจับใจความได้ว่าหล่อนไม่ได้ยินข่าวของสวี่เมิ่งมาสามเดือนแล้ว น่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น
คำพูดของหล่อนทำให้คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางหมดความอยากอาหารทันที
แม้คุณย่าฟางจะไม่ชอบสวี่เมิ่ง แต่อย่างไรหล่อนก็เป็นหลานสาว ต่อให้ไม่ชอบแค่ไหน ก็ไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับหล่อน
คุณย่าฟางกล่าวถามลูกสาวของตนว่า “แล้วจะให้พวกเราทำยังไง?”
ฟางจิ้งเสียนตอบกลับ “คุณแม่คะ ถามจั๋วหรานหน่อยเถอะค่ะว่าเขาจะได้ไปร่วมงานวิชาการแลกเปลี่ยนที่อเมริกาไหม ถ้าเขาจะไป ฝากให้เขาช่วยตามหาสวี่เมิ่งด้วย”
คุณย่าฟางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ชีวิตของหล่อนกำลังเสี่ยงอันตราย แต่คิดต้องการให้คนอื่นไปเสี่ยงงั้นเหรอ? อยากเจอก็ไปหาเอาเอง!”
ฟางจิ้งเสียนก็อยากจะไปตามหาเอง แต่ครั้งล่าสุดหล่อนถูกฟางจั๋วหรานปฏิเสธให้ยืมเงิน และคราวนี้ยังอยากให้พวกเขาช่วยเหลืออีก หล่อนจึงไม่กล้าแบกใบหน้ามาพบพวกเขาอีกแล้ว
หล่อนกลัวว่าจะถูกฟางจั๋วหรานและภรรยาปฏิเสธอีกครั้ง หากเป็นอย่างนั้นก็คงไม่รู้แล้วว่าจะหันหน้าไปพึ่งพาใคร
ฟางจั๋วหรานเป็นความหวังเดียวของหล่อนในเวลานี้ หล่อนจึงต้องสงวนท่าทีให้มากที่สุด
ฟางจั๋วหรานไม่ใช่คนใจร้าย สวี่เมิ่งเองก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา เรื่องนี้ทำเขากังวลไปด้วย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับสวี่เมิ่งในอเมริกาล้วนแต่เป็นผลที่มาจากการกระทำของหล่อนทั้งสิ้น
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเขียนจดหมายชักชวนให้อีกฝ่ายกลับมา แต่เขายังให้สัญญาว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการกลับประเทศจีนด้วย
แต่สวี่เมิ่งไม่ตอบกลับจดหมาย นั่นหมายความว่าหล่อนไม่ต้องการกลับประเทศจีน
ฟางจั๋วหรานรับโทรศัพท์จากคุณย่าฟางและพูดคุยกับฟางจิ้งเสียน “ผมย้ายจากเจียงเฉิงไปที่โรงพยาบาลโหย่วเหอแล้ว และโรงพยาบาลใหม่ของผมไม่ได้มีการจัดแลกเปลี่ยนทางวิชาการในต่างประเทศ แต่เดี๋ยวผมจะให้คุณอาไปตามหาหล่อนเอง”
ฟางจิ้งเสียนดีใจมาก หล่อนกล่าวขอบคุณหลายครั้งก่อนจะพูดว่า “อย่างนั้นเธอช่วยจัดการให้ฉันกับอาเขยเดินทางไปอเมริกาโดยเร็วได้ไหม? เราต้องการไปหาหล่อนด้วยตัวเอง”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้า
หากฟางจิ้งเสียนยื่นหนังสือเพื่อขอเดินทางไปอเมริกาด้วยตัวเอง หล่อนจะไม่สามารถผ่านได้แม้จะใช้เวลากว่าครึ่งปี
แต่ฟางจั๋วหรานรู้จักกับบริษัทข้ามชาติในอเมริกา ฟางจิ้งเสียนจึงสามารถขอหนังสือเดินทางผ่านบริษัทนี้ได้ และจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์
เห็นฟางจั๋วหรานกล่าวว่าง่าย ฟางจิ้งเสียนจึงกล่าวร้องขออีกครั้ง “แต่เธอก็รู้ว่าภาษาอังกฤษของฉันไม่ค่อยดี ฉันได้ยินว่าภาษาของม่ายจื่อดีมาก อย่างนั้นม่ายจื่อสามารถไปกับเราในฐานะล่ามได้ไหม?”
คราวนี้ฟางจั๋วหรานปฏิเสธเด็ดขาด
ความปลอดภัยในสหรัฐอเมริกาไม่ดีเท่ากับประเทศจีน และฟางจั๋วหรานก็เป็นห่วงหลินม่าย
ฟางจิ้งเสียนร้องไห้อีกครั้งทันที “จั๋วหราน ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ตอนนี้หลินม่ายเรียนปีสุดท้ายแล้ว และการบ้านก็ไม่ได้มากมาย การเดินทางไปอเมริกากับฉันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียนของหล่อนหรอก”
ฟางจั๋วหรานยิ่งหงุดหงิดเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ม่ายจื่อไม่ได้มีแค่การบ้าน หล่อนยังมีธุรกิจต้องรับผิดชอบ นอกจากนี้ทุกคนยังเข้าถึงปืนง่ายในอเมริกา ผมกลัวว่าหล่อนจะตกอยู่ในอันตราย”
ฟางจิ้งเสียนร้องไห้ไม่หยุด “ไม่ว่ามันจะอันตรายแค่ไหน ฉันก็จะพาสวี่เมิ่งกลับมาให้ได้ ได้โปรดเถอะนะ!”
ฟางจั๋วหรานปฏิเสธอีกครั้งและบอกว่าจะจัดหาล่ามเพื่อคอยช่วยเหลือฟางจิ้งเสียนและสามีตามหาสวี่เมิ่ง
ฟางจิ้งเสียนหยุดพูด แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ทั้งสามีและภรรยาก็บุกเข้าหาหลินม่ายเพื่อขอความช่วยเหลือ
เมื่อทั้งสองคนได้พบกับหลินม่าย พวกเขาคุกเข่าก่อนจะเริ่มร้องไห้
แม้ฟางจั๋วหรานตกลงที่จัดจ้างล่ามให้ แต่ทั้งคู่ก็คิดเสมอว่าล่ามที่จ้างมาจะไม่ทุ่มเทเวลาให้ตนเท่ากับครอบครัวของตัวเอง
แม้สกุลของหลินม่ายคือหลิน แต่เธอก็คือลูกสะใภ้ของตระกูลฟาง และย่อมดีกว่าล่ามที่ฟางจั๋วหรานจัดหาให้แน่นอน
ถึงหลินม่ายไม่ใช่คนมีจิตใจอ่อนโยน แต่เมื่อเห็นฟางจิ้งเสียนและสามีของหล่อนที่กลุ้มใจจนผมหงอกเต็มศีรษะ จิตใจของเธอก็อ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้
นอกจากนี้เธอก็รู้สึกได้ว่าคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางต้องการให้เธอช่วยพวกเขา แต่เพราะไม่ต้องการให้เธออึดอัดใจจึงไม่ได้พูดออกมา
หลินม่ายตอบตกลงกับฟางจิ้งเสียนและสามีของหล่อน
คุณปู่ฟางได้ยินมาว่าที่อเมริกาเวลานี้วุ่นวายมาก จึงพยายามหาทางพาเธอไปฝึกยิงปืนที่แถบชานเมืองอยู่สองสามวัน
สุดท้ายแล้ว แม้หลินม่ายจะไม่สามารถเล็งได้ถูกต้อง แต่ยิงให้เป็นก็ยังดี
หลินม่ายไม่คิดมาก่อนเลยว่าการยิงปืนจะต้องใช้พละกำลังพอสมควร แต่โชคดีที่ร่างกายของเธอแข็งแรงมาก
คุณปู่ฟางยังคงกังวลไม่คลาย เวลานี้เขาจึงเรียกหาบอดี้การ์ดที่ปลดประจำการแล้วสองคนคือเสี่ยวถังกับเสี่ยวจิน ทั้งสองคนนี้จะไปอเมริกาพร้อมกับหลินม่ายและคอยปกป้องหลินม่ายกับฟางจิ้งเสียนลับ ๆ
หลินม่ายเรียกขานพวกเขาว่าพี่ใหญ่ถังและพี่ใหญ่จิน
คืนก่อนออกเดินทาง ฟางจั๋วหรานทำตัวเหมือนพ่อแก่ ๆ ที่จู้จี้ขี้บ่น เขาจัดเตรียมหลายอย่างและพูดจาซ้ำไปมาหลายครั้ง
วันรุ่งขึ้น ทั้งครอบครัวไปส่งหลินม่ายและฟางจิ้งเสียนขึ้นเครื่องบิน
เวลานี้เสี่ยวมู่ตงโตขึ้นแล้วเล็กน้อย เขากล่าวอ้อแอประมาณว่า “แม่รีบกลับมาเร็ว ๆ นะ”
หลินม่ายหอมแก้มเขาเบา ๆ ก่อนจะบอกกล่าวกับเสี่ยวเหวินและคุณปู่ฟางให้ดูแลเขา ก่อนจะพาฟางจิ้งเสียนและสามีของหล่อนเดินผ่านจุดตรวจรักษาความปลอดภัย
พี่ใหญ่ถังและพี่ใหญ่จินเปรียบเสมือนองครักษ์ลับในสมัยโบราณที่ติดตามและปกป้องทั้งสามคนอย่างลับ ๆ แม้พวกเขาจะติดตามและเดินผ่านจุดตรวจความปลอดภัย แต่พวกเขาแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้จักกับหลินม่ายมาก่อน
หลินม่ายดูแลฟางจิ้งเสียนและสามีของหล่อนอย่างเต็มที่ เวลานี้พวกเขารู้สึกเสียใจมากที่ปล่อยให้ลูกสาวอยู่ต่างประเทศคนเดียว พวกเขาสารภาพกับหลินม่ายด้วยความเสียใจ
ตอนนี้เองที่หลินม่ายได้รู้ว่าสวี่เมิ่งไม่มีความสามารถ มีเพียงความทะเยอทะยานเท่านั้น
เป็นเพราะความไร้สาระในตอนนั้นของหล่อนล้วนๆ เพราะเห็นว่าเพื่อนรอบข้างไปต่างประเทศและกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ หล่อนจึงอิจฉาและต้องการจะเป็นเช่นนั้น และพยายามร่ำร้องอยากจะไปต่างประเทศบ้าง
ฟางจิ้งเสียนและสามีรักและหวงแหนลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกเขามาก
อีกทั้งยังมองว่าเป็นเรื่องดีที่หล่อนอยากจะไปต่างประเทศ
ทั้งคู่จึงใช้เส้นสายที่มีเพื่อหาทุนสำหรับสวี่เมิ่งที่ไร้ซึ่งคุณสมบัติใดอย่างหนัก สุดท้ายก็สามารถส่งหล่อนไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยทุนของประเทศได้
แต่พวกหล่อนไม่คิดมาก่อนว่ามันจะกลายเป็นเรื่องเลวร้ายแทนที่จะเป็นเรื่องดี ๆ
หลินม่ายนึกถึงเรื่องสั้นที่เคยอ่านบนอินเทอร์เน็ตเมื่อชีวิตที่แล้ว
นักเรียนมัธยมปลายสามคนเสียชีวิตจากการรมแก๊สคาร์บอนมอนออกไซด์ และพ่อของนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
เจ้าหน้าที่คนนั้นใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของตัวเองเพื่อให้ลูกชายของเขาลัดคิวเพื่อเผาศพก่อน
แต่หลังจากเขาถูกเผาไปแล้ว เพื่อนร่วมชั้นอีกสองคนที่กำลังรอต่อคิวเข้าเตาเผากลับฟื้นคืนชีพขึ้นมา
บางครั้งการได้รับสิทธิประโยชน์ก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป สุดท้ายแล้วมันกลับกลายเป็นผลร้ายได้ สวี่เมิ่งคงจะไม่เป็นอย่างนั้นใช่ไหม?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ลำบากหลินม่ายต้องไปตามหาตัวที่ต่างแดนทั้งที่ไม่ใช่ธุระตัวเองอีก ขอให้ตามหาตัวเจอแล้วกันนะ เฮ้อออ
ไหหม่า(海馬)