เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 290 ตกลง
ตอนที่ 290 ตกลง
……….
ณ ห้องรับแขกชั้นหนึ่งของวิลล่า
เลคริเซียสจิบไวน์แดง จากนั้นก็ตักเค้กเข้าปาก
ในขณะที่เคี้ยวเขาก็พูดขึ้นว่า “ฮันเตอร์ คนที่นายพูดถึงจะมาเมื่อไร”
“เขาไม่ได้บอกครับ แต่ผมคิดว่าเขาอาจจะเคยมีเรื่องขัดแย้งกับซ่งจื่อเซวียนมาก่อน น่าจะปรากฏตัววันพรุ่งนี้”
เลคริเซียสพยักหน้า “ใช่แล้ว เขาบอกว่าจะบอกข้อมูลเกี่ยวกับซ่งจื่อเซวียนกับฉัน ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักซ่งจื่อเซวียนเป็นอย่างดี อาจจะเป็น…คนที่ใกล้ชิดของซ่งจื่อเซวียน”
“ผมว่าต้องเป็นแบบนั้นแน่ครับ”
“เหอะๆ ดูเหมือนว่าซ่งจื่อเซวียนคนนี้จะไม่ใช่คนดี อย่างน้อยคนใกล้ชิดของเขาก็เกลียดเขากันหมด คงจะทำเรื่องชั่วๆ ไว้เยอะ” เลคริเซียสพูดด้วยรอยยิ้ม
ฮันเตอร์พูดไม่ออก
“ฮันเตอร์ ทางแทแรนติโนเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนทานมื้อเย็นเมื่อกี้ เขาได้ติดต่อร้านค้าขนาดกลางและใหญ่หลายแห่ง รวมถึงพวกร้านค้าที่ชั้นหนึ่งในห้าง น่าจะได้ผลในไม่ช้าครับ”
เลคริเซียสกระตุกยิ้มเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าวันที่เราจะสำเร็จคงอยู่ไม่ไกลแล้ว ขอแค่ร้านอาหารมิชลินนี้สามารถตั้งหลักในตู้เหมินได้ ขั้นตอนต่อไปฉันก็จะขยายสาขาออกไปในเมืองใหญ่ๆ อย่างปักกิ่งและจงไห่ ให้กลายเป็นตลาดของเราทั้งหมด”
“คุณเลคริเซียส ผมขอยอมรับว่าคุณเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งเลยครับ”
เลคริเซียสยิ้มและขยับนิ้วไปมา “ไม่หรอก ฉันเป็นแค่เชฟและฉันก็เคารพในอาชีพนี้มาก”
เมื่อพูดจบ เลคริเซียสก็เดินไปที่โซนพักผ่อน เขาทรุดตัวลงบนโซฟาและเขย่าแก้วไวน์แดงด้วยสีหน้าเบิกบาน
“หลังจากเสร็จเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว ฉันจะกลับไปอเมริกาแล้วฝึกฝนทักษะการทำอาหารของฉันต่อ ฉันคิดว่าฉันจะไล่ตามความสมบูรณ์แบบของอาหารไปตลอดชีวิต ใช่แล้ว มันควรจะสมบูรณ์แบบ”
ในเวลานี้เอง กริ่งตรงประตูก็ดังขึ้น
“เหอะๆ คงเป็นเจ้าแทแรนติโนสินะ ฮันเตอร์ รีบไปเปิดประตู”
ฮันเตอร์กลับไม่รีบร้อนที่จะเปิดประตู เขามีหน้าที่คุ้มกันเลคริเซียส ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยก่อน
เขาหยิบมือถือออกมาแล้วดูกล้องวงจรปิดที่ตรงประตู จากนั้นก็เผยสีหน้างุนงง
“คุณเลคริเซียส คนที่มา…เป็นคนจีนครับ”
“อะไรนะ คนจีน ซ่งจื่อเซวียนเหรอ”
ฮันเตอร์ส่ายหัว “ไม่ใช่ครับ ผมไม่รู้จักเขา”
“ว่าไงนะ”
เลคริเซียสขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วหัวเราะเยาะ “น่าจะเป็นคนจีนคนนั้น เขามาบอกฉันเกี่ยวกับซ่งจื่อเซวียน”
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ ผมเพิ่งบอกเขาเมื่อกี้เองนะ”
เลคริเซียสยกมือขึ้นแล้วยิ้ม “ฉันชื่นชมคนประเภทนี้มาก พวกเขาเห็นคุณค่าของเวลา ไม่อยากเสียเวลาสักวินาทีเดียว ให้เขาเข้ามาเลย”
ฮันเตอร์พยักหน้าแล้ววิ่งไปเปิดประตู
โจวเผิงเดินเข้าไปในวิลล่าและมองดูสภาพโดยรอบ แต่ปฏิกิริยาของเขากลับสุขุมมาก
อันที่จริงก่อนที่เขาจะมาก็ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเลคริเซียสจากวิดีโอมาแล้ว ข้อแรกเขามั่นใจได้ว่าเลคริเซียสคนนี้ต้องรวยมากอย่างแน่นอน
ข้อที่สอง ไม่ว่าวิลล่านี้จะหรูหราแค่ไหน ชาวต่างชาติคนนี้ก็น่าจะเช่าอยู่ อย่างไรมันก็ไม่ใช่ของเขา
ดังนั้นก่อนจะเข้าประตูมา เขาได้เตือนตัวเองว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาจะต้องควบคุมสติอารมณ์เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไว้วางใจเขาโดยเร็วที่สุด
“คุณโจวเหรอ”
โจวเผิงพยักหน้า “ใช่ครับ ผมติดต่อคุณก่อนที่จะมาที่นี่แล้ว”
“โอเค งั้นเชิญเข้ามาได้เลย”
แวบแรกฮันเตอร์มองโจวเผิงอย่างละเอียดทันทีและเห็นว่าเขาสวมเสื้อผ้าธรรมดาๆ ไม่น่าจะมีสิ่งของอันตรายใดๆ ติดตัว
และหลังจากยืนยันตัวตนเพิ่มเติมก็น่าจะวางใจได้แล้ว
เห็นโจวเผิงเดินเข้ามา เลคริเซียสก็ยืดตัวตรงขึ้นเล็กน้อย “คุณโจวใช่ไหมครับ เชิญนั่ง”
“ขอบคุณครับ คุณเลคริเซียส”
เขาได้เห็นเลคริเซียสจากในวิดีโอหลายครั้ง ดังนั้นโจวเผิงจึงจำอีกฝ่ายได้
“ผมเชื่อว่าคุณมีเรื่องจะพูดกับผมเยอะแยะ ว่ามาเลยคุณโจว”
เลคริเซียสจัดคอเสื้อของเขาให้ตรงแล้วกล่าว
โจวเผิงพยักหน้า “คุณเลคริเซียส ผมใช้เวลาสักพักกว่าจะดูวิดีโอที่คุณโพสต์ในอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ผมคิดว่าคุณเป็นเชฟที่สุดยอดมากเลยครับ”
เลคริเซียสคลี่ยิ้ม “ขอบคุณ”
“คุณเอาชนะหลิงเจิ้นยอดเชฟทางเหนือได้ เพียงจุดนี้แค่อย่างเดียวก็ทำให้คุณอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาหารจีนเลิศรสแล้ว หลังจากนั้นเชฟหลายคนในเมืองตู้เหมินก็พ่ายแพ้ต่อฝีมือของคุณ เพราะงั้นคุณถึงโด่งดังในจีนแล้ว”
“เหอะๆ คุณไม่โกรธเหรอ สุดท้ายผมก็เอาชนะเชฟชาวจีนไปเยอะขนาดนี้ ถ้าในภาษาพวกคุณ นี่เรียกว่า…ชาวต่างชาติเอาชนะชาวจีนอย่างพวกคุณ”
โจวเผิงส่ายหัว “ไม่ครับ ผมชื่นชมคำพูดของคุณมาก นั่นก็คืออาหารไม่มีขอบเขต วิธีการปรุงอาหารที่ดีควรเผยแพร่ให้คนทั้งโลกได้รับรู้ เพราะงั้น…อันที่จริงผมคิดว่าคุณทำได้ดีมากเลยครับ”
ได้ยินประโยคนี้ เลคริเซียสก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ดีมาก คุณเป็นคนจีนที่ฉลาด ต่างจากคนอื่นๆ ที่สนใจแค่ว่าใครแพ้ใครชนะ เป้าหมายของเราคือปรับปรุงอาหารจีนและทำให้มันอร่อยขึ้นไม่ใช่เหรอ”
“ใช่เลยครับ เพราะงั้นผมอยากขอบคุณที่คุณมาประเทศจีนมาก ผมเชื่อว่าทุกสิ่งที่คุณทำก็เพื่อให้จีนกลายเป็นที่เลื่องลืออันสวยงามในอนาคต” โจวเผิงกล่าว
“เหอะๆ คุณโจว คุณเป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริงตั้งแต่ที่ผมเคยเจอมาเลย ผมเชื่อว่าเราจะร่วมมือกันได้ดี บอกจุดประสงค์ที่คุณมาสิ”
โจวเผิงยิ้มและพยักหน้า “ผมดูวิดีโอของคุณทั้งหมดแล้ว รวมถึงวิดีโอสุดท้ายที่คุณนัดท้าดวลกับซ่งจื่อเซวียนด้วย แต่…ขออภัยด้วยที่ผมต้องพูดตรงๆ คุณเลคริเซียส การนัดท้าดวลที่คุณทำนั้นเป็นการตัดสินใจที่โง่มาก”
“หืม คุณโจว นี่คุณหมายความว่าไง” เลคริเซียสตกตะลึงและพูดว่า “ก่อนหน้านี้คุณยังชื่นชมวิธีการของผมอยู่เลย หรือว่าคุณคัดค้านผมที่จะเอาชนะซ่งจื่อเซวียน”
“ฮ่าๆๆ จะเป็นไปได้ยังไง ผมทนไม่ไหวอยากให้คุณเอาชนะเขาวันนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ปัญหามันอยู่ตรงนี้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องยืดเวลาออกไปเจ็ดวันด้วย”
เลคริเซียสมองโจวเผิง “คุณโจว คุณรู้จักซ่งจื่อเซวียนเป็นอย่างดีใช่ไหม”
“ซ่งจื่อเซวียนเปิดร้านอาหารแห่งหนึ่ง ชื่อว่าร้านอาหารร่ำรวย ผมเป็นผู้จัดการร้านอาหาร คุณคิดว่าไงล่ะ”
เลคริเซียสอึ้งกับคำตอบนี้ เขาเคยคิดว่าโจวเผิงต้องรู้จักซ่งจื่อเซวียนแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันขนาดนี้
อย่างน้อยในสายตาของเขา หากซ่งจื่อเซวียนให้โจวเผิงมาเป็นผู้จัดการร้านอาหารได้ ความสัมพันธ์นี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
แต่โจวเผิงบิดเบือนคำพูดมาก ข้อแรก ความสัมพันธ์ของซ่งจื่อเซวียนกับเขานั้นไม่ได้ใกล้ชิดกันเลย เขาอยู่ที่ร้านอาหารร่ำรวยได้ก็เพราะมิตรภาพในอดีต
ข้อที่สอง เขาไม่ใช่ผู้จัดการร้านอาหารร่ำรวย กิจการของซ่งจื่อเซวียนนั้นไม่ได้มีตำแหน่งชัดเจนนัก เขาให้ความสำคัญกับการที่ทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน ดังนั้นจึงไม่มีบทบาทผู้จัดการโดยสิ้นเชิง
“พูดแบบนี้…คุณก็เข้าใจศักยภาพของซ่งจื่อเซวียนด้วยเหรอ”
โจวเผิงพยักหน้า “ถือว่าใช่ เพราะงั้นผมถึงไม่เข้าใจวิธีการของคุณ เจ็ดวัน? ทำไมคุณถึงให้โอกาสเขาเติบโตในเจ็ดวันนี้ด้วยล่ะ”
“เอ่อ…คุณหมายความว่าผมประเมินซ่งจื่อเซวียนสูงไปเหรอ”
ขณะที่พูด เลคริเซียสก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมยอมรับ วันนั้นผมไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้ ถึงได้ตกลงกันว่าเราจะแข่งกันในอีกเจ็ดวัน คุณคิดว่า…เขาจะเอาชนะผมได้ในเจ็ดวันนี้เหรอ”
“เหอะๆ คุณเลคริเซียส คุณยังไม่รู้จักซ่งจื่อเซวียนดีพอ แม้ว่าคนคนนี้จะมีศักยภาพที่ธรรมดา แต่เขาก็มีพรสวรรค์สูงและรายล้อมไปด้วยกลุ่มบุคคลที่ไม่ธรรมดา ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เทียบกันคุณแล้วจะเป็นยังไง แต่ผมรู้ว่าตราบใดที่คุณให้เวลาเขา เขาจะเติบโตอย่างแน่นอน!”
คำพูดของโจวเผิงทำให้เลคริเซียสตกอยู่ในความเงียบงัน
ถูกต้อง ตอนที่ซ่งจื่อเซวียนปรากฏตัวดูธรรมดาทั่วไป แต่รัศมีตอนที่เขาเปิดปากพูดทำให้เลคริเซียสสงบลงจริงๆ
และเพราะเหตุนี้ เลคริเซียสจึงทำข้อตกลงการนัดหมายกับเขาเจ็ดวัน
ในความคิดของเขาเวลานั้นคือให้เวลาตัวเองเจ็ดวันเพื่อทำความรู้จักกับซ่งจื่อเซวียนให้ดี จากนั้นเขาก็จะมีความมั่นใจมากขึ้นในการแข่งขัน
แต่หากคำพูดของโจวเผิงเป็นจริง งั้น…ฉันก็เผลอยืดเวลาให้อีกฝ่ายเจ็ดวันแล้ว
วิธีนี้ช่างโง่เขลาจริงๆ
“คุณโจว พูดต่อเลย”
“จากสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับซ่งจื่อเซวียน เขาเคยทำงานในร้านอาหารเล็กๆ จากที่เขาทำงานเป็นเด็กครัวก็มาเปิดร้านอาหารของตัวเองในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี การเติบโตของเขาต้องมาจากพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งมากและคำแนะนำจากบุคคลระดับสูงแน่นอน”
เลคริเซียสพยักหน้าช้าๆ “คุณพูดถูก”
“ดังนั้นถ้าผมเป็นคุณ คุณเลคริเซียส ผมคงไม่ให้เวลาเขาเพิ่มอีกหนึ่งวันหรอก”
เลคริเซียสได้ยินก็สูบซิการ์ในมือแล้วพ่นออกมาช้าๆ
“บางที…ก็สมเหตุสมผลนะ”
โจวเผิงคลี่ยิ้ม “คุณเลคริเซียส เป้าหมายของคุณคือกำจัดอุปสรรคทั้งหมด หรือต้องเอาชนะซ่งจื่อเซวียนให้ได้ครับ”
“หืม หมายความว่ายังไง ผมไม่ค่อยเข้าใจ” เลคริเซียสกล่าว
“บางครั้ง…การเอาชนะ ไม่จำเป็นต้องมาจากทักษะการทำอาหาร”
เลคริเซียสยิ้มอย่างเยือกเย็น “เหอะๆ คุณโจว งั้นผมคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว ถ้าผมต้องการตั้งหลักในเมืองตู้เหมินได้ ก็ต้องเอาชนะทักษะการทำอาหารของซ่งจื่อเซวียนด้วยตัวเอง ไม่ใช่…ด้วยวิธีอื่น
แม้ว่าผมจะแข็งแกร่งก็ตาม” เลคริเซียสไม่ลืมที่จะกล่าวต่ออีกหนึ่งประโยค
โจวเผิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมหวังว่าคุณจะแข่งกับซ่งจื่อเซวียนโดยเร็วที่สุด เจ็ดวัน…คงเป็นเจ็ดวันที่น่ากลัวมาก ไม่มีใครรู้ว่าในเจ็ดวันนี้ซ่งจื่อเซวียนจะมีประสบการณ์อะไรอีก”
เลคริเซียสยิ้มและพยักหน้า “ผมน้อมรับคำแนะนำจากคุณ ใช่สิ แล้วผมต้องจ่ายเท่าไร”
เมื่อเห็นว่าเลคริเซียสยังคงรู้กฎเป็นอย่างดี โจวเผิงก็ยิ้ม “เดิมทีผมเป็นผู้จัดการร้านอาหาร ถ้าคุณเลคริเซียสถูกใจผม ผมยินดีที่จะทำงานในร้านอาหารของคุณครับ”
“ไม่ๆๆ คุณโจว คุณเข้าใจความหมายผิดแล้ว ผมยังชอบตอบแทนด้วยเงินมากกว่า ผมคิดว่าคำแนะนำที่คุณให้มานั้นมีค่ามากกว่าถึงได้ยินดีให้ค่าตอบแทนกับคุณ”
โจวเผิงลอบยิ้ม เป็นอย่างที่คาดไว้ นี่คือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
อย่างไรเขาต้องการเงินในตอนนี้ และเขาก็หวังให้ใครสักคนมาล้มซ่งจื่อเซวียนให้ได้
“เอ่อ…ผมเกรงใจนิดหน่อย คุณเลคริเซียส คุณคิดว่ายังไงดีครับ” โจวเผิงกล่าว
“เหอะๆ ห้าหมื่นดอลลาร์ คิดว่าไง”
โจวเผิงตกตะลึง นี่คือหลายแสนหยวนแล้ว ไอ้หมอนี่ใจกว้างจริงๆ
เขาใคร่ครวญแล้วพูดว่า “คุณเลคริเซียส ถ้าผมบอกข้อมูลเกี่ยวกับซ่งจื่อเซวียนให้คุณฟังพรุ่งนี้ ผมเชื่อว่ามันจะมีมูลค่าหนึ่งแสนดอลลาร์นะครับ”
เลคริเซียสได้ยินก็มองไปยังโจวเผิงและไม่ได้เปิดปากพูดเป็นเวลานาน
โจวเผิงรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย เขาคิดว่าตัวเองโลภไปหรือเปล่า เรียกสูงเกินไปเหรอ เขาจะโดนทำร้ายไหม
เพราะเขายังคงจำตอนที่ถูกหวงฟาทำร้ายครั้งที่แล้วได้อยู่…
แต่ในขณะนั้น เลคริเซียสก็เอ่ยขึ้นว่า “ได้ ตกลง!”
………………………………………………
……….