เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 84 ฉันจะเอาชีวิตแก
ตอนที่ 84 ฉันจะเอาชีวิตแก
เมื่อเห็นซางเทียนซั่วกับอวี่เหวินเซี่ยวพุ่งเข้ามาพร้อมกัน ซานหู่จึงตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองพาลูกน้องมาเยอะขนาดนี้ สองคนนี้กลับตั้งใจมาหาตัวเองเสียอย่างนั้น…
และสองคนนี้ไม่เพียงแต่วิ่งอย่างเร็วมากเท่านั้น พลังโจมตีก็น่ากลัวจนน่าตกใจ ด้วยแรงกดดันที่น่ากลัวนี้ลูกน้องที่อยู่ข้างซานหู่ไม่สามารถตอบสนองอะไรได้เลย ทั้งหมดต่างตกตะลึงไป
ทว่าวินาทีที่มือของฟางรุ่ยกำลังจะจับคอเสื้อของซานหู่ มืออีกข้างหนึ่งกลับขวางอยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งก็คืออวี่เหวินเซี่ยวนั่นเอง
“ดูท่าฉันจะเร็วกว่า!”
อวี่เหวินเซี่ยวพูด ผลักมือของฟางรุ่ยไปอีกทาง แล้วตัวเองจึงจับซานหู่ไว้
“ก็ไม่แน่!”
ฟางรุ่ยพูดจบ ก็ก้าวไปข้างหน้า ใช้ทั้งตัวกระแทกอวี่เหวินเซี่ยวออกไป คนหลังก็ไม่ทันได้ตั้งตัว จึงโดนกระแทกไปอีกทาง มือของฟางรุ่ยปรากฏตรงหน้าซานหู่อีกครั้ง
“แม่งเอ๊ย ฉันโดนรุมอยู่ พวกแกมัวแต่มองอะไร!” ซานหู่หันไปตะคอกใส่ลูกน้องด้วยสีหน้าหวาดกลัว เขาในเวลานี้มองยอดฝีมือสองคนตรงหน้ากำลังปะทะกันเพื่อจับตัวเอง จึงไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว เพราะกลัวว่าจะบาดเจ็บ
เวลานี้ ลูกน้องทั้งสามคนเพิ่งได้สติกลับมา แต่ละคนพุ่งไปข้างหน้าแล้วล้อมซานหู่ไว้ แต่อวี่เหวินเซี่ยวกับฟางรุ่ยต้องการแย่งซานหู่ ไม่ใช่พวกเขา ลูกน้องสามคนนี้พอเข้าประชิดตัวก็โดนต่อยออกไปหนึ่งหมัด สักพักหนึ่งหน้าตาก็บวมฉึ่งไม่กล้าเข้าไปข้างหน้าอีก
และระหว่างอวี่เหวินเซี่ยว ฟางรุ่ยกับซานหู่สามคนแทบจะหมุนวนเป็นวงกลม หากมองผิวเผินเหมือนพวกเขากำลังจัดการซานหู่ แต่ในความเป็นจริงนั้นเหมือนกำลังประมือกันอีกครั้ง
เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในโรงแรมพวกเขายังไม่รู้แพ้รู้ชนะ และตอนนี้เห็นได้ชัดว่าใครจับซานหู่ได้ก่อน คนนั้นย่อมเป็นฝ่ายชนะ ณ จุดนี้ ทั้งสองคนต่างไม่คิดจะยอมถอยให้กันอย่างชัดเจน
และอีกด้านหนึ่ง ซางเทียนซั่วถูกกู่เสี่ยวเป่าผลักเข้าไปในกลุ่มอันธพาลอย่างงุนงง ถึงแม้ซางเทียนซั่วจะต่อสู้เป็นและร่างกายแข็งแรงเพราะออกกำลังกายมานานก็จริง แต่อย่างไรอีกฝ่ายก็มีคนเยอะเกินไป
ต่อให้เป็นยอดฝีมืออย่างอวี่เหวินเซี่ยวกับฟางรุ่ยก็เผชิญหน้าได้ไม่เกินสี่คน แต่เขา…กลับต้องเผชิญหน้ากับเจ็ดคน!
พอเข้าไป ซางเทียนซั่วกัดฟันสู้ต่อยไปนักเลงไปสองคน แต่ไม่นานกำปั้นก็พุ่งเข้ามาเหมือนกับเม็ดฝน ซางเทียนซั่วรีบโน้มตัวลงเตรียมต้านหมัดทันที
“ไอ้เด็กขอทานแม่งเลวชะมัด ปล่อยให้ฉันคนเดียวรับมือตั้งเจ็ดคน!”
“หลานชายคนโต สู้ๆ นะ โต้กลับ โต้พวกมันกลับเลย!” กู่เสี่ยวเป่ากลับไม่สนใจ ดูเหมือนกำลังดูการแข่งขันต่อยกัน แถมยังให้กำลังใจซางเทียนซั่วอีกด้วย
“แม่งเอ๊ย รีบไปเรียกไอ้งั่งสองคนนั้นมา…โอ๊ยไอ้เชี่ย อย่าต่อยหน้าได้ไหม!”
ซ่งจื่อเซวียนแสดงสีหน้าเป็นห่วง “เสี่ยวเป่านายหยุดวุ่นวายได้แล้ว เดี๋ยวคนก็ตายพอดี”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนมองไปอีกด้านหนึ่ง ฟางรุ่ยกับอวี่เหวินเซี่ยวเหมือนกำลังประมือกัน และซานหู่ก็พัวพันอยู่ในนั้น แต่ที่เหลืออีกสามคน ล้มไปบนพื้นนานแล้ว
ขณะที่กำลังตะโกน ซ่งจื่อเซวียนเห็นกู่เสี่ยวเป่าเผยรอยยิ้ม ทันใดนั้นก็หยิบนกหวีดอันคุ้นเคยออกมาเป่า
พอเป่านกหวีด เสียงแสบแก้วหูก็ดังออกมาทันที จนซ่งจื่อเซวียนต้องเอามือป้องหู นักเลงเจ็ดคนนั้นก็เช่นกัน ถูกรบกวนด้วยเสียงนกหวีดทันที
“ไอ้เด็กขอทาน แกแม่งเป่านกหวีดเพราะอยากตายหรือไง!”
“แม่มันเถอะ หยุดเดี๋ยวนี้เลย น่ารำคาญโว้ย!”
กู่เสี่ยวเป่ากลับไม่สนใจ และกู่เสี่ยวเป่าเวลานี้ สีหน้าดูจริงจัง กระทั่งน่าเกรงขามอยู่บ้าง ความน่าเกรงขามนี้ถึงแม้จะไม่ค่อยสอดคล้องกับตัวตนของเขาเท่าไร แต่ตอนนี้กลับกลมกลืนไปกับเขา เข้ากันเป็นอย่างดี
ฟางรุ่ยโดนผลกระทบจากนกหวีดอย่างเห็นได้ชัด เริ่มเคลื่อนไหวช้าลงทันที แต่อวี่เหวินเซี่ยวกลับชินแล้ว แวบตัวไปข้างหน้า แล้วต่อยเข้าแก้มของซานหู่
“อ๊ากกก…”
ตามมาด้วยเสียงร้องเจ็บปวด ทั้งตัวของซานหู่ลมไปอีกด้าน และอวี่เหวินเซี่ยวรออยู่ตรงนั้นนานแล้ว มือหนึ่งจับคอเสื้อของซานหู่ แล้วดึงกลับไป จากนั้นจับแขนเล็กของเขาพลางบิดไปด้านหลัง ร่างกายของซานหู่เปลี่ยนรูปทันที ถูกอวี่เหวินเซี่ยวจับกุมไว้
อวี่เหวินเซี่ยวที่จับซานหู่ไว้หันไปหัวเราะเบาๆ ใส่ฟางรุ่ย แฝงไปด้วยอารมณ์ของผู้ชนะ แต่ฟางรุ่ยไม่ยินยอมอย่างเห็นได้ชัด และไม่ลืมที่จะโกรธกู่เสี่ยวเป่าซึ่งเป่านกหวีด
เสียงนกหวีดดังขึ้นไม่ถึงสามสิบวินาที ก็เห็นเพียงกลุ่มคนขอทานวิ่งเข้ามาทั้งด้านหน้าและด้านหลังถนนเส้นนี้ คนกลุ่มนี้…มีจำนวนนับไม่ถ้วนจริงๆ
ขอทานเหล่านี้ใส่เสื้อกันหนาว เสื้อคลุมทหารขาดวิ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิงแห้งติดกัน สกปรกทั้งใบหน้าและมือ แต่สีหน้าของพวกเขากลับเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบมิได้ บางคนมามือเปล่า บางคนถือกระบอง ล้วนวิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นขอทานมากมายขนาดนี้ นักเลงทุกคนต่างงุนงงไปหมด ถึงขนาดหยุดลงมือทันที แต่ละคนเผยสีหน้าซับซ้อน มองขอทานทั้งหมดที่กำลังใกล้เข้ามา
กู่เสี่ยวเป่าวางนกหวีดลง เอ่ยว่า “เจ็ดคนนั่น อัดมันให้เละไปเลย!”
พวกขอทานไม่ถามอะไรอีก รีบพุ่งเข้าไปหานักเลงเจ็ดคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นกำปั้น กระบอง ชามข้าวต่างผลัดกันทุบลงไป เสียงโอดโอยของพวกนักเลงดังไปทั่วถนนเส้นนี้ทันที!
ซางเทียนซั่วโมโห วิ่งเข้าไปในกลุ่มขอทานแล้วต่อยนักเลงเจ็ดคนนั้นสองสามทีถึงได้หายโกรธ ทันใดนั้นเขาก็วิ่งไปตรงหน้ากู่เสี่ยวเป่า ตะโกนใส่ “ไอ้เด็กขอทาน แกเป่านกหวีดอันนั้นตั้งแต่แรกไม่ได้หรือไง”
“เป่าตั้งแต่แรก…อ้อ ใช่ ฉันลืมไปเลย” กู่เสี่ยวเป่าพูดด้วยใบหน้าเขินอาย
ซ่งจื่อเซวียนกลับส่ายหน้าด้วยความจนใจ ลืมจริงหรือแกล้งลืมมีเพียงตัวกู่เสี่ยวเป่าเท่านั้นที่รู้…
“ลืมบ้านแม่แกสิ แกดูเอาเอง!” ซางเทียนซั่วชี้ใบหน้าของตัวเองพลางตะโกน มุมปากของซางเทียนซั่วเวลานี้ม่วงคล้ำ โหนกแก้มก็เขียว หางคิ้วแตกเล็กน้อย
กู่เสี่ยวเป่าแสยะยิ้มพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เดิมทีแค่อยากเล่นสนุกเท่านั้น ใครจะรู้ว่าซางเทียนซั่วจะโดนต่อยจนมีสภาพเช่นนี้
ตอนนี้เอง อวี่เหวินเซี่ยวพาซานหู่เข้ามา โยนไปตรงใต้เท้าของซ่งจื่อเซวียน
“คุณซ่ง คุณจัดการเองเถอะ!”
กู่เสี่ยวเป่าเอ่ยยิ้มๆ “อวี่เหวินเซี่ยว ที่จริงลูกน้องของพี่รองฉันเรียกเขาว่านายท่านรองนั้นถูกแล้ว ต่อไปพวกนายก็ต้องเรียกแบบนี้ ฉันชอบฟัง!”
อวี่เหวินเซี่ยวพยักหน้า “นายท่านรอง!”
ซ่งจื่อเซวียนไม่รู้ว่าต้องตอบรับอย่างไรไปชั่วขณะหนึ่ง รีบมองไปที่ซานหู่ทันที พลางเอ่ยว่า “เซินซวี่สั่งให้นายมาจัดการฉันเหรอ จะว่ายังไงล่ะ”
จนป่านนี้แล้ว ซานหู่มีหรือจะกล้าโกหก เขารีบมองพวกอวี่เหวินเซี่ยว เอ่ยว่า “นะ นายท่านรอง คุณบอกให้เขาหยุดตีได้ไหม ผมพูดแล้ว เซินซวี่ให้เงินผม สั่งให้ผมมาหักขาคุณข้างหนึ่ง!”
ซานหู่มีสติอยู่บ้าง ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ก็ไม่ได้พูดว่าเซินซวี่ให้เงินเขาจำนวนเท่าไร
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ “ดีมาก ไม่ได้การแล้ว ฉันต้องไปดูพี่สาวของฉันก่อน เสี่ยวเป่า ที่นี่แล้วแต่นายจะจัดการเลย!”
“ได้เลย จะทำตามที่พี่รองบอก!”
หลังจากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็พาซางเทียนซั่วกับอวี่เหวินเซี่ยวพุ่งไปที่เขตชุมชนทันที วิ่งตรงไปยังตึกที่ซ่งอีหนานพักอยู่
……..
เวลานี้ ซ่งอีหนานนั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา หยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดน้ำตาเป็นระยะ เรื่องที่เกิดขึ้นตอนกลางวันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจจนถึงตอนนี้ อย่างไรตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยทะเลาะกับซ่งจื่อเซวียนรุนแรงแบบนี้มาก่อน
ทั้งสองคนอยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็ก ถือว่าพี่สาวกับน้องชายมีใจเดียวกัน ตอนเด็กใครกล้ารังแกซ่งจื่อเซวียน ซ่งอีหนานจะออกมาปกป้องเขาเป็นคนแรก ต่อมาซ่งจื่อเซวียนโตแล้ว ต้องส่งพี่สาวไปทำงานก่อนแล้วจึงค่อยไปโรงเรียน ตกเย็นเวลาเลิกงานก็จะไปรับเธอที่หน้าโรงงาน
แต่วันนี้ ซ่งอีหนานกลับพูดจารุนแรงกับน้องชายของตัวเองขนาดนั้น ความรู้สึกที่เสียใจตอนนี้…จึงทำได้แค่ร้องไห้
ขณะที่ร้องไห้อยู่ มีเสียงไขประตูดังเข้ามา เมื่อได้ยินซ่งอีหนานก็รีบเช็ดน้ำตาปรับลมหายใจ คราวก่อนเซินซวี่บอกว่าไม่อยากให้คนที่บ้านของเธอมาที่หลานหยวนอีก เธอจึงไม่คิดจะบอกเขาว่าซ่งจื่อเซวียนมาหา
เซินซวี่เดินเข้ามาด้วยหน้าตาบึ้งตึง ซ่งอีหนานรีบลุกขึ้นเดินไปหา และยังช่วยหยิบรองเท้าแตะให้เขา
“กลับมาแล้วเหรอคะ วันนี้เร็วจัง” ถึงแม้จะพยายามปกปิดเต็มที่ แต่เสียงที่ผ่านการร้องไห้มายังคงชัดเจน
เซินซวี่เหลือบตามองเธอหนึ่งที เดินไปที่หน้าโซฟาแล้วนั่งลง ซ่งอีหนานกำลังจะนั่งลงตาม เซินซวี่กลับเอ่ยว่า “ยืนซะ!”
“คุณ…เซินซวี่คุณหมายความว่ายังไง คราวที่แล้วแม่ของฉันมาหา คุณดื่มหนักมาก ที่พูดจาดูถูกก็เป็นเรื่องจริง แต่ฉันไม่เคยขอร้องให้คุณมาขอโทษไหม” ซ่งอีหนานได้ยินดังนั้นจึงโต้กลับ
“ขอร้อง เธอคู่ควรงั้นเหรอ”
“เซินซวี่คุณหมายความว่ายังไงเนี่ย” ซ่งอีหนานถาม
เมื่อได้ยินซ่งอีหนานเถียง ไฟโกรธของเซินซวี่ก็ปะทุขึ้นทันที เขาลุกขึ้นแล้วตบเธอหนึ่งฉาด
เพียะ!
เขาตบหน้าซ่งอีหนานเสียงดังมาก เกิดรอยแดงขึ้นบนใบหน้าทันที ซ่งอีหนานเอามือกุมใบหน้าพลางมองเซินซวี่ น้ำตาพลันไหลลงมา “คุณมีสิทธิ์อะไรมาตบฉัน”
“ตบเธอยังต้องมีสิทธิ์อะไรด้วยเหรอ หึ เธอกินของฉัน ใส่ของฉัน อยู่กับฉัน ฉันอยากจะตบหน้าเธอก็ตบ นางแพศยาตัวดี สั่งให้น้องชายของเธอมาคิดบัญชีกับฉัน เธอคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นคนจัดการใช่ไหม” เซินซวี่พูดตะคอกราวกับเสียสติไปแล้ว
ความจริงซ่งอีหนานเริ่มกลัวแล้ว ในสายตาของเธอ เซินซวี่เป็นสุภาพบุรุษมีมารยาทมาตลอด ด้วยเหตุนี้เธอจึงยอมอยู่ข้างกายเขา แต่หลังจากที่แม่มาหาครั้งก่อนแล้วเซินซวี่เมาอาละวาด ในใจของเธอก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
แต่เธอรู้สึกว่าเซินซวี่อาจจะชอบการใช้ชีวิตอยู่ในโลกแค่สองเรา เธอจึงอดทนเพื่อความรัก แต่ครั้งนี้…เซินซวี่เหมือนสุนัขบ้าตัวหนึ่ง เธอกลัวจริงๆ แล้ว อย่างไรเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ภายในห้องนี้ เซินซวี่อยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
“คุณเจอน้องชายของฉันเหรอ” ซ่งอีหนานพ่นลมหายใจหนึ่งที พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นขณะพูด
แต่ประโยคนี้ดูเหมือนจะยิ่งกระตุ้นความโกรธของเซินซวี่ เขายกมือตบหน้าเธออีกครั้ง ซ่งอีหนานโดนตบจนผมเผ้ายุ่งเหยิงบังหน้าบังตา มุมปากมีเลือดไหลออกมา
“เธอยังจะกล้าพูดอีกเหรอ แม่งเอ๊ย กล้าทำร้ายฉัน ทำให้งานแรกของฉันไม่สำเร็จ ฉันจะไม่ยอมให้มันออกจากหลานหยวนอย่างสบายใจแน่นอน พวกเธอสองพี่น้องฉันจะจัดการให้หมด!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซ่งอีหนานก็ตกตะลึง เธอเบิกตาโตมองเซินซวี่ “คุณ…จะทำอะไรเขา ฉันขอเตือนคุณเซินซวี่ อย่าทำอะไรน้องชายของฉัน!”
ซ่งอีหนานก็ร้อนใจแล้ว คำพูดของเซินซวี่อาจจะไปสะกิดขีดจำกัดของเธอ เธอรู้ว่าเซินซวี่พอมีเส้นสาย หากจะทำอะไรซ่งจื่อเซวียนจริงๆ เธอก็คงรู้สึกเสียใจสุดชีวิต เพราะนั่นคือน้องชายแท้ๆ ของเธอ…
“ทำอะไรงั้นเหรอ เหอะๆ จะทำอะไรได้” เซินซวี่กลับหัวเราะเย็นชา นั่งบนโซฟาจุดบุหรี่หนึ่งมวน “ฉันสั่งคนไปหักขามันข้างหนึ่ง ซ่งอีหนานฉันจะบอกเธอให้นะ ต่อไปครอบครัวของพวกเธอถ้ามาที่หลานหยวนอีก ฉันก็จะจัดการทีละคน!”
ได้ยินประโยคนี้ ซ่งอีหนานก็ตกตะลึงไปแล้ว เธอคิดไม่ถึงว่าจะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ น้ำตาไหลพราก ความร้อนแผ่ลงมาถึงพวงแก้ม
“เซินซวี่ ฉันจะสู้กับคุณสุดชีวิต!”
ซ่งอีหนานไม่อดทนอีกต่อไปแล้ว เธอพุ่งเข้าหาเซินซวี่อย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้แรงต่อสู้จะเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้เลย แต่เธอก็ยังทุ่มพลังทั้งหมด
เห็นเช่นนี้ เซินซวี่ก็ขมวดคิ้ว ยกเท้าเตะซ่งอีหนานไปยังโทรทัศน์ติดผนัง ซ่งอีหนานนั่งลงกับพื้นด้วยสีหน้าทรมาน อยากจะลุกขึ้นแต่ไม่มีแรงแล้ว
เซินซวี่ค่อยๆ ลุกขึ้นเดินเข้าไป “นางสารเลว เธอรนหาที่ตายเองนะ ฉันเซินซวี่คนนี้มีผู้หญิงแบบไหนที่เล่นด้วยไม่ได้กัน อย่างเธอคิดว่าจะสะเออะมาเล่นงานฉันได้เหรอ”
ขณะพูด เซินซวี่หยิบแจกันดอกไม้ด้านข้างขึ้นมา ยกขึ้นกำลังจะฟาดใส่ แต่แจกันดอกไม้ใบนั้นยังไม่ทันได้ฟาดลงไป ก็ได้ยินเสียงดัง ‘ปัง’ ประตูถูกถีบออก!
“ไอ้ชาติชั่ว แกทำร้ายพี่สาวฉัน ฉันจะเอาชีวิตแก!” เสียงที่ราวกับจะฉีกขาดดังเข้ามา
เวลานี้ซ่งจื่อเซวียนยืนอยู่หน้าประตูด้วยนัยน์ตาแดงฉาน ดวงตาทั้งสองข้างแดงเหมือนสีเลือด ท่าทางโกรธขึงนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ร้ายเสียอีก!
………………………………………………