เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 304 รอนายมานานแล้ว
ตอนที่ 304 รอนายมานานแล้ว
……….
เห็นร่างเงานั่น ฟางรุ่ยก็ขมวดคิ้วทันที
“หืม บังเอิญเหรอวะ”
ปากบอกบังเอิญ แต่ฟางรุ่ยสังเกตเห็น คนคนนั้นเหมือนว่าจะตั้งใจพิจารณาสวนสวินเฟิงอยู่
เนื่องจากตำแหน่งของห้องส่วนตัวที่เขาอยู่ค่อนข้างสะดุดตา ฟางรุ่ยจึงหลบอยู่ด้านหนึ่ง หันหน้าไปมองร่างเงานั้นอย่างระมัดระวัง
ไม่นานนัก คนคนนั้นก็เริ่มเดินมาทางสวนสวินเฟิง
ปฏิกิริยาแรกของฟางรุ่ยก็คือจะลงไปต้อนรับเขา แต่คิดๆ แล้ว นายท่านรองบอกว่าถ้าเลคริเซียสมา ตนต้องลงไป แต่เขา…
…
บนถนน
โจวเผิงมองซ้ายมองขวา เมื่อมั่นใจว่าไม่มีรถผ่านมา ก็วิ่งเหยาะๆ ข้ามมาที่สวนสวินเฟิง
“สวนสวินเฟิง…แม่งเอ๊ย ชื่อบ้าอะไรวะ อยากตามหาลมก็เปิดพัดลมได้ไม่ใช่หรือไง”
โจวเผิงสบถออกมาประโยคหนึ่ง
แต่ถึงแม้ว่าจะหาสวนสวินเฟิงเจอแล้ว เขากลับไม่กล้าตัดสินว่าที่นี่คือร้านของซ่งจื่อเซวียน
ด้วยนิสัยการทำงานของเขา ยังอยากจะมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อนแล้วค่อยบอกเลคริเซียส
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าบอกข่าวผิด อย่าว่าแต่จะไม่ได้เงินเลย ยังต้องเจอกับหายนะด้วย
คิดถึงตรงนี้ โจวเผิงก็เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว เปิดประตูเดินเข้าไป
เพิ่งจะเข้าร้าน ก็มีพนักงานมาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย ไม่ทราบว่าจองไว้หรือเปล่าคะ”
เนื่องจากช่วงนี้กิจการของสวนสวินเฟิงแทบจะดังเป็นพลุแตก อีกทั้งยังเป็นระบบสมาชิก ดังนั้นลูกค้าที่มาจะต้องจองล่วงหน้าไว้ก่อนอยู่แล้ว
โจวเผิงได้ยินดังนั้นก็ไม่สนใจ เดินเข้าไปด้านในต่อ พนักงานไม่รู้ว่าคนคนนี้เป็นบ้ามาจากไหนหรือเปล่า ก็ไม่ได้สนใจมากนักแต่ยังเดินตามไป
“คุณผู้ชายคะ ถ้าไม่ได้จองไว้ตอนนี้ยังไม่มีที่นั่งนะคะ เกรงว่าคุณต้องรอสักครู่”
พนักงานพูดอีกประโยค
โจวเผิงยังคงไม่สนใจ มองสภาพแวดล้อมด้านในของที่นี่
แอบด่าในใจ ซ่งจื่อเซวียนหนอซ่งจื่อเซวียน แกนี่แม่งตกเงินได้เท่าไรวะ ถึงทำร้านค้าขายใหญ่โตขนาดนี้
แม่ง โคตรไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ จัดการแกไม่ได้ฉันก็ไม่มีทางมีความสุขหรอก!
“คุณผู้ชาย ไม่อย่างนั้นดูเมนูก่อนไหมคะ”
“จะดูหาอะไรวะ น่ารำคาญ ไสหัวไป!”
โจวเผิงพูดพลางมองไปทางพนักงานคนนั้นอย่างเหลืออด
พนักงานคนนั้นมึนงง อย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง โดนด่าขนาดนี้ ก็เบ้หน้าฉับพลัน
หันหลังวิ่งไปทางเคาน์เตอร์ต้อนรับ เห็นได้ชัดว่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
แต่ตอนนี้เอง โจวเผิงก็เห็นถังหย่าฉีที่ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ
เขาเริ่มรู้สึกคุ้นหน้า แต่ไม่นานก็นึกออก
นี่ไม่ใช่แฟนของซ่งจื่อเซวียนเหรอวะ
ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองจะยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่สำหรับคนนอกก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไร
โดยเฉพาะที่ซางเทียนซั่วเรียกอยู่ตลอดว่าอาจารย์แม่ คนรอบข้างคงไม่แปลกใจ
มีช่วงหนึ่งที่โจวเผิงอยู่ที่ร้านอาหารร่ำรวย เขาก็เคยเจอตอนที่ถังหย่าฉีไปที่ร้านครั้งหนึ่ง ไม่นานจึงนึกขึ้นได้
ทันใดนั้น โจวเผิงก็รีบหันหลังเดินไปทันที
ตอนนี้เอง พนักงานคนนั้นวิ่งไปถึงเคาน์เตอร์ต้อนรับแล้วอธิบายสถานการณ์ให้ถังหย่าฉีฟัง ตอนที่ถังหย่าฉีสังเกตเห็น ก็เห็นเพียงแค่ด้านหลังของโจวเผิงแล้ว
“เป็นบ้าล่ะมั้ง เสี่ยวหลี่ เธอไม่ต้องสนใจเขาหรอก จะร้องทำไมล่ะ”
ถังหย่าฉีหว่านล้อมสองสามประโยคถึงดีขึ้น ทว่าเมื่อเห็นแผ่นหลังนั่น เธอก็รู้สึกว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
คนคนนี้เป็นบ้าเหรอ มาที่นี่เพื่อมาด่าพนักงานประโยคหนึ่งเนี่ยนะ
…
ออกมาจากสวนสวินเฟิง เพื่อไม่ให้น่าสงสัย โจวเผิงจึงเดินไปให้ไกลระยะหนึ่งก่อนแล้วหาม้าหินอ่อนนั่ง
เขาโทรหาฮันเตอร์ทันที
“คุณโจว ผมกำลังรอโทรศัพท์ของคุณอยู่เลย” เห็นได้ชัดว่าคนที่รับสายเป็นเลคริเซียส
โจวเผิงยิ้ม “เหอะๆ คุณเลคริเซียส ผมคงไม่ปล่อยให้คุณเสียเวลารอหรอกครับ”
“เมื่อวานที่ร้านอาหารของซ่ง ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ซ่งจื่อเซวียนก็น่าจะโดนบีบให้ปรากฏตัวออกมาแล้ว” เลคริเซียสพูด
“เหรอครับ งั้นก็ไม่สำคัญแล้วสิ จะดีแค่ไหนถ้าคุณได้เจอกับซ่งจื่อเซวียนจังๆ ล่ะครับ”
ได้ยินประโยคนี้ เลคริเซียสก็สนใจขึ้นมาทันที “โอ้ คุณหมายถึง…คุณหาร้านอาหารร้านอื่นของซ่งจื่อเซวียนได้แล้วเหรอครับ”
“ถูกต้อง ข่าวของผมคุ้มค่ากับเงินหนึ่งแสนดอลลาร์แน่นอน”
นี่จึงจะเป็นจุดประสงค์ของโจวเผิง เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เลคริเซียสก็ไม่ได้โอนเงินให้เขา
“พูดมาสิ โจว คุณรู้ว่าผมไม่ชอบเรื่องหมกเม็ดน่ะ”
“เหอะๆ ผมก็เหมือนกันครับ แต่ว่า…คุณเลคริเซียส ผมหวังว่าคุณจะจ่ายเงินได้ทันทีตอนที่ยืนยันว่าข่าวของผมเป็นเรื่องจริงนะครับ”
ได้ยินดังนั้น เลคริเซียสก็นิ่งไปสองสามวินาที “ไม่มีปัญหา ขอแค่เป็นความจริง”
“ครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าร้านของซ่งจื่อเซวียนอีกร้านหนึ่ง ถ้าคุณสนใจ ผมสามารถส่งชื่อร้านกับที่อยู่ให้คุณได้นะครับ”
“ก็ต้องสนสิครับ” เลคริเซียสพูด
“แต่ผมหวังว่าคุณจะรีบมา ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดรอให้ซ่งจื่อเซวียนคิดวิธีอะไรดีๆ ออกมาต่อกรกับคุณได้จริงๆ ถึงตอนนั้นก็เหลือแค่เรื่องน่าเสียดายแล้ว”
เลคริเซียสได้ยินก็หัวเราะลั่น “ฮ่าๆๆ โจว นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะคิดเลยนะ ส่งของที่ผมต้องการมาเถอะ”
จากนั้น โจวเผิงก็วางสาย ส่งชื่อร้านสวนสวินเฟิงและที่อยู่ให้เลคริเซียสไป
ทันทีที่เลคริเซียสเห็นที่อยู่ ก็ให้ฮันเตอร์ขับรถพาไปยังที่ที่ระบุไว้
“คุณเลคริเซียสครับ คุณเชื่อข่าวของโจวเหรอ”
เลคริเซียสที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังยิ้ม “แน่นอนสิ คนคนนี้คงไม่ทำให้ฉันผิดหวังหรอก เขาเป็นคนเลวทุกระเบียดนิ้ว”
“คนเลวเหรอครับ คุณเชื่อมั่นในตัวคนเลวคนหนึ่งเหรอ” ฮันเตอร์ไม่ค่อยเข้าใจ
“เหอะๆ ในตอนนี้ คนเลวน่าพึ่งพามากกว่า แต่ต้องระวัง คนแบบนี้เป็นเพื่อนเขาไม่ได้ตลอดไปหรอก ไม่อย่างนั้น…ต่อไปเขาคงจะขายข่าวของนาย”
พูดจบ เลคริเซียสก็พิงพนักเบาะ ยิ้มอย่างพอใจ จุดซิการ์
ใช้เวลาบนถนนแค่สิบกว่านาที รถก็มาใกล้ๆ สวนสวินเฟิง เลคริเซียสก็ล็อกเป้าไปที่หน้าร้านสวนสวินเฟิงทันทีตามที่เห็นจากตำแหน่งที่ตั้งกับชื่อร้าน
“ว้าว เป็นร้านที่ไม่เลวเลยจริงๆ นายคิดว่าไงฮันเตอร์”
ฮันเตอร์ก็มองไปเช่นกัน พยักหน้า “ครับ ระดับต่างจากที่ที่เราไปเมื่อวานมากๆ”
“เหอะๆ นี่สิถึงจะเป็นความสุดยอดของซ่งจื่อเซวียน เขากำลังทำร้านอาหารในระดับชั้นต่างๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่ แบบนี้ถึงจะครองตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ไว้ได้อยู่หมัดจริงๆ” เลคริเซียสยิ้มพูด
จากนั้น รถก็ตรงไปจอดที่จุดจอดรถหน้าสวนสวินเฟิง
เลคริเซียสลงจากรถไปดู เอ่ยยิ้มๆ “มีกลิ่นอายความเป็นจีนโบราณมาก ฉันชอบความรู้สึกแบบนี้นะ จู่ๆ ฉันก็คิดว่าบางทีฉันอาจจะเป็นคนประเภทเดียวกันกับซ่งจื่อเซวียน อนาคต…อาจจะร่วมมือกันได้อย่างมีความสุขมากๆ”
“คุณคิดแบบนั้นเหรอครับ” ฮันเตอร์พูด
“ทำไมจะไม่ล่ะ ฉันรู้ว่าเขาจะต้องชอบหาเงินแน่ๆ จุดนี้ เราเหมือนกัน”
ฮันเตอร์ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “แต่เขาอาจจะรังเกียจคุณไปแล้วก็ได้นะครับ”
“ฮ่าๆ อย่างนั้นถ้าเอาเงินเป็นตั้งๆ วางไว้ตรงหน้าเขาล่ะ อย่าโง่สิฮันเตอร์ ทุกคนไม่ได้เหมือนนายนะ เป็นทหารแล้วโง่หรือไง” เลคริเซียสยิ้มพูด
“ในอนาคต ฉันต้องพัฒนาร้านนี้ของซ่งให้ดียิ่งกว่านี้ ที่นี่ทำเลดี สไตล์การตกแต่งดี เหมาะกับการพัฒนาอาหารจีนหลังจากที่ฉันปรับปรุงแล้วมาก อืม…ฉันเหมือนจะได้กลิ่นเงินดอลลาร์แล้ว”
ฮันเตอร์ยิ้ม ค่อนข้างรับไม่ได้กับความหลงตัวเองที่เลคริเซียสแสดงออกมาบ่อยครั้งจริงๆ
ไม่ไกลจากปากทางหนึ่ง
โจวเผิงสูบบุหรี่มองทั้งสองเดินเข้าร้านสวนสวินเฟิง แต่ไม่ได้รีบร้อนจากไป เขายังอยากดูสภาพของซ่งจื่อเซวียนหลังจากที่ถูกเลคริเซียสทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสแล้วต้องหามส่งโรงพยาบาล
คิดๆ แล้วก็ตื่นเต้น เขาหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ซ่งจื่อเซวียน ถ้าแกรู้ว่าวันนี้ฉันเป็นคนเหยียบตีนแก จะต้องดีใจมากแน่ๆ”
และในขณะเดียวกัน ฟางรุ่ยก็สังเกตเห็นรถดอดจ์อเนกประสงค์คันหนึ่งจอดที่หน้าสวนสวินเฟิง
ทันทีที่เขาเห็นเลคริเซียสลงจากรถ ก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที
“นายท่านรองคำนวณแม่นเกินไปเปล่าวะ ไอ้พวกฝรั่งมันมาจริงๆ ด้วย”
เขาพูดพลางรีบหันหลังพุ่งออกไปจากห้องส่วนตัวทันที
วิ่งเหยาะลงไปชั้นหนึ่ง
เห็นฟางรุ่ยวิ่งลงมา ถังหย่าฉีแปลกใจ “รุ่ยจื่อ นายวิ่งทำไมน่ะ ตอนนี้ไม่มีงานแล้ว นายขึ้นไปพักผ่อนไป”
ฟางรุ่ยหยุดชะงัก เหมือนคิดอะไรได้ หันหลังเดินไปหาถังหย่าฉี
“หย่าฉี อีกเดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณไม่ต้องเข้ามานะ เข้าใจไหม”
“หา? นายหมายความว่ายังไง จะเกิดอะไรขึ้นเหรอ”
ฟางรุ่ยกังวล “อธิบายให้คุณฟังไม่ทันแล้ว นี่คือสิ่งที่นายท่านรองบอก คุณก็ทำตามเถอะนะ”
พูดจบ เขาก็วิ่งไปที่ประตู
ถังหย่าฉีงง “ไอ้หมอนี่มันเป็นอะไร อีกเดี๋ยวจะเกิดอะไรเนี่ย”
ตอนที่ฟางรุ่ยวิ่งมาถึงหน้าประตู ก็พอดีกับที่พวกเลคริเซียสทั้งสองเดินเข้ามา
เนื่องจากตอนอยู่ที่จัตุรัสแสงดาวก่อนหน้านี้ ฟางรุ่ยจำเลคริเซียสได้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สังเกตเห็นฟางรุ่ย จึงถือว่าไม่รู้จักมักจี่
เห็นเลคริเซียส ฟางรุ่ยก็เดินไปดักหน้า เนื่องจากสมรรถภาพทางกายที่ฝึกฝนมาหลายปี ตอนนี้เขาจึงไม่ได้ลนลาน สงบนิ่งอย่างมากเหมือนรออยู่แล้ว
“เลคริเซียสหรือเปล่า” ฟางรุ่ยไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับคนคนนี้ ย่อมคร้านจะเติมคุณนำหน้าชื่อ
ได้ยินดังนั้น เลคริเซียสก็ชะงัก “หืม คุณรู้จักผมเหรอ”
ฟางรุ่ยพยักหน้า “ใช่ นายท่านรองของฉันรู้ว่าพวกนายจะมา เลยให้ฉันรอพวกนายที่นี่”
“นายท่านรองของคุณ?”
สำหรับประโยคนี้ เลคริเซียสที่ภาษาจีนอยู่ในขั้นพอใช้ได้ก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายเท่าไร
“ใช่ ก็ซ่งจื่อเซวียนนั่นแหละ เขารอพวกนายนานมากแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้เลคริเซียสอึ้ง เขาสบตากับฮันเตอร์ แววตาแปลกใจ
“ซ่งรู้เหรอว่าฉันจะมา” เลคริเซียสพึมพำกับตัวเอง
ฟางรุ่ยไม่ได้สนใจ ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา “นายท่านรองของฉันรอพวกนายอยู่ด้านบน ตามฉันมา”
ตอนนี้ เลคริเซียสค่อนข้างตกใจ เดิมคิดว่าครั้งนี้จะมาจู่โจมกะทันหัน แต่เห็นสภาพการณ์ตอนนี้ เหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายคาดไว้ กระทั่งเตรียมการไว้แล้วด้วย
แต่เขาก็ยังตามฟางรุ่ยขึ้นไป
จนมาถึงที่หน้าห้องทำงาน ฟางรุ่ยก็หันหลังมาพูดว่า “เชิญเข้าไป”
เขาพูดพลางบิดลูกบิดประตู เดินเข้าไป ซ่งจื่อเซวียนที่กำลังหลับสนิทบนโซฟาปรากฏขึ้นท่ามกลางสายตาของพวกเขา
เลคริเซียสเห็นท่าทางก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เดินช้าๆ เข้าไปดูซ่งจื่อเซวียน
โชคชะตาที่ได้พบกันคราวก่อนยังทำให้เลคริเซียสตราตรึง จำซ่งจื่อเซวียนได้ทันที
เห็นเขา ฟังเสียงกรน เลคริเซียสกล้ามั่นใจว่าเขาหลับอยู่
รู้ว่าฉันมา…กลับหลับลึกขนาดนี้เนี่ยนะ ตกลงเขาเตรียมตัวมาแค่ไหนกัน คนจีนคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ
คิดถึงตรงนี้ เลคริเซียสก็รู้สึกไม่มั่นใจทันที
ไม่สู้กับอะไรที่ไม่แน่นอนคือนิสัยของเขาเช่นกัน เขาหันหน้าไปมองฮันเตอร์ “กลับ!”
……………………………..