เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 305 โต้วหลงเหมินปลาฉือ
ตอนที่ 305 โต้วหลงเหมินปลาฉือ
……….
พูดจบ เลคริเซียสก็หันหลังเดินออกจากห้องทำงานของซ่งจื่อเซวียนไป
ตอนนี้อย่าว่าแต่ฟางรุ่ยเลย แม้แต่ฮันเตอร์ก็อึ้งอยู่ที่เดิม
เลคริเซียสเป็นอะไรไป เมื่อครู่ยังมาอย่างกระตือรือร้นอยู่เลย นี่…เห็นซ่งจื่อเซวียนนอนแค่แวบเดียวก็ไปเหรอ นี่เป็นพิธีทำความเคารพศพหรือไงวะ
ไม่นานนัก ฮันเตอร์ที่ได้สติกลับมาก็หันหลังตามออกไป
เหลือแค่ฟางรุ่ยที่อยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นพักหนึ่ง ทำไมคนคนนั้น…ไปแล้วล่ะ
ตอนนี้เอง ซ่งจื่อเซวียนก็ลืมตาขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มบาง ลุกขึ้นนั่งบนโซฟาทันที
“นายท่านรอง? นี่มัน…”
“เป็นไงล่ะรุ่ยจื่อ ซือคงจั่นของเราขับร้องเพราะไม่เลวเลยใช่ไหม”
ฟางรุ่ยพยักหน้าอย่างแรง “โคตรเจ๋ง!
แต่ว่านายท่านรอง ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมพวกเขาถึงไปแล้วล่ะครับ แล้วก็…เราจะยังไงต่อล่ะ”
“เหอะๆ ไปแล้ว…บ่งบอกว่าเลคริเซียสสงสัยมากไง เขาคิดว่าฉันไม่ได้สนใจเขาเลย ถึงได้มานอนหลับปุ๋ยอยู่ที่นี่หลายวัน
ส่วนเรา ขณะที่เขายังปะติดปะต่อไม่ได้ก็ถือว่าให้เวลาฉันอย่างน้อยอีกคืนหนึ่ง ฉันฝึกฝนต่อได้ แข่งกับเขาย่อมต้องมั่นใจขึ้นอีกอยู่แล้ว”
“คืนเดียวจะมีประโยชน์เหรอครับ”
ซ่งจื่อเซวียนได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร
มีแค่ตัวเขาเองที่รู้ ช่วงนี้การควบคุมไฟของเขายกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่ปิดด่านบางทีก็คืบหน้าอย่างก้าวกระโดด
…
เลคริเซียสกับฮันเตอร์เดินออกมาจากสวนสวินเฟิง โจวเผิงที่อยู่ไกลๆ ก็เห็นภาพนี้ทันที
เขาอดเผยแววไม่เข้าใจออกมาไม่ได้ เดิมเขาคิดว่าจะรอดูสภาพสะบักสะบอมของซ่งจื่อเซวียนที่นี่ แต่ใครจะไปคิดว่าพวกเลคริเซียสจะออกมาเสียก่อน
อีกทั้ง…ตอนที่เข้าไปรวมๆ กันไม่ถึงห้านาที นี่แม่งเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย
“เอ่อ…ไม่กระทืบเรอะ” โจวเผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นเลคริเซียสกับฮันเตอร์ขึ้นรถ ก็มั่นใจกับคำตอบของตนเอง
ตอนนี้เขากระทั่งอยากจะพุ่งออกไปถามให้ชัดๆ เดี๋ยวนี้เลย แต่เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้น เห็นว่าเงินหนึ่งแสนดอลลาร์โอนเข้าบัญชีแล้ว เขาจึงยังอดทนไว้
ถึงเลคริเซียสจะทำให้ความพยายามของเขาสูญเปล่า แต่ยังดีที่คุ้มค่าเหนื่อยไม่น้อย
บนรถ เลคริเซียสนั่งเงียบครุ่นคิดที่เบาะด้านหลังมาตลอด บุหรี่ในมือมอดไปเกินครึ่ง เขากลับลืมสูบ
“คุณเลคริเซียส ขออภัยในความโง่ของผมด้วย เรื่องวันนี้ผมไม่เข้าใจสักนิดเลยครับ”
เลคริเซียสไม่ได้ตอบออกมาตรงๆ แต่เงียบนิ่งต่อไปครู่หนึ่ง
“ฮันเตอร์ ยังติดต่อทางหวงฟาได้อยู่ไหม”
“หืม หวงฟาเหรอครับ ทำไมคุณถึงนึกถึงเขาล่ะ” ฮันเตอร์ถาม
“ฉันอยากจะทำความรู้จักกับซ่งใหม่น่ะ ความเข้าใจนี้ไม่สามารถรู้จากทางโจวเผิงได้ และตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดก็คือหวงฟา”
เลคริเซียสพูดพลางสูบบุหรี่เฮือกหนึ่ง แล้วทิ้งก้นบุหรี่ออกนอกหน้าต่างรถทันที
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยนะครับเนี่ย ตอนหลังเราไปบริษัทของหวงฟามาครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีใครเลย ไม่รู้ว่าเพราะหลบพวกเราหรือเปล่า” ฮันเตอร์พูด
เลคริเซียสกัดฟันแน่น “เพราะแทแรนติโนไปยั่วยุคนคนนั้นน่ะสิ เขานี่มันหมูไม่มีสมองจริงๆ”
“แต่ว่า…คุณเลคริเซียส ตอนนี้เราเจอตัวซ่งแล้ว กระทั่งเจอตัวเขาอย่างหาได้ยากด้วย ทำไมคุณไม่ประลองฝีมือกับเขาล่ะครับ”
เลคริเซียสเงยหน้ามองฮันเตอร์ “โอ้โห ฮันเตอร์ นายโง่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ฉันต่อสู้กับศัตรูที่ไม่มั่นใจไม่ได้หรอกนะ เมื่อกี้นายก็เห็นซ่งแล้วนี่”
“ครับ ผมเห็นแล้ว”
“เขาทำอะไรอยู่”
“กำลัง…หลับครับ”
“ฉันให้เวลาเขาเตรียมตัวเจ็ดวัน ทำไมเขาถึงกำลังหลับอยู่ล่ะ”
“เอ่อ…”
เลคริเซียสยักไหล่ “คำตอบง่ายมาก เขาไม่ได้กลัวอะไรฉันเลย ไม่งั้นพระอาทิตย์ด้านนอกเจิดจ้าขนาดนั้น เขาดันไม่ไปฝึกทักษะแต่กลับนอนหลับปุ๋ยเนี่ยนะ”
“คือ…”
ฮันเตอร์หมดคำพูดแล้วอย่างชัดเจน
“ฮันเตอร์ คนจีนพวกนี้เจ้าเล่ห์มาก เบื้องหน้าทำท่าว่าหวาดกลัวให้นายประมาท จากนั้นพวกเขาค่อยจู่โจมโต้ตอบอย่างหนักหน่วง เพราะงั้นนายต้องพัฒนาสมองของนายหน่อยนะ”
“อ่อ ครับ เลคริเซียส” ฮันเตอร์ส่ายหน้า ขับรถต่อ
เลคริเซียสพูด “ฮันเตอร์ ติดต่อแทแรนติโนบอกว่าฉันให้เวลาเขาสองวันเท่านั้น หาหวงฟาให้เจอ”
ฮันเตอร์พยักหน้า “ผมจะแจ้งเขาให้ครับ”
ในสวนสวินเฟิง ซ่งจื่อเซวียนลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะทำงาน จุดบุหรี่มวนหนึ่ง
ฟางรุ่ยพูด “นายท่านรอง…ไม่กลัวพวกเขาจะย้อนกลับมาเหรอครับ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม ส่ายหน้า “ไม่กลัวหรอก ตอนนี้เขาน่าจะกลัวที่จะเจอฉันมากกว่า ถ้าฉันตื่นอยู่…เขาก็คงจะต้องแข่งกับฉันละมั้ง”
พูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเฉินซานหู่ นัดส่งสินค้าวันนี้ให้เรียบร้อย
สินค้าย่อมหมายถึงปลาฉือ และที่เลือกให้เฉินซานหู่มาส่งสินค้า เพราะว่าตอนนี้สวนสวินเฟิงก็ไม่ใช่ความลับอะไรแล้ว แม้แต่เลคริเซียสยังหาเจอ ก็เริ่มนำสินค้าเข้าโต้งๆ เลยแล้วกัน เตรียมส่งเสริมโต้วหลงเหมิน
ตอนบ่าย เฉินซานหู่ก็ส่งสินค้ามาที่สวนสวินเฟิง
แต่ตอนที่เห็นด้านหน้าสวนสวินเฟิง เฉินซานหู่ก็รู้สึกอึ้ง
เดิมเขานึกว่าเถ้าแก่ใหญ่เปิดร้านอะไรใหญ่โต คุยกันตั้งนานเพิ่งรู้ว่าเป็นคลับเฮาส์
ที่เมืองอย่างตู้เหมิน ต่อให้ไม่ใช่แนวหน้าในระดับประเทศก็เป็นแนวหน้าในระดับมาตรฐาน มีร้านอาหารขนาดใหญ่เต็มบ้านเต็มเมือง แต่คลับเฮาส์ระดับไฮเอนท์กลับพบเห็นไม่มาก
เพียงมองจากด้านหน้า ก็รู้สึกถึงความสูงส่งและไม่ธรรมดาได้
สินค้าล็อตแรกไม่นับว่าเยอะเท่าไร ซ่งจื่อเซวียนยังไม่ได้ผลักดันอย่างจริงจัง ปริมาณที่ใช้ไม่ได้มากมายอยู่แล้ว
ดังนั้น เขาจึงนัดเอาของเข้ามาแค่ปริมาณหนึ่งอาทิตย์
ส่วนที่เหลือถือว่าเก็บไว้ที่ทางเฉินซานหู่ชั่วคราว เพาะเลี้ยงต่อไป
ปลาอย่างปลาฉือสามารถแช่แข็งไว้ได้ แต่เก็บไว้นานไม่ได้ ถ้าผ่านไปสามสี่วัน ก็จะเสียความสดที่มีไป
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือเพาะเลี้ยง สำหรับจุดนี้ เฉินซานหู่ไม่สนใจอยู่แล้ว คลับเฮาส์ของเถ้าแก่ใหญ่มีสไตล์ขนาดนี้ บวกกับยังมีอำนาจบริหารบริษัทชิงอวี่อีก จะขาดเงินได้อย่างไร
รอจนเลิกงาน ซ่งจื่อเซวียนก็เดินเข้าครัวด้านหลังไปอีกครั้ง
เป้าหมายของเขาในวันนี้ง่ายมาก ก็คือทำโต้วหลงเหมินรสชาติดั้งเดิมออกมา
เขาคิดว่าจะส่งโต้วหลงเหมินชามแรกไปให้ตาเฒ่าลองชิมดู ถ้าพอจะได้มาตรฐาน สองสามวันนี้ก็เริ่มโปรโมตภายใน
ที่เรียกว่าภายใน ก็คือบรรดาคนที่มาสวนสวินเฟิงค่อนข้างบ่อย อีกทั้งใช้ห้องส่วนตัวบ่อยๆ นั่นเอง
เป็นเช่นนี้ โต้วหลงเหมินก็จะลองคาดคะเนทิศทางตลาดได้
แต่ซ่งจื่อเซวียนเข้าใจดี ถึงโต้วหลงเหมินและน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายจะไม่เหมือนกัน แต่ก็เป็นอาหารประเภทน้ำซุป ไม่เหมาะจะโปรโมตในร้าน
ดังนั้นตอนนี้เขาก็นึกถึงข้อตกลงของซ่งอีหนานขึ้นได้ ขอแค่มีร้านอาหารสามร้าน ก็จะใช้เป็นที่โปรโมตโต้วหลงเหมินเป็นเมนูซิกเนเชอร์ได้แน่นอน
เข้าไปในครัวด้านหลัง ซ่งจื่อเซวียนหยิบชิ้นส่วนที่แช่แข็งออกมาและควบคุมไฟใหม่อีกครั้ง
สิบเอ็ดวินาที
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มน้อยๆ ความจริงตอนนี้เขาไม่ได้ตั้งใจคว้าสิบวินาทีนั้นแล้ว
อย่างไรตอนนี้ทุกครั้งที่เขาควบคุมไฟก็สบายขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก หลังจากควบคุมไฟบ่อยครั้งขึ้น เขาก็คุ้นเคยกับการควบคุมไฟมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างชัดเจน
บวกกับสถิติที่ดีที่สุดเก้าวินาที เขาก็ไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้แล้ว
ตอนที่ก้อนน้ำแข็งละลายเป็นน้ำ เขาก็เทน้ำทิ้งไปทั้งหมด เริ่มทำโต้วหลงเหมินทันที
แต่ครั้งนี้ เป็นโต้วหลงเหมินที่แท้จริง
ตั้งกระทะเหล็กเขียวจนเป็นสีแดง ใส่น้ำแข็งลงไป ใส่ปลาฉือที่เตรียมเอาไว้แล้วอย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนถัดไป ก็คือละลายน้ำแข็ง!
สิบวินาที!
ท่าทางของซ่งจื่อเซวียนยังคงเรียบนิ่งเช่นเคย เผชิญหน้ากับความแตกต่างของจำนวนวินาที เขาไม่มีทางหดหู่หรือหงุดหงิด และไม่มีทางยินดีหรือตกตะลึง
หลังจากปลาฉือที่แช่แข็งลงในน้ำเย็นก็พลันอุ่นขึ้น เนื้อกำลังได้รับการปรุงที่พิถีพิถันที่สุด
น้ำซุปมีกลิ่นอ่อนๆ โชยขึ้นเล็กน้อย แต่หลังจากใส่เครื่องปรุงรสก็เริ่มเปลี่ยนสี ขณะเดียวกัน รสชาติสดของเนื้อปลาก็ผสานรวมกันรสชาติเครื่องปรุง ส่งกลิ่นหอมขั้นสุดออกมาในพริบตา
ไม่จำเป็นต้องตัดสิน แค่ตัวซ่งจื่อเซวียนเองก็รู้สึกว่ากลิ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างชัดเจน
กระทั่งต่างจากกลิ่นที่ใช้ปลาหลีฮื้อทำก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ความสดใหม่ของปลาฉือบวกกับเนื้อที่ยอดเยี่ยมขั้นสุด ทำให้จิตใจที่ไร้ระลอกคลื่นของซ่งจื่อเซวียนเกิดระลอกคลื่นขึ้นในที่สุด
หอม หอมโคตรเลยจริงๆ
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็เริ่มใส่วัตถุดิบเสริมลงไป แค่ประมาณหนึ่งนาทีก็นำออกจากกระทะ!
เห็นโต้วหลงเหมินแล้ว ซ่งจื่อเซวียนเหมือนกับได้เห็นฉากปลาหลีฮื้อกระโดดข้ามประตูมังกร[1]จริงๆ
ปลาหลีฮื้อกลายเป็นมังกร ผู้คนเฝ้าชม ซุปเป็นทะเล ปลาเงิน หอยเชลล์และปลาหมึกเป็นสิ่งมีชีวิตในทะเล
โยนทิ้งเรื่องกลิ่นที่หอมหวนนี้ไป เพียงความหมายแฝงของฉากนี้ ก็เพียงพอที่จะสั่นสะเทือนจิตใจคนแล้ว
“รุ่ยจื่อ มาชิมหน่อย!”
ซ่งจื่อเซวียนพูดอย่างตื่นเต้น
ฟางรุ่ยวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น ครั้งนี้ฉลาด เขานำตะเกียบมาด้วย
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ชิมสิ”
จากนั้น ทั้งสองก็เริ่มชิมกันคนละคำ ฟางรุ่ยกินจนคร้านจะเปิดปากวิจารณ์แล้ว
ส่วนซ่งจื่อเซวียนก็พยักหน้าอยู่ตลอด ถึงจะยังไม่ได้ความเห็นของฟางจิ่งจือ แต่เขารู้สึกได้ว่าโต้วหลงเหมินนี่อาจจะสำเร็จแล้ว
คิดถึงตรงนี้ เขาก็อยากจะนำโต้วหลงเหมินไปให้ตาเฒ่าชิมอย่างแทบจะรอไม่ไหว
เห็นว่าห้าทุ่มแล้ว ซ่งจื่อเซวียนปัดความคิดนี้ออกไป ปรี่กลับไปที่ห้องทำงานแล้วเริ่มศึกษาสูตรอาหาร
เอาไปให้ตาเฒ่าพรุ่งนี้เช้าหน่อยก็ได้
เพียงแต่ซ่งจื่อเซวียนประมาณการต้นทุนอย่างคร่าวๆ ตามกำไรของข้าวผัดจักรพรรดิและน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสาย ราคาขายโต้วหลงเหมินจะต่ำกว่าหนึ่งพันแปดร้อยหยวนไม่ได้
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ความจริงอัตราส่วนกำไรไม่ได้ดีเท่าอีกสองเมนู
เรื่องนี้เขาไม่สนใจ ก็เหมือนกับต้าสือไต้ในตอนแรก ขายเป็นเมนูซิกเนเชอร์ และทำกำไรไปเรื่อยๆ
ความหมายของเมนูซิกเนเชอร์คือต้องดึงรายได้ของร้านร้านหนึ่งขึ้นมาด้วย และคงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
กลางดึก
เลคริเซียสดื่มไวน์แดงอยู่ในบ้านเดี่ยว
แต่วันนี้เขาไม่ได้ดื่มไวน์แดงอย่างสบายใจเหมือนที่ผ่านมา ใบหน้าเศร้าสร้อยยากจะปกปิดเอาไว้ได้
“ฮันเตอร์ มีข่าวมาจากทางแทแรนติโนหรือยัง หนึ่งวันแล้วนะ”
“ไม่มีครับ แต่เขาบอกว่าจะพยายามหาหวงฟาให้เจอ”
เลคริเซียสพยักหน้าน้อยๆ “เอาเถอะ เจ้าโง่นี่น่าจะต้องใช้เวลาอีกนาน จริงสิเมื่อกี้นายคุยโทรศัพท์กับใครเหรอ”
“โจวเผิงครับ เขาโทรมาถามว่าทำไมวันนี้เราไม่ได้แข่งกับซ่งจื่อเซวียน ยังบอกว่าเราจะพลาดโอกาสดีๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า”
ได้ยินดังนั้น เลคริเซียสก็เผยท่าทีหงุดหงิด “ไอ้คนจีนนี่ประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปแล้ว เขาคิดว่าจะบงการฉันได้หรือไง”
ฮันเตอร์ยักไหล่ “เรื่องนี้เขาทำไม่ได้อยู่แล้วครับ”
“หึ เห็นได้ชัดว่าความสามารถของซ่งจื่อเซวียนไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นจะหลับตั้งแต่หัววันได้ยังไง นี่หมายความว่าเขามีวิธีเอาชนะกับฉันอยู่แล้ว!”
ฮันเตอร์สูดลมหายใจ “คุณเลคริเซียส คุณว่า…เป็นไปได้ไหมว่าเขาอาจจะฝึกฝนตอนกลางคืน แล้วกลางวันก็นอนน่ะครับ”
ได้ยินประโยคนี้ เลคริเซียสก็อึ้งไป!
………………………………………….
[1] ปลาหลีฮื้อกระโดดข้ามประตูมังกร หมายถึง การมีความพยายามจะประสบความสำเร็จในที่สุด