เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 295 ผลเสียรุนแรงมาก
ตอนที่ 295 ผลเสียรุนแรงมาก
……….
เลคริเซียสพูดจุดประสงค์ออกมา หลายคนจึงจำเขาได้ แต่ละคนไม่มีใบหน้าของความดุดันอีกต่อไป บางคนกลัวและเป็นห่วงหูเจิ้น
เพราะเลคริเซียสไปร้านไหนก็จะขอท้าแข่งกับพ่อครัวเท่านั้น วันนี้ถึงตาของหูเจิ้นแล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้น หูเจิ้นจึงมองเลคริเซียสด้วยแววตาเย็นชา “แข่งขันงั้นเหรอ ฉันจะแข่งกับแกทำไมวะ แกเป็นใครมาจากไหนฉันถึงต้องแข่งด้วย”
เลคริเซียสมองหูเจิ้น แล้วทำเสียงฮึดฮัดหนึ่งที “ไอ้คนไม่มีมารยาท!”
ขณะพูด เขาลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าตบหน้าหูเจิ้นหนึ่งที หูเจิ้นรู้สึกชาไปครึ่งหน้า
หลังจากหน้าชาไปชั่วคราว ก็เริ่มเจ็บเป็นพักๆ
ซางเทียนซั่วเดินไปข้างหน้า “เลขยะอะไรนะ ฉันไม่สนใจว่าทำไมนายชื่อว่าขยะ แต่ถ้านายหาเรื่องต่อยตีที่นี่ ฉันก็จะแจ้งความจับนาย!”
“ฮ่าๆๆๆ จับผมงั้นเหรอ ได้เลย ผมเป็นคนต่างชาติ พวกเขาจะทำอะไรผมได้ แต่พวกคุณต่างหาก พ่อครัวไม่กล้ารับคำท้าแบบนี้ ดูเหมือนประเทศจีนของพวกคุณ…จะเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือเปล่า”
ถึงแม้ภาษาจีนของเลคริเซียสจะดี แต่ยังไม่สามารถอธิบายเรื่องประเพณีได้อย่างชัดเจน
ทว่าความหมายของเขานั้นถูกต้อง ในวงการประเทศจีน การท้าดวลระหว่างอาชีพพ่อครัวนั้นอยู่เหนือกฎของทางราชการ
ขอเพียงท้าแข่ง คุณจะรับหรือไม่รับก็ได้ หากแข่งขันแล้วแพ้ จะไม่ขายหน้า แต่หากไม่รับคำท้า คุณจะไม่สามารถอยู่ในวงการนี้ต่อไปได้อีก
แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้ ทุกคนรู้ว่าการแข่งขันของเลคริเซียสโหดเหี้ยมเกินไป ค่อนข้างจะเป็นการทำร้ายกันมากกว่า ใครจะยอมแข่งขันกับเขา เว้นเสียแต่ว่าจะรนหาที่ตาย…
เมื่อเขาพูดจบ ซางเทียนซั่วจึงไม่พูดอีก ได้แต่หวังว่าซ่งจื่อเซวียนจะเห็นข้อความ
ถึงแม้จะไม่อยากให้อาจารย์มา แต่หากฟางรุ่ยมาด้วย อย่างน้อยก็สามารถจัดการฮันเตอร์คนตัวช้างได้
แต่เขาไม่รู้เลยว่า เนื่องจากความเหนื่อยล้าจากเมื่อคืนวาน ตอนนี้ซ่งจื่อเซวียนกำลังนอนหลับสนิท ยังไม่ตื่นเลย
เลคริเซียสมองไปที่หูเจิ้นทันที “พวกเราเริ่มเลยไหม คุณพ่อครัวที่เคารพ”
หูเจิ้นหัวเราะเยาะหนึ่งที “ที่เคารพงั้นเหรอ การเคารพของพวกนายคือใช้วิธีตบหน้าแทนเรอะ”
“ฮ่าๆๆ ผมคิดว่านั่นคือการเข้าใจผิด แต่ก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของคุณด้วย ทำไมต้องดื้อรั้นขนาดนั้น” เลคริเซียสพูดยิ้มๆ
“ดื้อรั้น? คนอย่างนายต้องมีมารยาทด้วยเหรอ นายมาที่ร้านอาหารของพวกเราพกมารยาทมาด้วยหรือเปล่า”
เลคริเซียสก้มหน้าหัวเราะ “ผมคิดว่า…คุณอาจจะต้องการบทเรียนบ้าง ทำไมไม่แข่งขันกับผมโดยตรงล่ะ แพ้ก็ไม่เป็นไร ทำไมต้องให้ผมสอนคุณให้รับคำท้าของผมล่ะ”
หูเจิ้นได้ยินแล้วจึงครุ่นคิด แล้วจึงมองคนอื่นๆ ที่อยู่ในครัว
ในฐานะหัวหน้าพ่อครัว เขาไม่อยากขายหน้าจริงๆ แต่แข่งขันกับเลคริเซียส ต้องระวังจะได้รับบาดเจ็บ
ทว่า…ตอนนี้แทบจะไม่มีตัวเลือกอื่น คนพวกนี้เหมือนโจรชัดๆ ตั้งแต่พวกเขามา วงการอาหารในตู้เหมินก็ไม่เคยสงบสุขเลย
“โอเค แข่งยังไงล่ะ”
เลคริเซียสยิ้มเล็กน้อย “แบบนี้ถึงจะถูก ร่วมงานกันแล้วจะไม่โดนสั่งสอน”
พูดจบ เขาจึงมองสภาพแวดล้อมในร้านอาหารร่ำรวย เอ่ยว่า “ที่นี่เล็กเกินไป วันนี้อากาศดีมาก ไม่มีลม พวกเราไปที่หน้าประตูร้านกันเถอะ”
“แล้วแต่นาย”
“หัวหน้าเชฟ!”
“อย่าแข่งกับเขา…”
เชฟแต่ละคนเอ่ย
หูเจิ้นหันกลับไปแล้วส่ายหน้า “ยังไงก็ต้องเผชิญหน้า เหอะๆ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
จากนั้น หูเจิ้นจึงสั่งให้ย้ายเตาหนึ่งตัวออกมาจากร้าน ส่วนเลคริเซียสก็สั่งให้ฮันเตอร์ไปหยิบเตาและอุปกรณ์ทำครัวที่เขาใช้โดยเฉพาะลงมาจากรถ
ในไม่ช้า เตาสองตัวก็วางอยู่หน้าประตู ห่างกันสองสามเมตร เป็นระยะห่างของการแข่งขันพอดี
หลังจากทั้งสองคนก็ยืนข้างหลังเตาแล้ว คนอื่นในร้านอาหารก็มาที่หน้าประตูเหมือนกัน มองการแข่งขันที่ดุเดือดนี้ด้วยความตื่นเต้น
สีหน้าของแต่ละคนล้วนเป็นห่วงหูเจิ้น ยกเว้นหนึ่งคนเท่านั้น
นั่นก็คือหลี่เหยียน ใบหน้าของเขายังคงเย็นชาเหมือนเดิม ไร้ซึ่งสีหน้าใดๆ
“พูดมา นายอยากจะแข่งแบบไหน” หูเจิ้นถาม
เลคริเซียสหัวเราะ แววตาเต็มไปด้วยความดูถูก
ไม่ว่าจะเมืองหนานไถหรือว่าเมืองตู้เหมิน พ่อครัวที่โดนเขาท้าแข่งพวกนี้แทบจะไม่มีใครอยู่ในสายตาของเขา
ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่า นอกจากซ่งจื่อเซวียนแล้ว เขาจะไม่ให้ความสำคัญใดๆ กับพ่อครัวคนอื่น
พูดง่ายๆ ก็คือดูถูกเหยียดหยามนั่นเอง
“เหอะๆ แล้วแต่คุณ อยากจะแข่งแบบไหนก็ได้”
หูเจิ้นพยักหน้า จากนั้นจึงสั่งให้ครัวเตรียมวัตถุดิบบางอย่างมา
หัวหอม เนื้อวัว มันฝรั่ง มะเขือเทศ กระเทียม ผักกาดแก้วและเครื่องปรุงรสบางส่วน
“เลือกจับคู่ตามสบาย” เลคริเซียสพูด
หูเจิ้นส่ายหน้า “ไม่ ต้องใช้วัตถุดิบทั้งหมด”
เลคริเซียสขมวดคิ้วเล็กน้อย มองวัตถุดิบเหล่านี้ ถึงแม้มาตรฐานอาหารจีนจะสูงมาก แต่ความเข้าใจในการจับคู่อาหารจีนของเขากลับสู้พ่อครัวท้องถิ่นไม่ได้
สำหรับเขา ของพวกนี้เข้ากันไม่ได้เลย อย่างน้อยกระเทียมกับมะเขือเทศ…
และชาวตะวันตกไม่เน้นทำตามแผนเหมือนคนจีน
ทว่าเขาก็ยังพยักหน้า เพราะไม่ว่าจะทำเมนูอะไร การควบคุมไฟในมือของเขาก็มากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายทำไม่สำเร็จ
ในไม่ช้าทั้งสองคนจึงจุดไฟเริ่มเตรียมพร้อม
หูเจิ้นรู้สึกถนัดมือมาก ในเมื่ออีกฝ่ายสั่งให้เขาเป็นคนกำหนดกฎ เขาจึงเลือกที่เหมาะกับตัวเองมากกว่า
นำวัตถุดิบเหล่านี้มาใช้ด้วยกัน หากเป็นการตุ๋น จะเหมาะทำอาหารกวางตุ้งอย่างไม่ต้องสงสัย หากเป็นการผัด เช่นนั้นเหมาะที่จะทำอาหารซานตงผัดไฟแดงมากกว่า
ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกอย่างไร เขาก็สามารถทำอาหารออกมาได้สำเร็จ
ส่วนทางด้านเลคริเซียส เลือกหั่นเนื้อวัวก่อน แล้วนำไปผัดในกระทะอย่างรวดเร็ว สำหรับเขาแล้ว นี่คือการทำพอเป็นพิธีเท่านั้น
วินาทีที่นำเนื้อลงกระทะ เขาเห็นหูเจิ้นไม่มีความเคลื่อนไหว จึงรอต่อไป
หูเจิ้นเลือกหั่นเนื้อวัว หัวหอมและมะเขือเทศ เรียงผัดกาดแก้วเต็มจาน จัดเตรียมล่วงหน้าให้เรียบร้อย
จากนั้นเขาจึงใส่กระเทียมลงไปผัดในน้ำมันเพื่อระเบิดความหอม พอตักออกมาก็ค่อยใส่เนื้อวัวลงไป แบบนี้จะทำให้กลิ่นของกระเทียมระเบิดออกมาได้ในระดับที่สูงสุด ขณะที่ใส่เนื้อวัวลงไป ก็จะได้กลิ่นเนื้อวัวกระเทียมหอมๆ
มองดูขั้นตอนนี้ เลคริเซียสรู้สึกสนใจอยู่บ้าง ถึงแม้เขาจะเข้าใจการทำอาหารจีนแล้ว แต่ความฉลาดของคนจีนเขายากที่จะเทียบเคียง
“เหอะๆ คนจีน คุณผัดอาหารได้เยี่ยมมาก”
“สนใจตัวเองเถอะ!” หูเจิ้นพูดอย่างเย็นชา
เลคริเซียสพลันยิ้ม “ผมคิดว่าคำพูดนี้ผมน่าจะพูดกับคุณมากกว่า!”
เลคริเซียสพูดพลางวางตะหลิว มือหนึ่งทำเป็นรูปมืออยู่ใต้กระทะ จากนั้นเห็นเพียงเปลวไฟใต้กระทะเหมือนมีชีวิต ขยับไปมาตอนที่เขาบีบสองนิ้วเข้าหากัน เปลวไฟพุ่งไปหาหูเจิ้นทันที
แต่หูเจิ้นที่คาดการณ์ไว้นานแล้ว เขาวางฝาหม้อสแตนเลสไว้ด้านซ้ายมือมาตลอด เพื่อป้องกันท่าไม้ตายนี้ของเลคริเซียส
เห็นเปลวไฟโจมตีเข้ามา หูเจิ้นก็ตื่นตระหนกก่อน อย่างไรไม่มีใครสงบสติอารมณ์ได้เมื่อเห็นไฟพุ่งเข้ามาจะเผาตัวเอง
ทว่าเขาใจเย็นลงในไม่ช้า หยิบฝาหม้อขึ้นมาเล็งตรงไปยังทิศทางของเปลวไฟ
เมื่อเห็นดังนั้น หลายคนที่อยู่ข้างๆ ต่างปาดเหงื่อแทนหูเจิ้น คิดไม่ถึงว่าเขาจะเตรียมตัวไว้นานแล้ว
“เก่งมาก เหล่าหู!” ซางเทียนซั่วพูด
“หัวหน้าเชฟสุดยอด ฮ่าๆๆ ฝาหม้อ…”
แต่พูดยังไม่ทันจบ เปลวไฟนั่นก็โจมตีบนฝาหม้ออย่างแรงอีกครั้ง
หูเจิ้นคิดเพียงว่าสแตนเลสสามารถป้องกันเปลวไฟของเลคริเซียสได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเปลวไฟของเลคริเซียสจะรุนแรงขนาดนี้ เหมือนโดนผู้ชายตัวใหญ่ทุบอย่างแรง
ชั่วขณะนั้น ยากที่เขาจะยืนได้อย่างมั่นคง ได้แต่ถอยหลังติดต่อกัน แม้แต่กระทะในมือก็ร่วงลงพื้น
น้ำมันร้อนกระเด็นออกมา ลวกขาของเขาทันที
“อ๊าก…” หูเจิ้นร้องด้วยความเจ็บปวด
เห็นสภาพของหูเจิ้นกับวัตถุดิบอาหารเต็มพื้น เลคริเซียสจึงทำปากจู๋แล้วพูดว่า “โอ้ว…น่าสงสารจริงๆ แต่ถ้าคุณยินยอม ผมยกวัตถุดิบให้คุณอีกหนึ่งชุดได้นะ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณ…จะอ่อนแอขนาดนี้”
หูเจิ้นขบฟันแน่นมองเลคริเซียส ในใจรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะวัตถุดิบอาหารร่วงกระจายเต็มพื้นไปแล้ว
และตอนนี้แผลลวกบนขาของเขานั้นเจ็บเหมือนกัดกินหัวใจ เขาไม่สามารถทำอาหารต่อไปได้แน่นอน
“ยอมแพ้ไหม หลายคนก็เป็นแบบนี้ คุณก็ทำได้เหมือนกัน”
เลคริเซียสพูดพลางมองไปที่ฮันเตอร์ “มา ฮันเตอร์ ถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต ฉันเชื่อว่าซ่งจื่อเซวียนเห็นภาพนี้แล้วจะต้องชอบมากแน่ๆ”
ฮันเตอร์พยักหน้า แล้วจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป
แต่ในตอนนี้เอง เสียงหนึ่งดังออกมา
“ถ้าอย่างนั้น…ฉันจะลองแข่งกับนาย”
คนที่พูดคือหลี่เหยียนนั่นเอง
เขามองมาจนถึงตอนนี้ สีหน้าของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
รูปลักษณ์ภายนอกของเขาดึงดูดความสนใจของเลคริเซียส แต่เขาไม่ใช่แม้แต่หัวหน้าเชฟ เลคริเซียสจึงไม่สนใจเท่าไร
ทว่าเวลานี้ เลคริเซียสตั้งใจมองหลี่เหยียนอีกครั้ง
“เหอะๆ ผมเดาไว้ไม่ผิด คุณไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าคุณยินดี คุณก็แข่งกับผมตรงนี้ต่อได้นะ”
“ไม่ต้องหรอก วัตถุดิบที่เหลือพอให้ฉันใช้แล้ว”
ได้ยินดังนั้น เลคริเซียสพลันเลิกคิ้ว “โอ้ว เหลือแค่มะเขือเทศ ผักกาดแก้วกับมันฝรั่งนะ”
“พอแล้วล่ะ”
หลี่เหยียนพูดจบก็เดินไปตรงหน้าเตา
เห็นหลี่เหยียนจับตะหลิว เลคริเซียสจึงหยุดยิ้ม จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า คนคนนี้อาจจะเป็นหนึ่งในเชฟที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยท้าแข่งมา
ความคิดเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกดีใจขึ้นมาอยู่บ้าง
อย่างไรมีแต่ได้เจอกับผู้ที่แข็งแกร่ง การท้าทายถึงจะมีคุณค่า
ทว่าตอนที่ทั้งสองคนกำลังจะแข่งกัน รถอเนกประสงค์สีดำคันหนึ่งก็จอดอยู่ริมทางหน้าประตูร้านอาหารร่ำรวย
จอดรถเรียบร้อย ผู้ชายใส่เสื้อผ้าสีดำห้าคนก็เดินเข้ามาในร้านอาหาร
หนึ่งคนในนั้นชี้ไปที่หลี่เหยียนแล้วเอ่ยว่า “เหอะๆ โลกกลมเหลือเกิน ดีจริงๆ จัดการได้แล้ว!”
คนที่พูดคือผู้อาวุโสข่งอวี้เซินกลุ่มเสื้อผ้าสะอาดของแก๊งขอทาน!
และคนที่อยู่ข้างหลังเขามีมากกว่าครั้งที่แล้วถึงสองคน หนึ่งในนั้นมีผู้ชายแข็งแรงกำยำหนึ่งคน น่าจะสูงประมาณหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร น้ำหนักก็น่าจะเกินหนึ่งร้อยกิโลกรัมขึ้นไป
พวกเขาเดินมาตรงหน้าเตาทั้งสอง ข่งอวี้เซินพูดว่า “หึ ยังจะหาคนต่างชาติมาเล่นด้วยเหรอ เรียกซ่งจื่อเซวียนออกมา!”
หลี่เหยียนไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ แต่หยิบขวดน้ำมันเทลงไปในกระทะ
เลคริเซียสที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็เช่นกัน จุดไฟอีกครั้ง เตรียมทำอาหารใหม่
เมื่อเห็นดังนั้น ข่งอวี้เซินจึงโกรธ “ยังจะทำอาหารงั้นเหรอ แม่ง รื้อเตาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่เขาพูดจบ น้องชายสองคนที่อยู่ข้างหลังก็เดินไปที่เตาทั้งสองอัน ยกมือกำลังจะรื้อออก
แต่หลี่เหยียนกลับหน้าบึ้งถลึงตามองอีกฝ่าย อีกฝ่ายจึงลังเลเล็กน้อย
ด้านเลคริเซียสก็เช่นกัน เพิ่งจะเปิดเตาไฟก็มีคนมาวุ่นวาย เขาจึงหยิบตะหลิวตีไปที่น้องชายคนนั้น
ใช้ตะหลิวสาดน้ำมันร้อน น้องชายสองคนเอามือป้องใบหน้าแล้วนั่งลงยองๆ ทันที
“ร้อน…ร้อน…”
“เฮ้ยแม่ง ไอ้ต่างชาติคนนี้เก่งเหมือนกันนี่ จัดการมันซะ!”
ชั่วขณะนั้น ข่งอวี้เซินควบคุมกำลังไฟให้พุ่งไปที่เลคริเซียสทันที ส่วนคนที่เหลือที่เพิ่งเดินไปข้างหน้าก็โดนฮันเตอร์ขวางไว้
“รบกวนผมทำอาหาร ผลเสียรุนแรงมาก” เลคริเซียสเงยหน้าพูดอย่างเย็นชา
ข่งอวี้เซินได้ยินแล้วก็อึ้งไป “เฮ้อ แม่ง ชอบหาเรื่องเสียด้วย เหลียงฮั่น นายจัดการด้วย!”
พอสิ้นเสียง ผู้ชายตัวยักษ์คนนั้นจึงเดินไปข้างหน้า จับคอเสื้อของฮันเตอร์ทันที
คราวนี้ซางเทียนซั่วสะใจ ฮ่าๆๆ นี่มันแม่งอะไรกันวะ ต่อยกันนัวๆ เหรอ ช่างมันอย่างน้อยพอช่วยคลายความร้อนใจได้
และตอนนี้เอง ทุกคนไม่ได้สังเกตเลยว่า ถนนตรงข้ามร้านอาหารร่ำรวย ขอทานคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงมุมกำแพง จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาแล้วเดินออกไป
………………………………………..