เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 79 ซ่งจื่อเซวียนนายหมายความว่าอะไร
- Home
- All Mangas
- เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง
- ตอนที่ 79 ซ่งจื่อเซวียนนายหมายความว่าอะไร
ตอนที่ 79 ซ่งจื่อเซวียนนายหมายความว่าอะไร
ณ หอหงเยวี่ย
คำพูดของเสี่ยหวงทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบอย่างเห็นได้ชัด และความเงียบในตอนนี้หมายความว่าทุกคนจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
ถ้าเป็นบริษัทอาหารทั่วไปก็คงไม่มีอะไรพิเศษ แต่ผู้มีอิทธิพลทั้งหลายที่นี่มีใครบ้างที่ไร้ความสามารถ สำหรับพวกเขาแล้วการแข่งขันที่ยุติธรรมนั้นน่าขันสิ้นดี กล้าเปิดร้านอาหารแย่งธุรกิจในเขตของฉันอย่างนั้นเหรอ ถ้าฉันไม่ตัดเส้นทางทำเงินของนายทิ้งไป ฉันยังจะถูกเรียกว่าเสี่ยได้อีกเหรอ
ดังนั้นเมื่อได้ยินเกี่ยวกับบันทึกหย่งซั่น ทุกคนต่างก็คิดอยากได้มันมาในทันที ต้องรู้ไว้ว่าถ้าได้ตำราอาหารจีนที่หายไปนั้นจะมีค่ามหาศาลมากแค่ไหน
ไม่กล้าพูดว่าจะได้เป็นนักธุรกิจอาหารชั้นนำอย่างก้าวกระโดด แต่อย่างน้อยก็จะร่ำรวยและไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าหรืออาหารไปตลอดชีวิต
เห็นสีหน้าของทุกคนแล้ว หวงฟาจะไม่เข้าใจจุดนี้ได้อย่างไร
เขาเผยยิ้ม “ทุกท่าน เชือกต้องบิดเป็นเส้นเดียวกันถึงจะแข็งแรง ร้านอาหารหนึ่งโด่งดังที่จริงก็ไม่นับว่าเป็นอะไรเลย แต่ถ้าธุรกิจอาหารเมืองตู้เหมินยกระดับขึ้นใหม่ นั่นถึงจะเป็นยุคสมัยในการหาเงินของทุกคน พวกนายคิดว่ายังไง”
ได้ยินดังนั้นเสี่ยเจียงก็พูดว่า “เสี่ยหวงพูดถูก หากเราต้องการสร้างยุคสมัยใหม่ของธุรกิจอาหารตู้เหมิน บันทึกหย่งซั่นนี้มีความสำคัญมาก”
“ถูกต้องแล้วเสี่ยหวง บอกทุกคนหน่อยเถอะว่าคุณวางแผนจะทำอะไร”
เคอหงเทาพูดจบ ในใจยังคิดหาวิธีการที่จะได้บันทึกหย่งซั่นมา ฉากนี้ดูเหมือนทุกคนจะใคร่ครวญถึงสถานการณ์โดยรวมอยู่ แต่ใครจะรับประกันได้ว่าพวกเขาไม่แอบคิดถึงผลประโยชน์ของตัวเองจริงๆ
และตอนนี้เคอหงเทาก็เป็นเก๋งจีนใกล้น้ำ ถ้ามีบันทึกหย่งซั่นเขาก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้ เมื่อถึงเวลานั้นไม่ต้องพูดถึงตู้เหมิน แม้แต่ผู้นำด้านอาหารระดับประเทศก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“เหอะๆ เสี่ยทุกท่านได้ให้เกียรติ วันนี้เสี่ยหวงมาที่นี่เพื่อขอร้องให้ทุกคนรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเอาบันทึกหย่งซั่นมา ตามที่ท่านผู้เฒ่าพูด เป็นไปได้มากที่บันทึกหย่งซั่นจะอยู่ในมือของเชฟข้าวผัดจักรพรรดิ ดังนั้น…ก้าวแรกของเราคือเจรจากับเขา!”
หวงฟาพูดจบ หลี่ม่านหงแอบยิ้มกริ่มอยู่ข้างๆ พร้อมคิดในใจ เสี่ยเหล่านี้ล้วนเป็นคนสำคัญในตู้เหมินเผชิญกับเรื่องดีๆ อย่างนี้ ถ้าร่วมมือร่วมใจกันก็คงจะแปลกจริงๆ
ใครก็ตามที่ได้บันทึกหย่งซั่นเกรงว่าจะเก็บไว้เพื่อตัวเอง และสิ่งที่หวงฟากำลังทำอยู่ตอนนี้คือการกดดัน หลี่ม่านหงเชื่อว่าในไม่ช้าเขาจะกดดันคนที่ได้บันทึกหย่งซั่นให้ไม่กล้ากระโตกกระตาก นี่คือจุดประสงค์ของหวงฟาโดยหวังยืมมือทุกคนเพื่อชิงบันทึกหย่งซั่น และในที่สุดก็จะกลายเป็นสมบัติของตัวเขาเอง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้หลี่ม่านหงก็กล่าว “เสี่ยหวง สุดท้ายนี่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับวงการอาหาร หอหงเยวี่ยจัดการด้านอาหารเครื่องดื่มเท่านั้น ดังนั้นฉันจะไม่ก้าวก่าย เมื่อครู่เพิ่งได้รับข้อความว่าผู้อำนวยการเฉินจากสำนักงานสาธารณสุขเมืองมาเยือน ฉันจะไปต้อนรับเขาเสียหน่อยค่ะ”
หวงฟาได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าทันที “ได้สิเจ๊หง ธุระสำคัญนี่นา ฝากทักทายผู้อำนวยการเฉินด้วยนะ”
หวงฟาเข้าใจว่าหลี่ม่านหงกำลังจะตัดความสัมพันธ์แล้ว แต่ไหนแต่ไรมาหอหงเยวี่ยของเธอไม่เคยเข้าข้างใคร หากจำเป็น พวกเธอก็จะเข้าข้างทางการ ดังนั้นจึงปล่อยเธอไปก่อน ส่วนผู้อำนวยการเฉินจะมาจริงหรือไม่นั้น หวงฟายกหูโทรศัพท์ถามก็ได้ แต่เขาจะไม่ทำอย่างนั้น
หลี่ม่านหงจากไปแล้ว หวงฟาก็กล่าว “ตอนนี้เจ๊หงไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรฉันถือว่าเสี่ยที่เหลือคือคนกันเอง พวกนายคือคนที่หวงฟาไว้ใจมากที่สุด ฉันเชื่อว่าเรื่องนี้ทุกคนจะทุ่มเทสุดความสามารถ เพื่อพวกเราทุกคนและเพื่อพัฒนาธุรกิจอาหารตู้เหมิน!”
เคอหงเทายืนขึ้นและพูด “เสี่ยหวงวางใจได้ ผมเคอซานจะพยายามสืบเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เมื่อได้ข่าวเกี่ยวกับบันทึกหย่งซั่นผมจะติดต่อเสี่ยทันที”
“เหอะๆ พูดเหมือนมีแค่เคอซานเท่านั้นที่ทำได้ แล้วพวกเราทำไม่ได้เหรอ เสี่ยหวง แม้เราจะอยู่ในเขตเฉิงหนานแต่ทุกคนก็รู้ตำแหน่งต้าสือไต้ชัดเจน ผมเหล่าเจียงจะเริ่มสืบพรุ่งนี้” เสี่ยเจียงชำเลืองมองเคอหงเทา
เมื่อเห็นอย่างนั้นหวงฟาก็ยิ้ม “เราทุกคนต่างมุ่งพัฒนาธุรกิจอาหารตู้เหมิน ไม่จำเป็นต้องชี้นิ้วหากัน เพียงแต่…ฉันคิดว่าในเมื่อเราสามัคคีกันขนาดนี้ ถ้ามีคนใดคนหนึ่งในพวกเราเห็นแก่ตัว…ทุกคนต้องไม่พอใจมากใช่ไหม”
ทันทีที่เขาพูดทุกคนต่างก็เงียบกริบ ยกเว้นคุณเถียนที่นั่งกอดอกยิ้มบางๆ อยู่ข้างๆ
คนเหล่านี้ไม่มีใครรู้จักเสี่ยหวงดีไปกว่าคุณเถียน เขาเคยเป็นมือขวาของเสี่ยหวง ต่อมาได้พัฒนาตัวเองมาเริ่มทำธุรกิจอาหาร พูดไม่ได้ว่าประสบความสำเร็จแต่ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บวกกับการดูแลเอาใจใส่ของเสี่ยหวงทำให้ทุกอย่างราบรื่น
เสี่ยหวงมองพวกเคอซานแล้วคลี่ยิ้มพูด “เอางี้แล้วกัน เสี่ยทุกคนล้วนเป็นสุภาพบุรุษ วันนี้ฉันหวงฟาจะพูดให้ชัดว่าถ้าใครทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน…เหอะๆ ฉันคิดว่าคนอื่นก็คงมองออก เมื่อถึงตอนนั้นฉันหวงฟาจะแก้ปัญหาด้วยวิธีของฉันเอง!”
ความหมายประโยคนี้ชัดเจนมาก นั่นคือถ้ามีคนต้องการยักยอกบันทึกหย่งซั่น ทุกคนมาร้องเรียนกับหวงฟาได้ เมื่อถึงเวลาหวงฟาจะใช้วิธีวงการใต้ดินแก้ปัญหาแน่นอน วิธีนี้ก็ย่อมเป็นการใช้ความรุนแรง
“เสี่ยหวงอย่ากังวล ผมเคอซานจะตั้งใจทำตามตามวิสัยทัศน์ของเสี่ยหวงและจะไม่ทำเรื่องอย่างนั้นเด็ดขาด!” เคอหงเทากล่าวพร้อมกำหมัด ขณะเดียวกันในใจคิดว่าควรระมัดระวังอย่างไรไม่ให้โดนใครจับได้
หวงฟาพยักหน้ายิ้ม “เลิกประชุม เรียกเจ๊หงมาเริ่มมื้ออาหารกันเถอะ!”
……
เนื่องจากหลานหยวนอยู่ไม่ไกลจากเขตภูเขา อุณหภูมิจึงต่ำกว่าตู้เหมินเล็กน้อย หลังจากดื่มเบียร์ในร้านเสร็จแล้วออกมาข้างนอก ซ่งจื่อเซวียนก็หนาวสั่นทันที
“หลานหยวนหนาวจังแฮะ” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
“เหอะๆ อาจารย์ ใกล้จะเดือนพฤศจิกายนแล้วจะไม่หนาวได้ไง เดือนหน้าต้องใส่เสื้อคลุมหนาๆ แล้ว” ซางเทียนซั่วกล่าว
ฟางรุ่ยยิ้มเล็กน้อย “ผมยังโอเคอยู่ อาจจะเกี่ยวกับการออกกำลังกายก็ได้ นายท่านรอง ถ้าคุณว่างก็ลองไปออกกำลังกายได้นะ”
ซางเทียนซั่วได้ยินก็กลอกตามองเขา “ประจบสอพลออะไรเนี่ย มีแค่แกที่แข็งแรงงั้นเหรอ ฉันก็ออกกำลังกายตลอดโอเคไหม เชอะ จะทำดีหวังผล…”
“แก…ฉันเปล่าสักหน่อย!”
ซ่งจื่อเซวียนคลี่ยิ้ม “เอาล่ะๆ ซางเทียนซั่วนายหยุดแขวะรุ่ยจื่อได้แล้ว เขาเป็นคนซื่อแถมยังหน้าบางนะ”
“ให้ตายสิ เขาหน้าบางงั้นเหรอ โอ้โห นักฆ่าคนนี้ไม่ค่อยหนาวเลยนะ…”
หลังจากที่ซางเทียนซั่วพูดจบฟางรุ่ยก็ก้มหน้าลง เขารู้ว่าเรื่องเมื่อคืนไม่สามารถหายไปได้ แต่ความตั้งใจที่จะติดตามซ่งจื่อเซวียนเป็นเรื่องจริง อาจต้องใช้เวลาพอสมควรที่คนอื่นจะให้อภัยตัวเอง
ซ่งจื่อเซวียนมองไปที่เขตชุมชนข้างหน้า “ชุ่ยเหม่ยถิง พี่สาวฉันอยู่ที่นั่น ฉันจะไปหาเธอสักหน่อย นายสองคนจะทำอะไรก็ตามสบาย”
“ไม่มีอะไรให้ทำที่หลานหยวนเลย ไปที่ไหนก็เหมือนกันไม่มีอะไรน่าสนใจสักอย่าง อาจารย์ ผมจะไปด้วย สู้ไปสูบบุหรี่ในตึกชั้นล่างของชุมชนดีกว่า” ซางเทียนซั่วกล่าว
ฟางรุ่ยพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ครับนายท่านรอง ผมเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว ไม่มีอะไรน่าสนใจ ผมก็จะรอคุณอยู่ชั้นล่างครับ”
“ก็ได้”
จากนั้นทั้งสามคนก็เดินไปที่เขตชุมชนชุ่ยเหม่ยถิง
จะเห็นได้ว่านี่คือเขตชุมชนระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าที่สวยสง่าหรืออาคารสไตล์ตะวันตกเล็กๆ ที่อยู่ด้านใน อีกทั้งรถที่เข้าออกจะโดนสอบถามและต้องแสดงบัตรประจำตัวจึงจะเข้าไปได้ชั่วคราว
แต่พวกซ่งจื่อเซวียนทั้งสามคนเดินเข้ามา เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ถามอะไร
หลังจากเจอประตูอาคารตามที่อยู่ในมือแล้ว ซ่งจื่อเซวียนก็ให้ซางเทียนซั่วกับฟางรุ่ยรอที่ชั้นล่างก่อนจะเดินเข้าไป
แต่ลิฟต์ต้องใช้บัตรรูด และเขายังคิดจะจู่โจมพี่สาวแบบไม่ให้ทันตั้งตัว เขาจึงขึ้นบันไดไปแทน โชคดีที่ชั้นเก้าไม่นับว่าสูงมากนัก
ซ่งจื่อเซวียนยืนอยู่หน้าประตูและเคาะเบาๆ เมื่อได้ยินเสียง “มาแล้ว” จากข้างในก็รู้สึกตื่นเต้น อย่างไรเขาก็ไม่ได้เจอพี่สาวมาหลายเดือนแล้ว
ขณะที่ประตูเปิด ซ่งอีหนานที่สวมชุดนอนสีชมพูอยู่บ้าน รวบผมง่ายๆ เมื่อเห็นซ่งจื่อเซวียนสีหน้าของเธอก็ตะลึงงัน
“เจ้ารอง นายมาได้ยังไง”
“แหะๆ พี่ ผมมาทำธุระที่หลานหยวนนิดหน่อยเลยถือโอกาสแวะมาหา!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งอีหนานก็เปิดประตูสวมกอดน้องชายทันที “เจ้ารอง พี่คิดถึงนายโคตรๆ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มแย้ม “พี่นี่ใช้ได้จริงๆ มีแฟนแล้วก็ยังกอดผมเนี่ย ไม่กลัวคนจะนินทาเอาหรือไง รีบให้ผมเข้าไปเร็วๆ ผมขึ้นบันไดมาเก้าชั้นเลยนะ”
จากนั้นซ่งอีหนานก็ปล่อยมือ “ใครจะกล้านินทา นายเป็นน้องชายแท้ๆ ของฉัน แต่นายนี่บื้อซะจริง โทรหาพี่สิ จะได้ไปรับที่ลิฟต์”
“เหอะๆ ไม่เป็นไร ถือเสียว่าออกกำลังกายนิดหน่อย”
เมื่อเข้ามาในห้อง ซ่งจื่อเซวียนมองดูสภาพโดยรอบ การตกแต่งที่นี่เรียกได้ว่าหรูหราทีเดียว อาจเป็นเพราะซ่งจื่อเซวียนอยู่ในบ้านชั้นเดียวเล็กๆ มาตลอด ไม่เคยเข้าอพาร์ทเมนต์ระดับสูงอย่างนี้เลย
“สวยมากเลยพี่ พื้นกระเบื้องพวกนี้ราคาคงไม่ถูกใช่ไหม” ซ่งจื่อเซวียนถาม
ซ่งอีหนานยิ้มและนั่งบนโซฟา “คงงั้นมั้ง แต่ฉันไม่รู้ว่าราคาเท่าไร”
ซ่งจื่อเซวียนมองพี่สาวของเขา จู่ๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจ เธอให้ความรู้สึกขี้เกียจสันหลังยาวไปหน่อย อย่างไรวัยอย่างซ่งอีหนานก็ถึงเวลาที่ต้องมุ่งมั่นทำงาน แต่ตอนนี้เธอกลับดูเหมือนหญิงที่แต่งงานแล้วเป็นแม่บ้านอย่างไรอย่างนั้น
“งั้นเหรอ ดูท่าแฟนพี่จะรวยมากเลยนะ ห้องนี้อย่างต่ำก็ต้องสองล้าน” ซ่งจื่อเซวียนมองดูสภาพแล้วพูด
“หืม นั่นก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ห้องนี้เป็นห้องเช่านะ แถมไม่ได้จะอยู่ยาวด้วย” ซ่งอีหนานพูดพร้อมเอื้อมมือไปใต้โต๊ะกาแฟ “เจ้ารองนายจะดื่มอะไร โค้กหรือกาแฟ”
“น้ำเปล่าแล้วกัน” ซ่งจื่อเซวียนพูดแล้วยืนมองไปที่ห้องนอน
ในห้องนอนมีผ้าห่มบนเตียงที่ยังไม่ได้พับ มีหมอนอยู่กลางเตียงและมีหมอนอีกใบอยู่ข้างผ้าห่ม เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนพี่สาวนอนคนเดียว ผู้ชายคนนั้นไม่ได้กลับมา หมอนอีกใบนั้นจะต้องใช้เป็นหมอนข้างแน่ๆ
“พี่ พวกพี่วางแผนจะแต่งงานกันเมื่อไรน่ะ”
ซ่งอีหนานยิ้มแล้วพูดว่า “อุ๊ย รู้จักเป็นห่วงพี่สาวของนายแล้วเหรอ เด็กดื้อ นายกังวลเรื่องพวกนี้ให้น้อยหน่อยเถอะ ฉันได้ยินจากแม่ว่านายได้งานที่ดีแล้ว เป็นยังไงบ้าง”
“ก็โอเค แต่เทียบกับแฟนพี่ไม่ได้หรอก มีห้องแบบนี้ให้พี่อยู่แต่ตัวเองดันไปอยู่ที่อื่นซะงั้น รวยจริงๆ เลยนะ” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ย
“หืม นายหมายถึงอะไรน่ะ” ซ่งอีหนานถาม
“พี่ เมื่อคืนนอนคนเดียวใช่ไหม เขาไปไหนล่ะ”
“เขางานยุ่งมากเลยทำงานล่วงเวลาบ่อยๆ น่ะ บางครั้งก็ทำงานกะกลางคืน ผู้ชายน่ะจะยุ่งนิดหน่อยก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ฉันก็ไม่ได้รู้ลึกว่าเขาทำงานอะไร” ซ่งอีหนานพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข มองออกเลยว่าเธอหลงรักเขาหัวปักหัวปำ
ซ่งจื่อเซวียนกระตุกยิ้ม “ยุ่งแค่ไหนก็ต้องกลับบ้านไม่ใช่เหรอ พี่ เขาทำงานอะไรเหรอ แล้วทำงานที่ไหน รู้จักที่ทำงานของเขาไหม”
ได้ยินอย่างนั้นซ่งอีหนานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้ารอง นายหมายความว่าไง ตั้งแต่เข้ามานายก็พูดถึงแต่ ‘แฟนของพี่’ แม่บอกอะไรนายมา”
หลังจากอดกลั้นไว้นาน เมื่อได้ยินซ่งอีหนานพูดแบบนี้ซ่งจื่อเซวียนก็ทนไม่ไหว “พี่รู้ด้วยเหรอ ผู้ชายคนนั้นทำร้ายพี่ใช่ไหม แถมยังด่าแม่เสียๆ หายๆ ต่อหน้าใช่ไหม ซ่งอีหนานพี่คิดว่ายังไงกัน พี่จะทนกับคนแบบนี้เหรอ”
“ซ่งจื่อเซวียนนายหมายความว่าไง นายยังคิดว่าฉันเป็นพี่สาวอยู่หรือเปล่า พูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง!”
………………………………………………..
•