เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 279 ถล่มร้าน
ตอนที่ 279 ถล่มร้าน
“นายท่านรอง แย่แล้ว เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หัวใจของซ่งจื่อเซวียนก็เต้นผิดจังหวะ
คนพวกนี้มุ่งหน้าจากเขตเฉิงซี ตรงไปยังเขตเฉิงตง เพื่อหาเรื่องร้านร่ำรวยกันเลยหรือ
ถ้าเป็นแบบนั้น แสดงว่าต้องมีคนคอยชี้นำ ไม่อย่างนั้นเลคริเซียสไม่มีทางเจอร้านอาหารร่ำรวย
“หยางกัง เกิดอะไรขึ้น ค่อยๆ พูด”
“นายท่านรองครับ มีคนสามคนมาทานอาหาร พวกเขาบอกว่าอาหารไม่อร่อย ตอนนี้กำลังหาเรื่องหูเจิ้นอยู่ครับ”
“ว่าไงนะ”
แม้ว่าเรื่องราวจะดูซับซ้อน แต่ซ่งจื่อเซวียนก็โล่งใจ อย่างน้อยพวกที่ก่อเรื่องก็ไม่ใช่เลคริเซียส
“หยางกัง คนสามนั้นเป็นใคร คุ้นหน้าคุ้นตาบ้างไหม”
“ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยครับ สำเนียงก็ไม่ใช่คนท้องถิ่น นายท่านรอง แล้วเราจะทำยังไงกันดี แจ้งตำรวจดีไหมครับ”
“ลงไม้ลงมือกันแล้วเหรอ ไปถึงขั้นไหนแล้ว” ซ่งจื่อเซวียนรีบถาม
หยางกังตอบ “ลงมือแล้วครับ แต่พวกมันเก่งมาก หูเจิ้นสู้ไม่ได้เลย คนในครัวจะเข้าไปร่วมวงด้วย แต่ผมห้ามไว้ก่อน”
“ดีแล้ว หยางกัง พวกมันต้องการอะไร”
“ต้องการพบเถ้าแก่ครับ!”
“หืม?” ซ่งจื่อเซวียนอดขมวดคิ้วไม่ได้ “โอเค คอยคุมพวกมันไว้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”
“ครับนายท่านรอง!”
ฟางรุ่ยเอ่ยถาม “นายท่านรอง เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ไม่รู้เหมือนกัน รุ่ยจื่อ คงจะมีเรื่องให้นายจัดการอีกแล้ว!” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
ฟางรุ่ยยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ได้ครับ มีเรื่องให้ทำก็ดี!”
…………………………..
ณ ร้านอาหารร่ำรวย
ตอนนี้เป็นช่วงพีคของเวลาอาหารกลางวัน ปกติแล้วควรจะเป็นช่วงที่คึกคักที่สุด แต่ตอนนี้กลับเงียบเหงา
พวกหยางกังยืนอยู่ด้านหนึ่ง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ
บริเวณโถงอาคาร หูเจิ้นถูกชายสองคนกดลงบนโต๊ะ ใบหน้าแนบสนิทกับพื้นโต๊ะ สภาพจนตรอกอย่างยิ่ง
ชายคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะ สวมชุดสูทสีดำ เนื่องจากรูปร่างที่อ้วนมาก กระดุมปกเสื้อจึงถูกคลายออกสองเม็ด
ชายคนนั้นมองหูเจิ้น ลูบหนวดสองข้างริมฝีปาก “แม่ง ไอ้พวกกุ๊ก กล้าดียังไงมาต่อยฉัน ท่าทางคงจะเบื่อชีวิตของตัวเองมากสินะ”
“ไอ้ขี้แพ้ พวกแกมันหมาหมู่ มีปัญหาก็มาต่อยตัวต่อตัวสิวะ!” หูเจิ้นถูกกดอยู่แต่ยังด่ากราดไม่หยุด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายคนนั้นก็หัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ พวกฉันหมาหมู่งั้นเหรอ ร้านพวกแกก็คนเยอะไม่ใช่เหรอ เข้ามาพร้อมกันก็ได้นะ”
หูเจิ้นพ่นลมหายใจเยือกเย็น ไม่พูดอะไรอีก
“ต่อให้พวกแกจะเข้ามาพร้อมกันก็เหมือนเดิม ถ้าไม่พอใจ แกก็ลองดูฝีมือลูกน้องสองคนของฉันสิ”
ชายคนนั้นลุกขึ้นยืน กวาดตามองไปยังคนอื่นๆ
ที่จริงแล้ว ตอนแรกคนในครัวก็คิดจะเข้าไปรุมสักที ต่างคนต่างก็หยิบตะหลิวและมีดทำครัวออกมาแล้ว
แต่ตอนนี้ซ่งจื่อเซวียนไม่อยู่ หลิงเข่อเอ๋อร์ก็ไม่อยู่ หยางกังจึงต้องคอยดูแล รีบห้ามทุกคนไว้โดยปริยาย
เพราะจะเกิดการนองเลือดขึ้นที่ร้านอาหารร่ำรวยไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นกิจการได้จบเห่อย่างแน่นอน
โจวเผิงที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้สนใจใยดี สำหรับเขาแล้วก็เหมือนดูโชว์ ดูละคร
ร้านสวนชุนสยาแทบจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ช่วงนี้เปิดร้านไม่ได้ เห็นร้านร่ำรวยถูกก่อกวน เขาก็รู้สึกสะใจ
ในชั่วพริบตา ทั้งร้านก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก บรรยากาศเงียบลง
ชายคนนั้นแค่นเสียงเย็น “หึ ทำอาหารรสชาติหมาไม่แด* เสียลิ้นหมด ถ้าไม่เอาของอร่อยๆ มาให้ฉัน ก็เรียกเถ้าแก่ออกมา!”
พูดจบ เขาก็ยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบ แล้วก็ถุยลงบนพื้น
ในตอนนี้ ชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากครัว
ชายคนนี้มองชายที่พูดด้วยสายตาเย็นชา ทั้งตัวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง
นั่นคือหลี่เหยียน
เมื่อเห็นหลี่เหยียนออกหน้า ชายคนนั้นก็ตกตะลึง ไม่ใช่แค่เขา แม้แต่หยางกังและคนอื่นๆ ต่างก็ประหลาดใจ
ตอนนี้ หลี่เหยียนเป็นเพียงเด็กก้นครัว ยกเว้นโจวเผิงที่รู้ที่มาที่ไปของเขา คนอื่นๆ ไม่ได้รู้จักเขาเลย รู้แค่ว่าเขาถูกซ่งจื่อเซวียนจ้างมาทำงานจิปาถะทั่วไป
ขณะที่พวกเขาต่างนิ่งเงียบ ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่
“ไอ้หยา ไอ้เก๋าเจ้ง อยู่ในครัวเงียบๆ ไม่ได้หรือไงวะ โผล่หัวออกมาทำไม!” หยางกังรีบเดินเข้าไปกระซิบเบาๆ
หลี่เหยียนจ้องชายคนนั้นเขม็ง แล้วพูดว่า “ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป กิจการไม่มีทางเจริญแน่”
“หุบปาก ฉันรู้ดีกว่าแกซะอีก ฉันติดต่อนายท่านรองไปแล้ว แกรีบกลับเข้าไปเลยนะ!”
แต่ชายคนนั้นกลับลุกขึ้นยืน “หึๆ งั้นแกทำอาหารเป็นเหรอ”
หยางกังรีบพูด “เขาทำไม่เป็น เขาเป็นเด็กครัวของที่นี่ รอเดี๋ยว เถ้าแก่ของเรากำลังมาแล้ว!”
จริงๆ แล้ว หยางกังไม่ได้กลัว เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ
เพียงแต่เขาทำงานที่ร้านอาหารร่ำรวยมานาน เขาจึงเข้าใจกฎระเบียบบางอย่าง ซ้ำยังรู้ดีว่าร้านอาหารแห่งนี้เป็นของซ่งจื่อเซวียน และเป็นของเสี่ยเฉิงปา
พวกเขาเป็นคนเก่ง ขอแค่พวกเขามาถึงที่นี่ เรื่องทุกอย่างก็จะคลี่คลาย และสิ่งที่หยางกังต้องทำก็คือ ควบคุมสถานการณ์ รอพวกลูกพี่มาช่วย
“ฮ่าๆๆๆ เด็กครัวก็ออกมาเล่นด้วยเหรอ ร้านแกนี่มันน่าสนุกดีว่ะ!”
หลี่เหยียนก้าวขึ้นไปข้างหน้า “อยากกินอะไร”
ชายคนนั้นส่งสัญญาณให้ลูกน้องข้างๆ ลูกน้องคนนั้นปล่อยหูเจิ้น แล้วสาวเท้าไปหาหลี่เหยียน
“ไอ้หนู แกชอบเสือ*เหรอวะ”
หลี่เหยียนไม่สนใจ ยังคงมองไปที่ชายคนนั้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ ลูกน้องก็โมโห ยกมือขึ้นต่อยหลี่เหยียน
ทว่าหลี่เหยียนไม่ได้โยกตัวหลบ เพียงแต่ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง คว้าข้อมือลูกน้องคนนั้นทันที
“ถ้าจะกินข้าวก็กิน แต่ห้ามต่อยกัน!” หลี่เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แม่ง ทำเป็นปากดีนะแก จัดการมัน!”
เมื่อชายคนนั้นพูดจบ ลูกน้องก็รีบตอบรับ ดึงมือออกอย่างแรง แล้วปล่อยหมัดออกไปอีกครั้ง
หมัดนี้ไม่ได้ปล่อยออกมามั่วซั่วเหมือนเมื่อสักครู่ มันเต็มไปด้วยพลัง ดูน่ากลัว
หลี่เหยียนเบิกตาโพลง ถอยหลังครึ่งก้าว ตั้งศอกขึ้น กระแทกเข้าที่หน้าอกของชายคนนั้นทันที
หมัดยังไม่ทันถึงตัว ศอกก็กระแทกเข้าร่างของชายคนนั้นเต็มแรง ทำให้ลูกน้องคนดังกล่าวกระเด็นถอยหลังไปกว่าหนึ่งเมตร ก่อนจะล้มกับพื้น
เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายคนนั้นก็หรี่ตามองไปที่หลี่เหยียน
“ไอ้หนู ไม่ธรรมดาเลยนี่ แกเป็นใคร!”
หลี่เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันเป็นแค่เด็กยกของเฉยๆ”
“เด็กยกของเหรอ ฮ่าๆ งั้นเถ้าแก่พวกแกก็เอาเรื่องใช้ได้ จ้างคนมีฝีมือมาทำงานยกของได้แบบนี้…”
พูดจบ ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาใกล้
ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน สายตาของหลี่เหยียนยังคงเย็นชา ขณะที่สายตาของชายคนนั้นคมกริบราวกับใบมีด
ทันใดนั้น ชายคนนั้นก็ปล่อยหมัดเข้าที่ใบหน้าของหลี่เหยียน
แรงลมจากหมัดทำให้ผมของหลี่เหยียนเสยขึ้นไปด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าที่ประดับด้วยรอยแผลเป็น
เขาหลบอย่างรวดเร็ว จากนั้นยกมือขึ้นคว้าข้อมือของชายคนนั้น แต่ชายคนนั้นเร็วกว่า เขาชักมือกลับและปล่อยหมัดอีกครั้ง
หลี่เหยียนสามารถตัดสินได้อย่างง่ายดายว่าฝีมือของชายคนนี้เหนือกว่าลูกน้องคนนั้นมาก เป็นยอดฝีมือ!
แต่ชายคนนั้นไม่ให้เวลาเขาคิดสักนิด ปล่อยหมัดใส่เขารัวๆ เหมือนสายฝน
หลี่เหยียนได้แต่เอี้ยวตัวหลบตามสัญชาตญาณ แต่ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้!
ทุกคนมองดูการต่อสู้ของพวกเขาอย่างตะลึงงัน
รวมถึงหูเจิ้น ในใจรู้สึกดีใจที่เมื่อครู่ถูกกดเอาไว้ ขืนสู้ต่อ มีหวังตัวเองได้โดนต่อยจนพรุนแน่
ในสายตาของพวกเขา ตอนนี้หลี่เหยียนและชายคนนั้นเหมือนกับจอมยุทธ์ในยุทธภพ คนหนึ่งรุก อีกคนหนึ่งหลบ
อย่างไรก็ตาม ใครมีสายตาเฉียบคมก็คงจะมองออกทันทีว่า ตอนนี้หลี่เหยียนกำลังเสียเปรียบ การโจมตีของอีกฝ่ายทำให้เขาต้องหลบเป็นพัลวัน การเคลื่อนไหวเริ่มไม่สอดประสาน
ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากนอกประตู
“หยุด!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายคนนั้นจึงยั้งมือ เปิดโอกาสให้หลี่เหยียนได้พักหายใจเช่นกัน
พอหันไปมองก็เห็นซ่งจื่อเซวียนและฟางรุ่ยเดินเข้ามา
“นายท่านรอง!”
“นายท่านรอง!”
ทุกคนทักทาย ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “แค่อาหารไม่ถูกปาก จำเป็นต้องโมโหกันถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ”
ชายคนนั้นได้ยินก็แสยะยิ้ม ยกมือกอบหมัด “คุณคือเถ้าแก่ร้านอาหารร่ำรวยสินะ ฮ่าๆ ดี งั้นผมจะพูดกับคุณนี่แหละ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “คนอื่นมีงานอะไรก็ไปทำซะ หลี่เหยียนอยู่ก่อน!”
หลี่เหยียนไม่มีปฏิกิริยาอะไร แต่หยางกังเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น “นายท่านรองครับ หลี่เหยียนก็แค่ทนไม่ไหว เขาเจตนาดี…”
“พอแล้ว นายก็ไปทำหน้าที่ของตัวเองเถอะ” ซ่งจื่อเซวียนพูดจบ หยางกังก็ได้แต่ปิดปาก ไปยืนหลังเคาน์เตอร์
เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายคนนั้นก็พยักหน้า “สมแล้วที่เป็นเถ้าแก่ น่าเกรงขามจริงๆ!”
ซ่งจื่อเซวียนมองเขา “ชั้นสองมีห้องส่วนตัว ขึ้นไปคุยกันข้างบนเถอะ”
พูดจบ เขาเดินนำฟางรุ่ยกับหลี่เหยียนขึ้นไปชั้นสอง เมื่อชายคนนั้นเห็น ก็เดินนำลูกน้องสองคนตามขึ้นไปด้วย
เข้าไปในห้องส่วนตัวเรียบร้อย ชายคนนั้นกำลังจะเอ่ยปาก ซ่งจื่อเซวียนก็ชิงพูดขึ้น “บอกมา พวกคุณเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายคนนั้นก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็ยิ้มออกมา
“ฮ่าๆ สมแล้วที่เป็นซ่งจื่อเซวียน ผมรู้ว่าช่วงนี้ชื่อเสียงของคุณกำลังโด่งดังในตู้เหมิน แต่ไม่คิดว่าคุณจะอายุน้อยขนาดนี้”
ซ่งจื่อเซวียนนั่งลงที่โต๊ะ จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ “ไม่หรอกครับ!”
ชายคนนั้นพยักหน้า “ผมแซ่ข่ง ชื่อข่งอวี้เซิน เป็นผู้อาวุโสแก๊งขอทาน ที่มาที่นี่…เพราะหวังว่าเถ้าแก่ซ่งจะช่วยบอกพวกเราว่ากู่เสี่ยวเป่าอยู่ที่ไหน!”
เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของซ่งจื่อเซวียน
ที่แท้คนพวกนี้ก็เป็นคนของแก๊งขอทาน แถมยังบุกมาตามหากู่เสี่ยวเป่าเนี่ยนะ
ทีแรกอวี่เหวินเซี่ยวเคยบอกเขาว่า แก๊งขอทานแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือกลุ่มเสื้อผ้าสะอาดและกลุ่มเสื้อผ้าสกปรก กู่เสี่ยวเป่าเป็นคนของกลุ่มเสื้อผ้าสกปรก
ส่วนคนเหล่านี้มาด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นคนของกลุ่มเสื้อผ้าสะอาด
ซ่งจื่อเซวียนมองข่งอวี้เซิน แล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสข่ง คุณตามหาตัวกู่เสี่ยวเป่า…แล้วทำไมถึงมาหาที่ร้านของผมล่ะครับ”
“ฮ่าๆ เถ้าแก่ซ่งไม่ต้องแกล้งทำเป็นไขสือหรอก ความสัมพันธ์ของคุณกับกู่เสี่ยวเป่าไม่ธรรมดา เรื่องนี้ผมยืนยันได้ บอกพวกเรามาว่าเขาอยู่ที่ไหน แล้วพวกเราจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคุณ”
“ฮ่าๆ สร้างความเดือดร้อนให้ผมงั้นเหรอ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าผมจะบอกที่อยู่ของกู่เสี่ยวเป่าให้กับคุณหรือเปล่า เรื่องที่พวกคุณมาถล่มร้านของผมวันนี้ จะชดใช้ยังไง” ซ่งจื่อเซวียนพูด
ข่งอวี้เซินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ ไม่คิดว่าเถ้าแก่ซ่งจะเป็นคนแบบนี้นะ เรื่องวันนี้ พวกเราทำผิดไปจริงๆ แต่พวกเราก็ไม่มีทางเลือก อยากพบคุณก็ต้องมาที่ร้านอาหารร่ำรวยเท่านั้น”
“ผมถามคุณว่าจะชดใช้เรื่องนี้ยังไง!”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา ราวกับไม่อยากจะเสวนาด้วย
“แก…”
ข่งอวี้เซินเบิกตากว้าง “หึ ไอ้หนู แกอย่ามาทำเป็นอวดดี ถ้าแกช่วยแก๊งขอทานเรื่องนี้ พวกเราจะตอบแทนแก แต่ถ้าไม่…แกได้เห็นดีแน่!”
“รุ่ยจื่อ!”
ซ่งจื่อเซวียนพูดจบ ฟางรุ่ยก็พุ่งเข้ามาคว้าคอเสื้อข่งอวี้เซินทันที
ข่งอวี้เซินเป็นคนที่มีฝีมือไม่ธรรมดา แต่ฟางรุ่ยรวดเร็วกว่ามาก เขาจึงไม่ทันตั้งตัวได้แต่ถอยหลังไปหลายก้าว
…………………………………….