เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 309 ลงมือจนกว่ามันจะออกมา
ตอนที่ 309 ลงมือจนกว่ามันจะออกมา
……….
เห็นการกระทำของหวงฟา อวี่เหวินเซี่ยวและฟางรุ่ยก็ตกตะลึง
ฟางรุ่ยติดตามซ่งจื่อเซวียนและไปมาหาสู่กับหวงฟาหลายครั้ง
แม้ว่าอวี่เหวินเซี่ยวจะไม่ได้ไปมาหาสู่กับหวงฟามากนัก แต่เขาก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเสี่ยหวงแห่งตู้เหมินมาก่อน
ตอนนี้เจ้าพ่อท้องถิ่นคนนี้กลับประสานหมัดคารวะซ่งจื่อเซวียน ทำท่าทางคารวะพี่ใหญ่ จุดนี้ทำให้พวกเขาตกตะลึงจริงๆ
ทว่าในเวลานี้สีหน้าของซ่งจื่อเซวียนสุขุมมาก ราวกับว่าได้คาดการณ์ช่วงเวลานี้ไว้ก่อนแล้ว
เขาพยักหน้าเพียงเล็กน้อย “เอาล่ะเสี่ยหวง ถ้าตัดสินใจลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพหรอกครับ”
หวงฟาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ
“นายท่านรอง ฉันละอายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ วันนี้นายช่วยชีวิตฉันไว้ ต่อจากนี้หวงฟาจะเชื่อฟังนายนะ”
ประโยคนี้ยิ่งใหญ่เกินไปจริงๆ เจ้าพ่อในท้องถิ่นคนหนึ่งกลับกลายมาเป็นลูกน้อง
ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้มอย่างรู้ใจ อย่างน้อยหลังจากเกิดเหตุการณ์หลายครั้งก็พบว่าหวงฟามีความกล้าได้กล้าเสียจริงๆ
สาเหตุคือความจำเป็นในวงการใต้ดิน สุดท้ายแล้วในสังคมแบบนี้ หลายครั้งที่คุณทำอะไรจริงจังก็อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
“เอาล่ะ เสี่ยหวง ไปที่ร้านผมก่อนแล้วค่อยคุยกัน มีพวกเขาสองคนอยู่ด้วยปลอดภัยแน่นอน”
“โอเค!”
…
ภายในห้อง แทแรนติโนค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาและมองไปโดยรอบด้วยสายตาที่พร่ามัว ดูเหมือนเขาจะนึกถึงอะไรบางอย่าง
“คาเรน…”
เมื่อเห็นว่าคาเรนยังหมดสติอยู่ แทแรนติโนก็ตะโกนเรียก แต่คาเรนไม่มีการโต้ตอบกลับมา
แทแรนติโนค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งพิงกำแพงครู่หนึ่งและหายใจถี่แสดงออกถึงความเคียดแค้น
“ไอ้คนจีนเจ้าเล่ห์ พวกแกคอยดูเถอะ”
“แทแรนติโน…”
“คาเรน เราถูกลอบโจมตี ฉันคิดว่าสองคนนั้นที่เราเจออาจจะเป็นยอดฝีมือชาวจีนที่เลคริเซียสพูดถึง”
คาเรนขมวดคิ้ว “ผู้ติดตามของซ่งจื่อเซวียนเหรอ”
“ใช่ กลับไปครั้งนี้คงจะอธิบายยากแล้ว”
คาเรนก้มหน้าลงและไม่ได้พูดอะไร
ทั้งคู่เดินออกจากห้องและมองดูคนที่หมดสติอยู่ในสองห้องข้างๆ จากนั้นก็จากไปโดยไม่ทำอะไรอีก
ก่อนจะมาถึง พวกเขาไม่ได้คิดจะลงมือฆ่า เพียงแค่ใช้การดมยาสลบให้คนเหล่านี้หมดสติโดยไม่ทำร้ายพวกเขาเท่านั้น
…
ร้านสวนสวินเฟิง
ซ่งจื่อเซวียนสั่งให้เชฟทำอาหารง่ายๆ ให้หวงฟาและหวานใจของเขาสงบสติอารมณ์
จากนั้นหวงฟาก็โทรให้เถียนเหวินคุ่ยมาที่สวนสวินเฟิง และหาคนไปส่งหวานใจไปที่อื่นก่อน
ในห้องทำงาน ซ่งจื่อเซวียนจิบชาแล้วเอ่ย “เสี่ยหวง ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นแล้ว เกรงว่าทุกอย่างจะต้องรอให้ผมประลองกับเลคริเซียสก่อนแล้วค่อยวางแผนกัน”
หวงฟาพยักหน้าอย่างจนใจ “คงต้องเป็นแบบนั้น แต่ฉันยังกังวลอยู่ ไม่ว่าผลการแข่งขันของนายกับเขาจะแพ้หรือชนะ แต่เขาจะยอมแพ้จริงๆ ใช่ไหม”
ได้ยินคำพูดนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็ชะงักเล็กน้อย เขายังไม่ได้ไตร่ตรองเรื่องนี้จริงๆ
หากตัวเองชนะแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเลคริเซียสยังอยู่ที่ตู้เหมินต่อไปล่ะ
“เรายังไม่รู้อะไรทั้งนั้น เพราะงั้นเราควรจะคิดหาวิธีการรับมือ แต่สถานการณ์ตอนนี้คือเลคริเซียสอยากท้าดวลกับผมจนรอไม่ไหวแล้ว ผมกลัวว่าเขาจะไปทำอะไรบ้าๆ บอๆ”
คำพูดของซ่งจื่อเซวียนทำให้หวงฟาตระหนักถึงความร้ายแรงเช่นกัน “ใช่ วันนี้พวกมันจะจับตัวฉันโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ถึงฉันจะเตรียมคนมาแล้ว แต่ก็ยังรับมือไม่ทัน”
“ทุบ…หม้อข้าวแล้วจมเรือ?”
หวงฟาพูดพร้อมกับเบิกตากว้าง
ขณะนั้น อวี่เหวินเซี่ยว ฟางรุ่ยและเถียนเหวินคุ่ยที่อยู่ด้านข้างก็อดประหลาดใจไม่ได้
อันที่จริงพวกเขาไม่ได้รู้จักเลคริเซียสมากนัก แต่เมื่อเทียบกันแล้ว บางทีซ่งจื่อเซวียนอาจเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้ดีที่สุด
แม้ว่าทั้งสองจะพบกันเพียงสองครั้ง และหนึ่งในครั้งนั้นคือตอนที่ซ่งจื่อเซวียนแกล้งทำเป็นหลับ
แต่เมื่อพูดถึงการต่อสู้ ทั้งสองฝ่ายถือว่ายังไม่เคยมาก่อน
เรื่องหลายอย่างที่เลคริเซียสทำก็คือการบีบบังคับให้ซ่งจื่อเซวียนปรากฏตัว และยั่วยุซ่งจื่อเซวียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ช่วงนี้เลคริเซียสค่อนข้างบ้าคลั่ง
“ถ้าเดาไม่ผิด ขั้นต่อไปเขาจะไปที่ร้านอาหารร่ำรวยของฉัน!” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
ฟางรุ่ยเอ่ย “นายท่านรอง พวกเขาไปมาแล้วไม่ใช่เหรอ ครั้งที่แล้วยังถูกพวกข่งอวี้เซินทำให้มึนงงไปเลยด้วย”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ “เพราะแบบนี้ ฉันเลยเดาว่าพวกเขาต้องไปอีก ยังไงที่นั่นก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะปรากฏตัวต่อหน้าฉัน”
“หืม? นายท่านรอง เมื่อกี้คุณพูดว่าเลคริเซียสก็รู้จักสวนสวินเฟิงด้วยนี่ แล้วทำไมเขาไม่เลือกที่จะมาหาคุณที่นี่ล่ะ”
เถียนเหวินคุ่ยกล่าวขึ้น ตอนนี้หวงฟาได้ตัดสินใจว่าต่อจากนี้จะเชื่อฟังซ่งจื่อเซวียนแล้ว การที่เขาจะเรียกว่า ‘นายท่านรอง’ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร
ซ่งจื่อเซวียนคลี่ยิ้มเมื่อได้ยินแล้วมองไปที่ฟางรุ่ยและอวี่เหวินเซี่ยว “นายคิดว่าถ้าพวกเขาสองคนอยู่ที่นี่ เลคริเซียสจะมาไหม”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ หลายคนก็ยิ้มเช่นกัน
เป็นแบบนั้นจริงๆ ก่อนหน้านี้เลคริเซียสและฮันเตอร์เคยเสียเปรียบที่สวนสวินเฟิง
ด้วยความคิดอันชาญฉลาดของซ่งจื่อเซวียนจึงช่วยเหลือหวงฟาจากเงื้อมมือแทแรนติโนและคาเรนได้
ร่างกำยำทั้งสองถูกฟางรุ่ยและอวี่เหวินเซี่ยวจัดการ ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะมาลองดีอย่างแน่นอน
วิธีที่ดีที่สุดคือการไปที่ร้านอาหารร่ำรวยเพื่อบีบบังคับเชฟให้ซ่งจื่อเซวียนปรากฏตัว
“นายท่านรอง แล้วตอนนี้นายคิดว่ายังไง” หวงฟาถาม
ซ่งจื่อเซวียนใคร่ครวญ “เสี่ยหวง ลูกน้องของคุณน่าจะยังนอนสลบอยู่ที่นั่น ตอนนี้ยังพอพามาได้ไหม”
“เหอะๆ ได้สิ หวงฟาอย่างฉันไม่มีอย่างอื่นหรอก แต่ลูกน้องฉันมีเยอะ แถมยังพาคนไปได้หมดด้วย”
ซ่งจื่อเซวียนโบกมือ “ไม่ได้ จะพาคนไปไม่ได้เด็ดขาด เสี่ยหวงเรียกลูกน้องสองสามคนให้ไปเฝ้าละแวกร้านอาหารร่ำรวยก่อน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็โทรมาที่นี่ อย่าทำอะไรเด็ดขาดนะครับ”
“ได้ ฉันจะจัดการให้”
ตอนนี้ดูเหมือนหวงฟาจะเชื่อฟังซ่งจื่อเซวียนอย่างสมบูรณ์ เมื่อพูดจบ เขาก็ให้เถียนเหวินคุ่ยติดต่อลูกน้องตามที่ซ่งจื่อเซวียนบอกทันที
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด “อวี่เหวินเซี่ยว การโยกย้ายคนของนายต้องใช้เสี่ยวเป่าหรือนายก็ทำได้เหมือนกัน”
“เสี่ยวเป่ากับผมมีนกหวีดเหมือนกัน เราทั้งคู่เรียกพี่น้องที่อยู่ใกล้ๆ ให้มาหาได้ แต่เสียงนกหวีดจะไม่เหมือนกัน” อวี่เหวินเซี่ยวตอบ
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “อืม ดูเหมือนว่านกหวีดของเสี่ยวเป่าหลักๆ จะใช้เพื่อเรียกหานายใช่ไหม”
“ถูกต้อง เสียงนกหวีดเป็นแบบเดียวกัน แบ่งไปอยู่ในมือของผู้อาวุโสหลายคน มีของเสี่ยวเป่าคนเดียวที่แตกต่าง นอกจากจะเรียกรวมพลได้แล้ว ขณะเดียวกันก็เรียกผู้อาวุโสได้ด้วย”
“ถ้างั้นใช้นกหวีดของนายก็พอแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับร้านอาหารร่ำรวย นายก็ฟังคำสั่งฉันแล้วทำตามได้เลย”
“ครับ นายท่านรอง!”
“นายท่านรอง แล้วผมล่ะ”
เห็นซ่งจื่อเซวียนมอบหมายงานทีละคน ฟางรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
ปกติแล้วซ่งจื่อเซวียนไม่ค่อยมอบหมายงานต่างๆ ให้กับฟางรุ่ย แต่ฟางรุ่ยทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดประชิดตัวเป็นส่วนใหญ่
“นายเหรอ ไปที่บ้านปู่หวังแล้วเอาตะหลิวเหล็กเขียวมาให้ฉัน ฉันจะใช้มันจัดการเลคริเซียส!”
ขณะที่พูด ดวงตาของซ่งจื่อเซวียนก็เผยความเด็ดเดี่ยวและความดุร้ายออกมา
หวงฟาดูเวลา “ตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว คนพวกนั้นคงจะไม่ลงมือวันนี้แล้ว น่าจะเป็นพรุ่งนี้ใช่ไหม”
ซ่งจื่อเซวียนส่ายศีรษะ “ไม่แน่ นิสัยอย่างเลคริเซียสอาจจะทนรอถึงวันพรุ่งนี้ไม่ได้ เราควรเตรียมตัวให้พร้อมทุกเมื่อ”
ซ่งจื่อเซวียนกระตุกยิ้ม “ตราบใดที่ยังมีคนอยู่ในร้านอาหารร่ำรวย พวกมันคงต้องลงมือทำอะไรแน่นอน”
…
ภายในวิลล่า
เลคริเซียสมองแทแรนติโนเบื้องหน้าเขา ในใจไม่อาจบรรยายออกมาได้
“สี่คน…พวกนายสี่คนมาจากกองกำลังพิเศษ นึกไม่ถึงเลยว่าโดนคนจีนสองคนจัดการได้เนี่ย”
แทแรนติโนก้มหน้าลงและทนไม่ไหวที่จะอธิบาย “เลคริเซียส นายก็รู้ว่าสองคนนี้น่าจะเป็นคนที่ห้ามไม่ให้นายเข้าไปในสวนสวินเฟิงตอนกลางวันนี่!”
“หึ พูดจาไร้สาระ วันนี้เช้าฉันไปสวนสวินเฟิงแล้วพวกมันก็หยุดฉัน ตอนบ่ายพวกนายไปเจอพวกมันที่บ้านหวงฟา นายหมายความว่าซ่งจื่อเซวียนเป็นผู้หยั่งรู้หรือไง”
เลคริเซียสพูดพร้อมกับขว้างแก้วเหล้าลงบนพื้นด้วยความโกรธ
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็อกสั่นขวัญแขวน ต้องบอกว่าปกติเลคริเซียสไม่ชอบโกรธเกรี้ยว แต่เมื่อโกรธแล้ว…ก็ไม่มีใครหยุดเขาได้
หลายคนเงียบ
เลคริเซียสลุกขึ้นยืนทันทีและตะโกนต่อว่า “ไอ้โง่ โง่เง่ากันหมด นาย แทแรนติโน ถึงนายจะเจอสองคนนั้นก็ตาม แต่พวกนายมีกันกี่คน”
“ฉันกับฮันเตอร์ไม่ได้เตรียมตัวไว้ ที่เจอกับพวกมันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่พวกนายล่ะ”
“พวกนายสี่คนที่มาจากกองกำลังพิเศษกำลังปฏิบัติภารกิจจับตัวหวงฟากลับมา แต่นายไม่ได้เตรียมพร้อมขณะที่กำลังปฏิบัติภารกิจเลยงั้นเหรอ”
ได้ยินเสียงคำรามของเลคริเซียส แทแรนติโนก็ได้แต่ถอนหายใจ
“คุณเลคริเซียส ผมคิดว่าสองคนนั้นอาจได้รับการฝึกฝนพิเศษเหมือนกัน ฝีมือของทั้งคู่ไร้ที่ติ ผมกับแทแรนติโนก็ถูกจัดการอย่างรวดเร็วเหมือนกัน ยุทธวิธี ทักษะและการต่อสู้ของพวกเขาอยู่ในระดับแนวหน้าแน่นอน”
คาเรนที่อยู่ด้านข้างก็อธิบาย
เลคริเซียสได้ยินก็หัวเราะ “ฮ่าๆๆ นายพูดได้ดีมากพรรคพวกของฉัน คาเรน ถ้าเป็นแบบนี้ พวกนายก็ไสหัวออกไปได้แล้ว ฉันควรจะจ้างสองคนนั้นนะ ไอ้พวกไม่มีน้ำยา!”
คำพูดของเลคริเซียสทำให้หลายคนตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ไม่ต้องพูดถึงความสมเหตุสมผล แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้นั่นคือถ้ากล่าวโทษเลคริเซียสนั้นจะจบไม่สวย
เมื่อพูดจบ เลคริเซียสก็นั่งลงบนโซฟาด้วยความโมโหและมองไปข้างหน้าโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ฮันเตอร์เอ่ยจากด้านข้าง “คุณเลคริเซียส ตอนนี้จะทำยังไงดีครับ เส้นสายจากหวงฟาขาดไปแล้ว หรือว่าเรายังต้องไปที่สวนซวนเฟิงอีก”
เลคริเซียสส่ายหน้าช้าๆ เห็นได้ชัดว่าปฏิเสธคำพูดของฮันเตอร์
“เลคริเซียส เราปล่อยคนจีนพวกนี้ไปไม่ได้ ไม่งั้นเราก็เริ่มเคลื่อนไหวเลยเถอะ!”
เลคริเซียสได้ยินก็เหลือบมองเขา “ไอ้โง่ เราไปสวนสวินเฟิงไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้พวกมันเฝ้าระวังไว้แล้ว ถึงไปก็เปล่าประโยชน์”
“แล้วจะทำยังไง ยื้อเวลาไปแบบนี้เหรอ หึ ฉันกล้าพนันได้เลยว่าซ่งจื่อเซวียนจะผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ได้สนใจการนัดหมายเจ็ดวันระหว่างพวกนายสองคนอยู่แล้ว!”
เลคริเซียสเหลือบมองแทแรนติโนแล้วเผยรอยยิ้มที่ชวนน่าขนลุก
“นาย…นายมองฉันทำไม…”
“เหอะๆ นายพูดถูก แต่ฉันจะไม่ยอมให้เขายื้อเวลาหรอก เราจะไปร้านอาหารร่ำรวยกัน แทแรนติโน นายให้ทุกคนมารวมตัวแล้วไปด้วยกันคืนนี้เลย!”
“คืนนี้เหรอ แต่ว่าตอนนี้…มันดึกมากแล้วนะ อาจจะปิดแล้วก็ได้” แทแรนติโนถาม
“ตราบใดที่ประตูยังไม่ปิด ฉันจะแข่งกับพวกมัน ครั้งที่แล้วฉันยังแข่งกับผู้ชายผมยาวไม่เรียบร้อย เพราะงั้นวันนี้ฉันจะสานต่อให้จบ!”
“แต่…เราไปหามันแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ”
“หึ คืนนี้ฉันจะให้พวกมันรู้วิธีการของฉัน ถ้าไม่ออกมาก็ลงไม้ลงมือ ฉันจะลงมือจนกว่าจะปรากฏตัวออกมา!”
ขณะที่พูด ดวงตาของเลคริเซียสก็ฉายแววเคียดแค้น
…………………………………………..
[1] ทุบหม้อข้าวจมเรือ หมายถึง การตัดสินใจเด็ดขาดที่เมื่อคิดจะทำแล้วต้องทำต่อไปให้ถึงที่สุด
……….