เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 71 สวัสดีครับคุณย่า
ตอนที่ 71 สวัสดีครับคุณย่า
เห็นท่าทางของเคอหงเทา ผู้หญิงข้างกายเขาก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือก ถอยไปข้างหลังครึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ
“เสี่ยซาน นี่เสี่ย”
เคอหงเทาไม่ได้สนใจ ได้ยินเสียงร้องสองสามครั้งดังมาจากข้างนอก เขาก็รู้ว่าต้าลี่ที่กำลังจัดการฉินซินเจี๋ยอยู่
เคอหงเทาไม่เหมือนกับเสี่ยเฉิงปา เสี่ยเฉิงปาเมื่อมีเงินก็ชอบใช้เงิน ซื้อสร้อยคอทองคำ แต่เคอหงเทาชอบสิ่งของ ในเส้นทางนี้ก็มีคนไม่น้อยที่รู้ว่าเคอซานสะสมของดีไว้เยอะพอสมควร
ตู้คราวนี้เขาจดจ้องอยู่ไม่ใช่แค่วันสองวัน ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาโอกาสเหมาะไปฉกฉวยได้ ไม่คิดเลยว่าฉินซินเจี๋ยจะทำมันพัง ถึงซ่งจื่อเซวียนจะเป็นคนขัดขวางเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่ระบายความโกรธบนร่างกายของฉินซินเจี๋ยเท่านั้น
ไม่นานนัก ต้าลี่ก็เดินเข้ามา พูดว่า “เสี่ย แขนหักไปแล้ว ต้องเอาเงินสองพันหยวนให้เขาไปหาหมอไหมครับ”
“หึ ไม่ให้ ทำตู้นั่นของฉันหลุดมือไปแล้ว แม่งยังจะมาขอเงินจากฉันอีกเหรอ ให้มันไปหาหมอเองสิ!” เคอหงเทาพูดด้วยใบหน้าหยามเหยียด
“ครับ”
ขณะต้าลี่จะหันหลังเดินออกไป เคอหงเทาพูดว่า “จริงสิ ต้าลี่ แกเรียกฟางรุ่ยนั่นมา หลังจากนั้น…แกก็เอาสักหน่อย”
“เข้าใจแล้วครับเสี่ย!”
ไม่นานนัก ตาลี่ก็พาชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา ชายคนนั้นคิ้วกระบี่ตาพยัคฆ์ ไว้ผมทรงสกินเฮด ผิวคล้ำเล็กน้อย สวมกางเกงลายพราง เสื้อพอดีตัวแขนสั้นสีดำ ดูทะมัดทะแมงอย่างเห็นได้ชัด
และที่สำคัญที่สุดก็คือท่ายืนของเขา อกผายไหล่ผึ่ง มือทั้งสองไพล่อยู่ด้านหลัง นิ่งสนิทไม่ขยับเขยื้อน
นี่คือบอดี้การ์ดที่เคอหงเทาพาไปด้วยในวันนั้นตอนที่ไปเจอเสี่ยเฉิงปาที่หอหงเยวี่ย หรือก็คือชายสกินเฮดที่ซ่งจื่อเซวียนจ้องอยู่ตลอดนั่นเอง
“เสี่ยเรียกผมเหรอครับ!”
เคอหงเทามองหญิงสาวข้างกาย “เธอออกไปก่อน”
หญิงคนนั้นรู้ความมาก ลุกขึ้นเดินออกไปทันที ถึงเนื้อตัวจะพันไว้แค่ผ้าขนหนูอาบน้ำ แต่ไม่ว่าจะต้าลี่หรือฟางรุ่ย ก็ไม่มีใครกล้ามองตรงๆ เพราะไม่ว่าเสี่ยเคอซานจะมองเธออย่างไร แต่อยู่ที่นี่ เธอก็เปรียบเหมือนซ้อใหญ่
หลังจากหญิงสาวคนนั้นออกไป เคอหงเทามองฟางรุ่ยแล้วพูดว่า “ฟางรุ่ยเอ๊ย แกมาทำงานกับฉันนานเท่าไรแล้วนะ”
“ตอบเสี่ย สิบเจ็ดวันครับ!”
การตอบคำถามของฟางรุ่ยแม่นยำมากเหมือนกับท่ายืนของเขาที่เอาจริงเอาจัง
เคอหงเทาพยักหน้าน้อยๆ “เร็วขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย ครึ่งเดือนกว่าแล้ว ฉันจำได้ว่า…แกปลดประจำการมาจากหน่วยรบพิเศษใช่ไหม”
“ใช่ครับ แต่ว่าชื่อหน่วยเป็นความลับที่สำคัญ ผมบอกไม่ได้ครับเสี่ย”
ได้ยินดังนั้น เคอหงเทาก็หัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ เด็กอย่างแกนี่นะ ฉันยังไม่ได้ถามแกเลย ช่วงนี้มาทำงานที่นี่ปรับตัวได้หรือยัง”
“ปรับตัวได้ดีมากแล้วครับเสี่ย อีกทั้งอาหารก็อร่อยมาก”
“อืม…อย่างนั้นก็ดี จริงสิ ฟางรุ่ย ฉันอยากลองถามแกสักหน่อยว่าตอนทำภารกิจน่ะ เคย…”
พูดพลาง เคอหงเทาก็ชะงักไปสองสามวินาที แล้วสูดลมหายใจลึกๆ ทันที “เคยยิงปืนไหม”
“เคยครับ เสี่ยอยากจะถามว่าเคยฆ่าคนไหมใช่ไหมครับ ตอนที่ทำภารกิจเคยฆ่าเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนครับ”
เคอหงเทาพยักหน้า ลุกขึ้นเดินไปหาฟางรุ่ย ตบที่ไหล่ของเขา “สมที่เป็นหนุ่มกระหายเลือดจริงๆ ดูท่าภารกิจคราวนี้คงต้องให้แกไปทำแล้วล่ะ”
ได้ยินดังนั้น ฟางรุ่ยก็ขมวดคิ้ว “เสี่ยหมายถึง…ให้ผมไปฆ่าคนเหรอครับ”
“เหอะๆ ทำไมล่ะ ไม่กล้าเรอะ” เคอหงเทาเหลือบมองฟางรุ่ย สายตามีข้อสงสัยอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
และฟางรุ่ยที่เห็นสายตาของเคอหงเทาก็เชิดหน้าขึ้นทันที “ไม่ได้ไม่กล้าครับ หลังจากปลดประจำการมาแล้วเลือกอาชีพนี้ ก็ไม่กลัวว่ามือจะเปื้อนเลือด เสี่ยจะให้ผมไปฆ่าใครครับ”
เคอหงเทาได้ยินก็เงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง เดินกลับไปนั่งลงที่ขอบสระอาบน้ำ พูดว่า “คนคนนั้นที่พวกเราเจอที่หอหงเยวี่ยวันก่อน”
“ซ่งจื่อเซวียน!” ฟางรุ่ยตอบออกมาทันที
“ถูกต้อง ไอ้หนุ่ม ความจำแกดีมาก แกว่ายังไง ยากไหม” เคอหงเทาถาม
ฟางรุ่ยแค่นหัวเราะ “ถ้าแม้แต่คนแบบนั้นยังมีความยาก เสี่ยก็ล้อผมเล่นแล้วจริงๆ ครับ”
“ดี ถ้าทำเรื่องนี้สำเร็จ เสี่ยซานจะเพิ่มเงินให้แกเป็นสองหมื่นหยวนทุกเดือน!”
“อืม…งั้นก็เอาตามนี้ ต้องการอะไรก็บอกต้าลี่ เขาจะจัดการให้แก หลังจากนั้นก็หาจังหวะเหมาะๆ ทางที่ดีอย่าให้ใครรู้!”
“ผมเข้าใจแล้วครับเสี่ย!”
“เยี่ยม แกไปเตรียมตัวสักหน่อย ไปเถอะ!”
“ครับ” ฟางรุ่ยหันหลังเดินออกไปจากห้องอาบน้ำ
ต้าลี่เดินเข้ามาหาพูดว่า “เสี่ยคิดจะจัดการซ่งจื่อเซวียนจริงๆ เหรอครับ”
“เฮอะ ถ้าไม่จัดการ…ก็เก็บเอาไว้ไม่ได้ ตอนนี้เด็กคนนี้เผยศักยภาพออกมาแล้ว อีกทั้งยังบากหน้าไปขอพึ่งใบบุญเฉิงปาอีก ถ้าฉันไม่รีบจัดการเขาให้ตาย น่ากลัวว่าวันข้างหน้าเฉิงปาจะจัดการฉันแทน บางที…”
พูดพลาง เคอหงเทาก็ถอนหายใจ “ซ่งจื่อเซวียน เขาน่ะมีอำนาจจะจัดการฉัน ฉันเชื่ออย่างนั้น ในเมื่อบทบาทแบบนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อฉัน ถ้าอย่างนั้น…ฉันที่ยังไม่ตายก็ต้องจัดการเขา!”
ขณะที่เคอหงเทาพูดประกายสังหารในดวงตาก็เผยออกมาอีกครั้ง และต้าลี่ก็เข้าใจว่าเสี่ยต้องการฆ่าคนจริงๆ คราวที่แล้วตอนที่เขาฆ่าใครสักคนก็มีแววตาแบบนี้เหมือนกัน
“เสี่ยครับ ฟางรุ่ยเพิ่งมาใหม่ คงจะ…ไม่มั่นคงเท่าไรมั้งครับ”
เคอหงเทายิ้ม “ที่อยากได้ก็คือพวกมาใหม่นี่แหละ ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ อีกทั้ง…ฉันก็ไม่กลัวเขาเปิดเผยออกไปด้วย”
“หืม เสี่ย เรื่องนี้จะล้อเล่นไม่ได้นะครับ ถ้าเกิดเขาถูกสงสัย…”
“เหอะๆ มีอะไรน่าสงสัยกัน ใครจะสงสัยคนตายคนหนึ่งเล่า!” เคอหงเทาพูดพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย
“คนตาย?”
“ถูกต้อง ต้าลี่ เรื่องนี้…สุดท้ายก็ยังต้องถึงมือนายนะ”
ต้าลี่ครุ่นคิด “เสี่ยหมายถึง…ให้เขาไปจัดการซ่งจื่อเซวียนก่อน แล้วพวกเราค่อยจัดการเขาเหรอครับ”
เคอหงเทาพยักหน้าน้อยๆ “ไม่เสียทีที่ติดตามฉัน เข้าใจได้ด้วยตัวเอง ต้าลี่ เรื่องนี้…คงไม่ต้องให้ฉันสอนแล้วใช่ไหม”
“วางใจเถอะครับเสี่ย ผมรู้ว่าต้องทำยังไง ไม่มีทางเป็นเรื่องใหญ่โตแน่นอน”
“เหอะๆ เอาปืนไปสักกระบอก ไอ้หนุ่มฟางรุ่ยนั่นมุทะลุ มีฝีมืออยู่บ้าง” เคอหงเทาพูด
“รับทราบ เสี่ยรอข้อความจากผมแล้วกันนะครับ”
……
กลางดึก ซ่งจื่อเซวียนยังคงนอนไม่หลับ ครั้งนี้ไม่ใช่อาการกระสับกระส่าย แต่เมื่อมองเห็นตู้สุดที่รัก เขาก็นอนไม่หลับจริงๆ
เขาใช้ผ้าแห้งเช็ดในตู้นอกตู้ไปแล้วรอบหนึ่ง ถึงเบื้องหน้าดูแล้วจะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม แต่สำหรับเขาแล้ว การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ก็มากพอที่จะทำให้เขามีความสุข
“สวยจริงๆ แถมยังเป็นไม้ซุงด้วย พอเทียบกันแล้ว งานฝีมือเคลือบเงาสมัยนี้ก็เป็นขยะดีๆ นี่แหละ!”
ซ่งจื่อเซวียนมองตู้ พูดเองเออเองอย่างมีความสุข
“อืม…ขยะ ขยะ…”
ซางเทียนซั่วด้านข้างสัปหงกแล้วพูดคลอไปด้วย
“หืม ทำไมนายยังไม่ไปอีก” นี่ถึงทำให้ซ่งจื่อเซวียนสังเกตเห็นว่าซางเทียนซั่วยังอยู่ที่บ้านตนเอง
“ก็ตั้งแต่ต้นจนจบอาจารย์ไม่ให้โอกาสผมได้พูดอย่างอื่นเลยนี่” ซางเทียนซั่วนวดดวงตาแล้วก็หาวออกมา “ผมง่วงจะตายอยู่แล้ว วันนี้ผมนอนบ้านอาจารย์เลยแล้วกัน”
“อะไร นายจะนอนบ้านฉันได้ยังไง กลับไปนอนบ้านไป๊!” ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางย้ายตู้ใบเตี้ยเข้ามุมผนัง
“กลัวอะไร อาจารย์ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย ชายฉกรรจ์สองคนอยู่ด้วยกันแล้วมันยังไง” ซางเทียนซั่วพูดพลางเดินไปข้างเตียง
ซ่งจื่อเซวียนวางตู้ลงแล้ววิ่งไปขวางเขา “นาย…นายรีบกลับบ้านไป อย่านอนบ้านฉันเลยนะ…”
แต่เขาก็ขวางซางเทียนซั่วไว้ไม่ได้ คนคนนั่นก็ง่วงถึงขีดสุดแล้วจริงๆ ทิ้งตัวลงเตียงราวกับหมูตาย ไม่นานนัก เสียงหายใจก็เปลี่ยนเป็นแผ่วเบา
มองไปที่ซางเทียนซั่ว ซ่งจื่อเซวียนก็ไม่มีทางเลือกแล้ว เจ้าหมอนี่แทบจะนอนแนวขวางอยู่บนเตียง ดูท่าคืนนี้ทำได้แค่ปูฟูกบนพื้นแล้ว
แต่ตอนที่เขากำลังคิดจะย้ายเครื่องนอน ก็ได้ยินเสียงเปิดกลอนประตู เขาหันหน้าไปมองทันที เห็นเป็นแม่หานหรงเดินเข้ามา ตอนนั้นก็ชะงักค้างไป
“แม่ ทำไมกลับมาแล้วล่ะ”
หานหรงเห็นซ่งจื่อเซวียนก็ระบายยิ้มออกมา แต่ซ่งจื่อเซวียนกลับรู้สึกถึงความผิดปกติทันที ในรอยยิ้มของหานหรงเหมือนจะแฝงความกล้ำกลืนอยู่บ้าง กระทั่งเหมือนกำลังอดกลั้นไม่ให้ร้องไห้ออกมาสุดฤทธิ์
เขาเบิกตากว้าง ค่อยๆ เดินไป สายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและกังวล “แม่ แม่เป็นอะไร มีคนรังแกแม่เหรอ”
หานหรงส่ายหน้าอย่างแรง เดินเข้าไปในห้องทันที เห็นซางเทียนซั่วนอนแผ่อยู่บนเตียง เธอก็ไม่ได้ถามอะไรมาก นั่งลงบนตั่งข้างโต๊ะกินข้าว
อย่างไรก็เป็นแม่แท้ๆ ถึงแม้จะไม่ยอมรับ แต่ซ่งจื่อเซวียนจะไม่รู้สึกได้อย่างไร
เขาเยื้องย่างเข้าไปใกล้ช้าๆ “แม่ ไม่สิ มีคนรังแกแม่ใช่ไหม แม่บอกลูก แม่พูดมาสิ”
แม่เลี้ยงซ่งจื่อเซวียนมาตั้งแต่เล็กจนโต หลังจากซ่งอีหนานพี่สาวไปทำงานที่เมืองหลานหยวนก็อยู่ดูแลกันสองคนแม่ลูก สำหรับเขา ตนเองโดนรังแกก็ช่างปะไร ถ้าแม่โดนรังแกล่ะก็นั่นเป็นเรื่องใหญ่!
ซ่งจื่อเซวียนเค้นต่ออยู่หลายประโยค ในที่สุดหานหรงก็ร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ถึงแม้จะฝืนอดกลั้นเอาไว้ก็จริง ก็ไม่มีเสียงร้องไห้ แต่ถึงจะปิดปากเอาไว้ น้ำตาก็ยังไหลออกมาอยู่ดี
“แม่ พูดออกมาสิ เอาแต่ร้องไห้ลูกร้อนใจจะตายแล้วนะ” ซ่งจื่อเซวียนเห็นแม่ร้องไห้ น้ำเสียงก็อ่อนลงเล็กน้อย รู้สึกแค่แสบจมูก อยากจะร้องไห้เหมือนกัน
เห็นน้ำตาหานหรงไหลไม่หยุด ซ่งจื่อเซวียนลุกขึ้นยืนเดินตรงไปข้างเตียงก่อน เท้าหนึ่งยกขึ้นเหยียบที่ก้นของซางเทียนซั่ว
“ไม่ต้องนอนแล้ว ลุกขึ้นมา!”
ซางเทียนซั่วดีดตัวขึ้นนั่งทันที ตื่นจากฝันที่แสนหวานด้วยความตกใจ เขาเบิกตากว้างมองไปรอบๆ สูดหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่
“เกิด…เกิดอะไรขึ้นอาจารย์…”
“แม่ฉันกลับมาแล้ว นายกลับบ้านไปก่อนเถอะ”
“อ้อ” ซางเทียนซั่วตอบรับอย่างสะลึมสะลือ เดินไปทางหานหรงแล้วโค้งคำนับลงเก้าสิบองศาทันที “สวัสดีครับคุณย่า”
หานหรงชะงักไป มองซางเทียนซั่วทันที เห็นได้ชัดว่าไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย คนคนนี้ลุกขึ้นมาก็เรียกว่าคุณย่า…
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้ว ยกเท้าเตะไปที่ก้นของซางเทียนซั่วหนึ่งที “อย่ามาพูดจาแปลกๆ กับแม่ฉัน รีบไปได้แล้ว”
ซางเทียนซั่วโดนเตะคราวนี้ก็ตื่นเต็มตาแล้ว เขามองหานหรง “อาจารย์ คุณย่า…ร้องไห้เหรอ อาจารย์โกรธคุณย่าเหรอ”
“อะไรเป็นอะไรเนี่ย นายจะไปไม่ไป” ซ่งจื่อเซวียนถามพลางดันเขาออกไปข้างนอก
ซางเทียนซั่วก็ทำได้แค่ยอมออกมาข้างนอกแต่โดยดี พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะอาจารย์ อาจารย์อย่าโกรธคุณย่าเลยนะ…”
ซ่งจื่อเซวียนก็คร้านจะสนใจเขา ดันเขาออกไปก็ปิดประตู เดินกลับไปหาแม่ ย่อตัวลงนั่งพูดว่า “แม่ ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้น พี่โกรธแม่เหรอ”
หานหรงเช็ดน้ำตาบนใบหน้าพร้อมกับส่ายหน้าพูดว่า “ไม่มีอะไร เจ้ารอง แม่เห็นแกก็ดีขึ้นแล้ว คนเมื่อกี้ใครเหรอ”
“อ้อ ลูกศิษย์ลูกเอง ช่วงที่แม่ไปที่นู่น ลูกก็ได้เปลี่ยนงานครั้งใหญ่ แล้วยังรับลูกศิษย์มาคนหนึ่งด้วย”
หานหรงพยักหน้า “อย่างนั้นก็ดี แต่ห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด มีหน้าที่การงานมั่นคงก็ดี อีกทั้งเถ้าแก่เขาก็ให้เงินเดือนสูงขนาดนั้น แกก็สงบเสงี่ยมสักหน่อย”
“แม่วางใจเถอะ ลูกเป็นห่วงแม่มากกว่าว่าแม่เป็นอะไร ปากแม่เอาแต่พูดว่าไม่เป็นอะไรแต่ร้องไห้อยู่ชัดๆ ตกลงเกิดไรขึ้นบอกลูกมาได้ไหม” ซ่งจื่อเซวียนถามเร่งเร้า
หานหรงมองซ่งจื่อเซวียน นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้า
……………………………………………