เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 311 เพิ่มชีวิตของนายกับฉันเข้าไปด้วย
- Home
- All Mangas
- เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง
- ตอนที่ 311 เพิ่มชีวิตของนายกับฉันเข้าไปด้วย
ตอนที่ 311 เพิ่มชีวิตของนายกับฉันเข้าไปด้วย
……….
การท้าแข่งของเลคริเซียสสำหรับทุกคนแล้ว คือการเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้านๆ
การแข่งขันครั้งนี้แพ้แล้ว แต่ไม่ยอมรับว่าแพ้แล้วจะขอท้าแข่งอีกครั้งงั้นเหรอ
แบบนี้ไม่ใช่หน้าด้านแล้วคืออะไร
หูเจิ้นที่อยู่ข้างๆ เอ่ยว่า “แพ้แล้วก็คือแพ้ จะท้าแข่งอะไรอีก ยังจะหน้าด้านอีก”
เลคริเซียสถลึงตาใส่หูเจิ้นทันที “นายไม่มีสิทธิ์มาพูดกับฉัน นายเป็นแค่คนที่แพ้ฉันเท่านั้นแหละ!”
หยางกังพูด “พูดให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะโว้ย คนแพ้อะไรกัน ตอนนี้พวกเราเป็นผู้ชม แบบนี้ไม่ยุติธรรม นายแพ้แล้วไม่ยอมรับใช่ไหม”
“นั่นสิ หน้าไม่อายจริงๆ แพ้แล้วก็ไสหัวไป ยังจะแข่งอะไรอีก”
“ไสหัวไปซะ ไสหัวออกไปจากประเทศจีน!”
คนที่อยู่ข้างๆ พูดกันคนละหนึ่งประโยค ทำให้เลคริเซียสที่โมโหอยู่แล้วเดือดดาลขึ้นมาจริงๆ
แพ้หลี่เหยียน อยู่เหนือความคาดหมายของเขาอยู่แล้ว ตอนนี้ทำให้เขารู้สึกถึงความขายหน้าอย่างแท้จริง
แต่ตอนนี้โดนคนพวกนี้พูดฉีกหน้า เขารับไม่ได้จริงๆ
“แทแรนติโน ทำให้พวกเขาหุบปากซะ!”
เลคริเซียสพูดจบ แทแรนติโนจึงพาพวกคาเรนสองสามคนเดินเข้าไป
แทแรนติโนจับคอของหูเจิ้นไว้แล้วใช้แรงเล็กน้อย สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
คนที่เหลือก็เช่นกัน ถูกพวกเขาผลักเข้าไปในร้านอาหารทันที
เลคริเซียสมองซ้ายแลขวา “พวกนายอยากมองก็มองไป ทางที่ดีที่สุดไม่ต้องพูด ถ้าใครกล้าพูดซี้ซั้ว ฉันรับรองว่าจุดจบเหมือนกันแน่นอน!”
คนอื่นที่เข้ามามุงล้อมอยู่ข้างๆ ไม่กล้าพูดอะไรอีก
รวมไปถึงคนที่อยู่ในฝูงชนเมื่อครู่ ก็หุบปากเหมือนกัน
จากนั้น เลคริเซียสจึงมองไปที่หลี่เหยียน “เตรียมพร้อมแล้วหรือยัง เริ่มกันเลย!”
หลี่เหยียนกวาดตามองสถานการณ์ในร้านอาหารแวบหนึ่ง เห็นพวกหูเจิ้นถูกลูกน้องของเลคริเซียสกดลงบนโต๊ะ เขาทำเสียงฮึดฮัดเย็นชาหนึ่งที
“ไม่แข่งแล้ว”
“หืม” เลคริเซียสพูดด้วยความสงสัย
“ปล่อยพวกเขาก่อน นายจับคนในร้านของพวกเรา ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์แข่งแล้ว”
เลคริเซียสแค่นหัวเราะไปที “เหอะๆ พวกเขาพูดผิด ถึงต้องโดนลงโทษไง”
“เหอะๆ ประเทศจีนไม่เหมือนประเทศอเมริกา ถึงจะพูดผิดก็ต้องมีตำรวจ”
พูดจบ หลี่เหยียนก็พูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “ในประเทศอเมริกา คนที่ทำผิดทุกคน จะต้องโดนเลคริเซียสจัดการใช่ไหม”
เลคริเซียสได้ยินก็หน้าบึ้งตึง จากนั้นตะโกนไป “แทแรนติโน ปล่อยพวกเขา
เอาล่ะ เริ่มได้หรือยัง”
หลี่เหยียนไม่พูดอะไรอีก แต่จุดไฟทันที
เมื่อเห็นดังนั้น เลคริเซียสจึงเตรียมตัวเหมือนกัน
แต่ในเวลานี้เอง รถเก๋งสีดำคันหนึ่งก็พุ่งไปตรงทางเท้าทันใด เสียงเครื่องยนต์และเสียงแตรทำให้หลายคนที่มุงดูอยู่ตกใจจนต้องหลีกทางให้
สุดท้าย รถเก๋งสีดำคันนั้นก็จอดอยู่หน้าประตูร้านอาหารร่ำรวย
เลคริเซียสและคนอื่นก็ตกตะลึง จากนั้นจึงมองไปที่รถเก๋ง ก็เห็นเพียงซ่งจื่อเซวียน ฟางรุ่ยกับอวี่เหวินเซี่ยวลงมาจากรถ
เมื่อเห็นว่าเป็นซ่งจื่อเซวียน พวกหูเจิ้น หยางกังและคนอื่นๆ จึงมีกำลังใจขึ้นมา สีหน้าที่หดหู่มีรอยยิ้มออกมาในที่สุด
“นายท่านรองนี่นา!”
“ฮ่าๆๆ นายท่านรองมาแล้ว คนพวกนี้ตายแน่!”
เลคริเซียสได้ยินดังนั้นจึงถลึงตาใส่พวกเขาหนึ่งที จากนั้นมองไปที่ซ่งจื่อเซวียน “เหอะๆ อย่างที่คิด มีเพียงวิธีแบบนี้เท่านั้นถึงจะบีบให้นายปรากฏตัวได้”
นอกจากหลี่เหยียนที่ยืนอยู่หน้าเตาแล้ว หูเจิ้น หยางกังและคนอื่นๆ มีบาดแผลบนใบหน้า พวกเขาน่าจะโดนทำร้ายมา
ซ่งจื่อเซวียนพูดเสียงต่ำ “รุ่ยจื่อ เหวินอวี่ คนดำพวกนี้…พวกนายรับมือไหวไหม”
ทั้งสองคนสบตากันแล้วพยักหน้า
อวี่เหวินเซี่ยวพูด “ต่อให้จัดการได้ไม่หมด แต่ก็ไม่เสียเปรียบ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “อย่างนั้นก็ดี“
พูดจบ เขาจึงเดินไปหาเลคริเซียส “เหอะๆ บังคับฉันออกมางั้นเหรอ ไม่ต้องหรอก เวลาที่พวกเราตกลงกันเจ็ดวันก็ยังไม่ถึง นายจะรีบร้อนทำไม”
เลคริเซียสหัวเราะเล็กน้อย “งั้นเหรอ แต่จู่ๆ ฉันก็อยากเลื่อนให้เร็วขึ้นน่ะ”
“เหอะๆ นายอยากเลื่อนให้เร็วขึ้นงั้นเหรอ แต่นายก็ต้องถามฉันล่วงหน้าสิ มีแค่ฉันตอบตกลง ถึงจะเลื่อนเร็วขึ้นได้ไม่ใช่เหรอ”
เลคริเซียสหรี่ตาทั้งสองข้างมองซ่งจื่อเซวียน “ไม่จำเป็นหรือเปล่า ฉันชินที่คำพูดฉันถือเป็นเด็ดขาดน่ะ”
“บังเอิญจริง ฉันก็ชินที่คำพูดฉันถือเป็นเด็ดขาดเหมือนกัน” ระหว่างที่พูด ซ่งจื่อเซวียนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สีหน้าหยิ่งผยอง
“เหอะๆ ซ่ง นายเป็นเชฟคนจีนที่ไม่เหมือนใครที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอเลย”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “เลคริเซียส นายเป็นคนอเมริกันที่หน้าด้านที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอเหมือนกัน”
เลคริเซียสถลึงตาโตทั้งสองข้าง แต่ในไม่ช้าก็สงบสติลง “เหอะๆ วันนี้นายมาเพราะอยากเถียงกับฉันใช่ไหม”
“ฉันไม่สนใจ ฉันมาเพื่อเอาชนะนายต่างหาก”
“ได้สิ แต่เกรงว่านายต้องรอก่อน ตอนนี้ฉันสนใจคนคนนี้ ฉันอยากเอาชนะเขาก่อน”
เลคริเซียสชี้ไปที่หลี่เหยียนพลางพูด
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะเย็นชา “เหอะๆ คนที่นายอยากท้าคือฉัน ไม่เกี่ยวกับเขาเลย หลี่เหยียน ลงไปเถอะ”
หลี่เหยียนอึ้งไป แต่ก็ยังพยักหน้า “ครับ!”
“นายอยากรีบแข่งกับฉันเหรอ”
“ฉันรอไม่ไหวแล้ว” ซ่งจื่อเซวียนแสร้งทำเป็นยิ้มเล็กน้อย
“โอเค ถ้างั้นนายพูดมาว่าจะแข่งยังไง”
“อย่ารีบสิ” ซ่งจื่อเซวียนยกมือพูดว่า “ฉันเห็นคนของฉันโดยต่อย เรื่องนี้จะจัดการยังไง”
ได้ยินประโยคนี้ เลคริเซียสก็มองพวกหูเจิ้นแล้วเอ่ยว่า “พวกเขาไม่รู้จักมารยาท ฉันก็แค่ช่วยสั่งสอนเท่านั้น”
ซ่งจื่อเซวียนฟังแล้วก็พยักหน้า จากนั้นจึงมองลูกน้องของเลคริเซียส “เป็นไอ้ชาติหมาคนไหนที่ต่อยคนของฉัน”
ได้ยินประโยคนี้ พวกแทแรนติโนก็โกรธเคืองทันที
ความจริงไม่ว่าจะเป็นประเทศจีนหรือประเทศไหน การด่าด้วยคำหยาบ…ถือว่าเป็นเรื่องที่ถือสากันอยู่
แทแรนติโนชี้ไปที่ซ่งจื่อเซวียนแล้วเอ่ยว่า “ไอ้เศษสวะ แกพูดอะไร”
ซ่งจื่อเซวียนทำเสียงฮึดฮัดหนึ่งที “อวี่เหวินเซี่ยว รุ่ยจื่อ คนนี้มันไม่รู้จักมารยาท ช่วยฉันสั่งสอนเขาหน่อย!”
“ครับ!”
หลังจากพูดว่าครับ ทั้งสองคนก็เดินไปหาแทแรนติโนทันที
ด้วยความสามารถของแทแรนติโนพวกเขาก็ไม่กลัวการปะทะจริงๆ แต่ประเด็นสำคัญคือ พวกเขาเคยโดนฟางรุ่ยกับอวี่เหวินเซี่ยวจัดการมาก่อน ตอนนี้หากต้องต่อสู้กันอีก…
ดังนั้นเมื่อเห็นสองคนเดินเข้ามา การตอบสนองอย่างแรกของแทแรนติโนคือถอยหลังครึ่งก้าว
แต่อย่างไรพวกลูกน้องก็อยู่กัน เขาจึงพูดทันที “จัดการ!”
ในไม่ช้า คนสองกลุ่มก็ตะลุมบอนกัน
ไม่ว่าจะเป็นอวี่เหวินเซี่ยว ฟางรุ่ย หรือแทแรนติโน คาเรนและคนอื่นๆ ล้วนเป็นกองกำลังพิเศษมาก่อน ดังนั้นตอนที่ปะทะกันจึงแตกต่างจากการต่อยตีตามข้างถนน
ต่อยตีกันแต่ละท่ามีสีสันยิ่งกว่าในภาพยนตร์กำลังภายใน ประเด็นสำคัญคือนี่คือการดูสดจากสถานที่จริง
ฝ่ายของแทแรนติโนถึงแม้คนจะเยอะกว่า แต่อวี่เหวินเซี่ยวกับฟางรุ่ยร่วมมือกันมากกว่า พวกเขาสองคนหันหลังชนกัน ในไม่ช้าจึงจัดการลูกน้องของแทแรนติโนล้มไปหนึ่งคน
เลคริเซียสเห็นดังนั้นก็พูดว่า “หึ ซ่ง นายกำลังทำอะไร”
“ลูกน้องของนายไม่รู้จักมารยาท ฉันก็ต้องสั่งสอนเขาหน่อยสิ!”
“นาย!”
“เลคริเซียส นายคิดว่าโลกใบนี้นายใหญ่ที่สุดหรือไง ในสายตาของฉันคนอย่างนายก็เหมือนคนโรคจิต ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันขอบอกนายว่า ฉันใหญ่ที่สุดในใต้หล้า คนอย่างนายน่ะไม่ใช่เลย!”
เลคริเซียสขึงตาโตทั้งสองข้าง ไฟโกรธล้นทรวงอก
เหมือนที่ซ่งจื่อเซวียนพูดจริงๆ หลายปีที่ผ่านมา เขานั่งอยู่บนตำแหน่งของลูกพี่ จึงคิดว่าทุกอย่างต้องมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง
รวมไปถึงการปรับปรุงอาหารจีนให้ดีขึ้น ในสายตาของเขา คนจีนต้องขอบคุณเขา เพราะเขาเหมือนผู้ช่วยชีวิตที่มาเยือน
แต่ตอนนี้ ซ่งจื่อเซวียนไม่ไว้หน้าเขาเลยด้วยซ้ำ
“คิดว่าพวกเขาจะสู้ปืนได้ใช่ไหม”
เลคริเซียสพูดจบ ก็ยื่นมือเข้าไปที่ข้างเอว
ซ่งจื่อเซวียนสีหน้านิ่งไม่เปลี่ยน ฉากนี้เขาคาดการณ์ไว้นานแล้ว เขาจึงหัวเราะ “ถ้านายกล้าหยิบออกมา ฉันจะแจ้งความทันที เลคริเซียส ในประเทศจีน ไม่อนุญาตให้พกปืนอยู่แล้ว นายรอเข้าคุกได้เลย!”
“ฮ่าๆๆ แล้วไง ที่อเมริกาเขาอนุญาตได้ ฉันเป็นคนอเมริกานี่!”
“สงสัยนายจะไม่เข้าใจกฎหมาย กฎหมายจีนเป็นกฎที่ใช้ในพื้นที่ครอบครอง ไม่ว่านายจะเป็นคนประเทศไหน ถ้าอยู่ในประเทศจีน นายก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศจีน!”
เลคริเซียสได้ยินก็อึ้งไป
“นายลองก็ได้ มา ควักออกมา!”
ซ่งจื่อเซวียนตะโกนเสียงดังหนึ่งที เลคริเซียสกลับดึงมือออกมา พูดยิ้มๆ ว่า “หยุดเถอะ พวกเราน่าจะใช้ฝีมือการทำอาหารแก้ไขทุกอย่างได้นะ”
“โอเค แต่ฉันต้องบอกนายก่อน เลคริเซียส ไม่ใช่ทุกเรื่องจะสมดั่งใจนาย ในเขตแดนของประเทศจีน เก็บนิสัยที่เคยชินของนายไปซะ!”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็ตะโกน “รุ่ยจื่อ อวี่เหวิน หยุดได้แล้ว!”
ทั้งสองคนจึงหยุดมือ ส่วนแทแรนติโนและคาเรนในตอนนี้ก็รีบถอยหลังทันที ต้องพูดว่าถ้าซ่งจื่อเซวียนตะโกนช้ากว่านี้ พวกเขาคงจะสู้ต่อไม่ไหวจริงๆ
แทแรนติโนหายใจหอบ พูดเสียงต่ำ “คาเรน นายเป็นยังไงบ้าง”
“พอไหว กังฟูจีนน่ากลัวเกินไปแล้ว…” คาเรนพ่นลมหายใจ
แทแรนติโนก็พยักหน้า “ใช่ ใช่…”
“โอเค ฉากยุ่งเหยิงจบลงแล้ว ซ่ง ในเมื่อนายอยากรับคำท้าแทนคนผมยาวคนนี้ ถ้างั้นพวกเราก็เริ่มกันเถอะ”
ซ่งจื่อเซวียนจ้องมองเลคริเซียส “ไม่ได้ช่วยเขา แต่ฉันรับคำท้าเองต่างหาก ถึงแม้นายจะกลับคำนัดกันเจ็ดวัน แต่ฉันซ่งจื่อเซวียนยังคงรับไว้”
“แล้วแต่เลยว่านายจะพูดยังไง เลือกวัตถุดิบเถอะ”
ซ่งจื่อเซวียนบอกวัตถุดิบสองสามชนิด หูเจิ้นก็รีบหยิบมาสองชุดทันที
ตอนที่กำลังจะเริ่ม ซ่งจื่อเซวียนก็พูดว่า “เลคริเซียส พูดถึงการเดิมพันสักหน่อยสิ”
“หืม พวกเราพูดกันแล้วไม่ใช่เหรอ” เลคริเซียสพูด
“เหอะๆ นายแพ้แล้วต้องออกจากประเทศจีนใช่ไหม การเดิมพันนี้น้อยเกินไป เพิ่มการเดิมพันเลย!” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ย
“โอ้ว เหอะๆ คนจีนเป็นคนตลกจริงๆ ทำไมนายถึงอวดดีขนาดนี้ เพิ่มอีกสิบล้านดอลลาร์ เป็นไง” เลคริเซียสพูดยิ้มๆ
จากรอยยิ้มที่ผ่อนคลายของเขา ทุกคนมองออกว่า สิบล้านดอลลาร์นี้สำหรับเขาแล้วไม่หนักหนา แค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้า “น้อยเกินไป”
“สิบล้านดอลลาร์น้อยเกินไปงั้นเหรอ ไอ้หนุ่ม แน่ใจนะว่านายเคยมีเงินสิบล้านดอลลาร์มาก่อนน่ะ”
สิบล้านดอลลาร์ก็ยังไม่ถึงหนึ่งร้อยล้านหยวน ต่อให้ไม่ได้พูดโม้ ซ่งจื่อเซวียนก็มีแน่นอน
แค่มูลค่าตลาดของบริษัทชิงอวี่ก็ไม่น้อยกว่าหนึ่งพันล้านแล้ว
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะเล็กน้อย “นั่นเป็นเรื่องของฉัน ขอแค่พวกเราวางเดิมพันกัน ฉันจะให้นายแน่นอน เลคริเซียสนายชอบอัดวิดีโอไม่ใช่เหรอ เริ่มเลยตอนนี้ ให้ทุกคนได้เห็นการเดิมพันของพวกเรา”
เลคริเซียสตกตะลึงกับคำพูดนี้
ซ่งจื่อเซวียนพูดว่า “หูเจิ้น หยางกัง พวกนายอัดวิดีโอเลย!”
“ครับ นายท่านรอง!”
“ซ่ง นายจะเอายังไงกันแน่”
เลคริเซียสงุนงงไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าซ่งจื่อเซวียนจะทำอะไร
“เพิ่มการเดิมพัน!”
“หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์!” เลคริเซียสตะโกนใส่ด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่ารำคาญคำยั่วยุที่ไม่จบไม่สิ้นก่อนเริ่มแข่งขันของซ่งจื่อเซวียน
“เพิ่มชีวิตของนายกับฉันเข้าไปด้วย!”
ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางถลึงตาโต
………………………………………
……….