[เอเลี่ยนเกยตื้น] สเปซทรัคเกอร์ รูดี้คุง - ตอนที่ 27 นาโอมิบินไปบนท้องฟ้า
ตอนที่27 นาโอมิบินไปบนท้องฟ้า
หลังจากจบการอธิบายเกี่ยวกับสมาร์ทโฟน รูดี้ก็ลุกขึ้น
“ถ้างั้นก็น่าจะได้เวลาไปที่บ้านของชิโชวแล้วล่ะ เดส”
“เมื่อเช้านี้ก็ได้ยินเรื่องนั้นอยู่หรอก แต่เธอจะไปตอนนี้เลยเหรอ พอเราไปถึงที่นั่นมันก็แทบจะไม่มีเวลาเหลือแล้วนะ”
“ไม่ต้องห่วง เดส ถ้ารู้สถานที่ละก็ แค่บิน ปิ้ว~~ ไปแป๊ปเดียวก็ถึงแล้ว เดส”
เมื่อได้ยินรูดี้ว่าแบบนั้น นาโอมิก็ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
“นี่จะบอกว่า จะให้ฉันขึ้นยานแล้วบินไปด้วยกันเหรอ?”
“ก็ถ้าเป็นอย่างนั้นมันมีปัญหาอะไรเหรอ เดส?”
“เปล่าๆ ถ้าแบบนั้นละก็ รีบๆไปกันเลย”
ว่าแบบนั้นแล้วนาโอมิก็ลุกขึ้นแล้วรีบออกไปรอรูดี้ข้างนอก
“ตรงนี่คือห้องนักบิน เดส ชิโชว น่ะไปนั่งตรงนั้น เดส”
เมื่อ นาโอมิ เข้ามาใน ค็อกพิต ก็ตื่นตาตื่นใจไปกับอุปกรณ์ต่างๆที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน รูดี้จึงบอกให้เธอนั่งลงตรงที่นั่งผู้ช่วยนักบิน
“รูดี้ เจ้าแท่งอะไรสักอย่างนี่มันเอาไว้บังคับการเคลื่อนไหวของตัวยานเหรอ?”
นาโอมิ จิ้มไปที่แท่งควบคุมที่อยู่ตรงหน้าเธอ พลางถามรูดี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ใช่แล้วเดส แต่ตอนนี้ผมตัดการทำงานของมันไว้ เพราะงั้นจะโยกเล่นก็ไม่ว่าอะไรเดส”
เมื่อรูดี้ อนุญาต นาโอมิ ก็โยกแท่งควบคุมเล่นไปมาอย่างสนอกสนใจ
“อืม… ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิว่าเจ้านี่มันทำงานยังไง ”
“ตอนที่ได้เห็นเวทมนต์ ผมก็คิดแบบเดียวกัน เดส”
ขณะที่เธอกำลังเอียงหัวสงสัย รูดี้ก็เดินเครื่องของยานลงจอด แล้วก็เริ่มลอยลำขึ้นสู่ท้องฟ้า
“วะวะ…เรากำลังลอยขึ้นแล้ว”
เมื่อเห็น นาโอมิตื่นเต้นแบบนั้น รูดี้ก็หัวเราะขึ้นมา
เมื่อหันหน้าไปในทิศทางที่บ้านของนาโอมิตั้งอยู่ เขาก็เริ่มควบคุมให้ยานลงจอดเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆในความสูงที่ไม่มากนัก
“กำลังบินอยู่จริงๆด้วย สูดยอดเลย!”
“ชิโชว ใช้เวทมนต์บินไม่ได้เหหรอ เดส?”
เขาถ้ามออกมาระหว่างที่นาโอมิกำโน้มตัวเพื่อมองออกไปข้างนอก
“ฉันบินได้อยู่นะ คนอื่นๆนอกเหนือจากฉัน….ก็คงจะบินได้ละมั้ง? ถึงจะไม่เคยเห็นใครบินมาก่อนเลยก็เหอะ ”
เธอตอบโดยที่ไม่ได้หันกลับมามอง
หรือก็คือนอกจากชิโชวแล้วคงไม่มีใครบินได้ พอคิดได้แบบนั้นรูดี้ก็ยิ่งสนใจในความสามารถการใช้เวทมนต์ของนาโอมิมากยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นประมาณ10นาที ยานลงจอดก็ร่อนลงไปที่หน้าบ้านของนาโอมิ
“มันมาถึงได้เร็วอย่างที่บอกเลยนะ”
“ที่เห็นนี่มันเป็นแค่การบินด้วยความเร็วต่ำ เดส”
“ถ้าเดินละก็มันจะใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยแหละ แค่นี้ก็ถือว่าเร็วแล้ว”
รูดี้เปิดประตูด้านหลังของยานลงจอก แล้วนำจักรกลหนักที่ใช้ในการก่อสร้างฐานที่พักออกมา
“เราจะทำการรื้อถอนบ้านของชิโชว แล้วขุดหลุม พอเสร็จแล้วราจะฝังฐานที่พักไว้ไต้ดิน เดส”
“ฐานที่พักเนี่ย จะบอกว่าเธอจะขนบ้านที่สร้างไวที่โน่นมางั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็ส่ายหัว
“ถ้าเอาฐานที่พักอันนั้นมา วันนี้เราก็จะไม่มีที่อยู่กันพอดี เพราะงั้นผมเลยเอาอันที่ต่างออกไปมาด้วย เดส”
“ยังมีบ้านที่สุดยอดแบบนั้นอยู่อีกเหรอเนี่ย….”
“ในคลังมันยังมีของที่เกินความจำเป็นแบบนั้นอยู่อีก10ขุดได้ เดส”
เพราะ ยานไนกี้ นั้นอยู่ระหว่างการขนส่งสินค้าที่ไปยังดวงดาวที่กำลังอยู่ระหว่างบุกเบิก มันจึงบรรทุกสิ่งของจำเป็นและอาหารมาด้วยเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าหากว่าเขาไม่ได้มีสินค้าพวกนั้นมาด้วยละก็ รูดี้คงต้องใช้ชีวิตอย่าง สมถะ โดยอาศัยอยู่ในยานลงจอด และประทังชีวิตด้วยอาหารที่พอจะหาได้จากพื้นที่รอบๆนี้เท่านั้น
คนที่ยังพอจะคว้าโชคดีเพียงอย่างเดียวในความโชคร้ายทั้งหมดของเขาได้ นั่นแหละคือรูดี้ไงล่ะ!
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอตัวก่อนละ เดส ส่วนชิโชวก็เชิญไปเดินเล่นตามสบายเลย เดส”
“หือ? เธอจะไปไหนเหรอ?”
“แน่นอนว่าไปโค่นต้นไม้ไง เดส”
รูดี้ตอบราวกับว่ามันเป็นเรื่องปรกติ
“จะว่าไปก็เคยบอกไว้นี่นะ จะให้ฉันช่วยไหม?”
“สบายมาก เดส ก็แค่ตัดแล้วก็ฆ่ามัน…ฆ่ามัน? ไม่สิ โค่นมันลงมา เดส”
นาโอมิสนใจในวิธีการโค่นต้นไม้ขอรูดี้ก็เดินตามเขาไป
เมื่อรูดี้เข้าไปในป่าเขาก็นำรถลากลอยตามมาด้วย และเมื่อมาถึงต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีลำต้นหนาพอสมควรเขาก็หยิบเลื่อยยนต์ออกมา
“อะไรละนั่น?”
“เชนซอว์ เดส ชื่อของรุ่นนี้คือ โยซาคุ คาริเบอร์ จัง? เป็นชื่อที่พิลึกจริงๆ เดส ”
รูดี้ เปิดสวิตช์เดินเครื่องของ โยซาคุ คาลิเบอร์ จัง ฟันเลื่อยก็เริ่มหมุน และเสียงเครื่องยนต์ของมันก็ดังก้องไปทั้งป่า
“เสียงดังสุดๆไปเลยนะ”
เมือเห็นนาโอมิตระโกนดังๆพลางเอามือปิดหูไปด้วยเพราะเสียงของเครื่องยนต์ รูดีจึงปิดเครื่องแล้วหันไปหาเธอ
“ชิโชว เมื่อกี้พูดว่าอะไรเหรอ เดส?”
“เมื่อกี้บอกว่า เสียงมันดังสุดๆไปเลยน่ะ”
“…แบบนี้มันจะเรียกศัตรูออกมาหรือเปล่า เดส?”
“ก็เป็นไปได้นะ แต่ถ้าจะดังซะขนาดนี้มันคงไม่อยากเข้ามาใกล้นักหรอก”
เมื่อได้ยินนาโอมิว่าแบบนั้น รูดีก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมา
“ชิโชว ฝากดูและรอบๆนี้ด้วยละกัน เดส”
“เขาใจละ”
“อ๊ะ…เกือบลืมไปเลย เอาไอ้นี่ไปใส่ด้วยเดส”
รูดี้ หยิบหมวกก่อสร้างสีเหลืองที่มีข้อความว่า ปลอดภัยไว้ก่อน ออกมาจากรถลาก แล้วส่งให้นาโอมิ แล้วก็เอาของแบบเดียวกันขึ้นมาสวม นอกจากนั้นก็ยังหยิบแว่นกันสะเก็ดขึ้นมาใส่อีกด้วย
“อะไรเนี่ย?”
“ปลอดภัยไว้ก่อน เดส”
“อ่า..ก็คงอย่างนั้นแหละนะ”
คิดว่ามันเป็นอุปกรป้องกันที่มีสีเหลืองสะดุดตาดีนะ นาโอมิ เองก็หยิบมันมาสวมด้วย
รูดี้ เดินเครื่อง โยซากุ คาลิเบอร์ จัง อีกครั้ง แล้วกดใบเลื่อยเข้ากับลำต้นของต้นไม้ที่อย่าข้างหน้า
ในเวลาไม่นานนักเขาก็โค่นมันได้สำเร็จ
นาโอมิที่ยืนดูอยู่ข้างหลังก็คิดว่า ถึงแม้ว่าชื่อมันจะพิลึกไปหน่อยแต่ก็เป็นอาวุธที่น่ากลัวเอาเรื่องเลยนะ
“นี่มันเป็นงานหนักกว่าที่คิดไว้เยอะเลย เดส”
ไม่รู้ถึงเรื่องที่เธอกำลังคิดอยู่ รูดี้ ก็ขยับหมวกแล้วเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขาด้วยแขนเสื้อ แล้วจึงเดินหาต้นไม้ต้นต่อไป
“แล้วจะทำยังไงกับต้นไม้ที่ตัดไว้ล่ะ”
“เดี๋ยวให้พวกโดรนมาขนไปทีหลัง เดส”
รูดี้ ยก โยซากุ คาลิเบอร์ จัง ขึ้นพาดไหล่ แล้วเริ่มออกเดิน
ใบเลื่อยของมันถูกออกแบบมาให้เก็บเข้าด้านในเมื่อปิดเครื่องเพื่อความปลอดภัยระหว่างการขนย้าย
รูดี้ โค่นต้นไม้ต้นแล้วต้นเล่า อย่างต่อเนื่อง ในขณะนั้นเองนาโอมิก็สัมผัสได้ถึง บางอย่างที่มุ่งหน้าเข้ามาหา
“รูดี้!”
“………”
แม้ว่านาโอมิจะตระโกนดังๆ รูดีก็ยังไม่รู้สึกตัว เพราะว่าเขากำลังจดจ่ออยู่กับการโค่นต้มไม้ และเสียงของ โยซากุ คาลิเบอร์ จัง
เอาเถอะ…ยังไงซะเธอก็สามารถจัดการกับมันได้เองอยู่แล้ว เธอจึงปล่อยให้รูดีทำงานต่อไปแล้วมุ่งหน้าไปที่ต้นตอของสัมผัสนั้น
*(TLnote : เวทมนต์ในเรื่องนี้มันไม่ใช่ภาพมายา แต่เป็นเหมือนกับ อนุภาคอิสระ ที่สามารถควบคุมหรือใส่โปรแกรมลงไปให้มันทำตามต้องการได้ กรณีที่มันใช้กับพวก สสิ่งมีชีวิตที่สร้างมาสำหรับการต่อสู้แล้วก็ตัวกลายพันธุ์ไม่ได้ผลนั้น มีสาเหตุมาจากการที่พวกมันดูดกลืน อนุภาคของมานาเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วตัดพลังงานของเวทมนต์ได้ก่อนที่จะได้รับความเสียหายจากการโจมตี ซึ่งไอ้พวกนั้นมันเอาพลังงานจากมานาที่ดูดกลืนเข้าไปมาใช้ในการฝื้นฟูตัวเอง พวกสัตว์ป่าในดาวดวงนี้เองก็มีวิธีใช้งานมานาต่างกันออกไปด้วย )