เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 91 มีคนสะกดรอยตาม!
ตอนที่ 91 มีคนสะกดรอยตาม!
ทั่วทั้งห้องส่วนตัวเงียบกริบ ตอนนี้อย่าพูดถึงเสียงหัวเราะเยาะเลย แม้แต่เสียงเคลื่อนไหวก็ยังไม่มี ทุกคนต่างมองดูพนักงานด้วยสีหน้าเมื่อครู่แล้วมองซ่งจื่อเซวียน
รวมถึงถังหย่าฉีเช่นกัน เธอยืนขึ้นและเข้าไปกระซิบกับซ่งจื่อเซวียน “จื่อเซวียน นี่นายเตรียมไว้แล้วเหรอ”
ความจริงแล้วทันทีที่พูดจบ ถังหย่าฉีก็ปฏิเสธคำพูดของตัวเองทันที ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ซ่งจื่อเซวียนไม่เคยมาอ่าวชิงหลงเลย นับประสาอะไรกับสโมสรมั่งคั่ง ต่อให้เขามีความสามารถในการจัดเตรียมจริงๆ ก็ไม่ทันหรอก
ซ่งจื่อเซวียนเองก็งุนงง เขาใช้เวลาคิดสั้นที่สุดแต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนอ้างชื่อเขาจ่ายบิล
“เปล่านะ” เขาพูดพลางมองพนักงานเสิร์ฟ “ขอโทษนะครับ ใครเป็นคนจ่ายบิลเหรอ”
พนักงานเสิร์ฟยิ้มเล็กน้อยพลางส่ายหัวพูด “ขออภัยครับคุณซ่ง ตัวตนของแขกที่มาสโมสรมั่งคั่งจะเก็บเป็นความลับ แม้ว่าพวกคุณจะรู้จักกัน แต่ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากแขกเราก็บอกคุณไม่ได้ครับ ขอให้คุณพักผ่อนอย่างมีความสุขนะครับ”
พูดจบพนักงานเสิร์ฟก็โค้งคำนับด้วยความเคารพแล้วจากไป
แม้ว่าซ่งจื่อเซวียนจะมึนงง แต่เขาจะไม่พูดถึงประเด็นนี้ในช่วงเวลาสำคัญ เขาหันไปมองเฮ่อเหยียนข่ายแล้วยิ้มพลางพูด “ในเมื่อเป็นแบบนี้ วันนี้ถือว่าผมเลี้ยงแล้วกัน”
ทุกคนพูดไม่ออกและมองไปที่เฮ่อเหยียนข่าย
ความจริงคนที่มาที่นี่ในวันนี้ ยกเว้นเฮ่อเหยียนข่ายที่นับว่าเป็นคนที่มีอำนาจและอิทธิพล คนอื่นๆ มีฐานะครอบครัวที่ดีและมีเงินค่าขนมมากกว่านักเรียนทั่วไป นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามาอ่าวชิงหลงเหมือนกัน
แต่ซ่งจื่อเซวียนมีคนจ่ายเงินให้ที่อ่าวชิงหลง จึงทำให้ทุกคนไม่กล้าหัวเราะเยาะเหมือนเมื่อครู่อีกต่อไป
ท้ายสุดแล้วผู้คนที่มาอ่าวชิงหลง ไม่เพียงแต่ร่ำรวยมากแต่ยังเป็นบุคคลที่มีอำนาจกับรัฐบาลอีกด้วย และสามารถเป็นเจ้ามือจ่ายเงินให้กับซ่งจื่อเซวียนได้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าตัวตนของซ่งจื่อเซวียนนั้นไม่ธรรมดา คนเหล่านี้ไม่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งนัก แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้ายั่วยุซ่งจื่อเซวียนอีก
เฮ่อเหยียนข่ายพึมพำอยู่ในใจ แม้ว่าเขาจะเคยมาอ่าวชิงหลงหลายครั้ง แต่เขายอมรับว่าไม่มีกำลังพอที่จะมีคนจ่ายเงินให้ ไอ้หมอนี่ทำอะไรกันแน่?
แต่เมื่อคิดอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่มีกำลังแต่ท่านผู้เฒ่าในครอบครัวเขามีกำลังพอแน่นอน เมื่อก่อนตอนเขามาที่นี่ก็มีคนจ่ายเงินให้เหมือนกัน เพราะอย่างนี้เขาจึงไม่กลัวซ่งจื่อเซวียน
“เหอะๆ แล้วแต่นาย แต่เราจะไม่ขอบคุณสำหรับเงินเล็กน้อยนี่ วันนี้เป็นการรวมตัวเพื่อนร่วมมหา’ลัยหนานกวนของเรา นายเป็นส่วนเกินของที่นี่” เฮ่อเหยียนข่ายพูดจบก็เหลือบมองซ่งจื่อเซวียนและนั่งลง
เมื่อได้ยินถังหย่าฉีก็ไม่ชอบใจทันทีและอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ซ่งจื่อเซวียนกลับตบมือเธอเบาๆ สองสามครั้ง ชัดเจนว่าสื่อให้เธอไม่ต้องพูด หลังจากสัมผัสมือของเธอ ถังหย่าฉีก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พวงแก้มก็แดงระเรื่อ
เฮ่อเหยียนข่ายเห็นภาพนี้ก็อกจะแตกตาย หากเป็นยามปกติเขาจะให้พวกพี่น้องจัดการไอ้เด็กนั่นไปเลย แต่ไม่ใช่ตอนนี้ อย่างน้อยก็ต่อหน้าถังหย่าฉี เขาจะเสียความมั่นใจไม่ได้
อันที่จริงซ่งจื่อเซวียนก็ไม่ได้โกรธอะไร แม้ว่าเขาจะอายุน้อยกว่าเฮ่อเหยียนข่ายไม่กี่ปี แต่เมื่ออิงตามประสบการณ์ทางสังคม เรื่องทั้งหมดที่เขาพบเจอไม่ใช่สิ่งที่นักศึกษาพวกนี้เคยพบเจอ
เมื่อเห็นเฮ่อเหยียนข่ายสีหน้าขุ่นเคือง เขาได้แต่ฉีกยิ้ม ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งเดือนเขาต้องเผชิญกับการเยาะเย้ย เงินเดือนสูง ความกดดัน บีบบังคับข่มขู่ แม้กระทั่งชีวิตอันตรายถึงตาย เมื่อเทียบกับทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองในมหาวิทยาลัยตรงหน้าเขาถือว่าสบายมาก
หลังจากรู้สึกอึดอัดอยู่ครู่หนึ่ง คนอื่นๆ ก็เริ่มร้องเพลงอีกครั้งและบรรยากาศจากเสียงเพลงก็กลับมาครึกครื้น ราวกับว่าพวกเขาลืมความไม่พอใจเมื่อครู่นี้ไป
แต่เฮ่อเหยียนข่ายไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด เขาดื่มสุราโดยไม่เอ่ยอะไร แต่มีคำที่เขียนว่า ‘ไม่ชอบใจ’ ปรากฏชัดบนใบหน้า
ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้สนใจ อย่างไรเขามาที่นี่เป็นเพื่อนถังหย่าฉีจึงไม่สนว่าเฮ่อเหยียนข่ายจะมีท่าทีอย่างไร
ประมาณหนึ่งทุ่ม ทุกคนตกลงจบงานเลี้ยงกัน แม้จะมีเรื่องขัดจังหวะเล็กน้อยแต่ทุกคนก็สนุกสนานกันดี มีแค่เฮ่อเหยียนข่ายเท่านั้นที่หน้าตาบูดบึ้ง
“เราจะทำอะไรกันต่อดี” ชายคนหนึ่งเอ่ยถาม
“งั้นไปหาของกินหรือดื่มเหล้ากันไหม ฉันได้ยินมาว่าอาหารทะเลในอ่าวชิงหลงอร่อย ไปไหม”
“ฮ่าๆ พูดถูกแล้ว ใครจะรู้เรื่องอาหารทะเลมากไปกว่ารุ่นพี่เฮ่อของเราล่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดพลางมองเฮ่อเหยียนข่าย
เฮ่อเหยียนข่ายกระตุกยิ้ม “เรื่องอาหารทะเลไม่มีปัญหา เดิมทีฉันอยากเลี้ยงคาราโอเกะพวกนายแต่ไม่สำเร็จ งั้นก็เลี้ยงอาหารทะเลแทนละกัน อาหารทะเลที่อ่าวชิงหลงไม่ได้แพง เราไปตี้หวาไถกัน ว่าไง?”
เฮ่อเหยียนข่ายพูดจบ ก็มองซ่งจื่อเซวียนด้วยรอยยิ้มยั่วยุ
ซ่งจื่อเซวียนเคยได้ยินเกี่ยวกับตี้หวาไถ ไม่เพียงแต่มีร้านที่อ่าวชิงหลงเท่านั้นแต่ยังอยู่ใจกลางเมืองตู้เหมินด้วย นับว่าเป็นร้านอาหารทะเลระดับไฮเอนด์ที่สุด หากอยากทานอาหารดีๆ หนึ่งมื้อ ราคาต่อหัวต้องมากกว่าหกร้อยหยวน แน่นอนว่ายังไม่รวมเครื่องดื่ม
หลังจากอ่าวชิงหลงสร้างเสร็จ ตี้หวาไถก็มุ่งตรงปักหลักและกลายเป็นสถานที่ทานอาหารทะเลร้านแรกสำหรับคนรวยและมีอำนาจ ราคาของที่นี่สูงกว่าร้านค้าหลักในเมืองเกือบเท่าตัว ทำให้เป็นสถานที่ที่มีการใช้จ่ายสูงอย่างแน่นอน
เฮ่อเหยียนข่ายบอกว่าร้านอาหารนี้มีราคาไม่แพง ก็แสดงให้เห็นถึงกำลังทรัพย์ปกติของนายน้อยคนนี้ด้วย
“ดีเลยๆ ฉันได้ยินมานานแล้วว่าอาหารทะเลที่ตี้หวาไถอร่อยเป็นพิเศษ แต่ไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนเลย!”
“ใช่ ฉันอ่านเจอในเว็บไซต์อาหารเลิศรสจุนเค่อว่าอาหารทะเลทั้งหมดในตี้หวาไถการันตีว่าขนส่งทางอากาศจากสถานที่ต่างๆ ทุกวัน รวมถึงวัตถุดิบทะเลสดที่ซื้อจากต่างประเทศ ก็จัดส่งโดยเครื่องบินพิเศษ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซ่งจื่อเซวียนก็หายใจเข้าหนึ่งเฮือก เว็บไซต์อาหารเลิศรสจุนเค่อ? ฟังดูคุ้นหู…
“หย่าฉี อาหารเลิศรสจุนเค่อนี่คืออะไรน่ะ” ซ่งจื่อเซวียนกระซิบข้างหูถังหย่าฉี
ถังหย่าฉีกระซิบตอบเบาๆ “มันเป็นเว็บไซต์รวบรวมอาหารเลิศรส แถมมีแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ด้วย เจ๋งสุดๆ นับว่าเป็นคำแนะนำที่เชื่อถือได้ในวงการอาหาร บริษัทพวกเขาเรียกว่า…อ้อใช่แล้ว เยี่ยนจิงซานเหม่ย”
ได้ยินอย่างนั้นซ่งจื่อเซวียนก็จำได้ทันที ไม่ผิด เยี่ยนจิงซานเหม่ย ต้องเป็นคุณหงหยวนเซินที่เคยลองชิมข้าวผัดจักรพรรดิ ครั้งนั้นหลังจากทานเสร็จเขายังทิ้งนามบัตรไว้ด้วย
สำหรับความเกี่ยวข้องระหว่างเยี่ยนจิงซานเหม่ยกับอาหารเลิศรสจุนเค่อ เขาได้ยินหลัวลี่ลี่พูดถึงเพียงครั้งเดียวตอนนั้นไม่ได้สนใจมากนัก แต่กลับดึงดูดความสนใจของเขาในวันนี้
“โอเค ในเมื่อไม่มีใครโต้แย้ง เราไปตี้หวาไถกันเถอะ” เฮ่อเหยียนข่ายพูดพลางมองถังหย่าฉี “หย่าฉี ไปด้วยกันนะ เพื่อนของเธอคนนั้น…ในเมื่อเขาเหมาค่าคาราโอเกะไปแล้ว งั้นฉันเลี้ยงอาหารทะเลเอง พาเขาไปด้วย”
สิ่งที่เฮ่อเหยียนข่ายพูดทำให้ซ่งจื่อเซวียนอดแอบหัวเราะไม่ได้ คิดเล็กคิดน้อยจริงๆ ราวกับว่ากำลังขอร้องให้เขาไป…
ถังหย่าฉีมองซ่งจื่อเซวียน “จื่อเซวียน นาย…ไปทานข้าวด้วยกันไหม”
หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ถังหย่าฉีรู้สึกถึงเจตนาของเฮ่อเหยียนข่ายที่มีต่อซ่งจื่อเซวียน ดังนั้นเธอจึงถามความเห็นของซ่งจื่อเซวียนว่าจะไปหรือไม่
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มเล็กน้อย “เธออยากไปไหม?”
“ฉัน…ประเด็นคือได้มารวมตัวกับเพื่อนร่วมชั้นก็ยากอยู่ แต่…ถ้านายไม่อยากไปฉันก็ไม่ไป!”
คำพูดของถังหย่าฉีทำให้ซ่งจื่อเซวียนอบอุ่นหัวใจ ไม่ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรกับเขา อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าเธอใส่ใจความรู้สึกของเขาในตอนนี้ เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ซ่งจื่อเซวียนก็คลี่ยิ้มพูด “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปกับเธอ กลัวอะไร กินอาหารทะเลไม่ตายหรอกน่า”
ถังหย่าฉีอดหัวเราะไม่ได้ “บื้อจริงๆ จะตายเพราะกินอาหารทะเลได้ไงกัน…”
เมื่อเห็นทั้งสองพูดคุยหัวเราะ เฮ่อเหยียนข่ายก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
ทันทีที่เขาบอกจะไป ทุกคนก็ยืนขึ้นและออกจากห้องส่วนตัว
พื้นที่อ่าวชิงหลงทั้งหมดนั้นกว้างมาก แม้ว่าสถานที่ทั้งสองแห่งจะอยู่ในอ่าวชิงหลง แต่ระยะห่างระหว่างทั้งสองอาจไกลถึงสามถึงสี่กิโลเมตรจึงต้องขับรถไป
เมื่อเดินออกจากสโมสรมั่งคั่ง ทุกคนก็เดินตามเฮ่อเหยียนข่ายไปที่ลานจอดรถ ผู้ชายคนหนึ่งไปขับรถและคนที่เหลือขึ้นรถอีกสองคันพอดี
เฮ่อเหยียนข่ายโผล่หัวออกไปนอกหน้าต่างคนขับ “หย่าฉีขึ้นมาสิ ยังมีอีกที่หนึ่ง ตี้หวาไถอยู่ไม่ไกล เขาเดินไปที่นั่นได้”
เฮ่อเหยียนข่ายย่อมจงใจ สโมสรมั่งคั่งห่างจากตี้หวาไถอย่างน้อยสองกิโลเมตร เดินไปที่นั่นเกรงว่าใช้เวลาพอสมควร ตอนซ่งจื่อเซวียนมาถึงทุกคนก็คงได้กินกันไปหมดแล้ว
“ไม่ล่ะ ฉันมีรถค่ะ” ถังหย่าฉีพูดอย่างสบายๆ แล้วเดินไปที่รถของเธอทันที ในเวลานี้ไต้ทงได้สตาร์ทรถรอพวกเธออยู่แล้ว
หลังจากขึ้นรถ ถังหย่าฉีเอ่ย “จื่อเซวียน นายไม่โกรธใช่ไหม”
“เหอะๆ ไม่ถึงขนาดนั้น…ถึงพวกเขาจะอายุมากกว่าฉันแต่พวกเขาก็ยังเป็นนักศึกษา ฉันยังไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขาถึงขั้นนั้น” ขณะพูดซ่งจื่อเซวียนก็ค่อยๆ เอนหลังบนเบาะมองไปข้างหน้า
ได้ยินอย่างนั้น ถังหย่าฉีก็ยกนิ้วให้ซ่งจื่อเซวียนจากก้นบึ้งของหัวใจ เป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะมีความอดทนแบบนี้
ไม่เพียงเท่านั้น ไต้ทงในเบาะแถวหน้ายังพยักหน้าช้าๆ ยอมรับซ่งจื่อเซวียนอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จากคำพูดของถังหย่าฉีเขาก็ฟังออกว่าเมื่อครู่ซ่งจื่อเซวียนมีปัญหากับคนอื่น ไม่ง่ายเลยที่เด็กผู้ชายอายุสิบแปดจะพูดถ้อยคำที่คิดเป็นเช่นนี้
ต่างจากสโมสรมั่งคั่ง แม้ว่าตี้หวาไถจะมีกลิ่นอายแบบตะวันตก แต่ก็มีการตกแต่งในโทนสีทองมากกว่า บรรยากาศไม่เลว ทั้งยังสูงศักดิ์และเลอค่ามากยิ่งขึ้น
เนื่องจากดึกแล้วโคมไฟตั้งพื้นสีทองจึงส่องแสงไปที่ตัวอาคาร ทำให้ดูเป็นสีเหลืองทองอร่ามไปทั่วทั้งอาคาร ประตูอัตโนมัติสูงสามเมตรถูกเช็ดจนราวกับว่ามันโปร่งใส แต่ป้ายบนกระจกก็รับประกันได้ว่าลูกค้าจะไม่เดินชน
พนักงานหน้าประตูต้อนรับด้วยความกระตือรือร้น ไม่ว่าจะเป็นการจอดรถหรือให้คำแนะนำก็ไม่ช้าแม้แต่นาทีเดียว
ซ่งจื่อเซวียนยืนอยู่หน้าประตูตี้หวาไถ เงยหน้าขึ้นมองอาคารสไตล์ตะวันตกที่สง่างามแห่งนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจมากกว่าสโมสรมั่งคั่งเมื่อครู่ เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะที่นี่คือร้านอาหาร
สักวันหนึ่งข้าวผัดจักรพรรดิและน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายจะเข้ามาในร้านอาหารประเภทนี้ได้แน่นอน เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่ารอยยิ้มแน่วแน่นี้สื่อว่านี่ไม่ใช่ความปรารถนา แต่เป็นความเชื่อมั่น!
ในเวลานี้ถังหย่าฉีก็ลงจากรถแล้วพูดว่า “จื่อเซวียน เข้าไปข้างในกันเถอะ”
ไม่รอให้ซ่งจื่อเซวียนตอบรับ ไต้ทงก็วิ่งเหยาะๆ ไปกระซิบ “หย่าฉี คุณซ่ง พวกคุณ…ระวังตัวหน่อยนะครับ”
“หือ? ไต้ทง นายหมายความว่าไง” ถังหย่าฉีถามพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไต้ทงมองไปรอบๆ และพูดว่า “ตอนที่พวกเรามาจากสโมสรมั่งคั่งเมื่อกี้นี้ มีรถตามเรามาครับ ถึงจะมีรถหลายคันบนถนนสายนี้ แต่ผมก็มั่นใจว่าพวกเขากำลังสะกดรอยตามพวกเราอยู่”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซ่งจื่อเซวียนก็ชะงัก ถ้าเป็นพวกเฮ่อเหยียนข่ายก็เป็นไปไม่ได้ รถพวกเขาอยู่ข้างหน้าตลอด หรือว่า…เป็นคนที่เพิ่งจ่ายบิล?
นี่เป็นปฏิกิริยาแรกของซ่งจื่อเซวียน!
…………………………………………..