[เอเลี่ยนเกยตื้น] สเปซทรัคเกอร์ รูดี้คุง - ตอนที่ 8 เข้มข้นจัดจ้าน
ตอนที่8 เข้มข้นจัดจ้าน
เมนูที่รูดี้ถือออกมาพร้อมกับโครนนั้นคืออาหารจีนหลายชนิดที่นาโอมิไม่เคยเห็นมาก่อน
“คุณทำมันเองทั้งหมดเลย?” เธอถาม
“กุ้งผัดพริก(เอบิชิลลี่) ผัดโป๊ยเซียน(ฮัปโปไซ) หมูเปรี้ยวหวาน(สึบูตะ) อาหารสไตล์จีนพวกนี่มาพร้อมกับ ข้าวสวยและซุปใข่ เพราะตอนนี้ผมอยากกินอะไรที่มันมีรสเข้มข้น เดส “
*(TL note: ในประโยคนี้ รูดี้มันพูดว่า “ค๊ตเตริเคย์” (ประเภทเข้มข้น) “ทาเบเตะ-กัตตะ-เดสสุ” (กินไปแล้ว) ไม่ใช่ “ทาเบไต”(อยากกิน) )
ถึงจะว่าไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขาแค่ใช้เครื่องปรุงสำเร็จรูปที่ผลิตโดยบริษัทผู้ผลิตอาหาร มาเทลงไปผสมกับวัตถุดิบที่มีเท่านั้น
“กลิ่นหอมน่ากินดีนะ”
กลิ่นหอมที่โชยมาจากอาหารบนโต๊ะกระตุ้นความหิวของเธอ แต่ทว่าเธอนั้นยังไม่ลืมเรื่องของกาแฟที่เฮอดื่มไปเมื่อสักครู่นี้ …จากกลิ่นของมัน บางที่อาหารพวกนี้อาจจะขมหรือไม่ก็เผ็ดจัดก็เป็นได้
ระหว่างที่เธอยังลังเลอยู่นั้น รูดี้ก็ตักอาหารบนโต๊ะใส่ในจานแล้วส่งไปให้เธอ
“เชิญ เดส”
ไม่สนใจนาโอมิ รูดีเริ้มกินส่วนของเขาอย่างหิวโหย
นาโอมิ งุนงงเมื่อรูดีบอกให้เธอกินได้เลยแต่มันไม่มีอุปกรอย่างช้อนหรือซ่อมอยู่บนโต๊ะ เธอเลยไม่รู้ว่าจะเริ่มกินอย่างไร
เมื่อเธอมองไปที่รูดี้ก็พบว่า เขากินโดยการใช้แท่งสั้นๆสองแท่งคีบอาหารอย่างคล่องแคล่ว เธอจึงพยายามเลียนแบบเขาโดยการหยิบมันขึ้นมาแต่ทว่าหนึ่งในนั้นมันหลุดมือเธอแล้วตกลงไปบนพื้น
“อ๊ะ!”
ก่อนที่เธอจะเก็บมันขึ้นมา โดรนก็ลอยเข้ามาหาแล้วยื่นแขนของมันออกมาเก็บมันไป หลังจากนั้นมันก็กลับมาพร้อมกับตะเกียบอันใหม่ที่มีอะไรสักอย่างผูกติดอยู่ที่ส่วนท้าย แล้วยื่นมันให้นาโอมิ
“จะให้ฉันใช้อันนี้เหรอ?”
โดรนลอยกลับไปอยู่ที่มุมห้องโดยไม่ได้ตอบคำถามของเธอ
หรือว่าเจ้าลูกบอลโลหะที่ลอยไปมานั่นจะเป็นโกเลมชนิดหนึ่ง? นาโอมิพลาดโอกาสที่จะขอบคุณเจ้าตัวตนปริศนานั้นก็ได้แต่ยักไหล่แล้วหันกับไปใช้ตะเกียบที่มันเอามาให้
เข้าใจละ…ด้วยสิ่งนี้ฉันก็จะไม่ทำมันตกเหมือนก่อนหน้านี้ แล้วก็ใช้มันในการกินได้ง่ายขึ้นด้วย
นาโอมิแอบมองรูดี้ขณะที่เข้ากำลังกิน
จากที่เห็นเข้ากินแล้วฉันไม่คิดว่ามันจะมีพิษอะไร นอกจากนั้นมันจะเป็นการเสียมารยาทถ้าไม่กินอะไรเลยหลังจากที่รับคำเชิญมาแล้ว เมื่อคิดได้แบบนั้น เธอก็เริ่มที่จะกินส่วนของเธอ
อย่างแรกเลยเธอคิดว่าจะลอง กุ้งผัดพริก เธอคีบกุ้งที่เคลือบด้วยซอสสีส้มขึ้นมาด้วยตะเกียบ หลังจากกลืนน้ำลายหนึ่งครั้ง เธอก็กัดมันเข้าไป
“”….!?”
ความเผ็ดตามมาด้วยรสหวาน และเนื้อสัมผัสที่เด้งสู้ฟันและรสเปรี้ยวอ่อนๆกระจายไปทั่วปาก
อะ..อะไรเนี่ย! อร่อยเป็นบ้า!
หลังจากความประทับใจในรสชาติของมันในคำแรก นาโอมิก็หันกลับไปจดจ่อกับการกินอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า
ผัดโป๊ยเซียน ประกอบไปด้วยผักหลายชนิด ไข่ และ เนื้อ ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่มี่รสชาติซับซ้อนและเข้มข้น ทำให้มันอร่อยมากๆตอนที่กำลังร้อนอยู่
อาหารรสเปรี้ยวอมหวานนี้ดูเหมือนจะถูกผัดด้วยน้ำมัน ดุแล้วน่าจะเป็นเนื้อหมู มาพร้อมกับแครอท และพริกหยวกสีเขียว ด้วยรสที่เข้มข้นของมันทำให้เพิ่มความอยากอาหารขึ้นไปอีก
อาหารพวกนี้มีรสชาติที่เธอไม่เคยกินมาก่อน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอเคยกินแค่เพียงสตูว์อย่างง่ายๆที่ปรุงรสด้วนเกลือและสมุนไพร สำหรับเธอแล้วนี่มันอร่อยราวกับขึ้นสวรรค์
พวกเขาทั้งสองคนจัดการกับอาหารมากมายบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว รูดี้ ชงชา ผู่เอ๋อ ที่เชื่อกันว่าเหมาะกับการดื่มหลังจากกินอาหารจีน พวกเขานั่งจิบชากันอย่างสบายอารมณ์
“ฉันไม่เคยได้ลิ้มรสอะไรแบบนี้มาก่อนเลย มันอร่อยมาก”
“ด้วยความยินดี”
“จะว่าไปเรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนี่นะ ฉันชื่อว่า นาโอมิ ฉันอาศัยอยู่แถวๆนี้”
“ผมชื่อว่ารูดี้ เดส”
รูดี้เอียงหัวจากคำที่เขาพูดออกมา เขาตั้งใจจะพูดว่า ฉัน(โอเระ) แต่ดูเหมือนว่าระบบเปลภาษาที่ฮาลตั้งไว้จะเปลี่ยนจาก ฉัน(โอเระ)ไปเป็น ผม(โบคุ) แทน เขาสาสารถแก้มันได้ทันที แต่เขารู้สึกว่ามันตลกดีเลยปล่อยไว้แบบนั้น
“คือว่าฉันขอถามคุณสักสองสามเรื่องได้ไหม? “
“เชิญ เดส”
“อย่างแรก เลย สิ่งที่ฉันอยากจะรู้ที่สุดคือ คุณเป็นตัวอะไรกันแน่?”
รูดีงงไปกับคำถาม เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรเมื่อมีคนถามถึงตัวตนของเขาอย่างกะทันหัน
“….มนุษย์ต่างดาว? เดส”
เพราะอย่างนั้นเขาจึงเอียงหัวแล้วลองบอกว่าเขามาจากที่ไหนดู
“อวกาศที่ว่านี่คือ สถานที่ ที่ สูงเลยท้องฟ้าขึ้นไป ที่มี ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวดวงอื่นๆอยู่ใช่ไหม?”
*(TL note: ในภาษาญี่ปุ่น “มนุษย์ต่างดาว” (อูจูจิน) “อูจู” หมายถึง อวกาศ )
จากนั่นเลย!? ..รูดี้ คาดไม่ถึงว่าจะมีดำถามที่อยู่ในพื้นฐานของวิทยาศาสตร์โผล่ออกมา
ระหว่างที่รูดี้กำลังอึ้งอยู่ ฮาลที่พังการสนทนาของพวกเขาก็ติดต่อเข้ามาผ่านสมองอิเลคทรอนิคส์ของเขา
[มาสเตอร์ การเปิดเผยเรื่องที่คุณมาจากนอกอวกาศจะไม่เป็นปัญหาอะไรเหรอครับ?]
“นายเห็นว่ามันมีสถานที่ ที่มีการลงหลักปักฐานอยู่รอบๆนี้หรือเปล่า?”
[จากมุมมองทางอากาศไม่สามารถระบุได้ครับ]
“งั้นก็หมายความว่า ผู้หญิงที่ชื่อว่า นาโอมิ นั้นอาศัยอยู่ในป่าตามลำพังยังไงล่ะ ส่วนสาเหตุก็น่าจะเกี่ยวกับแผลไหม้บนหน้าของเธอ เพราะอย่างนั้นเรื่องราวของเราคงไม่ถูกแพร่งพรายไปไหนได้หรอก”
[เข้าใจแล้วครับ]
ระหว่างที่รูดี้กำลังตอบคำถามของฮาล นาโอมิก็จดจ้องไปที่เขาอย่างสนอกสนใจ
“แม้ภายนอกจะดูเหมือนมนุษย์ทั่วไปก็ตาม แต่ว่า จากที่ดูแล้ว ฉันไม่สามารถสัมผัสได้ถึงมานาในตัวของคุณเลยแม้แต่น้อย นี่คุณสามารถใช้เวทย์ได้หรือเปล่า?”
“ใช้ไม่ได้ นาโอมิมีความรู้เกี่ยวกับเวทมนต์ใช่ไหม? เดส”
“ก็…ถึงระดับที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวฉันได้แหละนะ”
นาโอมิ ยิ้มอย่างขมขื่น ระหว่างที่ตอบคำถามของเขา
“การพลางตัวก่อนหน้านี้ก็เวทมนต์ใช่ไหม? เดส”
“ถึงจะไม่รู้ว่าคุณเห็นได้ยังไงก็เถอะ แต่ก็ใช้แล้วล่ะ”
นาโอมิหลับตาลงตั้งสมาธิ แล้วท่องคาถาเบาๆ หลังจากนั้น ร่างของเธอก็เริ่มพร่ามัวแล้วหายไป
“โอ้~~!”
รูดี้เห็นว่ามันมหัศจรรย์มากและเริ่มปรบมือ นาโอมิ ที่ดูเหมือนกำลังเขินอายก็ปรากฏตัวออกมา
“เวทลวงตาเป็นสิ่งจำเป็นในการอาศัยอยู่ในป่านี้น่ะ”
“ผมอยากจะรู้เกี่ยวกับระบบของมัน เดส”
“อืม…เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับอาหาร เดี๋ยวจะสอนบางอย่างให้ละกัน”
ตามคำอธิบายของ นาโอมิ มันมีเวทย์มนต์อยู่ 8 ชนิด ประกอบไปด้วย ดิน น้ำ ไฟ ลม ลวงตา ปีศาจ แสง และ ความมืด ทุกๆคนมีคุณสมบัติความเข้ากันได้กับเวทย์แต่ละชนิด โดยกำเนิด และบางคนมีความสารมารถในการใช้เวทย์บางชนิดได้ ในขณะที่บางคนใช้ไม่ได้ก็มี
การจะใช้งานเวทย์มนต์ ผู้ใช้จะต้องร่ายคาถาในขณะที่ปล่อยมานาที่เก็บไว้ในร่างกายออกมา พลังและปริมาณของมานาของแต่ละคนจะขึ้นอยู่กับ คุณสมบัติโดยกำเนิด (80%) และการฝึกฝน (20%)
นอกจากนั้นยังมี มานาที่อยู่ในอากาศ และมันจะสามารถซึมซับเข้าไปในร่างกายได้เองตามธรรมชาติ แต่การกินอาหารสามารถเร่งความเร็วในการดูดซึมตัวได้ อัตราการฟื้นตัวจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคุณสมบัติโดยกำเนิดของแต่ละคน
นาโอมิ มีความสามารถในการฟื้นฟูและการจัดเก็บมานาที่สูงเป็นพิเศษ จึงทำให้เธอสามารถใช้เวทมนตร์ได้ทุกประเภท ดังนั้นเธอจึงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงซึ่งรู้จักกันในชื่อ “แม่มดแห่งขุมนรก”(นาราคุ โนะ มาโจ) หรือเรียกสั้นๆ ว่า “นาราคุ” ที่ผู้คนต่างคนหวาดกลัว
“…….นาราคุ” * ( ͝° ͜ʖ͡°)
“ฉันไม่ได้เป็นคนตั้งฉายาตัวเองแบบนั้นนะ! ไอ้คนที่ตั้งฉายาแบบนั้นให้ฉันมันน่าจะลองเรียกตัวเองแบบนั้นดูบ้าง จะได้รู้ซะบ้างว่ามันน่าอายแค่ไหน”
นาโอมิ อธิบายอย่างหงุดหงิดเมื่อรูดี้ พูดถึงฉายาสุดเท่ห์(เบียว)ของเธอ
ขณะเดียวกัน นาโอมิ ก็สังเกตท่าทีของ รูดี้ ไปด้วย และก็ดีใจที่เขา ไม่ได้ตกใจกับฉายาของเธอ ดูเหมือน เขาจะไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเธอคือใคร
ในความเป็นจริง นาโอมิ นั้นถูกขนานนามว่าเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ก่อนที่จะ ปลีกตัวมาอาศัยอยู่ในป่า
เธอมองรูดี้ด้วยความสนใจ อยากรู้ว่าเขาจะตอบสนองต่ออดีตของเธออย่างไร