เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 283 ฉันเอง!
ตอนที่ 283 ฉันเอง!
……….
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนใจเต้นตุบตับ เป็นอย่างที่ตนคิดจริงๆ
เมื่อคืนเห็นเหมือนเงียบสงบ ที่จริงมีเรื่องที่ใหญ่ยิ่งกว่าเกิดขึ้น
เขารีบพาพวกหวงฟาทั้งสองคนเข้าร้าน ไปที่ห้องทำงานชั้นสอง
เข้าไปในห้องทำงาน หวงฟากับเถียนเหวินคุ่ยถึงถอดสิ่งอำพรางออก ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อยมองหวงฟา พูดว่า “เสี่ยหวง คุณรู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่ครับ”
สำหรับซ่งจื่อเซวียน เรื่องที่เขาเปิดสวนสวินเฟิงกับถังหย่าฉีไม่มีใครรู้ ปกติถ้าหวงฟามีเรื่องอะไรก็น่าจะโทรหาเขาสิถึงจะถูก หรือไม่ก็…ไปที่ร้านอาหารร่ำรวย
ทำไมถึงปรี่มาสวนสวินเฟิงได้ล่ะ
หวงฟาพูด “รู้ตั้งนานแล้วว่านายเปิดสวนสวินเฟิงนี่กับคุณหนูตระกูลถังกรุ๊ปน่ะ”
หวงฟาพูดพลางจุดบุหรี่ เหมือนเรื่องนี้มีเพียงซ่งจื่อเซวียนที่ไม่รู้…
“รู้นานแล้วเหรอครับ เหมือนว่า…ผมจะไม่เคยบอกมาก่อนนะ” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“นั่นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คนรู้กันเยอะมาก เรากลับเข้าประเด็นหลักกันเถอะซ่งจื่อเซวียน เมื่อคืนฉันถูกโจมตี”
ได้ยินประโยคนี้ ซ่งจื่อเซวียนแปลกใจมากจริงๆ โดยเฉพาะคำว่าถูกโจมตี เห็นได้ชัดว่าหนักหนากว่าที่เขาคิดไว้มาก
“ถูกโจมตีเหรอครับ”
“ถูกต้อง น่าจะเป็นคนของแทแรนติโน เมื่อคืนพวกเขามาที่ห้องทำงานฉันก่อน ฉันเกือบเอาชีวิตพวกเขาได้แล้ว แต่น่าเสียดายที่ปล่อยให้เขาหนีไปได้”
ซ่งจื่อเซวียนเบิกตากว้าง “เสี่ยหวง นี่…ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ”
ที่ผ่านมาหากซ่งจื่อเซวียนจะทำอะไรก็เคยชินกับการคิดให้รอบคอบก่อนค่อยลงมือ แต่ครั้งนี้…เหมือนว่าจะใจเย็นไม่ค่อยได้แล้ว
“เรื่องพวกนี้ไว้ฉันค่อยอธิบายกับนายทีหลัง แต่เมื่อคืนฉันอยู่บริษัทที่ตึกจวี้เฟิงก็มีคนบุกเข้ามา แถมพวกเขายังเคยไปอะพาร์ตเมนต์ที่ฉันอยู่ชั่วคราวด้วย ในบ้านมีแต่รอยยิงกับหัวกระสุน”
ซ่งจื่อเซวียนตกใจสุดๆ อย่างน้อยเรื่องที่เขาเคยทำมาทั้งหมดก็ไม่ได้ถึงขั้นใช้ปืนเลย
ทำให้เขารู้ว่าเรื่องคราวนี้หนักหนาแค่ไหน คนพวกนี้…ไม่ธรรมดาเลย พวกเขามีอาวุธ
“แต่ว่าโชคดีที่เมื่อวานฉันไม่ได้กลับไป แต่ในตอนนี้…ฉันไม่ปลอดภัยเอามากๆ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “นั่นสิ แต่ว่าคราวนี้บางทีเสี่ยหวงไม่ควรรีบเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้นะครับ อีกฝ่ายหัวร้อนแล้ว”
ได้ยินดังนั้น หวงฟาก็หมดคำพูด
เห็นเพียงเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่สองสามครั้ง พูดว่า “ฉันไม่ได้อดทนไว้เองแหละ แทแรนติโนนั่นไปที่บริษัท ฉันก็วางแผนไว้กับพวกลูกน้องเรียบร้อยแล้ว คิดดูสิคราวที่แล้วพวกเขาทำฉันกระดูกแขนหัก ฉันถึง…เฮ้อ แต่ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ นะว่าทักษะของคนพวกนี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิดดูก็พยักหน้า คิดถึงนิสัยของหวงฟาก็เป็นแบบนี้
ที่เมืองตู้เหมิน หวงฟามีตำแหน่งระดับเจ้าพ่อมาตลอด คราวนี้ถูกอีกฝ่ายหักแขนโดยไม่รู้ที่มาที่ไป ย่อมเก็บความโกรธนี้เอาไว้ต่อไปไม่ได้อยู่แล้ว
ตามวิธีของวงการใต้ดิน หวงฟาย่อมคิดจะจัดการชาวต่างชาติคนนั้นไปเลยให้จบๆ
“เสี่ยหวง พวกคุณใช้ปืนกันเหรอครับ” จู่ๆ ฟางรุ่ยก็เอ่ยขึ้น
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียน หวงฟาและเถียนเหวินคุ่ยก็ชะงักกันหมด
อย่างไรในตอนนี้ ยังไม่ถึงตาของฟางรุ่ยพูด
แต่ซ่งจื่อเซวียนก็พยักหน้าให้หวงฟา เหมือนว่าเขาก็จะถามคำถามนี้ด้วยเหมือนกัน
“ใช่”
“คุณมีคนทั้งหมดกี่คนเหรอครับ” ฟางรุ่ยถาม
“พวกเรามีเจ็ดคน อีกฝ่ายสองคน”
ฟางรุ่ยได้ยินก็สูดลมหายใจลึก ท่าทางจริงจังขึ้นมาทันที
“หมายความว่า…คนคนนี้ไม่ใช่คนทั่วไป น่าจะผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีครับ”
“แบบนี้ก็ใช่แล้ว นายท่านรอง ครั้งนี้พวกเราเจอเข้ากับตอแล้วครับ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเชฟต่างชาติคนนี้จะจ้างพวกกองกำลังพิเศษมาเป็นบอดี้การ์ดมากขนาดนี้”
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถ้าแบบนี้…น่ากลัวว่าจะทำได้แค่แข่งทำอาหารกับอีกฝ่ายแล้วล่ะ”
“นายใจเย็นหน่อยซ่งจื่อเซวียน ในตอนนี้ นายเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของตู้เหมินเราแล้ว ตอนนี้ยังศึกษาอีกฝ่ายได้ไม่เต็มที่ ต้องอดทนไว้!”
ซ่งจื่อเซวียนหมดคำพูด แต่แววตากลับมีประกายแน่วแน่พาดผ่าน
หวงฟามองเขา เหมือนรู้สึกอะไรได้
“ฉันก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าครั้งนี้ผลีผลามตอบโต้เขา ก็ไม่ถึงขนาดต้องตกอับจนเป็นผู้ถูกกระทำแบบนี้ ตอนนี้คิดๆ แล้ว…ถ้าดูเชิงกับพวกเขาไปก่อน คงดีกว่าตอนนี้”
ซ่งจื่อเซวียนถอนหายใจ “ดูไปก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะครับ แต่ว่านะเสี่ยหวง คุณหาที่ซ่อนตัวจะที่ดีที่สุดนะครับ ไม่อย่างนั้นน่ากลัวว่าช่วงนี้พวกเขาคงยังตามหาคุณอยู่”
หวงฟาพยักหน้า “เรื่องนี้นายวางใจเถอะ ที่ตู้เหมิน สิ่งที่เสี่ยหวงอย่างฉันมีก็คือที่ทาง วันนี้ฉันมาก็เพื่อบอกสถานการณ์ตอนนี้กับนายเท่านั้นแหละ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “อย่างนั้นก็ดีครับ เสี่ยหวงก็หาที่ดีๆ นะครับ เราจะคอยติดต่อไป ทางผม…ผมจะพิจารณาตัวเองครับ”
“ดี ช่วงนี้เราติดต่อกันให้มากหน่อย ฉันไปก่อนนะ”
จากนั้น หวงฟากับเถียนเหวินคุ่ยก็จากไป แต่ซ่งจื่อเซวียนกลับตกอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดอีกครั้ง
ผ่านความสงบเมื่อคืนมา จนตอนนี้รู้ข่าวจากหวงฟา
ซ่งจื่อเซวียนตัดสินใจได้แล้ว ดูผิวเผินเหมือนจะเงียบสงบ แต่อีกฝ่ายแทบจะไม่ได้ว่างเลย แค่เขาไม่เห็นเท่านั้น
“ไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้คนคนนี้อยู่ที่ไหน จะทำอะไรต่อไป”
“นายท่านรอง ถึงยังไงตอนนี้พวกเขายังตามหาเราไม่เจอ บางทีอาจไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้นะครับ” ฟางรุ่ยพูด
ซ่งจื่อเซวียนถอนหายใจออกมาทันที “ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่คราวนี้ก็ถือว่าเสี่ยหวงยั่วยุอีกฝ่ายไปแล้ว ฉันกลัวจริงๆ ว่าคนพวกนี้จะมาระบายความโกรธกับเชฟที่ตู้เหมิน”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน โทรศัพท์ของซ่งจื่อเซวียนก็ดังขึ้น
“อาจารย์ ทางเฉิงซีเกิดเรื่องแล้ว”
ดวงตาทั้งสองของซ่งจื่อเซวียนเบิกกว้างทันที
“อะไรนะ เขตเฉิงซีเหรอ”
เขตเฉิงซีก็คือบ้านของซ่งจื่อเซวียน ถึงจะบอกว่าหานหรงกับซ่งอีหนานเข้าไปอยู่ในโรงแรมข่ายอ้อแล้ว ถือว่าปลอดภัย แต่เขาก็ยังไม่อยากยอมรับ ถึงอย่างไรร้านอาหารมากมายทางนั้น เขาก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี
“ใช่ครับ ทีแรกผมคิดจะไปสวนสวินเฟิงกับอาจารย์และรุ่ยจื่อ แต่พอมาถึงแถวนี้ก็เห็นคนมามุงกันอยู่เต็มไปหมด
เหมือนว่าชาวต่างชาติพวกนี้จะมาถึงร้านอาหารต่างๆ ตั้งแต่เช้า เชิญเชฟทั้งหมดมา ตอนนี้อยู่ที่จตุรัสแสงดาวแล้ว”
“จัตุรัสแสงดาว…”
ซ่งจื่อเซวียนรู้จักอยู่แล้ว จัตุรัสแสงดาวเดินเท้าจากบ้านตนเองสิบนาที พูดได้ว่าอีกฝ่ายไปถึงหน้าบ้านของตนแล้ว
“ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”
“มีเคาน์เตอร์เตาติดตั้งอยู่ที่จัตุรัสเยอะมาก ผมไม่เห็นการแข่งขันของพวกเขา แต่มีเชฟบาดเจ็บแล้วครับ”
ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้ว “นี่เขาต้องการเหยียบย่ำคนเป็นวงกว้างแล้ว เทียนซั่ว นายอยู่ตรงนั้นไม่ต้องทำอะไรนะ ฉันกับฟางรุ่ยจะไปเดี๋ยวนี้”
“เข้าใจแล้วครับอาจารย์!”
“นายท่านรอง เรื่องยังไม่กระทบมาถึงเรา เราต้องไปตอนนี้เลยเหรอครับ”
สิ่งที่ฟางรุ่ยจะสื่อชัดเจนมาก หวังให้ซ่งจื่อเซวียนอดทนสักหน่อยในช่วงนี้ ถึงอย่างไรตอนนี้เขายังไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะเลคริเซียสได้เลยสักนิด
พวกเขาไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดที่อีกฝ่ายทำ อีกทั้งด้วยเนื้อหาจากวิดีโอพวกนั้น ก็เห็นทั้งฝีมือและความก้าวร้าวของเลคริเซียสได้
ตอนนี้บวกกับเรื่องของหวงฟา แทบจะจินตนาการระดับความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไม่ออก ฟางรุ่ยย่อมเป็นห่วงซ่งจื่อเซวียนอยู่แล้ว
แต่ซ่งจื่อเซวียนสูดลมหายใจลึกๆ “ต่อให้เป็นการดูความคึกคักก็ต้องไป จะหาที่อยู่ของอีกฝ่ายแต่ไม่กล้าไปเจอหน้าสักครั้งไม่ได้หรอกนะ รุ่ยจื่อ ไปกัน!”
“ครับนายท่านรอง” เห็นซ่งจื่อเซวียนตัดสินใจ ฟางรุ่ยย่อมไม่ขัดอยู่แล้ว ทั้งสองออกจากสวนสวินเฟิง
แต่ยังไม่ทันสตาร์ทรถ ก็เห็นรถของถังหย่าฉีมาถึงหน้าสวนสวินเฟิง
“รุ่ยจื่อ เร็วเข้า ถ้าเด็กคนนี้รู้เข้าจะต้องไม่ให้ฉันไปแน่ๆ”
ตอนที่ซ่งจื่อเซวียนกำลังพูดอยู่ ถังหย่าฉีก็สังเกตเห็นพวกเขาแล้ว
“หืม พวกจื่อเซวียนเขามาเช้าขนาดนี้เลยเหรอ ไต้ทง จอดรถ!”
“ครับ”
ถังหย่าฉีเปิดประตูลงจากรถ เดินไปที่รถของซ่งจื่อเซวียน
“นายท่านรอง ทำยังไงดีครับ หย่าฉีมาแล้ว”
ซ่งจื่อเซวียนขบริมฝีปากเล็กเบาๆ “อย่าขยับ ฉันจะปั้นเรื่องสักหน่อย ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของเด็กคนนี้ จะต้องให้ไต้ทงขับรถไล่ตามพวกเราไปตลอดทางแน่”
“พวกนายมาเช้าขนาดนี้เลยเหรอ” ถังหย่าฉีถาม
“อืม แหะๆ ใช่แล้ว หย่าฉีเธอก็มาเช้านะ”
ถังหย่าฉีดูนาฬิกา “ฉันมาเวลาปกตินะ ยังไม่ลงจากรถอีกเหรอ เข้าไปด้วยกันสิ”
“เอ๊ะ เอ่อ…ฉันไม่เข้าไปแล้ว จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าตาเฒ่าให้ฉันไปซื้อเหล้าให้น่ะ ฉันลืมไปเลย ตอนนี้จะรีบไปซื้อ”
ถังหย่าฉีได้ยินก็ขมวดคิ้ว “ซื้อเหล้าเหรอ”
“ใช่ เธอก็รู้นี่หย่าฉี นิสัยตาเฒ่านั่น ถ้าวันนี้ฉันไม่ซื้อให้เขา เขาถึงขั้นกล้าไม่กินข้าวเลยจริงๆ นะ” ซ่งจื่อเซวียนพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
ถังหย่าฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย มองสวนสวินเฟิงแวบหนึ่งทันที พูดว่า “ซ่งจื่อเซวียน นายพูดกับฉันมาตรงๆ นายจะไปไหน”
ซ่งจื่อเซวียนชะงัก เด็กคนนี้หัวดีขนาดนี้เชียวเหรอ นี่…ทำไมถึงรู้ว่าตนโกหกล่ะเนี่ย
…
จตุรัสแสงดาว
ถึงต้นฤดูใบไม้ผลิจะมีลมอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ถือว่าเป็นลมหนาว
มีคนมุงกันอยู่ที่จัตุรัส สำหรับพวกเขา ย่อมเป็นการมาชมความคึกคักอยู่แล้ว
พวกเขาแต่ละคนถูกคนของเลคริเซียส ‘เชิญ’ มาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ กระทั่งไม่มีสักคนที่เต็มใจมาด้วยซ้ำ
และเห็นเชฟสองคนทยอยถูกเผามือและแขนขณะที่กำลังถูกบังคับให้แข่งขัน ตอนนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแล้วจริงๆ
เลคริเซียสเขย่ากระทะด้านหน้า เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา
กระทะนี้อยู่ต่อหน้าเขาเหมือนกับของเล่น เขย่าหนึ่งทีวัตถุดิบก็ลอยขึ้นมาเกือบหนึ่งเมตร เรียกได้ว่าเจริญหูเจริญตา
และก็ตอนนี้เอง สายตาของเขามองไปทางเชฟที่ทำอาหารอยู่ข้างๆ เผยแววตาโหดเหี้ยมออกมาฉับพลัน
ทันใดนั้น ไฟก็ลุกพุ่งไปทางเชฟที่ทำอาหารคนนั้น
เห็นภาพนี้ สายตาของคนไม่น้อยก็เผยแววตื่นตาตื่นใจ แต่ในสายตาเชฟที่ดูอยู่ กลับเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้ายอีกครั้ง
“อ๊าก…”
เชฟคนนั้นร้องเจ็บปวดล้มลงกับพื้น ขณะเดียวกันน้ำมันร้อนๆ ที่อยู่ในกระทะก็หกรดร่างกาย เชฟก็ส่งเสียงร้องเจ็บปวดอีกครั้ง…
เลคริเซียสยิ้มอย่างเหยียดหยาม “เชฟจีนนี่ตลกกันหมดเลยเหรอ ฮันเตอร์ จดชื่อกับร้านเขาไว้ ให้เขาไสหัวไป!”
พูดจบ เลคริเซียสก็ปัดมือ เดินไปทางฝูงชน
“คนต่อไปล่ะ เหอะๆ ต่อไปคนไหนจะกล้ามาท้าดวลกับฉัน”
เขามองซ้ายมองขวา เชฟคนไหนจะกล้าตอบรับเล่า
“ไม่มีเลยเหรอ เหอะๆ ในเมื่อไม่มี…ฉันจะเรียกชื่อแล้วนะ” ขณะที่พูด ท่าทางของเลคริเซียสดูผ่อนคลายสุดๆ
เชฟที่บาดเจ็บเหล่านี้ในสายตาของเขาก็เหมือนกับของเล่น คนต่อไปจะเป็นใคร ก็มาจากการตัดสินใจของเขา
พวกเขาแต่ละคนไม่กล้าเงยหน้า บ้างกระทั่งถอยหลังไปครึ่งก้าว
เลคริเซียสยิ้ม “เหอะๆ พวกขี้ขลาด ดี งั้นฉันจะเรียกมาแล้วกัน”
เขาพูดพลางกวาดสายตาไปที่เชฟแถวหน้า ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้โชคร้ายคนถัดไป
แต่ตอนนี้เอง ท่ามกลางฝูงชนก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ไม่ต้องเลือกแล้ว ฉันเอง!”
……………………………………………
……….