เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 308 ในตู้เหมินนายท่านรองพูดแล้วถือเป็นคำขาด!
- Home
- All Mangas
- เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง
- ตอนที่ 308 ในตู้เหมินนายท่านรองพูดแล้วถือเป็นคำขาด!
ตอนที่ 308 ในตู้เหมินนายท่านรองพูดแล้วถือเป็นคำขาด!
……….
ในขณะนี้ หวงฟากำลังออดอ้อนกับหวานใจของตัวเองในห้องนอน
ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หวงฟาจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
หวานใจที่ผิวขาวผุดผ่องก็กอดคอหวงฟาไว้ “ใครกัน น่ารำคาญมากเลย เสี่ยคะ ไม่ต้องสนใจเขาหรอก มานี่สิคะ…”
หวงฟาไม่อยากผละจากความออดอ้อนนี้ไปรับโทรศัพท์ แต่เมื่อเขาเห็นว่าสายนั้นมาจากซ่งจื่อเซวียน เขาก็กระตือรือร้นทันที
“เสี่ย…”
เมื่อเห็นหวงฟาเปลี่ยนไป หวานใจก็ตะโกนเรียก
หวงฟาเมินความออดอ้อนนี้และลุกขึ้นนั่งตัวตรง “สายสำคัญ เธออย่าส่งเสียง”
หวานใจกลอกตา ในใจคิดว่าเป็นภรรยาหลวงที่บ้านหวงฟา เธอก็เริ่มอิจฉาทันที
“เสี่ยหวง ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนเหรอ”
หวงฟาลุกขึ้นเดินไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งข้างเตียงแล้วตอบ “อยู่ในที่ปลอดภัย มีอะไรเหรอ”
“ผมก็ไม่รู้ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติน่ะ แต่ไม่รู้ว่าปัญหาคืออะไร เรามาเจอกันดีไหม” ซ่งจื่อเซวียนพูด
หวงฟาหันหน้าไปมองหวานใจของเขาอีกครั้ง และคิดว่าไม่ว่าเธอจะออดอ้อนแค่ไหนก็ไม่สำคัญไปกว่าเรื่องงาน ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า
“ได้ นายว่าเราเจอกันที่ไหนดี”
“ผมจะไปหาคุณเอง บอกที่อยู่มาหน่อย”
หวงฟาได้ยินก็เริ่มระวังตัวขึ้นมา “หืม? ซ่งจื่อเซวียน ที่อยู่ของฉัน…”
“ทำไมครับ เสี่ยหวงไม่เชื่อใจผมเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ที่ที่ฉันอยู่ปลอดภัยมาก ฉันเช่าอยู่ทั้งชั้นแล้วก็พาลูกน้องมาด้วยสองสามคน พวกเขาพกปืนมาคุ้มกันฉันด้วย” หวงฟาเอ่ย
“อืม งั้นก็ดี ผมจะไปตอนนี้เลย ส่งที่อยู่มาให้ผมด้วยครับ”
“โอเค เดี๋ยวฉันส่งให้เลย”
“พูดอะไรไร้สาระ เพื่อนฉันจะมา เธอก็ลุกขึ้นไปแต่งตัวได้แล้ว!”
ขณะที่พูด หวงฟาก็โยนชุดนอนที่เขาเพิ่งทิ้งลงบนพื้นให้กับผู้หญิงคนนั้น
“ชิ เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะคะ พวกคุณก็คุยกันไปสิ ฉันจะไม่ออกไปข้างนอกหรอก ฉันจะเป็นเด็กดีรอคุณอยู่ตรงนี้ พอคุณคุยกันเสร็จแล้วก็ค่อยเข้ามาให้ฉันรับใช้คุณนะคะ”
คำพูดนี้เจาะเข้าลึกไปถึงกระดูกของหวงฟา เขาคลี่ยิ้ม “ก็ได้ งั้นเธอก็รอเงียบๆ อย่าออกไปรบกวนการพูดคุยของเรานะ”
“อื้ม เข้าใจแล้วค่า ฮิๆ ไปเถอะค่ะ!”
หวงฟ้าพยักหน้าแล้วเปิดประตูเดินออกไปทันที
แต่เขายังไม่ได้ก้าวออกไปก็ถอยกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง
หวานใจเห็นแบบนั้นก็ชะงัก “มีอะไรคะ อยากจู๋จี๋กับฉันอีกเดี๋ยวเหรอคะ”
แต่ทันทีที่พูดจบ ใบหน้าของเธอก็แข็งค้างไป
เธอเห็นเพียงหวงฟาถอยหลังมาโดยไม่เต็มใจ และมีปืนจ่อที่หน้าผากของเขาอยู่
ชายถือปืนเดินไปข้างหน้าทีละก้าว ส่วนหวงฟาก็ต้องถอยทีละก้าว
จนกระทั่งชายผิวดำคนนั้นถือปืนเข้าไปในห้อง หญิงสาวจึงกรีดร้อง…
“พวกนายดันเจอที่นี่แล้วเหรอเนี่ย”
หวงฟาเอ่ยขึ้นมา ลมหายใจของเขาในเวลานี้ราวกับเป็นเครื่องจักร
เสียงหัวเราะดังมาจากนอกประตู “ฮ่าๆ คุณหวง ไม่เจอกันนานนะ ไม่คิดว่านายจะมาซ่อนอยู่ที่นี่”
ขณะที่พูด แทแรนติโนก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เขามองผู้หญิงบนเตียงแล้วจิ๊ปาก “จิ๊ๆ สนุกกันอยู่สินะ ดูเหมือนว่า…ฉันจะมาผิดเวลา”
“มีอะไรก็มาลงที่ฉัน อย่าทำร้ายผู้หญิง!”
หวงฟาจ้องมองแทแรนติโน
แทแรนติโนคลี่ยิ้มแล้วเดินไปหาผู้หญิงคนนั้นทันที
เธอตกใจมากจนกระเถิบถอยออกไปและเอาผ้าห่มคลุมหน้าอกไว้
แทแรนติโนบีบไหล่ผู้หญิงคนนั้น “เหอะๆ ฉันไม่สนใจผู้หญิงผิวเหลืองหรอกนะ แต่…ถ้าคุณหวงไม่ให้ความร่วมมือ ฉันก็ไม่สนที่จะต้องระบายอารมณ์ที่นี่หรอก”
ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนน้ำตาไหลพรากทันที
หวงฟาชำเลืองมอง “พวกนายต้องการอะไร”
“ง่ายๆ กลับไปกับฉัน เจ้านายฉันมีเรื่องจะถามนาย”
“โอเค ฉันจะไปกับพวกนาย อย่าทำร้ายเธอนะ”
แทแรนติโนคลี่ยิ้ม “เป็นคนดีจริงๆ รู้จักสงสารผู้หญิงด้วย แต่…ก่อนจะไป เกรงว่าเราต้องคิดบัญชีกันหน่อย”
“หืม?” หวงฟาดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้
ครั้งนั้นที่ตึกจวี้เฟิง หวงฟาเกือบฆ่าแทแรนติโนและคาเรน ตอนนี้…พวกเขาจะต้องได้แก้แค้น
“ครั้งที่แล้วฉันถูกยิงในพื้นที่ของนาย ตอนนี้ถ้าเอาคืนบ้างคงยุติธรรมดีนะ”
หวงฟายิ้มเมื่อได้ยิน “แน่นอน ปืนอยู่ในมือนาย ฉันจะพูดอะไรได้ล่ะ”
“ฮ่าๆๆ ช่างเป็นคนที่ฉลาดจริงๆ ฉันชอบนะ”
ขณะที่พูด แทแรนติโนก็เล็งปืนไปที่แขนของหวงฟา “ฉันจำได้ว่าครั้งที่แล้วโดนตรงนี้”
เมื่อเห็นดังนั้น หวงฟาก็หลับตาลง กัดฟันและรอรับกระสุน
หญิงสาวคนนั้นก็กรีดร้องอีกครั้ง ไม่ว่าเธอกับหวงฟาจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือไม่ก็ตาม หากผู้หญิงเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็ย่อมต้องหวาดกลัวแน่นอน
เห็นหวงฟาหลับตาแน่น แทแรนติโนก็กระตุกยิ้ม “เหอะๆ จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าการยิงนายไม่น่าดูเท่ากับการเห็นท่าทางหวาดกลัวของนายตอนนี้ คุณหวง ไม่แปลกใจเหรอว่าลูกน้องของนายหายไปไหนหมด”
หวงฟาหายใจเข้าลึกๆ “คงถูกพวกนายจัดการไปแล้วใช่ไหมล่ะ”
“ไม่ๆๆ ลูกน้องนายทั้งหมดเก้าคนอยู่ในทุกมุมของชั้น แล้วฉันจะจัดการพวกเขาทั้งหมดได้ยังไงล่ะ”
หวงฟาเข้าใจทันทีที่ได้ยิน ตอนนี้แทแรนติโนกระทั่งรู้ว่าเขาได้เตรียมลูกน้องเก้าคนไว้ที่นี่ ถ้าอย่างนั้นคงถูกจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว
“พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกนายจะทำอะไรล่ะ ฆ่าฉันเหรอ ยิงแขนฉันเหรอ มาเลยสิ จะมัวพล่ามอยู่ทำไม”
แทแรนติโนได้ยินก็พยักหน้า “เป็นแบบอย่างที่ดี ยังเป็นลูกผู้ชายจริงๆ ฉันนับถือคนที่นิสัยกล้าได้กล้าเสียเหมือนนาย แต่…เพราะนายทำให้ฉันเจ็บ นายคิดว่าไงล่ะ”
“ตามใจนายสิ ข้าพูดไปแล้ว จะยิงก็ยิงเลย!”
“ได้ ฉันจะสงเคราะห์ให้ หวง นี่คือสิ่งที่นายควรได้รับ”
ขณะที่พูด แทแรนติโนก็เล็งปืนไปที่แขนของหวงฟาแล้วค่อยๆ ดันปืนไปข้างหน้า
หวงฟากังวลจนต้องหลับตากัดฟันอีกครั้ง รู้สึกอย่างชัดเจนว่าใบหน้านั้นสั่นเทาอยู่
ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ก็กรีดร้องอีกครั้ง
ต้องยอมรับว่าการเห็นคนอื่นโดนทำร้ายต่อหน้าต่อตานั้นน่ากลัวจริงๆ
ปัง!
แต่ในเวลานั้นก็มีเสียงดังจากข้างนอก หลายคนในห้องก็ตกตะลึง
แทแรนติโนเบิกตากว้างและมองคาเรนที่มีความสงสัยในดวงตาอยู่เช่นกัน
แทแรนติโนลดปืนลงทันทีแล้วพูด “คาเรน เฝ้าเขาไว้ ฉันจะไปดู”
คาเรนพยักหน้าทันที
ขณะที่เขาเดินออกจากห้อง ใบหน้าของแทแรนติโนก็เริ่มตึงเครียด
ครั้งนี้เขาพาคนมาด้วยทั้งหมดสามคน นอกจากคาเรนก็มีอันธพาลอีกสองคน
เมื่อครู่เขาสั่งให้พวกเขาเฝ้าที่ห้องนั่งเล่น แต่ในตอนนี้ห้องนั่งเล่นกลับว่างเปล่า ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว…
แทแรนติโนรับรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาถือปืนไว้ในมือข้างหนึ่ง ชี้ปากกระบอกปืนไปทางพื้นในแนวทแยง แล้วค่อยๆ เดินไปทางประตู
นี่เป็นท่าพื้นฐานในการถือปืน แม้ว่ายิงพลาดก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บจากแรงดีด
แน่นอนว่ายังเป็นผลมาจากการฝึกระดับมืออาชีพในค่ายกองกำลังพิเศษอีกด้วย
เขาเดินไปที่ประตูแล้วมองดูรอบๆ เพราะไม่มีใครอยู่ข้างนอกจึงทำให้เขาประหลาดใจ
แต่ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกโพลงและหันหลังกลับมาทันที!
ฟางรุ่ยกำลังนั่งมองเขาอยู่ตรงกลางห้องนั่งเล่น
ปฏิกิริยาแรกของแทแรนติโนคือการยกปืนขึ้นเตรียมฆ่า แต่เขายังไม่ทันได้เหนี่ยวไกก็รู้สึกเจ็บปวดที่ข้อมือ ราวกับว่ามันถูกหนีบด้วยคีมเหล็ก
เขาไม่เพียงแต่เคลื่อนไหวไม่ได้ ทั้งยังไม่สามารถเหนี่ยวไกปืนได้อีกด้วย
อวี่เหวินเซี่ยวยืนอยู่ข้างประตู เผยรอยยิ้มเยาะเย้ยให้เขา และคว้าปืนออกจากมือเขาทันที
อวี่เหวินเซี่ยวปลดซองกระสุนออกและโยนกระสุนทิ้งบนพื้นทีละนัด การเคลื่อนไหวของเขาเชี่ยวชาญมาก เห็นได้ชัดว่าเขาเคยจับปืนอยู่บ่อยครั้ง
“พวกนาย…”
แทแรนติโนยังพูดไม่จบ ฟางรุ่ยก็กระโจนไปข้างหน้าราวกับเสือชีตาห์ เขาไม่เพียงเร็วมากเท่านั้น แต่พละกำลังของเขายิ่งน่ากลัวกว่านั้นอีก
แทแรนติโนยังไม่ทันได้ตั้งรับ ฟางรุ่ยก็ฟาดคอเขาเสียก่อน
เขาล้มลงกับพื้นและหมดสติทันที!
ในห้องขณะนี้ คาเรนก็รู้สึกชัดเจนว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาหันกลับไปมองเป็นครั้งคราว แต่มีหวงฟาอยู่ตรงนี้จึงไม่สะดวกที่จะออกไปดู
หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเขาปล่อยให้หวงฟาหนีไปได้อีกครั้ง แทแรนติโนหรือเลคริเซียสคงจะฆ่าเขาแน่
เป็นเพราะทักษะการต่อสู้ของอวี่เหวินเซี่ยวและฟางรุ่ย การจัดการกับแทแรนติโนจึงไม่ส่งเสียงดังมากเกินไป
แต่เมื่อรอประมาณหนึ่งนาที คาเรนก็ตื่นตระหนกจริงๆ สิ่งสำคัญคือข้างนอกนั้นเงียบมาก แม้แต่เสียงของแทแรนติโนก็หายไป
นี่มันแปลกมาก
ในที่สุดเขาก็ปล่อยหวงฟาและหันหลังเดินออกไปข้างนอกพร้อมถือปืนอยู่ในมือ ระหว่างที่เขาเดินก็แทบจะระวังตัวอยู่ตลอด บางครั้งก็หันไปมองหวงฟาและพยายามข่มขู่ให้อีกฝ่ายหวาดกลัวไม่คิดจะหลบหนี
ขณะที่เขาก้าวออกจากประตู จู่ๆ ก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเงียบๆ บางอย่างจากด้านบน เขาเงยหน้ามองก็เห็นอวี่เหวินเซี่ยวปีนอยู่บนเพดานเหมือนกับแมงมุม
ขณะที่เขากำลังจะยกปืนขึ้น จังหวะนั้นขมับของเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา
ฟางรุ่ยจ่อปืนพกมาที่ศีรษะของเขา
คาเรนรีบปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวทันที ยกปืนขึ้นมาด้วยสองมือ หมุนปืนพกในมือเล็กน้อยและจับปากกระบอกปืนไว้ด้วยสามนิ้ว
ความหมายของท่านี้คือมอบอาวุธให้อีกฝ่ายโดยมอบตำแหน่งด้ามปืนให้กับฟางรุ่ย
ฟางรุ่ยก็หยิบปืน ขณะเดียวกันก็ชูปืนในมือของเขาขึ้น
เมื่อเห็นว่าปืนของอีกฝ่ายไม่มีซองกระสุนมาตั้งแต่แรก คาเรนจึงรู้ว่าเขาถูกหลอก
แต่ก็สายเกินไปแล้ว อวี่เหวินเซี่ยวรีบพุ่งลงมาและทุ่มเขาลงกับพื้นจนหมดสติ
ทั้งสองคนรีบเข้าไปในห้องและรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นหวงฟาไม่ได้รับบาดเจ็บ หวงฟาสวมแค่เสื้อผ้าง่ายๆ ในขณะเดียวกันก็ให้หวานใจของเขาแต่งตัวอย่างรวดเร็ว และรีบตามฟางรุ่ยกับอวี่เหวินเซี่ยวลงไปชั้นล่าง
ในช่วงนี้ ซ่งจื่อเซวียนอยู่ที่ชั้นล่างและรอในรถอยู่ตลอด
ขณะที่พวกเขามาถึงก็เห็นรถเจ็ดที่นั่งจอดอยู่ล่างตึก ซ่งจื่อเซวียนรับรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะคอนโซลหน้ารถมีบุหรี่หลายซอง ซึ่งทั้งหมดไม่ได้มีจำหน่ายในจีน
เขาตัดสินในทันทีว่าอาจจะมีชาวต่างชาติขึ้นไป และในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เขาสงสัยว่าคนของเลคริเซียสต้องมาถึงแล้ว
จากนั้นจึงให้ฟางรุ่ยและอวี่เหวินเซี่ยวขึ้นไปรับหวงฟาลงมา ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ไม่รู้แล้ว
หวงฟารีบออกจากตึกและเข้าไปในรถ ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นซ่งจื่อเซวียน
“เสี่ยหวง ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“นายท่านรอง ครั้งนี้ฉันฝากชีวิตไว้กับนายแล้ว จากนี้ไปในเมืองตู้เหมิน นายท่านรองพูดแล้วถือเป็นคำขาด!”
หวงฟาไม่ได้พูดอะไรมากมายอีก เขากลับประสานหมัดคารวะและพูดอย่างจริงใจ
………………………………………