เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 92 ขอคุยด้วยหน่อย
ตอนที่ 92 ขอคุยด้วยหน่อย
เหตุผลที่ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกแบบนี้คือเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีคนรู้จักที่อ่าวชิงหลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่สนิทกันมากพอที่จะจ่ายบิลหลายหมื่นให้เขา
ซางเทียนซั่วกับฟางรุ่ยก็ไม่ได้อยู่ด้วย ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
ซ่งจื่อเซวียนเบี่ยงความสนใจจากคนที่สะกดรอยตามมาที่คนจ่ายบิลให้ทันที เขามั่นใจว่าคนที่ช่วยจ่ายบิลเขาในวันนี้กำลังตามพวกเขาอยู่ ส่วนจุดประสงค์นั้น…ตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัด
หลังจากใคร่ครวญความเป็นไปได้บางอย่างแล้ว ซ่งจื่อเซวียนมุ่งไปที่เสี่ยเคอซานและเสี่ยเฉิงปา เคอซานหยุดภารกิจของฟางรุ่ยที่จะลอบฆ่าเขา ต้องมีเหตุผลแน่นอน แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็คงไม่จับจ้องตัวเขาทันทีแบบนี้
ส่วนเสี่ยเฉิงปาก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย แม้ว่าจะมีอำนาจอยู่บ้าง แต่พูดตรงๆ ก็ยังไร้สมองไปหน่อย ตอนนี้คงต้องตั้งตารอที่จะร่วมมือกับเขาหวังร่ำรวยอยู่ทุกวัน ไม่มีทางที่จะแอบเคลื่อนไหวอย่างลับๆ
ถ้าอย่างนั้น…คนที่มีแนวโน้มมากที่สุดก็คือหลินเทียนหนาน
ซ่งจื่อเซวียนหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วมองร้านอาหารตี้หวาไถที่อยู่ตรงหน้าเขา ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ในใจ
“เหอะๆ ฉันเดาว่านายไม่เคยเห็นร้านอาหารหรูหราแบบนี้มาก่อนใช่ไหม ไม่เป็นไร มองให้เยอะหน่อยก็ดี จากนี้อาจจะไม่มีโอกาสมาอีก”
เมื่อมีเสียงของเฮ่อเหยียนข่ายดังมา ซ่งจื่อเซวียนก็กลับมามีสติอีกครั้ง แต่เขาไม่ทันได้เปิดปาก ถังหย่าฉีก็พูดว่า “เหอะๆ บางทีที่ท่านชายเฮ่อได้มาที่นี่บ่อยๆ อาจจะหยิบยืมความสัมพันธ์ของคุณพ่อล่ะสิ ถ้าทำให้คนจ่ายเงินเพื่อคุณในอ่าวชิงหลงได้ ฉันคิดว่านั่นถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฮ่อเหยียนข่ายก็หน้าดำหน้าแดง ถ้าเขาไม่ชอบถังหย่าฉีจากใจจริง คงแตกหักกันไปนานแล้ว
ในที่สุดเขาก็กลั้นหายใจแล้วเดินเข้าไป ส่วนถังหย่าฉีจับแขนของซ่งจื่อเซวียนแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกเขารังแกนายหรอก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ซ่งจื่อเซวียนอยากจะเผยยิ้ม เพราะท่าทางปกป้องของถังหย่าฉีนั้นน่ารักเกินไป แต่ในใจรู้สึกซาบซึ้งใจมาก อย่างน้อย…ก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำกับเขาอย่างนี้มาก่อน แม้แต่หยางเสวี่ย…ตอนนั้นก็เป็นท่าทีเพราะมีจุดประสงค์
เมื่อเดินเข้าไปในตี้หวาไถ ชั้นหนึ่งราวกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ล้อมรอบด้วยกระจกทั้งสี่ด้าน รวมถึงด้านล่างเท้าด้วย และด้านหลังกระจกก็เหมือนกับโลกมหาสมุทร อาหารทะเลทั้งหมดที่นี่เป็นแบบเพาะเลี้ยง และเนื่องจากมีอาหารเพียงพอจึงไม่มีการจับมาฆ่าเพิ่ม
ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกถึงงานที่มีความคิดสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ทันที เป็นนักออกแบบที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ถึงสามารถสร้างร้านอาหารทะเลแบบนี้ได้ คงเพราะอย่างนี้ตี้หวาไถจึงคู่ควรกับการเป็นร้านอาหารทะเลระดับไฮเอนด์ที่สุดในเมืองตู้เหมิน
ร้านอาหารทะเลราคาเข้าถึงได้ในเมืองจะเปลี่ยนจากสั่งอาหารจานเดี่ยวเป็นตลาดอาหารทะเลเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสรรและนำไปแปรรูปอาหาร เมื่อเทียบกันแล้วเถ้าแก่ร้านตี้หวาไถเป็นคนเอาใจใส่จริงๆ
ในขณะเดียวกันผนังกระจกรอบๆ ก็มีป้ายและราคาอยู่ด้วย เมื่อเดินเข้าไปก็สามารถสั่งอาหารทั้งหมดได้
ถึงอย่างไรก็เป็นนักศึกษาใหม่ หญิงสาวพวกนี้อาจจะไม่ค่อยได้เห็นโลกกว้างมากนัก จึงสั่งอาหารเกือบตลอดทาง เกรงว่าโต๊ะจะไม่มีที่วางแล้ว
พนักงานเสิร์ฟรีบเตือนว่าสั่งมากเกินไปแล้ว แต่เฮ่อเหยียนข่ายก็ให้พวกเขาสั่งต่อไป ในเมื่อมาแล้วก็ต้องกินให้พอ
ซ่งจื่อเซวียนที่เดินอยู่ด้านหลังระบายยิ้ม “วันนี้ดูเหมือนจะเป็นงานฉลองจริงๆ”
ถังหย่าฉีอดไม่ได้ที่จะป้องปากหัวเราะ ส่วนใหญ่เธอหัวเราะเพื่อนร่วมรุ่นพวกนั้น ปกติแล้วพวกเขาจะแต่งตัวประณีตมาก แต่เมื่อมาถึงที่นี่พวกเขาดูเหมือนไม่เคยเห็นไม่เคยทานมาก่อน สุดท้ายระหว่างทางถังหย่าฉีและซ่งจื่อเซวียนก็ไม่ได้สั่งอาหารเลยสักจาน
ถังหย่าฉีเคยกินและเคยมาร้านขนาดใหญ่เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ซ่งจื่อเซวียนดูเหมือนจะมีความเย่อหยิ่งโดยกำเนิด ย่อมไม่ทำตัวดูไร้ค่าในที่แบบนี้
“จื่อเซวียน ที่นี่สวยดีนะ” ถังหย่าฉีมองดูโลกมหาสมุทรที่อยู่รอบๆ และด้วยแสงสีฟ้าอ่อน ทางเดินทั้งหมดจึงดูชวนฝันเป็นพิเศษ
“เหอะๆ ใช่เลย แต่…เธอไม่เคยมาที่นี่เหรอ”
“ไม่เคย ปกติพ่อจะยุ่ง ไม่ว่างพาฉันไปคบค้าสมาคมได้ทุกที่หรอก แต่ฉันเคยไปตี้หวาไถที่อยู่เขตใจกลางเมืองนะ ถึงจะดูหรูหรามาก แต่ก็…แย่กว่าที่นี่เยอะ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าเบาๆ “เพราะที่นี่ก็คืออ่าวชิงหลงไง เหอะๆ ที่นี่น่าทึ่งมาก”
ทั้งสองเดินพูดคุยกันราวกับว่าคนอื่นที่อยู่ระหว่างทางเป็นเพียงของประดับตกแต่ง โดยเฉพาะถังหย่าฉีที่เหมือนจะเพลิดเพลินกับการเดินบนทางเดินในมหาสมุทรและพูดคุยกับซ่งจื่อเซวียนไปด้วย…
เมื่อเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว คราวนี้ซ่งจื่อเซวียนถือว่าคุ้นเคยกับความหรูหราในอ่าวชิงหลงแล้ว เว้นแต่ที่ในอนาคตปรารถนาจะมีร้านอาหารคุณภาพแบบนี้ อย่างอื่นเขาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเท่าไร
นักศึกษาพวกนั้นสั่งอาหารเก่งมาก แค่ล็อบสเตอร์ก็สั่งมาหลายตัวมีด้วยกันสามอย่าง ล็อบสเตอร์อบ นึ่ง และชีส อาหารทะเลมีพร้อมทุกอย่างที่ต้องการ โต๊ะเต็มไม่มีที่จะวางราวกับกินหม้อไฟ อาหารหลายจานวางอยู่บนชั้นวางผักที่อยู่ข้างโต๊ะ
ทันทีที่อาหารมาเสิร์ฟ พวกเขาก็เริ่มตื่นตาตื่นใจและเพลิดเพลินกับอาหารมื้อนี้ เหมือนว่าขณะที่สั่งพวกเขาจะสนใจเรื่องราคาเหมือนกัน โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาเริ่มด้วยการสั่งอาหารราคาแพง ไม่ถึงหนึ่งนาที ซาชิมิล็อบสเตอร์จานหนึ่งก็ถูกคว้าไป
ซ่งจื่อเซวียนแอบขำ คนพวกนี้เรียนมหา’ลัยแต่กลับมีเนื้อแท้อย่างนั้น ที่จริงแล้ว…ไม่ต้องไปเรียนก็ได้
เฮ่อเหยียนข่ายหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา “มาๆ รุ่นน้องทั้งหลาย วันนี้ฉันต้อนรับพวกเธอทุกคน แม้ว่าอาหารทะเลที่นี่จะโคตรอร่อย แต่จริงๆ แล้วของที่แพงที่สุดในวันนี้ก็คือไวน์ขวดนี้ พวกเราชนแก้ว!”
เมื่อได้ยินดังนั้น คนอื่นๆ ก็ยกแก้วไวน์แดงขึ้นจิบ ผู้หญิงคนหนึ่งถาม “รุ่นพี่คะ ไวน์แดงนี้ราคาเท่าไรเหรอคะ ราคาหลักหมื่นเลยใช่ไหมคะ”
เฮ่อเหยียนข่ายคลี่ยิ้มพลางคลอนแก้วไวน์ ไวน์แดงที่หมุนอยู่ก้นแก้วค่อยๆ ปกคลุมรอบแก้วอย่างช้าๆ
“ถึงนี่ไม่ใช่ไวน์ลาฟิตในยุคแปดศูนย์ที่พวกเธอเคยได้ยิน แต่เป็นไวน์แท้ที่ผลิตจากชาโตว์ ลาฟิต ปัจจุบันชาโตว์ ลาฟิตแท้ไม่ได้ซื้อง่ายๆ ราคาตลาดก็ประมาณแปดหมื่นหยวนแล้ว”
นักศึกษาเหล่านั้นพลันเบิกตากว้าง บางคนถึงกับอ้าปากค้าง ต้องบอกว่าราคานี้สูงลิ่วสำหรับพวกเขา
นี่ไม่ถึงกับน่าแปลกใจ ในสังคมทุกวันนี้มีหลายครอบครัวธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีเงินฝากแปดหมื่นหยวน บางครอบครัวถึงกับมีเงินกู้และเงินฝากก็เป็นศูนย์
หลังจากพูดแบบนี้แล้ว เฮ่อเหยียนข่ายก็สังเกตเห็นท่าทางของทุกคน เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดูเหมือนเขาจะชอบความรู้สึกนี้มากที่สุด การอวดรวยแบบมีชั้นเชิง พูดง่ายๆ คือทำให้คนอื่นตะลึงกับราคาและดูสีหน้าของคนอื่น แต่ตัวเองกลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ
จากนั้นเขาก็มองซ่งจื่อเซวียนแล้วพูด “ฮ่าๆ เพื่อน นายก็ดื่มด้วยสิ ไวน์นี้…ถึงจะมีเงินแต่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ นะ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มบางๆ “โทษที ฉันไม่ดื่มเหล้า”
“จริงดิ ดื่มไวน์แดงคงไม่เป็นอะไรหรอก ไวน์แดงสื่อถึงรสนิยมอย่างหนึ่ง ถึงจะไม่ใช่ราคายิ่งแพงก็ยิ่งมีรสนิยมแต่ไวน์แดงที่ดื่มก็แสดงถึงรสนิยมของคนคนหนึ่งได้อย่างแน่นอน”
“จริงเหรอ แพงขนาดนี้…ต้องรสนิยมดีแน่ๆ ดูเหมือนว่าวันนี้ทุกคนที่นี่จะรสนิยมดีกันทั้งนั้น”
เฮ่อเหยียนข่ายได้ยินก็หรี่ตาลงเล็กน้อย เขาหมายความว่าตัวเขาเป็นคนมีรสนิยม แต่พอซ่งจื่อเซวียนพูดแบบนี้…เท่ากับว่าหลังจากทุกคนดื่มไวน์แดงนี้จะกลายเป็นคนมีรสนิยม เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสื่อเลย
“ใช่แล้ว ฮ่าๆ ฉันก็พอมีรสนิยมอยู่บ้าง”
“ใช่ๆๆ ฉันด้วย มา ชนแก้ว!”
เฮ่อเหยียนข่ายโกรธเคือง ในใจคิดว่าไอ้คนพวกนี้ที่ไม่เคยได้เปิดหูเปิดตา พล่ามเยอะชะมัด!
“ก็แล้วแต่ ในเมื่อทุกคนมีความสุขก็ดี ราคาไวน์ อาหารทะเล ค่าบริการและค่าห้องส่วนตัวที่นี่น่าจะอยู่ที่หนึ่งแสนสามหมื่นถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นเท่านั้น ไม่ได้แพงเลย!” เฮ่อเหยียนข่ายเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย อวดรวยอีกครั้งอย่างเห็นได้ชัด
ถังหย่าฉีเหลือบมองซ่งจื่อเซวียนด้วยความกังวลกลัวว่าเขาจะโกรธ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสงบนิ่งของซ่งจื่อเซวียนเธอก็รู้สึกโล่งใจ
ตอนนี้เองก็มีเสียงเคาะประตูและคนในชุดสูทก็เดินเข้ามาทันที ยิ้มเล็กน้อยพลางโค้งคำนับ
“สวัสดีครับทุกท่าน ผมคือผู้จัดการของตี้หวาไถ ไม่ทราบว่าคุณซ่งคือท่านไหนครับ”
เมื่อได้ยินทุกคนก็ตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนฉากนี้จะ…คุ้นๆ นะ
โดยเฉพาะเฮ่อเหยียนข่าย ถลึงตากว้างมองผู้จัดการ ครุ่นคิดอะไรบางอย่างในใจ สับสนอยู่พักหนึ่งไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ” ซ่งจื่อเซวียนหันกลับมาถาม อันที่จริงตอนนี้เขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน สับสน…
“คืออย่างนี้ครับคุณซ่ง มีคนจ่ายบิลห้องส่วนตัวของคุณให้แล้วครับ แต่จะไม่ส่งผลต่อมื้ออาหารของคุณ เชิญทุกท่านค่อยๆ รับประทานต่อได้ และสามารถออกไปหลังมื้ออาหารได้เลยครับ”
“ใครกันเป็นคนจ่าย!” คราวนี้คนที่พูดไม่ใช่ซ่งจื่อเซวียน แต่เป็นเฮ่อเหยียนข่าย!
เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจริงๆ แล้ว วันนี้เขาออกมาเพื่ออวดความรวย ขณะเดียวกันก็ตามจีบถังหย่าฉี แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเฉิงเหย่าจินปรากฏตัวขึ้นระหว่างทางกะทันหัน[1] ไม่ต้องพูดถึงการโดนสกัดกั้นถึงสองครั้งติดกัน นี่มันตบหน้ากันชัดๆ
เฉิงเหย่าจินที่เขานึกถึงนั้นเป็นซ่งจื่อเซวียนอย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือคนที่จ่ายบิลทั้งสองนั้นไม่ใช่มันเลย แต่เป็นคนอื่นทำเพื่อมัน!
สำหรับผู้ชายที่มีเงื่อนไขแบบเฮ่อเหยียนข่าย เขาไม่ได้สนใจเงินหลายหมื่นหรือหลายแสนที่ใช้ในสองที่นี้ สิ่งที่เขาสนใจคือศักดิ์ศรี และสิ่งที่เขาสูญเสียไปในคืนนี้…ก็คือศักดิ์ศรี
เมื่อเห็นท่าทางของเฮ่อเหยียนข่าย ผู้จัดการก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที แต่ซ่งจื่อเซวียนชิงพูดก่อน “เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว คุณออกไปได้แล้วครับ”
ทันทีที่ซ่งจื่อเซวียนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ผู้จัดการก็โค้งคำนับอีกครั้งและจากไปอย่างรวดเร็ว
เฮ่อเหยียนข่ายโมโหมาก เขามองซ่งจื่อเซวียนและอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้เปิดปากพูด ท้ายที่สุดซ่งจื่อเซวียนไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากถูกจ่ายบิลให้
บรรยากาศต่อมาเริ่มอึมครึมมากขึ้น เฮ่อเหยียนข่ายดื่มไวน์หน้าตายโดยไม่พูดอะไรสักคำ คนอื่นก็กระอักกระอ่วนเกินกว่าจะพูดอะไร ก้มหน้าก้มตากินอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไรเลยจะดีกว่า…
ในที่สุด ชามหม้อก็สะอาดเกลี้ยง นอกจากเครื่องเคียงทุกอย่างก็กินจนหมด เฮ่อเหยียนข่ายเสียอารมณ์และเดินตรงจากไป ทุกคนก็ตามเขาออกไป
แต่ซ่งจื่อเซวียนกลับไม่ได้แตะตะเกียบเลย มีคนจ่ายบิลให้เขาสองครั้ง จากภายนอกดูมีหน้ามีตา แต่เขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น กลับรู้สึกประหม่าเล็กน้อย…
สรุปคนคนนี้เป็นใครกันแน่ ถ้าเป็นหลินเทียนหนานจริงๆ จุดประสงค์ของเขาคืออะไรอีกล่ะ
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนและถังหย่าฉีก็ออกจากตี้หวาไถ เดินจนไปถึงประตู ซ่งจื่อเซวียนก็ปล่อยท่าทางอย่างอิสระ ขณะกำลังจะขึ้นรถถังหย่าฉีก็ได้ยินเสียงจากด้านหลัง
“คุณซ่งครับ”
ซ่งจื่อเซวียนหันกลับมาทันที ราวกับว่าในตอนนี้เขาหวังว่าจะได้รู้อะไรบางอย่าง
แต่เมื่อหันกลับไปก็เห็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง คนคนนี้รูปร่างปานกลาง อายุสามสิบกว่า ผมสั้น สวมแว่นตากรอบเงิน และมีรอยยิ้มเสแสร้งบนใบหน้า
“หาผมเหรอ” ซ่งจื่อเซวียนถาม ในขณะเดียวกันถังหย่าฉีก็มองไปเช่นกัน
“เหอะๆ คุณซ่ง ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ มีคนอยากเจอคุณ”
………………………………………..
[1] เฉิงเหย่าจินปรากฏตัวขึ้นระหว่างทางกะทันหัน (半路杀出个程咬金) อธิบายถึงสถานการณ์ที่มีใครบางคนปรากฏขึ้นโดยไม่คาดคิดและขัดขวางแผนที่วางไว้