เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 284 ไปกินนมเถอะ
ตอนที่ 284 ไปกินนมเถอะ
……….
คนที่พูดคือชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบห้าสิบปี
ร่างกายของชายคนนี้ไม่สูงมาก รูปร่างค่อนข้างอ้วน เหนือริมฝีปากยังมีหนวดน้อยๆ สองแถบอยู่
อีกทั้งเขาไม่ได้อยู่ในแถวของเชฟพวกนั้น แต่ยืนอยู่ในฝูงชน
เสียงของเขาเปล่งออกมา ก็ดึงดูดสายตาของผู้คนทันที ซึ่งรวมไปถึงผู้ชมกับพวกเลคริเซียสด้วย
เลคริเซียสขมวดคิ้วมองชายคนนั้นเบาๆ อดแย้มยิ้มเล็กน้อยออกไม่ได้
“คุณเหรอ”
ชายคนนั้นพยักหน้า “ถูก ฉันเอง!”
ตอนที่ชายคนนั้นยืนขึ้น คนไม่น้อยก็ค่อนข้างตกใจ
“โอ้ นี่มันเถ้าแก่ร้านอาหารชุนเซียงคนนั้นไม่ใช่เหรอ”
“นั่นสิ ฉันก็จำได้ หยางต้าฉุยไง!”
“สวรรค์ นี่เถ้าแก่หยางจะทำอะไรน่ะ คนคนนี้ไม่น่าไปยุ่งด้วยนะ ไม่คิดเลยว่าเขาจะแสดงตัวน่ะ”
“เถ้าแก่หยางปกติไม่ชอบหาเรื่องนี่ วันนี้เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย”
เลคริเซียสหันมามองหยางต้าฉุย ยิ้มพูด “เหอะๆ คุณทำอาหารได้เหรอ”
“แน่นอน” หยางต้าฉุยพูด
“คุณเป็นเชฟร้านไหนล่ะ”
“ร้านอาหารชุนเซียง”
ได้ยินคำว่าร้านอาหารชุนเซียง เลคริเซียสก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองฮันเตอร์ข้างๆ
“นี่ร้านอาหารไหนล่ะเนี่ย เชฟคือเขาเหรอ”
ฮันเตอร์งุนงง มองลูกน้องคนอื่นๆ พวกเขาก็เหมือนจะไม่ค่อยแน่ใจ
เลคริเซียสพยักหน้า “เหอะๆ เข้าใจแล้ว คุณก็คือคนจีนที่ไม่กลัวตายนี่เอง ผมชอบคุณมากนะ”
“ไม่จำเป็นต้องให้แกมาชอบฉันหรอก ฉันแค่ไม่ชอบแกที่มาทำตัวอวดดีในแผ่นดินของเรา จะแข่งก็แข่งสิ ไม่ต้องพูดเพ้อเจ้อมากขนาดนั้นหรอก”
หยางต้าฉุยพูดจบ ก็เดินไปทางเคาน์เตอร์เตาที่ไม่เคยใช้มาก่อน เริ่มลองใช้เตา
เห็นท่าทางของหยางต้าฉุย เลคริเซียสก็รู้สึกตลกอยู่บ้าง “ฮ่าๆ นายดูคนคนนี้สิ น่ารักมาก เหมือน…หมีน้อยเลย”
ได้ยินดังนั้น พวกแทแรนติโนก็หัวเราะออกมา
…
หน้าสวนสวินเฟิง
ถังหย่าฉียืนอยู่ที่หน้ากระจกรถซ่งจื่อเซวียน ดวงตาทั้งคู่มองซ่งจื่อเซวียน สายตาเต็มไปด้วยคำถาม
ส่วนซ่งจื่อเซวียนไม่รู้จะตอบอย่างไรไปชั่วขณะ เพราะเขาก็คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้รู้ได้อย่างไรว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่…
“หย่าฉี เธอ…หมายความว่ายังไง”
“หมายความว่ายังไงเหรอ นายบอกว่านายลืมซื้อเหล้าให้ตาเฒ่า แต่นายไม่เคยลืมเรื่องของตาเฒ่ามาก่อนเลยนะ”
ซ่งจื่อเซวียนอึกอัก “แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น นายว่านายจะยังไม่เข้าไป แต่หน้าต่างห้องทำงานชั้นสองเปิดอยู่ หมายความว่าเมื่อกี้นายเข้าไปแล้ว เป็นเพราะเหตุผลพวกนี้ถึงได้ต้องออกไปเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนเงยหน้ามองที่ชั้นสอง เมื่อครู่…ก่อนไปรีบไปจริงๆ จึงลืมปิดหน้าต่าง
คิดไม่ถึงว่ารายละเอียดจุดนี้ก็ถูกเด็กคนนี้จับได้ น่าเสียดายที่เธอไม่ไปเป็นสายลับจริงๆ
“นี่…หย่าฉี อยากจะสื่ออะไรเหรอ”
“ไม่ได้อยากจะสื่ออะไร แต่อย่างน้อยก็บอกได้ว่านายโกหกฉันอยู่ ทำไมล่ะ มีเหตุผลอะไร”
ซ่งจื่อเซวียนถูกถังหย่าฉีต้อนจนพูดไม่ออก เขามองฟางรุ่ย แต่ตอนนี้เองฟางรุ่ยกลับกำลังดูเรื่องตลก เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะเข้ามาช่วย
ซ่งจื่อเซวียนโมโห พูดว่า “รุ่ยจื่อ นายบอกหย่าฉีไปสิว่าเรามีธุระต้องไปทำน่ะ ใช่ไหม”
ตอนนี้ถึงตารุ่ยจื่อทำหน้าลำบากใจเช่นกัน เขามองซ่งจื่อเซวียน
“ไม่ต้องไปมองเขา พูดมา ไม่ต้องมาหลอกฉันด้วย!”
รัศมีของถังหย่าฉีแข็งแกร่งมาก รุ่ยจื่อพูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “เรื่องนี้…นายท่านรองจะไปดูการแข่งขันทำอาหารที่จตุรัสแสงดาวครับ”
ฟางรุ่ยต้องพูดออกไปตามสัญชาตญาณอยู่แล้ว ถึงอย่างไรการเค้นของถังหย่าฉีก็ไม่เหลือเวลาให้เขาได้คิดเลยสักนิด
บวกกับสมองของตัวรุ่ยจื่อเองก็ทึ่มทื่อ ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร จึงหลุดพูดออกมาตรงๆ
พูดจบเขาก็รีบป้องปาก แต่ถังหย่าฉีฉลาดเป็นกรด สัมผัสได้ถึงความผิดปกติทันที
“การแข่งขันทำอาหาร? ที่จตุรัสแสงดาวเหรอ”
เธอพูดพลางหันไปมองไต้ทงแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไต้ทงไม่รู้เรื่องนี้
“ฉันไม่สน ฉันก็จะไปด้วย!”
“เธอจะไปด้วยเหรอ ไม่ได้ แม่ทูนหัว จะอะไรฉันก็รับปากเธอได้หมด มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ไม่ได้!” ซ่งจื่อเซวียนพูด
พอได้ยินซ่งจื่อเซวียนพูดแบบนี้ ถังหย่าฉีก็ยิ่งหนักแน่นกับความคิดตัวเอง “ไม่ได้ ฉันต้องไปด้วย ยังไงก็ไม่ทำงานแล้ว ฉันไปกับพวกนายด้วยดีกว่า!”
ถังหย่าฉีพูดพลางเปิดประตูจะขึ้นรถ แต่ซ่งจื่อเซวียนรีบรั้งประตูไว้
“ไม่ได้ หย่าฉี เธอรอฉันที่สวนสวินเฟิงแป๊บเดียว เดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว!”
ถังหย่าฉีมองซ่งจื่อเซวียนอย่างสงสัย ถึงไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่เธอมองออกว่าผิดปกติ
“นาย…หึ ซ่งจื่อเซวียน ถ้าวันนี้นายไม่อธิบาย จะไม่มีใครได้ไปไหนทั้งนั้น!”
พูดจบ ถังหย่าฉีก็ฉวยโอกาสอ้าแขนขวางหน้ารถ
ซ่งจื่อเซวียนก็จนปัญญาแล้ว ถ้าไม่ลงรอยกับเด็กคนนี้ จะหว่านล้อมอย่างไรก็แทบจะไม่เป็นผล
แต่เห็นว่าสายแล้ว ซ่งจื่อเซวียนก็ถอนหายใจ
“พอแล้ว เอาอย่างนี้แล้วกันนะหย่าฉี เธอขึ้นรถของเธอไป ให้ไต้ทงขับรถตามฉันมา!”
ถึงอย่างไรเขาก็รู้ดีว่าไต้ทงเป็นทั้งคนขับรถและบอดีการ์ดของถังหย่าฉี อีกทั้งฝีมือก็ไม่ธรรมดา
ถังหย่าฉีได้ยินดังนั้นถึงได้พยักหน้า
จากนั้น รถทั้งสองคันก็ออกจากสวนสวินเฟิง
ที่จัตุรัสแสงดาว คนที่มาดูมากขึ้นเรื่อยๆ
เลคริเซียสเดินไปที่เคาน์เตอร์เตาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ขณะเดียวกันก็มองท่าทางเงอะงะของหยางต้าฉุยไปด้วย
ในสายตาเขา คนที่หน้าตาเหมือนหมีน้อยคนนี้ ทำอาหารไม่เป็นอยู่แล้ว ส่วนที่อีกฝ่ายลุกขึ้นมาก็เพื่อความอยุติธรรมของเชฟจีนพวกนั้นเท่านั้น
ดี ในเมื่อเขากล้าเสนอหน้าออกมา ฉันก็ไม่ถือสาที่จะเก็บกวาดไปด้วยกันเลย
“เจ้าอ้วน เราจะแข่งอะไรล่ะ”
หยางต้าฉุยครุ่นคิด พูดว่า “ง่ายๆ น่ะทำเป็นไหม อาหารตุ๋นไหม”
“อาหารตุ๋นเหรอ เอาสิ วัตถุดิบคืออะไรล่ะ”
หยางต้าฉุยมองวัตถุดิบข้างหน้า ก่อนหน้านี้ที่เลคริเซียสกำลังแข่งด้านหน้าของเคาน์เตอร์เตาก็มีวัตถุดิบอย่างน้อยหลายสิบชนิดวางเอาไว้ให้เลือกสรร
นี่ก็เป็นกฎการแข่งขัน ตามปกติแบ่งได้สองรูปแบบ
อย่างแรกจัดวัตถุดิบสามถึงห้าอย่างให้เชฟตัดสินใจเองว่าจะทำอาหารอะไรก็ได้
ส่วนอีกอย่างก็คือวางวัตถุดิบไว้หลายๆ อย่างให้เชฟเลือก แน่นอนว่า เชฟทั้งสองคนสามารถเลือกไม่เหมือนกันได้ ขอแค่อยู่ในขอบเขตที่จัดเตรียมไว้เรียบร้อยก็พอ
“ง่ายๆ แล้วกัน เนื้อวัว แครอทและฟองเต้าหู้”
“ได้”
เลคริเซียสพยักหน้า
ตอนนี้เอง รถทั้งสองคันก็ขับตามกันมาจนมาถึงทางเข้าจตุรัสแสงดาว
ซ่งจื่อเซวียนลงจากรถก็วิ่งเข้าไปด้านใน ส่วนถังหย่าฉีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น วิ่งตามเข้าไปเช่นกัน
ไต้ทงที่สับสนงุนงงจอดรถ พูดกับฟางรุ่ย “น้องชาย ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย”
“อธิบายไม่ทันแล้วครับ เข้าไปดูก็รู้เอง”
จากนั้น ฟางรุ่ยก็วิ่งไปด้านในด้วย
ท่ามกลางฝูงชน ซ่งจื่อเซวียนเบียดซ้ายทีขวาทีจนในที่สุดก็นับว่าถึงด้านในแล้ว มองสถานการณ์ด้านในได้ชัดเจน
แต่เห็นว่าหยางต้าฉุยยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์เตา เขากลับอึ้งไป
“เถ้าแก่…”
ซ่งจื่อเซวียนพูดเสียงแหบแห้ง
“จื่อเซวียน พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดว่า “ช่วงนี้เชฟต่างชาติคนนั้นกำลังท้าดวลเชฟจีนตลอด โด่งดังในอินเทอร์เน็ตมากน่ะ”
“หืม ช่วงนี้ฉันยุ่งอยู่กับเรื่องสวนสวินเฟิงตลอด ไม่ได้สังเกตเลย”
“สาวน้อย นี่เธอไม่รู้เรื่องนี้เลยเหรอเนี่ย คนคนนี้ชื่อเลคริเซียส ที่มาจีนของเราครั้งนี้ก็เพื่อมาปรับปรุงอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีนน่ะสิ” ผู้ชมข้างๆ พูด
ถังหย่าฉีชะงัก มุ่ยปากทันที “อะไรนะ ปรับปรุง…อาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดเหรอ เขาถือดีอะไร”
“นี่เธอไม่เข้าใจเหรอเนี่ย เขาบอกว่า อาหารไม่มีสัญชาติ น่าจะผสมผสานจุดเด่นอาหารนานาประเทศออกมาล่ะมั้ง”
“ใช่ ที่จริงฉันเห็นด้วยกับจุดนี้นะ หลายปีมานี้อาหารจีนปรับปรุงนิดๆ หน่อยๆ สรุปง่ายๆ ก็คือรสชาติพวกนั้นไม่น่าสนใจ”
“คุณ…” ถังหย่าฉีพูดพลางขมวดคิ้ว “คุณจะเข้าใจอะไร อาหารจีนลึกซึ้งและละเอียดละอ่อนมาก ยังไม่ถึงคราวที่ชาวต่างชาติคนหนึ่งจะมาปรับปรุงหรอก!”
เห็นสีหน้าโกรธเคืองของถังหย่าฉี ความจริงซ่งจื่อเซวียนก็เดาไว้แล้ว
ต้องรู้ว่านิสัยมุทะลุของถังหย่าฉี ไม่น้อยไปกว่าผู้ชายเลยสักนิด
“โธ่ คนเขาปรับปรุงอาหารให้จีนคงไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอก สาวน้อยนี่ ทำไมปากดีขนาดนี้ล่ะเนี่ย…”
เธอมองซ่งจื่อเซวียนทันที พูดขึ้นว่า “นี่ก็คือจุดประสงค์ที่นายมาสินะ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “เลคริเซียสนี่ฝีมือร้ายกาจมาก แข่งทำอาหารไม่เพียงชนะคู่ต่อสู้ด้วยรสชาติอาหารเท่านั้น ยังทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บด้วย”
ซ่งจื่อเซวียนพูดจบ ถังหย่าฉีก็สังเกตเห็นเชฟแถวหนึ่งข้างๆ บางคนกุมมือไว้ด้วยท่าทางเจ็บปวด
เห็นเลคริเซียส สายตาของถังหย่าฉีก็ปรากฏแววเกลียดชังทันที
แต่ซ่งจื่อเซวียนกลับสังเกตหยางต้าฉุยอยู่ตลอด
ตอนที่ออกจากร้านอาหารชุนเซียง เขารู้ว่าหยางต้าฉุยไม่ใช่แค่เถ้าแก่ร้านอาหารเท่านั้น เดิมก็เป็นเชฟคนหนึ่ง อีกทั้งฝีมือก็ไม่ธรรมดา
แต่เผชิญหน้ากับเลคริเซียส ก็ยังทำให้เขากังวลสุดๆ
ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนรอบๆ ซ่งจื่อเซวียนถึงรู้ว่าหยางต้าฉุยเป็นคนเสนอตัวออกไปแข่งกับเลคริเซียสเอง ไม่ได้ถูกพวกเขาบังคับมา
จุดนี้ทำให้ซ่งจื่อเซวียนแปลกใจมาก สำหรับเขา หยางต้าฉุยไม่ใช่แค่เห็นแก่เงินมากเท่านั้น ยังกลัวการมีเรื่องด้วย แต่ตอนนี้กลับลุกขึ้นเสนอตัวออกไปเอง…
“ท่าทางเถ้าแก่ก็มีนิสัยมุทะลุอยู่เหมือนกันแฮะ เพียงแต่เก็บซ่อนไว้ตลอดเท่านั้น”
การแข่งขันครั้งนี้คืออาหารตุ๋น ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ได้ใช้กระทะ แต่ใช้หม้อแทน
ตามหลักแล้ว หม้อเปราะบางกว่ากระทะ เจอกับการควบคุมไฟครั้งหนึ่งอาจจะแตกจนตกม้าตายได้
และเพราะเป็นอย่างนี้ การควบคุมไฟอย่างรอบคอบและประณีตจึงยิ่งยากมากขึ้น หากประมาทไปเพียงนิด ก็อาจพ่ายแพ้อีกฝ่ายได้
และนี่ไม่ใช่แค่สำหรับหยางต้าฉุยเท่านั้น เลคริเซียสก็ด้วย
ตอนนี้ทั้งสองใส่วัตถุดิบลงในหม้อ ไม่นานนัก ก็ปิดฝาเริ่มทำการตุ๋น
เลคริเซียสมองหยางต้าฉุยแวบหนึ่ง แอบอึ้งในใจ คิดไม่ถึงว่าเจ้าอ้วนนี่จะไม่ชักช้าเลยสักนิด
และพริบตาต่อมาก็ยิ่งทำให้เลคริเซียสประหลาดใจ เห็นเพียงหยางต้าฉุยใช้มือเดียวจับฝาหม้อ ออกแรงเล็กน้อย ไฟด้านล่างหม้อที่เดิมร้อนอยู่แล้วก็ร้อนยิ่งกว่าเก่า
เปลวไฟโหมสูงกว่าความสูงของหม้อ ความเร็วในการทำอาหารเหนือกว่าเลคริเซียสไปแล้ว
เลคริเซียสขมวดคิ้ว ใช้วิธีเดียวกันเริ่มโหมเปลวไฟให้พวยพุ่ง
“คนจีน ดูท่าฉันจะดูถูกนายไปหน่อยแล้ว!”
หยางต้าฉุยเหลือบมองเลคริเซียส
“เฮอะ ตอนที่ข้าเป็นเชฟ แกยังกินนมแม่แกอยู่เลย!”
…………………………………………
……….